ตอนที่ 6 งานเลี้ยงต้อนรับสุดเร่าร้อน
ในช่วงเช้าวันต่อมา ทั่วทั้งกองทัพต่างก็วุ่นวายกับการจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับซุยกากุและยูกิคาเซะกันจนวุ่นวายไปหมดเพราะต้องทำให้ทันตอนเย็น โดยวันนี้ผู้การหนุ่มของเราก้มานั่งทำงานเอกสารเล็กๆน้อยๆในห้องทำงานโดยมีซุยกากุมาทำหน้าที่เลขา
“นี่ผู้การคะ ฉันสงสัยน่ะค่ะ ทำไมผู้การถึงได้มาเป็นทหารเรือเหรอคะ” ซุยกากุถามขึ้นขณะนั่งแยกเอกสารต่างๆอยู่บนโซฟาสีเขียวในห้องทำงาน
“อืม ก็นะฉันมีความฝันนิดหน่อยน่ะ แม้มันจะเป็นฝันที่เกินตัวคนธรรมดาอย่างฉันก็ตาม” ผู้การหนุ่มพูดพลางเซ็นเอกสาร โดยความเร็วจะเพิ่มมากขึ้นทุกๆ 1 แผ่น ซึ่งเป็น 1 ในความสามารถอันลึกลับของผู้การที่ไม่ว่าใครก็หาคำตอบไม่ได้
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิคะ” เธอลองพูดขอร้องดู
“ได้สิ ฉันเกิดที่ชนบทน่ะ พ่อของฉันเป็นครูส่วนแม่ฉันเป็นแม่บ้าน เราเป็นครอบครัวเล็กๆที่แสนอบอุ่น แต่ว่าวันนึงก็มีข่าวเรื่องการบุกโจมตีของกองเรือทะเลลึกในข่าว ฉันก็เลยอาสามาร่วมรบกับกองทัพเรือ” เขาเล่าพร้อมกับหยุดมือเซ็นเอกสาร ดวงตาเหลือไปมองกองเอกสารที่จากเดิมกองโตท่วมหัวลดเหลือ 3 แผ่นอย่างพอใจ “ฉันเขาเรียนในโรงเรียนนายเรือด้วยความรู้สึกอันเอ่อล้นที่อยากจะเผชิญหน้ากับพวกกองเรือทะเลลึก และวันนั่นก็มาถึง ฉันได้เข้าร่วมการรบหลายต่อหลายครั้งกับพวกนั้น ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกพอใจมาก ถึงแม้ว่าเราจะเอาชนะมันไม่ได้เลยซักครั้งก็ตามและนั่นก็คือความฝันของฉันยังไงล่ะ การที่จะได้พบกับพวกกองเรือทะเลลึก” เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ และในตอนนั้นเองที่ซุยกากุเอาเอกสารอีกกองมาวางตรงหน้าเขา
“เพื่อที่จะปกป้องคนสำคัญหรือปกป้องโลกอะไรแบบนั้นงั้นเหรอคะ เป็นความฝันที่ดีนี่คะ” ซุยกากุพูดชมความฝันของผู้การอย่างพึงพอใจ
“ฉันได้เห็นพวกเธอในข่าวน่ะ ตอนที่เรือขนส่งถูกโจมตี ฉันได้เห็นพวกเธอและ..... พวกเธอสวยมาก” ผู้การหนุ่มตอบ ส่วนซุยกากุส่งเสียงร้องดัง “เอ๊ะ” พร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน “และในศึกตัดสินระหว่างมนุษย์ชาติกับกองเรือทะเลลึกฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย และในตอนนั้นเองที่ฉันได้เห็นพลังของพวกเธออย่างเต็มตาจริงๆ กองเรือขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกองกำลังสุดท้ายของมนุษย์ชาติถูกทำลายจนหมด โดยมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวก็คือฉัน ตอนที่ฉันกำลังลอยคออยู่กลางทะเลฉันก็ได้พบเข้า กับกองเรือทะเลลึกในระยะใกล้มากๆ เธอคนนั้นคือโว แต่หลังจากนั้นฉันก็หมดสติไปแล้วรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่ชายฝั่งที่ไม่ห่างออกไปจากฐานนี้มากนัก” ผู้การหนุ่มหยุดถอนหายใจพร้อมกับมองกองเอกสารที่เซ็นจนหมดอย่างพอใจ
