ตอนที่3 กลับมาพบกันอีกครั้ง
“ผู้การ!! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!!” เสียงร้องตะโกนดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ไม่สิต้องเรียกว่าพังทำลายประตูทิ้งเลย ร่างของมายะปรากฏขึ้นตรงหน้าในสภาพพร้อมรบเต็มที่
และภาพตรงหน้าของมายะก็คือการที่กำลังนอนให้อินาสึมะ(no.74)กำลังนวดหลังให้อยู่
“นี่กำลังทำอะไรอยู่มิทราบ” มายะถามเสียงเย็น
“พอดีรู้สึกปวดหลังน่ะเลยให้อินาสึมะมาช่วยหนวดให้หน่อยน่ะ” ผู้การตอบ
“หัดดูเวลาและสถานที่บ้างเซ่!!!!” มายะตะโกนขึ้นพร้อมกับเล็งปืนใส่ผู้การแล้วกระหน่ำยิงใส่ทันที ส่วนอินาสึมะนั้นใช้ความคล่องตัวที่มีเป็นทุนกระโดดหนีออกมาได้ทัน
“เอาล่ะ ทีนี้พร้อมจะฟังรึยัง” หลังจากนั้นมายะก็ลากผุ้การมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ
“ครับ เรืองใหญ่สินะครับ ว่ามาเลยครับท่านมายะ” ผู้การพูดพลางหดคอ
“บอกไซต์หายไปจากโกงดัง” มายะพูดขึ้น
“มากแค่ไหนเหรอครับ” ผู้การถาม
“ราว90%ของทั้งหมด” มายะตอบ
“หนะ หน่าหนี!!!!” ผู้การร้องขึ้นพร้อมกับดีดตัวขึ้นนั่ง “แล้วทำไมไม่รีบบอกกันเล่า แล้วพอจะรู้ตัวการไหมว่าใครเป็นคนทำ!!” ผู้การพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความโกรธอันแสนจะเดือดพล่าน
“พบสิ่งนี่ในที่เกิดเหตุ” มายะยื่นลูกธนูที่หลายดอกมีเครื่องบินสีเขียวลำเจ๋าติดอยู่
“อาคากิ(no.6)งั้นเหรอ” ผู้การพูดขึ้นด้วยแววตาที่เย็นเยือก มันทำให้มายะต้องสะดุ้งด้วยความตกใจปนความกลัว
ในช่วงเที่ยงซึ่งทุกคนต่างก็กำลังพังจากการทำงานในช่วงเช้าก็มีการประกาศเสียงตามสายดังขึ้น
“นี่จากฉันเอง สถานการณ์ฉุกเฉิน!!! ทุกคน ขอย้ำว่าทุกคน จงจับกุมอาคากิเอาไว้ให้ได้!! แม้จะต้องใช้วิธีรุนแรงก็ตาม!!” เสียงของผู้การดังขึ้น นั่นทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยแตกตื่นกันไปหมด เหล่าคังมุทสึเมะต่างก็รีบตรงไปยังโรงเก็บอาวุธที่ใกล้ที่สุดเพื่อเตรียมอาวุธในทันที
“เร็วเข้าทุกคน ทางนี้เลย!!!” เสียงร้องตะโกนของมุทสึ(no.2)ดังขึ้นพร้อมกับเปิดประตูโกดังให้ทุกคนเข้าไป แต่ในตอนนั้นเองก็เกิดการระเบิดจากภายในโกดัง การระเบิดนั้นอัดร่างของมุทสึกระเด็นออกมาด้านนอก
“อ๊ะ!! ป้อมปืนที่3ระเบิดซะแล้ว!!!” อิเสะ( no.3) ร้องขึ้น (ป้อมปืนที่3ระเบิด เป็นมุขที่ล้อตัวมุทสึ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเรือของมุทสึเกิดการระเบิดขึ้นที่ป้อมปืนที่สามโดยไม่ทราบสาเหตุและด้วยเหตุนั้นทำให้เธอจมลงในที่สุดณ ท่าจอดเรือเลยทีเดียว)
“มะ ไม่ได้ระเบิดซักหน่อย!!!” มุทสึร้องขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ในตอนที่อิเสะกำลังหัวเราะชอบใจอยู่นั้นก็มีเสียงเครื่องยนต์ขนาดเล็กคำรามดังมาจากด้านหลัง และเมื่อเธอหันไปก็พบกับฝูงบินทิ้งระเบิดจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“ยัยอาคากิคิดว่านี่เป็นเพิลฮาเบอร์เหรอยะ ส่งมาเยอะเลย!!!” อิเสะร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งหนีสุดชีวิต (เรือบรรทุกเครื่องบิน อาคากิ คากะ ฮิริว โซริว เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ไปโจมตีเพิลฮาเบอร์โดยทั้งสี่จมลงที่มิดเวย์) “ตายแน่ ตายแน่ๆฉัน!! ถ้าตายไปล่ะก็ฉันจะเป็นผีมาหักคอเธอแน่อาคากิ!!!”
