“ผู้การฯครับ!! ตรวจพบสัญญาณกองเรือบนเรด้า!!” เจ้าหน้าที่ในห้องCIC ติดต่อขึ้นมายังหอบังคับการเรือซึ่งในตอนนี้เป็นในช่วงเวลากลางคืน
“กองเรือ ของฝ่ายไหน ทางนั้นติดต่ออะไรเข้ามารึเปล่า” กัปตันสูงวัยถามกลับไป
“คือว่า สัญญาณที่เราจับได้ คือ ยามาโตะ ย้ำอีกครั้ง ยามาโตะ” เสียงตอบกลับจากห้องCIC ทำให้ทุกคนในห้องบังคับการถึงกับแตกตื่น
“แล้วเรือลำอื่นล่ะ” กัปตันถามต่อ
“เรือประจัญบานยามาโตะ เรือบรรทุกเครื่องบินยักษ์ชินาโนะ เรือบรรทุกเครื่องบินติดเกราะหนักไทโฮ เรือบรรทุกเครื่องบินอาคากิ เรือบรรทุกเครื่องบินคากะ เรือบรรทุกเครื่องบินฮิริว เรือบรรทุกเครื่องบินโซริว เรือประจัญบานนางาโตะ เรือประจัญบานมุทสึ เรือประจัญบานฟุโซ เรือประจัญบานยามาชิโระ เรือราดตระเวนหนักเมียวโค เรือราดตระเวนหนักนาจิ เรือราดตระเวนหนักมายะ เรือราดตระเวนเบาเซนได เรือราดตระเวนเบาจินสึ เรือราดตระเวนเบาชิคุมะ เรือพิฆาตยูกิคาเซะ เรือพิฆาต เรือพิฆาตฟุบุกิ เรือพิฆาตชิรายูกิ” ห้อง CIC รายงานสัญญานที่ถูกปล่อยออกมาจากเรือเหล่านั้น
“เส้นทางล่ะ” กัปตันถามต่อ
“จากเส้นทางนี้ ฮาวายครับ” ห้อง CIC ตอบ
“ติดต่อกลับไปแผ่นดินใหญ่พร้อมแจ้งพิกัดสุดท้าย กองเรือเราจะเข้าโจมตีเป้าหมาย เรือ USS โนว่า เดินหน้าเต็มกำลังๆ จัดรูปขบวนแบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ ส่งหน่วยสอดแนมออกไป เตรียมพร้อมเข้าสภาวะสงครามเต็มอัตรา!!!” กัปตันออกคำสั่งทันที เสียงเตือนภัยดังก้องไปทั่วตัวเรือ
“กัปตัน เราถูกสัญญาณรบกวนครับ ติดต่อกลับไปไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่ห้อง CICติดต่อเข้ามา
“พวกมันคิดจะทำสงครามกับเราจริงๆสินะ” กัปตันพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ตอนนั้นเองเรือที่อยู่ใกล้ๆก็ถูกยิงใส่จนระเบิด
“กัปตัน!! ตอนนี้เราเข้าระยะยิงของเรือยามาโตะแล้วครับ!!” ทหารในหอบังคับการรายงานพร้อมกับลูกปืนใหญ่ที่ระดมยิงมาแบบรังผึ้ง
ในช่วงกลางวันของวันศุกร์ หลังจากคาบเรียนที่สุดจะน่าเบื่อและซ้ำซากกับอาจารย์คนเดิมๆที่สอนหนังสือไม่ได้จะมีความรู้เรื่อง ร่างของเด็กหนุ่มสองคนกำลังนั่งคุยกันในห้องเรียนอย่างสบายใจ โดยคนหนึ่งกำลังวาดรูปลงในสมุดวาดรูปส่วนอีกคนก็เหมือนกับกำลังคุยอยู่ฝ่ายเดียว
“เฮ้ย!! ศรเอ็งจะนั่งวาดรูปไปทำไมฟร๊ะ วาดไปมันก็ไม่ขยับได้ขึ้นมาหรอกเฟ้ย!!” เด็กหนุ่มมัธยมปลายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนของที่กำลังนั่งวาดรูปหุ่นยนต์อย่างสบายใจ
“ช่วยไม่ได้นี่ สมุดสะสมภาพหุ่นยนต์ที่ฉันวาดไว้มันหายไปไหนไม่รู้ ต้องวาดใหม่น่ะ” เขาตอบพร้อมกับพยายามวาด