“แล้วทำไมผู้การถึงได้มาเป็นผู้ดูแลคังมุทสึเมะล่ะคะ” เธอถามต่อ
“ตอนที่ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลฉันก็ถูกเลื่อนยศขึ้นไปอีกขั้นเป็นพันโท และหลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินถึงเรื่องโครงการลับแล้วฉันก็อาสามาที่นี่ด้วยความหวังใหม่ที่ฉันคิดว่ามันน่าจะเต็มตัวความต้องการได้ นั่นก็เพราะว่า .....” ผู้การหนุ่มอยู่ดีๆก็หยุดพูดไป
“เพราะอะไรเหรอคะ” ซุยกากุถามซ้ำ
“นั่นก็เพราะ...... ฉันอยากสร้างฮาเร็มยังไงล่ะ!!!” ผู้การหนุ่มตอบ ซุยกากุที่ได้ยินคำตอบก็ถึงกับเบ้หน้าทันทีพร้อมคิดในใจว่า “ฉันไม่น่าถามเลยให้ตายสิ”
หลังจากนั้นทั้งสองก็ทำงานด้วยความเงียบจนถึงเย็น และหลังจากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปงานปาร์ตี้ และเมื่อทั้งสองมาถึงที่จัดงานซึ่งเป็นอาคารสำหรับใช้จัดเลี้ยงและรับรองแขกของฐานทัพเรือ ซึ่งห้องโถงนั้นถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่เพื่อจุคนจำนวนมากอยู่แล้วจึงสบายมากที่จะจุแขกทุกคนที่มางานนี้ และบนเวทีคนที่รับหน้าที่พิธีกรก็คืออิเสะนั่นเอง
“เอาล่ะทุกคน!! พร้อมสำหรับคอนเสิร์ตของไอดอลของพวกเราแล้วรึยัง!!!” อิเสะตะโกนขึ้นพร้อมกับยื่นไมค์มาทางทุกคนซึ่งทุกคนก็ร้องตอบอย่างร่าเริง “โอ้ว!! ยอดมากๆ วันนี้นากะจังของพวกเราจะมาร้องเพลงให้พวกเรา โดยสองเพลงแรกคือ!! ป้อมปืนที่สามของฉันไม่ได้ระเบิดซักหน่อย!! กับฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหมีสีชมพูนะ!! เชิญรับฟัง .....” อิเสะพูดยังไม่ทันจบก็มีแก้วสองใบพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มคนด้านล่าง ใบหนึ่งจากคิริชิมะและอีกใบคือของมุทสึ
“เพลงแบบนั้นมันมีที่ไหนเล่า!!!” ทั้งสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“โทษทีๆ แหม่แหย่เล่นนิดหน่อยทำอารมณ์เสียไปได้ เอาล่ะนากะจังเชิญจ้า!! ขอยกเวทีนี้ให้เลย!!” อิเสะพูดจบก็รีบลงจากเวทีทันที
“สวัสดีค่าทุกคน ไอดอลของกองเรือนากะจังค่า!!!” นากะทักทายทุกคนอย่างสดใสแบบไอดอล “วันนี้นากะจังจะมาร้องเพลงจากซิงเกิ้ลใหม่ที่จะออกเร็วๆนี้ก่อนเลยนะคะ ชื่อเพลงว่า “ป้อมปืนที่สามของฉันไม่ได้ระเบิดซักหน่อย!!” กับ“ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหมีสีชมพูนะ” เชิญรับฟัง!!” นากะพูดแนะนำเพลงที่เธอจะร้อง
“มีจริงๆงั้นเหรอ!!!” มุทสึ อิเสะ คิริชิมะร้องขึ้นพร้อมกันสุดเสียง
“ฉันอยู่ตามลำพังคนเดียวที่ท่าเรือ~ แต่แล้วเธอก็ทำให้ฉันต้องระเบิด~.....” นากะเริ่มร้องเพลงที่ว่าขึ้น
“ม่าย~~” มุทสึร้องขึ้นสุดเสียงพร้อมกับเอามือทั้งสองยกขึ้นปิดหูแล้วบิดตัวไปมา
“สมกับเป็นคุณมุทสึ เป็นท่าเต้นที่เกินคำบรรยายจริงๆ” อิคาซึจิพูดขึ้นพร้อมกับของมุทสึตาเป็นประกาย
“ไม่ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นท่าเต้นหรอกนะ” ฮิบิกิแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนทุกที
และที่อีกมมุมหนึ่งผู้การหนุ่มก็กำลังนั่งดื่มกับจุนโยและจิโตเสะ(no.49) อย่างสบายอารมณ์ โดยทั้งสามคุยไปก็หัวเราะไปอย่างถูกคอ เพราะทั้งสามจะเรียกว่าเป็นเพื่อนดื่มที่ดีของกันก็ว่าได้
“โอ้~ คุณผู้การนี่เป็นพวกชอบดื่มงั้นเหรอคะ” ยูกิคาเซะพูดขึ้นขณะที่กำลังตักอาหารจากบนโต๊ะอาหารซึ่งจัดขึ้นแบบบุฟเฟ่
“ใช่แล้วล่ะ ถึงผู้การจะไม่โดนจัดอยู่ในแก๊งขี้เมาของฐานนี้ก็เถอะนะ” ชิมาคาเซะ(คงรู้จักกันดีเนอะ)พูดขึ้นพร้อมกับตักน่องไก่วางลงในจานของยูกิคาเซะ “เอ้านี่ น่องไก่งวง!! อร่อยนะ!!” ชิมาคาเซะพูดขึ้น
“กะ กะ ไก้งวง*” ซุยกากุที่พอได้ยินคำนี้ก็ถึงกับทรุดลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรง
“โอ้ ไก่งวงนี่อร่อยมากเลยนะคะ สมกับเป็นฝีมือของคุณมามิยะจริงๆค่ะ” คองโกวที่ได้ลองกินไก่งวงแล้วพูดขึ้น ส่วนซุยกากุที่ได้ยินคำว่าไก่งวงถี่ๆก็เริ่มอาการแย่ขึ้นทุกที หน้าของเธอเริ่มขาวซีดขึ้นทุกที
“คุณซุยกากุเป็นอะไรรึเปล่าคะ” อาคากิถามขึ้นพร้อมกับยื่นจานอาหารให้ซุยกากุ และวินาทีนั้นเองที่ทุกคนหันไปมองกันหมด
“อะ อะ อะ อาคากิ เธอไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” คากะพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง ใบหน้านิ่งๆของเธอดูขาวซีด
“อาคากิตักอาหารให้คนอื่น” อิเสะพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แสนหวาดกลัว “โลกถึงกาลต้องสิ้นสุดแล้วเหรอฮิวงะ(no.4)ฉันจะทำยังไงดี” อิเสะหันไปหาเพื่อนสนิทของเธอ
“แล้วฉันจะรู้ด้วยเหรอ” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณค่ะ คุณอาคากิแต่ฉันขอตัวไปห้องน้ำล้างหน้าซักหน่อยนะคะ” ซุยกากุพูดขึ้นพร้อมกับเดินออกไปจากห้องประชุม
“เอาล่ะทุกคน เพลงต่อไป ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหมีสีชมพูนะ เชิญรับฟัง!!” นากะพูดขึ้นอย่างร่าเริง “เอะอะอะไรก็เอาแต่คิดว่าฉันเป็นตุ๊กตาหมี~......”
“ม่าย~” คิริชิมะร้องขึ้นตอนที่เพลงดังขึ้นพร้อมกับเอามือปิดหูเอาไว้ ตัวของเธอบิดไปมาๆสลับกับเหวี่ยงตัวไปมาเป็นระยะๆ
“โอ้~ เป็นท่าเต้นที่จะต้องเป็นตำนานและฮิตในอนาคตแน่ๆ” อิคาซึจิพูดขึ้นพร้อมตาเป็นประกาย
“ไม่ ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นท่าเต้นหรอกนะ” ฮิบิกิแย้ง
ที่หน้าห้องน้ำ ซุยกากุที่ล้างหน้าเสร็จก็เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก แต่ในตอนนั้นเองเธอก็พบกับผู้การหนุ่มที่เดินสวนมาพอดี ผู้การหนุ่มที่เจอซุยกากุอยู่ตรงหน้าก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธอไม่ห่างมาก พร้อมกับจ้องมองหน้าเธอไม่วางสายตา