แต่ในตอนนั้นเองที่มีกระสุนปืนใหญ่กลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกองเพลิง กระสุนเหล่านั้นแตกตัวออกกลางอากาศ โดยกระสุนเหล่านั้นมีหัวกระสุนขนาดเล็กจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดอีกที เงาร่างของหญิงสาวสี่คนกำลังเกินออกมาจากกองเพลิง
“อย่าดูถูกเรือประจัญบานความเร็วสูงนะคะ!!” คองโกวที่ออกมาจากเปลวเพลิงพูดขึ้น โดยด้านหลังของเธอนั้นมีน้องๆอยู่ด้วย “เอาล่ะทุกคน เรามาทดสอบอาวุธใหม่ที่ผู้การทำมาให้สดๆร้อนๆกันเลยค่ะ กระสุนType3Burning Love!!!” คองโกวร้องขึ้นพร้อมกับยิงกระสุนปืนใหญ่ออกไป ส่วนพวกน้องของเธอเองก็ยิงตามทันที
และในเวลาเดียวกัน ณ โรงเก็บอาวุธของเรือพิฆาต
“หวาๆๆๆ ทำยังไงดีล่ะอาคัตสึกิจัง เราจะต้องไปจมพี่อาคากิงั้นเหรอ” อินาสึมะร้องขึ้น
“ไม่หรอกน่า แค่ให้ไปคุมตัวใช่ไหมล่ะ ก็น่าจะแค่ เหวอ!!!” อาคัตสึกิพูดปลอบอินาสึมะแต่ในตอนนั้นเองมีเงาร่างที่พุ่งเฉียดตัวเธอออกไปจากโรงเก็บอาวุธ “เมื่อกี้มัน ชิรานุอิ ใช่รึเปล่าน่ะ กรี๊ด!!!” หนนี้ในระหว่างที่เธอกำลังพูดก็มีอีกเงาร่างหนึ่งพุ่งออกไป ซึ่งเธอคนนั้นพุ่งออกไปพร้อมกับสังสีฆ่าฟันที่รุนแรงระดับที่ยากจะบรรยายออกมาได้ “คะ ใครน่ะเมื่อกี้”
“คงจะเป็นยูดาจิ(no.82)น่ะ” เสียงหนึ่งพูดขึ้น
“ชิงูเระซัง(no.80)” อาคัตสึกิพูดขึ้นเมื่อเห็นต้นเสียง
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ ปกติฉันไม่เคยคิดว่าคุณยูดาจิจะน่ากลัวแบบนั้นมาก่อนเลย” อินาสึมะถาม
“ยูดาจิ สมัยที่เธอยังเป็นเรืออยู่ เธอเคยถูกเรียกว่าฝันร้ายแห่งโซโลมอน ในศึกสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกจม เธอได้อาละวาดในศึกสุดท้าย โดยจมเรือลาดตระเวนเบาหนึ่งลำ แล้วยังคอยสกัลป์เรือลำอื่นให้รบได้ไม่สะดวกอีก ทำให้เรือพิฆาตหมดสภาพไปอีกสองลำ แล้วยังคอยทำให้พวกเรือลาดตระเวณรบกันไม่สะดวกอีกก่อนที่จะถูกจม อ่อเธอยังมีอีกชื่อนะ หมาล่าเนื้อแห่งหมู่เกาะโซโลมอน เพราะประกาศเมื่อกี้มันคงทำให้เธอกลับไปเป็นฝันร้ายแห่งโซโลมอนอีกน่ะ(เสริมเล็กน้อย เรือพิฆาตในยุคนั้นจัดเป็นเรือชั้นต่ำสุด)” ชิงูเระอธิบายให้ทั้งสองฟัง ส่วนทั้งสองที่ฟังจบก็ถึงกับยืนกอดกันตัวสั่นด้วยความกลัว
ในเวลานั้น ณ หน้าโรงต่อเรือที่ 2
“รุ่นพี่อาคากิ ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะคะ” ฮิริว(no.9)ถามหญิงสาวตรงหน้า
“รุ่นพี่คะ หยุดเถอะค่ะ ถ้าตอนนี้ล่ะก็ผู้การต้องยกโทษให้แน่ค่ะ” โซริวเสริม(no.10)