“ไอ้สมุดตั้งแต่สมัยป.3 น่ะเหรอ ยังเก็บไว้อีกเหรอฟร๊ะ” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าชอบหุ่นยนต์ขนาดนั้นทำไมไม่มาเล่นinfinite world กับพวกฉันเลยฟร๊ะ งานนี้แกจะสร้างมันได้สมใจเลยนะเฟ้ย” เขาลองพูดแนะนำเพื่อนของเขาถึงนี่จะเป็นการพูดครั้งที่ร้อยแล้วก็ตาม
“เอก!!! เกิดเรื่องแล้วเว้ย!!!” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนร้องตะโกนขึ้นพร้อมกับเสียงวิ่งมาตามทางเดินระเบียงของอาคาร
“ไอ้บ้าพล แหกปากตึกแทบแตก มีอะไร เกิดเรื่องอะไร พี่สาวหาแฟนได้แล้วรึไง? นั่นเรื่องใหญ่เลยนะ เพราะคนที่จะได้พี่สาวแกเป็นแฟนคือฉันเฟ้ย!!” เอกตอบกลับไป
“โอ้!! ไอ้เพื่อนบ้า!! ถ้าแกจะไปเป็นแฟนพี่สาวตูรอไปอีกล้านปี!!!” พลตอบพร้อมกับเอามือตบหัวเอกจนหน้าฟาดลงบนโต๊ะ
“เรื่องที่ว่าคืออะไร” ศรถามแทรกเข้าไปก่อนที่เรื่องมันจะเกิดขึ้นจริงๆ
“เออใช่ๆ ดูนี่!!” พลพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้ทั้งสองคน โดนมันกำลังฉายภาพสามมิติกึ่งโปร่งใสขึ้นมา ซึ่งไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็เห็นภาพได้เหมือนกัน “พวกญี่ปุ่นโจมตีอเมริกาน่ะสิ เมื่อคืนนี้ เพิลฮาเบอร์เละเลยว่ะ(ในประวัติศาสตร์โดนตอนกลางวัน) ตอนนี้กำลังโจมตีที่มิดเวย์อยู่ ดูเหมือนว่าจะแตกตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว” พลพูดขึ้น โดยในจอกำลังฉายภาพการรบกลางเวหาอยู่ แต่สิ่งที่บินไปมากลับไม่ใช่เครื่องบินรบแต่เป็นเครื่องจักรรูปร่างมนุษย์จำนวนมากกำลังบินไปมาแทน
“สุดยอดซีโร่เครื่องนั้นเจ๋งมาก” เอกพูดพร้อมกับมองจักรตัวสีขาวที่ถือดาบคู่รูปทรงของมันดูผอมบางแต่ก็คล่องตัวมากมันพุ่งโฉบเข้าโจมตีตัวหนึ่งเสร็จก็เข้าโจมตีอีกตัวอย่างรวดเร็ว
แต่ในตอนนั้นเองที่มีห่ากระสุนพุ่งลงมาจากด้านบนมันจึงบินหลบลงไปที่ผิวน้ำแล้วบินเรียบผิวน้ำตรงไปทางกองเรือของฝ่ายตัวเอง มันบินผ่านเข้าไประหว่างเรือสองลำโดยมีศัตรูสี่ตัวตามมาติดๆ แต่แล้วจู่ๆมันก็หักเลี้ยวหลบไปอีกฝั่งของเรือแล้วอ้อมมาด้านหลังด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแล้วกระหน่ำโจมตีจากด้านหลัง
“เท่านี้ก็เกิดสงครามขึ้นจริงๆแล้วสินะ” ศรพูดพร้อมกับมองหน้าจออย่างเหนื่อยใจ “ที่ยุโรปก็เกิดสงคราม แล้วตอนนี้ยังมามีสงครามใกล้ๆบ้านเราอีกเหรอเนี่ย”
“หวังว่าประเทศเราคงไม่โดนลากไปเข้าสงครามด้วยหรอกนะ” พลพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังประตูห้องเรียน แต่ในตอนนั้นเองที่เขาพบกับหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลขาวและดวงตาสีเดียวกัน ในเสื้อคอปกสีขาวและกระโปรงสีเดียวกัน เธอมองมายังศรแบบไม่ว่างตาแล้วจึงพูดขึ้น