“ผู้การคะ เป็นอะไรเหรอคะหน้าแดงเชียว” ซุยกากุถามแต่อีกฝ่ายเงียบและไม่ตอบ “ที่หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอคะจ้องใหญ่เลย” เธอถามขึ้นด้วยความกังวลเพราะอีกฝ่ายจ้องไม่วางตา แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาใกล้เธอมาขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุด ผู้การหนุ่มยืนใบหน้าเข้ามาหาซุยกากุใกล้ขึ้นๆทุกที “อ๊ะ ใกล้!! หน้าใกล้เกินไปแล้วค่ะผู้การ~ อ๊ะ” เธอร้องขึ้นพร้อมกับเดินถอยหลังไปจนชนกำแพง ผู้การหนุ่มยืนใบหน้าเข้ามาใกล้มาจนรินฝีปากแทบจะประกบจูบกัน “ไม่ได้นะคะผู้การ อย่างน้อยก็ขอให้มีขั้นตอนมากว่านี้” ซุยกากุร้องขึ้นพร้อมกับหลับตาลงพร้อมกับติดในใจว่าจูบแรกของฉันจะต้องเสียไปแบบนี้งั้นเหรอ
“ขออภัย” เสียงเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแขนคู่เล็กโอบร่างของผู้การหนุ่มเอาไว้แล้วยกร่างนั้นขึ้นแล้วทุ่มลงในท่าสะพานโค้งโดยเธอคนนั้นก็คือชิรานุอินั่นเอง
“คุณผู้การ ต้องขอโทษด้วยนะ POI แต่นี่ก็เพื่อความสงบสุขของโลกPOI” ยูดาจิร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาเตะผู้การหนุ่มจนกระเด็นไปตามทางเดิน
“ฝูงบินทิ้งระเบิดไปเลย ระเบิดให้เละ!!!” จุนโยร้องขึ้นพร้อมกับกางม้วนดาดฟ้าเรือออกแล้วปล่อยฝูงบินทิ้งระเบิดออกมา ระเบิดขนาดจิ๋วจำนวนหนึ่งตกใส่ร่างผู้การที่นอนอยู่บนพื้น
“คุณซุยกากุมาทางนี้” จุนโยเรียกอีกฝ่ายให้มาหาตัวเอง
“กะ เกิดอะไรขึ้นคะ” ซุยกากุถามด้วยความสงสัย การโจมตีที่กะเอาตายนี่มันอะไรกัน
“ผู้การน่ะ ผู้การน่ะ กำลังเมายังไงล่ะ” จุนโยพูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆเดินถอยหลัง
“เมาเหรอคะ แต่ไม่เห็นต้องทำอะไรขนาดนั้นเลยนี่” ซุยกากุพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าจะวิ่งไปหาผู้การหนุ่มแต่โดนดึงตัวไว้
“ไม่ได้ ถ้าผู้การเมาล่ะก็ คังมุทสึเมะทุกคนไม่ปลอดภัย ผู้การน่ะถ้าหากว่าเมาแล้วล่ะก็อันตรายยิงกว่าพวกกองเรือทะเลลึกซะอีก” ชิรานุอิพูดขึ้น
“แถมถ้าเมาแล้วผู้การจะไม่เหลือคำว่ายางอายเลยล่ะPOI แล้วก็ยังสามารถแหกกฎทางฟิสิกส์ได้อีกด้วย POI” ยูดาจิพูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆถอยห่าง
“หึหึหึหึหึหึหึหึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอของผู้การหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับค่อยๆตั้งตัวเอง “..... อยู่ที่ไหน ..... อยู่ .... ที่.... ไหน อปไปอยู่ที่ไหน!!!!” ผู้การหนุ่มร้องตะโกนขึ้น
“ระดับที่สอง!!” จุนโยร้องขึ้น
เรียงร้องตะโกนที่ดังกึกก้องของผู้การหนุ่มทำให้หน้าต่างตลอดทางเดินและหลอดไฟแตกกระจาย ผู้การหนุ่มใช้มือทั้งสองจับชุดของตัวเองเอาไว้แล้วฉีกมันออกในทีเดียวจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อปไป!!!” ผู้การหนุ่มร้องขึ้นพร้อมกับดีดตัวเข้าใส่ชิรานุอิที่อยู่หน้าสุดทันที ฝ่ามือที่เอื้อมตรงไปยังชุดของเธอแบบไม่เปลี่ยนเป้าหมาย