“ขอโทษนะทั้งสองคน แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่คิดจะถอยแล้วล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็อยากที่จะนำเธอกลับมา” อาคากิพูดขึ้นพร้อมกับดึงลูกดอกออกมาสามดอก ทั้งสองที่เห้นดังนั้นจึงเตรียมตัวโต้กลับทันที แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังช้าเกินไป อาคากิยิงลูกดอกทั้งสามออกมาพร้อมกันก่อนแล้ว ทั้งสองจึงต้องรีบออกจากตรงนั้นแล้วยิงลูกดอกสวนออกไป
โดยที่หลายลูกดอกของอาคากิก็คือเครื่องซีโร่จิ๋วทั้งสามลำ ซึ่งต่างกับทั้งสองคนที่เดินเกมพลาด พวกเธอปล่อยเครื่องบินทิ้งระเบิดออกมาแทน หน่วยบินทั้งระเบิดของทั้งสามโดนเครื่องซีโร่ไล่ล่าและทำลายจนหมดอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจึงเปลี่ยนมาปล่อยเครื่องซีโร่ออกมาบ้าง แต่ด้วยการที่พวกเธอปล่อยออกมาช้าเกินไป พื้นที่น่านฟ้านั้นตกเป็นของหน่วยบินของอาคากิไปแล้วทำให้เครื่องซีโร่ของทั้งสองกลายเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าแทน และในตอนที่ทั้งสองกำลังง่วนกับการจะชิงน่านฟ้าคืนอาคากิก็ฉวยโอกาศนั้นปล่อยฝูงบินทิ้งระเบิดออกมาเป็นจำนวนมาก เหล่าฝูงบินทิ้งระเบิดตรงเข้าไปโจมตีใส่ทั้งฮิริวและโซริวที่ไร้การป้องกันอย่างหนักจนทั้งสองหมดสภาพจนนอนนิ่งอยู่บนพื้น แม้ร่างกายจะไม่ได้รับอาการบาดเจ็บมากนักก็ตาม
“ขอโทษนะทั้งสองคน” อาคากิพูดขึ้นพร้อมกับเดินตรงไปยังโรงต่อเรือ แต่การรบที่จบลงไม่เท่าไหร่เธอก็ได้ยินเสียงของฝูงบินที่เธอปล่อยออกไปเริ่มโจมตีอีก และเมื่อเธอหันกลับไปก็พบกับชิรานุอิที่ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ชิรานุอิดีดตัวขึ้นแล้วใช้เรียวขาของเธอเตะเข้าใส่อาคากิจนกระเด็น แล้วซ้ำด้วยแท่นปืนใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แต่ด้วยอานุภาพของปืนที่ไม่รุนแรงมากนักทำให้มันสร้างความเสียหายกับอาคัตสึกิได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่ในตอนในเองที่มีอีกเงาร่างโผล่มาด้านข้างเธอโดยไม่ได้ตั้งตัว
“ยกโทษให้ด้วยนะpoi แต่นี่เป็นคำสั่งของผู้การpoi”(poiเป็นคำพูดลงท้ายของยูดาจิในเกม) ยูดาจิพูดขึ้นพร้อมกับใช้เรียวขาเตะเข้าที่หลังของอาคากิจนเสียหลักแล้วใช้ปืนใหญ่ในมือขวากระหน่ำยิงใส่อย่างไร้ความปราณี
“ฝูงบินทิ้งระเบิด!!!” อาคากิตะโกนขึ้น ทันใดนั้นฝูงบินทิ้งระเบิดบางส่วนก็เบนเป้าจากชิรานุอิมาหายูดาจิแทน ยูดาจิตีลังกากลับหลังไปด้านหลังแล้วดีดตัวขึ้นลอยกลางอากาศ ในตอนนั้นเองที่เธอใช้ปืนใหญ่ในมือยิงใส่เครื่องบินที่กำลังตรงเข้ามาหาอย่างแม่นยำ