“นี่ของเธอรึเปล่า” เธอพูดพร้อมกับชูสมุดวาดภาพขึ้นมา พลที่เห็นเธอชูมันขึ้นมาก็ได้แต่นั่งหน้าแดงตัวแข็งทื่อด้วยความอาย “เธอวาดเก่งมากเลยนะเนี่ย แต่ว่าด้านทฤษฎีมันยังอ่อนไปนิดนึงนะ” เธอพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาเขาแล้ววางสมุดวาดเขียนลงบนโต๊ะ
“คะ คะ คุณเป็นใครกันครับ” ศรพูดขึ้นอย่างติดขัด
“ฉันชื่อ ฉันชื่อชิรายูกิจ๊ะ” เธอตอบ
“ชื่อเหมือนเรือเลย(ศรหมายถึงเรือพิฆาตชิรายูกิ)” ศรตอบ ส่วนพลกับเอกที่อยู่ใกล้ๆถึงกับระเบิดหัวเราะสุดเสียง
“อะแฮ่ม เรือนั่นชื่อเหมือนฉันนะบอกไว้ก่อนว่าฉันเกิดก่อนเรือนั่นนะ ถึงจะโดนล้อบ่อยๆสมัยที่มันมีพิธีออกเรือก็เถอะ” เธอตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“คุณเป็นพวกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นงั้นเหรอ” ศรถามอย่างตรงไปตรงมา ด้วยคำถามนั้นทำให้เพื่อนเขาอีกสองคนถึงกับเงียบทันทีด้วยความกลัว แววตาที่สุดจะไม่เป็นมิตรของไปยังดวงตาของอีกฝ่ายที่ไม่ว่าจะจ้องยังไงมันก็ลึกล้ำเกินกว่าจะอ่านออก และใบหน้าที่เรียวสวยคู่นั้นกับดูเยือกเย็นราวน้ำแข็งขึ้นมาทันที แต่แล้วสีหน้าก็อ่อนลงพร้อมน้ำเสียงอันนุ่มนวล
“เปล่า แต่เคยน่ะ ฉันจบจากโรงเรียนนายเรือจากจักรวรรดินาวีญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้วล่ะ ออกมาก่อนสงครามจะเริ่มซะอีก พอดีมีปัญหากับพวกนายทหารยศสูงกว่าน่ะ” เธอตอบเขาอย่างเปิดเผยโดยไม่ปิดบัง “เอาล่ะฉันไปก่อนนะ”
ชิรายูกิเดินออกมานอกห้องเรียนของพวกศรและตอนนั้นเองที่เธอเจอกับชายหนุ่มในชุดสูท ใบหน้าผมคายถูกแต่งเติมด้วยท่าทีที่ดูเยือกเย็นและล้ำลึก โดยมีพวกนักเรียนสาวๆคอยมองและซุบซิบกันเบาๆว่า
“ผู้อำนวยการล่ะเธอ นานๆทีจะได้เจอเนอะ”
“ไม่ว่าจะดาราคนไหนก็เทียบผู้อำนวยการโรงเรียนเราไม่ได้จริง” เป็นต้น
“ดีจังเลยนะคะ คุณผู้อำนวยการมีเด็กสาวๆมาชอบเยอะๆเนี่ย” ชิรายูกิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะครับ เด็กคนนั้นเป็นยังไงมั่งครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือดันแว่นขึ้น ชั่ววินาทีนั้นมันกระทบกับแสงแดดจนเป็นกระกาย
“ใช้ได้เลยล่ะ การออกแบบของเขาเข้าขั้นเลยล่ะนะ ถึงด้านทฤษฎีจะดูอ่อนไปบ้าง แต่ถ้าได้อยู่กับมินามิกับศาสตราจารย์วูฟกังล่ะก็เขาจะต้องเฉิดฉายแน่ๆ และแผนการของเราก็คงสำเร็จด้วยดี” เธอตอบเสียงเบา
“แบบนั้นก็ดีครับ ผมจะติดต่อไปหาทุกคนในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมออกเรือ” ผู้อำนวยการหนุ่มตอบ