ชิรานุอิที่เห็นอย่างนั้นรีบเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วแต่อีกฝ่ายก็ไม่ย่อท้อทำการโจมตีต่อเนื่องแบบไม่ยอดให้หยุดพัก ชิรานุอิจึงใช้เรียวขาคู่สวยเตะเข้าที่กกหูจนอีกฝ่ายเสียหลัก แล้วทำการโจมตีซ้ำแบบไม่ให้พักจนเสียหลักล้มลงกับพื้น แต่เธอกลับพลาดท่าผู้การหนุ่มที่กองอยู่บนพื้นใช้มือจับขาเธอเอาไว้แน่น แล้วเหวี่ยงร่างของเธอปลิวออกห่างไปพร้อมจึงวิ่งตามไปติดๆ และวินาทีที่ร่างเธอกระแทกพื้นผู้การหนุ่มก็กระโดดเข้าใส่เธอทันที เขานั่งคร่อมบนร่างเธอ
“เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์” ผู้การหนุ่มร้องขึ้นพร้อมกับกระหน่ำฉีดชุดของเธออย่างรวดเร็ว (ในเกมคันไตนั้นเวลาสาวได้รับความเสียหายหนักมากๆชุดจะมีการฉีกขาด) การโจมตีที่รวดเร็วจนมองตามไม่ทัน ราวกับว่าอีกฝ่ายมีมือนับร้อยกำลังฉีกชุดอยู่
แต่ในตอนนั้นเองที่มีลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าโจมตีจากด้านหลังจนทำให้ผู้การหนุ่มล้มกลิ้งออกไป
“ทุกคนไม่เป็นอะไรนะ!!” เสียงร้องของมุทสึดังขึ้นจากด้านหลังพวกซุยกากุ โดยเธอปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับติดอาวุธเต็มอันตรา
“คุณมุทสึ!! ทำไมติดอาวุธมาเยอะแบบนั้นล่ะคะ!!” ซุยกากุร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“จะหยุดผู้การให้ได้ล่ะก็ถ้าไม่กะฆ่าให้ตายคงเป็นไปไม่ได้หรอก แถมอีกอย่างเมื่อกี้กล้ามากเลยนะที่มาจับหน้าอกฉันน่ะ” มุทสึพูดขึ้นพร้อมกับเสียงเย็นเยือก
“เหมือนเหตุผลมันจะอยู่ข้อหลังมากกว่าล่ะนะ” ซุยกากะพูดพลางมุมปากกระตุก
แต่ในตอนนั้นเองผู้การหนุ่มที่ลุกขึ้นมาได้ก็พุ่งเข้าใส่มุทสึทันที ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่แพ้กันวิ่งเข้าหาผู้การหนุ่มแบบไม่รอช้า ในชั่ววินาทีนั้นหมัดของมุทสึก็ซัดลงใส่หน้าผู้การหนุ่ม ตัวหมัดกดร่างของผู้การหนุ่มกระแทกลงพื้นอย่างแรงจนพื้นอาคารแตกออก
“เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก!!” ซุยกากุพูดขึ้น
“ไม่ ผู้การน่ะมีถึงฆ่าก็ไม่ตายหรอก” จุนโยพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“หมายความว่ายังไง” ซุยกากุถาม
“ผู้การน่ะเคยโดนรถบรรทุกชนจนกระเด็นไปถึงสามเมตรล้มกลิ้งไปกับพื้นแต่ก็ลุกขึ้นมายืนแล้วพูดว่า “ว้า ลืมมองถนน” รึไม่ก็ตอนแอบไปเล่นพลุไฟด้านหลังโรงเก็บเชื้อเพลิงกับพวกอิคาซึจิ แต่เกิดระเบิดขึ้น ในตอนนั้นเรานึกว่าเขาตายแน่แต่ว่าเขากลับแค่เสื้อผ้าขาดส่วนร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บเลย หรือว่าจะตอนซ้อมใช้กระสุนจริง กระสุนปืน 46cm(จิ๋ว) ของมุทสึพลาดเป้ามาโดนผู้การที่พายเรือเล่นผ่านไปแถวนั้น ถึงจะจมน้ำเพราะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตามแต่ร่างกายก็ไม่ได้รับความเสียหาย หรือจะตอนโดนปั้นจั่นถล่มใส่ เขาก็ไม่ตาย เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์อมตะก็คงได้” จุนโยอธิบายถึงเรื่องในอดีตให้ซุยกากุฟังส่วนอีกฝ่ายก็พูดขึ้เบาๆสั้นๆแค่
“เขาใช่มนุษย์แน่เหรอคะ” ซุยกากุพูดขึ้น