“สมแล้วที่เป็นเรือพิฆาตที่ผู้การให้ความไว้วางใจที่สุดในการรบ ยูดาจิ ชิรานุอิ แล้วก็ยังเป็นเรือพิฆาตที่มีประสบการณ์ในการรบมากที่สุดในฐานทัพนี้ เราไม่มีทางชนะแน่” อาคากิคิดในใจ แต่ในตอนนั้นเองที่เธอถูกโจมตีซ้ำเข้าอีกครั้ง
“อ่อนหัก เรือบรรทุกเครื่องบินไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการคลุกวงในน่ะ เป็นเรื่องถนัดของพวกเราเรือพิฆาต!!!” ชิรานุอิที่เข้ามาด้านหลังพูดขึ้นพร้อมกับยิงตอปิโดจากแท่นยิงที่หลังอัดเข้าใส่อาคากิในระยะประชิด แรงระเบิดผลักเอาทั้งสองกระเด็นออกจากกัน
อาคากิล้มกลิ้งไปกับพื้นอย่างหมดท่า แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะยันตัวขึ้นเธอก็ถูกโจมตีซ้ำอีกครั้งโดยยูดาจิ อาคากิจังใช้แรงที่เหลือผละตัวเองออกมาทางโรงเก็บต่อเรือแล้วตะโกนขึ้นสุดเสียง
“ฝูงบินทิ้งระเบิด!!” สิ้นเสียงของอาคากิฝูงบินทิ้งระเบิดทั้งหมดของเธอก็ตรงดิ่งเข้าหาเธอแล้วทิ้งระเบิดลงมาใส่เธอพร้อมๆกัน
“คิดจะฆ่าตัวตายเรอะ!!” ชิรานุอิร้องขึ้น
“ไม่ได้นะpoi” ยูดาจิร้องขึ้น
แต่ทั้งสองก็สายเกินไปแล้ว ระเบิดจำนวนหนึ่งทิ้งลงใส่อาคากิอย่างจัง การระเบิดสงผลให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากการระเบิด ทั้งสองได้แต่ยืนอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่แล้วเสียงที่คุณเคยก็ดังขึ้น
“ทั้งสองคนเกิดอะไรขึ้น” เสียงของผู้การดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสอง
ทั้งสองจึงเล่าเหตุการณ์ให้ผู้การฟังในทันที โดยในระหว่างนั้น ด้านในของโรงต่อเรือมีร่างของอาคากิที่ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนพื้น โดยตัวเธอพยายามดันตัวไปยังตรงกลางอู่ต่อเรือ โดยตรงกลางนั้นมีส่วนที่ดูเหมือนเวทีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ โดยทั้งสี่มุมของเวทีมีสิ่งที่เหมือนเครื่องพ่นไฟขนาดใหญ่ติดเอาไว้ อาคากิค่อยๆดันตัวเองขึ้นไปตรงเครื่องคอนโซลสีดำตรงหน้า ซึ่งที่หน้าจอของมันมีช่องให้ป้อนค่าต่างๆ 4 ช่อง ซึ่งมันคือช่องสำหรับใส่ค่าทรัพยากรนั่นเอง
“อาคากิ นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย!!” เสียงของผู้การดังขึ้นจากด้านหลัง ซึ่งผู้การนั้นกระโจนเข้ามาในโรงต่อเรือในสภาพที่เกินบรรยาย ซึ่งก็คือกางเกงในบ๊อกเซอร์ในมือถือดาบยศเอาไว้แน่น แต่ดูเหมือนตัวผู้การจะมาช้าเกิน ที่กลางเวทีมีแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นมา โดยที่หน้าจอขนาดใหญ่ด้านบนแสดงตัวหนังสือขึ้นมาว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน “คากะ!!!(no.7)” อาคากิร้องขึ้นพร้อมกับกดปุ่มสีแดง ทันใดนั้นเครื่องพ่นไฟก็ทำงาน เปลวเพลิงที่ทำให้เวลาในการสร้างเรืออันแสนยาวนานลดลงเหลือ 0 ในอึดใจ