โลกในปี ค.ศ. 2336 โลกได้เข้าสู่สภาวะสงครามอีกครั้งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง เป็นเวลากว่า 418 ปีที่โลกสงบสุข และในตอนนี้สงครามโลกครั้งที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้น สงครามแผ่ขยายออกไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ทางฝั่งยุโรปสงครามขยายตัวออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่ถึงปีเยอรมันแผ่อำนาจออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีอิตาลีเป็นกองทัพที่คอยช่วยสนับสนุนการรบในบางสนามรบ(ในความจริงอิตาลีนี่โคตะระตัวถ่วงเยอรมัน)
และทางฝั่งเอเชีย จักรวรรดิญี่ปุ่นแผ่อำนาจครอบครองโลกซีกตะวันออกอย่างรวดเร็วแม้จะมีกำลังพลที่น้อยกว่า แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้นทำให้จีนพ่ายแพ้สงครามอย่างรวดเร็ว เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็กำลังตกเป็นเป้าหมายต่อไป จักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าทำการโจมตีอเมริกาที่เพิลฮาเบอร์โดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จนเกิดความศูนย์เสียอย่างร้ายแรงของอเมริกา และหลังจากนั้นเพียง 3 วัน การโจมตีที่มิดเวย์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น กระแสของสงครามได้เปลี่ยนทิศเมื่อของทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดมิดเวย์ซึ่งเป็นหน้าด่านของอเมริกาเอาไว้ได้ โลกได้เข้าสู่ยุคสงครามอีกครั้งแล้ว
*มิดเวย์ เกาะขนาดเล็กเป็นหน้าด่านของอเมริกา โดยบนเกาะนั้นมีสนามบินของกองทัพตั้งอยู่ โดยสงครามที่มิดเวย์นั้นกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้เสียกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 1 ประกอบไปด้วย อาคากิเรือธง คากะ ฮิริว โซริว ลงที่มิดเวย์ และนั่นเป็นการเปิดยุคสมัยของเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างแท้จริง
*เรือบรรทุกเครื่องบินชินาโนะ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่โดนสร้างขึ้นโดยใช้ช่วงกระดูกงูแล้วโครงเรือของเรือยามาโตะลำที่ 3 ที่สร้างไม่เสร็จมาใช้ในการสร้าง แต่ชินาโนะนั้นแทบไม่ได้ออกรบจริงจังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
*เรือบรรทุกเครื่องบินติดเกราะหนักไทโฮ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินหุ้มเกราะของจักรวรรดินาวีญี่ปุ่น โดยเรือไทโฮนั้นถูกจมลงในการออกรบครั้งแรกที่ฟิลิปิน
ไอ้ผมก็เขียนๆไปงั้น คงไม่มีตอนต่อล่ะมั้ง ดูอารมณ์ก่อน ตอนนี้เน้นแต่งคันไต (ฮา)
Break my world EP.1