“จะว่ายังไงดีล่ะ ถ้าบอกว่าเป็นมนุษย์ก็คงได้ล่ะนะทางชีวภาพแล้ว แต่ในหลายๆความหมายก็เหมือนว่าจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์เหลือแล้วล่ะ ฉันเคยไปแอบเห็นน่ะ ผู้การน่ะนะแอบเก็บแพนตี้ลายคุณหมีของอินาสึมะเอาไว้ด้วยล่ะ เหมือนจะไปแอบจิ๊กมา” จุนโยอธิบายต่อ
“นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้วจริงๆด้วยค่ะ ในหลายๆความหมายเลย แต่ว่าคุณมุทสึก็สมกับเป็น Big 7** นะคะ ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนั้นได้แบบสูสีเลย” ซุยกากุพูดขึ้นพร้อมกับมองฉากการต่อสู้ที่ราวกับกำลังดูหนังเรื่องขอบแปซิฟิกก็มิปาน เพราะว่ามุทสึที่ติดอาวุธมาเต็มอัตรากลับใช้หมัดต่อยซัดผู้การหนุ่มอย่างเดียว ส่วนผู้การหนุ่มก็เข้าโจมตีอย่างไร้ความกลัว
และหลังมหาสงครามไคจูปะทะเรือรบBig 7 ก็ได้ผลว่าผู้การหนุ่มกับมุทสึนอนกองบนพื้นอย่างหมดสภาพ
“ไม่เลวนี่มุทสึที่หยุดฉันเอาไว้ได้” ผู้การหนุ่มพูดขึ้น
“คุณเองก็เหมือนกัน ขนาดเอาปืน 46cm มาติดให้ฉันแล้วยังยิงคุณไม่ตาย เหลือเชื่อจริงๆ” มุทสึพูดขึ้น
และค่าความสัมพันธ์แบบแปลกๆของทั้งสองคนก็เริ่มต้นขึ้น
“ทุกท่าน ตอนหน้าพบกับ KantaiCollectionRising!! อะไรนะ!! ผู้การของเราจะสู้กับเรือรบลำใหม่สูง20 เมตรที่เกิดจากความผิดพลาดแล้วบ้าคลั่ง!! แถมยังใช้ดาบเล่มเดียว ไม่จริงน่าเมพเกินไปแบ้ว!! แถมฉันกับฮิวงะจะได้มีบทอีกแล้ว!! อย่าลืมติดตามนะคะ!!” อิเสะพูดขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีพัดกระดาษฟาดลงบนหัวของเธออย่างจัง โดยคนฟาดคือฮิวงะนั่นเอง
“มันจะไปมีได้ไงเล่าของแบบนั้นKantai CollectionRising บ้าบออะไร!!” ฮิวงะพูดขึ้นอย่างโมโหสุดขีด “ห๊ะ อะไรนะ อยากจะลองเขียนหรอก จะบ้าเหรอ แบบนั้นมันคงจบใน 3-4หน้าแน่ๆ ห๊ะ อะไรนะ ตอนสั้นๆโลกก็ไม่แตกเหรอ!!” ฮิวงะพูดกับใครบางคนอยู่ขณะมองไปข้างหน้า
*ไก่งวง เป็นชื่อของการรบที่ยุทธนาวีทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งทหารอเมริกาเรียกว่า “การยิงไก่งวงที่เกรทมาริน่า” เพราะว่าเครื่องบินและนักบินของฝ่ายญี่ปุ่นนั้นด้อยกว่าอเมริกามาก โดยนักบินอเมริกาได้พูดขึ้นมาว่า “ทำให้นึกถึงตอนไล่ยิงไก่ง่วงที่บ้าน”
**Big 7 เป็นชื่อเรียกเรือประจัญบาน 7 ลำที่ได้รับอนุญาตจาก สนธิสัญญานาวิกวอชิงตัน ว่าด้วยเรื่องของการจำกัดอาวุธทางนาวีของประเทศที่ร่วมลงนาม 5 ประเทศ(ซึ่งญี่ปุ่นได้ฉีกสนธิสัญญาทิ้งและสร้างเรือประจัญบานยามาโตะคลาสขึ้น ประกอบไปด้วยยามาโตะและมุซาชิ)โดยเรือ 7 ลำที่ว่านี้ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งปืนตั้งแต่ขนาด16 นิ้ว หรือขนาด 41cm ขึ้นไปได้ ประกอบไปด้วย นางาโตะ, มุทสึ, ussเวสเวอจิเนีย, uss โคโลราโด้, hms เนลสัน, hms รอดนี้,ussแมรี่แลนด์ (โดยจะเห็นได้ว่า 3 ใน 7 ลำเป็นของเจ้าของสนธิสัญญาซะเอง 3 ลำ)
[Fic]Kantai Collection 4