และหลังจากที่เปลวไฟมอดลง ภาพตรงหน้าของทุกคนก็คือหญิงสาวในร่างเปลือยผู้มีเรือนผมสีดำกำลังลอยลงมา อาคากิใช้แรงที่เหลือรีบโผเข้าไปหาเธอคนนั้นและโอบกอดเธอเอาไว้จนแน่น
“คากะ” อาคากิเรียกอีฝ่าย
“เธอคือใคร” หญิงสาวถาม
“ฉันอาคากิยังไงล่ะ” เธอตอบ
“ดีจริงๆ ที่เธอปลอดภัย” คากะพูดพร้อมกับหมดสติไป
หลายวันต่อมา ณ ห้องทำงานของผู้การ
“ฉันเรือบรรทุกเครื่องบินมาตรฐาน คากะค่ะ” คากะพูดแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ยินดีต้อนรับนะคากะ” ผู้การพูดขึ้นพร้อมกับยืนหันหลังให้และมองออกไปนอกหน้าต่าง
“คุณคือผู้การคนใหม่ของฉันเหรอคะ” เธอถาม
“ใช่แล้วล่ะ ทำไมเหรอ” ผมการตอบพร้อมกับถามเธอกลับ
“หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยค่ะ” คากะพูด
โดยผู้การที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นเพราะเขากำลังหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด จากเหตุผลที่เขาต้องนั่งเขียนรายงานยาวเหยียดข้ามวันข้ามคืนส่งเบื้องบน แล้วก็ความรู้สึกซาบซึ้งในมิตรภาพของทั้งสอง แล้วน้ำตาที่หลังไหล่ให้กับกระเป๋าเงินที่แฟบจนไม่เหลืออะไรอีกเพราะต้องไปจ่ายค่ารักษาอาคากิรวมถึงต้องจ่ายค่าอาหารปริมาณมหาศาลที่เธอกินอยู่ตลอดที่พักฟื้น (อาคากิเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่แจกให้กับผู้เล่นใหม่จากเควสต์ ซึ่งเธอถูกตั้งฉายาหลุมดำ ไม่ใช่ค่าซ่อมที่แพง แต่เธอสอนให้ผู้เล่นใหม่ได้รู้จักกับคำว่า การถลุงบอกไซต์ต่างหาก กินเยอะมาก)
ตอนที่4 การทำงานของคุณซานต้าในวันคริสมาส
ในช่วงเดือนธันวาคม มีเทศกาลที่พวกเด็กๆกำลังรอคอยซึ่งนั่นก็คือวันคริสมาส และที่ฐานทัพเรือแห่งนี้ก็ไม่มีเว้น
“นี่ๆ ฮิบิกิจัง วันคริสมาสเนี่ยเป็นยังไงมั่งเหรอ” อินาสึมะถามฮิบิกิที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอุ่นขา(โต๊ะโคทัตสึ) “หลังจากสงครามแปซิฟิกจบเธอได้ไปอยู่ที่รัสเซียมาใช่ไหม” อินาสึมะถามต่อ(เรือพิฆาตฮิบิกิถูกส่งไปให้สภาพโซเวียตหลังสิ้นสุดสงคราโลกเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม โดยถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวีลนุย ที่หมายถึงน่าเชื่อถือ)
“ใช่แล้วล่ะ แต่คนที่นั่นจะเรียกว่าเทศกาลฤดูหนาวแทนน่ะ” ฮิบิกิตอบ “แล้วในวันคริสมาสก็จะได้ทานไก่ง่วงอบด้วยล่ะ อร่อยมากเลย” ฮิบิกิพูดขึ้น
“อยากทานจังเลยค่ะ” อินาสึมะพูดขึ้น
“ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!! ท่านอิคาสึจิ(no.73)คนนี้เองเรื่องทำอาหารก็ค่อนข้างจะมั่นใจอยู่นะ ฮี่ๆ” อิคาสึจิพูดพร้อมกับยิ้มซน
“อิคาสึจิจัง ทำเป็นด้วยเหรอคะ” อินาสึมะถาม
“โหดร้าย!! เห็นแบบนี้ฉันก็มั่นใจในฝีมือนะ” อิคาสึจิพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้การที่เดินเข้ามา
“ไงสาวๆ กำลังคุยถึงวันคริสมาสอยู่เหรอ” ผู้การหนุ่มพูดขึ้นแล้วในตอนนั้นเองที่เขาเห็นอาคัตสึกิกำลังตกแต่งต้นคริสมาสอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปลูบหัวเธอเบาๆพร้อมกับพูดขึ้น “อาคัตสึกิเนี่ยเก่งจังเลยน้า”
“ยะ อย่าลูบหัวฉันเล่นสิ ฉันเองก็เป็นเลดี้แล้วนะ” อาคัตสึกิร้องขึ้นพร้อมกับถอยออกห่าง
“จ้าๆ” ผู้การร้องขึ้นพลางยิ้มให้พวกเธออย่างอบอุ่นเหมือนทุกที “ว่าแต่พวกเธอรู้สึกเปล่า ถ้าอยากให้คุณลุงซานต้าเอาของขวัญมาให้ล่ะก็นะ พวกเธอจะต้องพูดสิ่งที่อย่างได้ออกมาด้วยนะรู้รึเปล่า” ผู้การหนุ่มพูดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นฮิบิกิขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ส่วนผู้การได้แต่ยืนเหงื่อออกท่วมตัว เพราะเขาลืมนึกไปว่าฮิบิกิเคยไปอยู่รัสเซียมาก่อน
“ฉันไม่เคยได้ยินว่า...... อย่างนี้นี่เอง” ฮิบิกิพูดขึ้นพลางเอามือขวาทุบลงบนมือซ้ายเบาๆ
“ฮิบิกิจัง ต้องทำแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอจ๊ะ” อินาสึมะถามฮิบิกิด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วล่ะ ต้องพูดออกมาชัดๆด้วยนะ” ฮิบิกิพูดขึ้น
“เอาล่ะ ถ้างั้นฉันก็ขอตัวก่อนล่ะนะ” ผู้การหนุ่มพูดจบก็เดินออกไปจากห้องของพวกอาคัตสึกิแล้วรีบวิ่งตรงดิ่งมาที่หน้าต่างห้องของทั้งสี่เพื่อแอบฟังทันที
ระหว่างที่ผู้การหนุ่มกำลังนั่งฟังทั้งสี่คุยกันอยู่นั้นก็มีอีกร่างหนึ่งกำลังหลบๆซ่อนๆเข้ามาหาเขาราวกับไม่อยากให้ใครเห็นซึ่งเธอก็คือจุนโยนั่นเอง
“ผู้การคะ มีข่าวมาจากศูนย์ข้อมูลค่ะ หน่วยเรือราดตระเวนเบาที่ส่งออกไปช่วยกันตามหาของขวัญพบปัญหาค่ะ” จุนโยรายงานข่าวให้ผู้การรู้
“เกิดอะไรขึ้น” ผู้การหนุ่มถาม
“ดูเหมือนว่าของขวัญที่อาราชิโยะ(อาราชิโอะno.88)อยากจะได้มันมีปัญหานิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เทนริว(no.28)กำลังพยายามจะซื้อมันมาให้ได้อยู่ค่ะ แล้วก็รายงานเพิ่มอีกนิดค่ะ ตอนนี้เราทราบแล้วค่ะว่ามุราคุโมะ(no.15)อยากได้ของขวัญอะไร” จุนโยรายงาน
“บอกเทนริว ต่อให้ต้องตายก็ต้องชิงของสิ่งนั้นมาให้ได้ แล้วก็ทำได้ดีมากพลทหารจุนโย” ผู้การพูดขึ้นพร้อมกับทำความเคารพแบบทหารซึ่งจุนโยเองก็ทำตอบ “ของที่เราตกลงกันเอาไว้เธอล้างคอรอได้เลย”
“ขอบพระคุณมากค่ะ” จุนโยตอบพร้อมกับคลานออกไปแต่ก็ถูกผู้การดึงตัวเอาไว้ก่อน
“ฉันอยากได้พวกเครื่องประดับสวยๆกับพวกเครื่องสำอางจังเลยน้า~!!” เสียงของอาคัตสึกิดังมาจากในห้อง จุนโยที่ได้ยินคำว่าเครื่องประดับสวยๆเข้าไปถึงกับชะงัก พร้อมกับมองผู้การอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เครื่องประดับสวยๆไม่จำเป็นต้องแพง” ผู้การหนุ่มพูด
“ถ้าทำจากพวกเพชรหรือไข่มุกก็จะดีเหมือนกันน้า” อาคัตสึกิเสริม
“ไม่ไหวเฟ้ย ขออะไรให้มันพอดีๆมั่งเซ่” พูดการบ่นเสียงเบา
“อินาสึมะก็อยากได้ชุดเครื่องเขียนใหม่จังเลยค่ะ” อินาสึมะพูดขึ้นบ้าง
“โอ้ นี่ล่ะๆคำขอแบบเด็กๆมันต้องแบบนี้ล่ะ” ผู้การพูดขึ้นพลางน้ำตาไหลออกมา
“ท่านอิคาสึจิเองก็อยากได้เครื่องครัวส่วนตัวเหมือนกัน แล้วก็จะประเดิมทำอาหารให้ทุกคนได้กินกันวันพรุ่งนี้เลย” อิคาสึกิพูดขึ้น
“จะเอามากขนาดไหนล่ะน่ะเครื่องครัวที่ว่า” ผู้การพูดพลางหันไปหาจุนโย “เธอพอรู้เรื่องเครื่องครัวมั่งไหมจุนโย”
“ด้วยความเคารพค่ะผู้การ ตั้งแต่จุนโยคนนี้เกิดมายังไม่เคยเข้าครัวเลยค่ะ” จุนโยตอบ
“ส่วนฉันอยากทานบอร์ชจังเลยน้า” ฮิบิกิพูดขึ้น
“พลทหารจุนโย บอร์ชมันคืออะไรหรือ” ผู้การหนุ่มถามขึ้น
“คาดว่าเป็นอาหารรัสเซียชนิดหนึ่งค่ะ” จุนโยตอบ
“พลทหารจุนโย เอารายการเหล่านี้ไปแล้วไปที่ศูนย์กระจายข้อมูลด่วน แล้วก็ไปถามมามิยะซังอย่างด่วนว่ามันทำยังไง ถ้าเธอทำได้รีบด่วนเลย” ผู้การหนุ่มสั่งงานจุนโยทันที (มามิยะเป็นคุณพี่สาวในดีใจเกมคันไต ซึ่งจะคอยแสดงความเป็นห่วงเหล่าเรืออยู่ตลอดเวลา หรืออีกในหนึ่งก็คือคุณเรือเสบียงมามิยะ ทำหน้าที่คอยดูแลเรื่องอาหารและคอยเอาใจใส่สาวๆในเกมคันไตเสมอเธอเป็นไอเทมเติมเงินนะจ๊ะ)
หลังจากเสร็จเรื่องการตามล่ารายชื่อของขวัญเสร็จแล้วผู้การก็ตรงดิ่งกลับมาที่ห้องทำงานทันที เพื่อเขาเปิดประตูเข้ามาก็พบกับเหล่าสาวๆที่กำลังตัดชุดซานต้าแล้วก็ทำถุงใส่ของขวัญกันอยู่
“เป็นยังไงกันบ้าง” ผู้การหนุ่มถาม
“เป็นไปได้ด้วยดีค่ะ” จินสึ(no.47)พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองที่ผู้การเหลือบไปเห็นเซนได(no.46) กำลังหลับอย่างสบายใจ
ผู้การหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตะโกนขึ้น “รบกลางคืน!!!”
“อะไรนะ รบกลางคืนเหรอ จัดมาเลย!!!” เซนไดเด้งตัวขึ้นจากโซฟาทันทีพร้อมลุยเต็มที่(เซนได ในการรบ2ใน3ครั้งของเธอเป็นการรบกลางคืน ในเกมจึงเขียนบทให้เธอเป็นพวกชอบรบกลางคืน)
“กล้ามากเซนได กล้ามากๆที่มาหลับในเวลางาน” ผู้การแสยะยิ้ม แต่ในตอนนั้นเองที่มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกห้อง
“ผู้การคะเกิดเรื่องขึ้นแล้วค่ะ!!” เสียงนั้นคือจุนโยที่วิ่งหน้าตื่นมานั่นเอง
“มีอะไรงั้นเหรอจุนโย” ผู้การหนุ่มถาม
“คุณมามิยะก็ไม่รู้จักบอร์ชค่ะ!!” ผู้การหนุ่มยืนนิ่งค้างเป็นก้อนหิน ที่พึ่งสุดท้ายดันไม่รู้จักซะอีก
“แต่ว่าตอนนี้คุณคองโกวกำลังออกตามหาในเมืองอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะมีร้านอาหารรัสเซียเปิดอยู่อีกซักกี่ร้าน เราคงต้องฝากความหวังไว้ที่เธอแล้วล่ะค่ะ” จุนโยพูดขึ้น
“ทุกคนฟังนะ ศึกนี้เราจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!!!” ผู้การหนุ่มร้องตะโกนขึ้นสุดเสียง และทุกคนก็ส่งเสียงตอบรับเช่นกัน
และในเช้าวันต่อมา ภายในห้องนอนของพวกอาคัตสึกิ
ฮิบิกิที่ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกนั้นค่อยๆมองไปรอบห้องแล้วก็พบกับหม้อสีแดงที่วางเอาไว้บนเตาไฟฟ้าบนโต๊ะอุ่นขา เธอค่อยๆเดินไปเปิดมันเขาๆเพราะกลัวจะทำคนอื่นๆตื่น และเมื่อเธอเปิดมันออกก็พบกับซุปสีแดงที่อยู่ในหม้อ ในตอนนั้นฮิบิกิยิ้มขึ้นน้อยๆที่มุมปากแล้วพูดขึ้น
“ขอบคุณมากค่ะผู้การ ขอทานเลยนะคะ” ฮิบิกิพูดขึ้นพร้อมกับหยิบชามที่วางเอาไว้ใกล้ขึ้นมาตัดซุปบอร์ชใส่ชามทันที
และในเวลาเดียวกัน ณห้องนอนของผู้การ
ผู้การในชุดซานต้าสีแดงกำลังนอนแผ่หลาหมดสภาพอยู่บนเตียงจนสภาพดูไม่ได้เอาซะเลย โดยที่ใบหน้าของผู้การนั้นเต็มไปด้วยลอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความสุข
“นี่อาคากิ ผู้การเนี่ยเป็นโลลิค่อนเหรอ” คากะถามขึ้นขณะกำลังทานข้าวเช้าอยู่ที่หอพักเรือบรรทุกเครื่องบิน
“นั่นสินะ ยังไงกันแน่นะ” อาคากิตอบพลางเหลือบไปมองจุนโยที่นอนกอดขวดเหล้าเอาไว้แน่นราวกับกลัวมันจะหายไป
“ขอบคุณหลายๆนะผู้การ งึมๆๆ” จุนโยละเมอขึ้นเบาๆ
แถมท้าย
บอร์ชเป็นซุปรัสเซียนชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจนถึงกับมีคำกล่าวว่าผู้หญิงรัสเซียนที่จะเป็นภริยาที่ดีจะต้องสามารถปรุงซุปบอร์ชได้อร่อย
บอร์ชเป็นซุปที่ทำด้วยผักล้วนๆหลายชนิดก็ได้ หรือจะมีส่วนผสมของเนื้อหรือไก่ด้วยก็ได้แต่เครื่องปรุงที่สำคัญคือต้องมีส่วนผสมของหัวผักกาดแดงหรือบีทรูท (beetroot)ซึ่งทำให้น้ำซุปสีแดงสวย
ข้อมูลเกี่ยวกับแร่บอกไซต์ อ่านได้ที่นี่
[Fic]Kantai Collection ตอนที่2