แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย panzertiger เมื่อ 2014-3-16 12:51
![](//usercontent.2th.me/a/i/hstwnwg8/2th.me_1204685.jpg)
วันนี้ผมได้มาบริษัทสมานจิตรกับเพื่อนๆโดยมีกานนำทาง "โหใหญ่น่าดูเลยนะเนี้ย" ผมกับเบลอุทานขึ้นด้วยความสงใสในห้องโถงที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเซิฟเวอร์ตั้งเรียงรายหลอด LED ของคอมพวกนั้นกระพิบไปมาหลากสีสายLAN ที่มากมายแต่กลับเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ใต้พื้นแก้วที่เรากำลังเหยียบอยู่ช่างหน้าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามที่มาวันนี้ผมไม่ได้มาแค่เพราะอยากดูแต่ต้องการจะรู้จุดประสงค์ของการเขียนไวรัส รวมทั้ง...
"เนี่ยนะแผนนาย?..." อีฟเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าซีด"ใช่แล้วเธอเองก็อย่าทำตัวมีปัญหาหละ นี่เป็นโอกาสแล้ว" ผมให้กำลังใจเธอระหว่างที่กานกำลังอธิบายสิ่งที่เรากำลังเดินผ่านตอนนั้นที่กานหันมานั่นเอง"โอ้ย!" ผมผลักอีฟเข้าไปหากานจากนั้นก็วิ่งไปซ่อนกับเบลที่หลังตู้เซิฟเวอร์ตู้หนึ่งผมแอบมองอีฟกับกานทั้งสองคนทำหน้าเหวอประมาณว่า "ทำไมถึงทิ้งกันแบบนี้"
หลังเสร็จภารกิจแรกผมก็ไปภารกิจต่อไปทันทีคือตรวจสอบไวรัสผมกับเบลเดินออกจากห้องเซิฟเวอร์ไปตามห้องต่างๆแต่ก็ไม่เจออะไรผิดสังเกตุจนมาถึงห้องจัดการซอฟท์แวร์ "แปลกแหะ...ไม่เจออะไรเป็นพิเศษเลย" ผมรู้สึกแปลกใจที่ในบริษัทนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเลยจากนั้นก็มีเสียงทักขึ้นมาข้างหลังผมกับเบล "นี่พวกนายกำลังทำอะไรกันหนะจะมาสกดรอยก็ให้มันเนียนกว่านี้หน่อยสิ" ผมกับเบลหันไปปรากฏว่าเป็นเสียงของลินั่นเอง"ไม่ได้มาสกดรอยน้าจริงๆ เนอะเบล""นั้นสิๆ" ผมกับเบลช่วยกันพูดเอาตัวรอดแต่ลิกลับมองผมกับเบลด้วยสายตาที่สงใสกว่าเดิม "ถ้าไม่พูดความจริงชั้นจะเรียก รปภ. จริงๆด้วย" ลิเริ่มขู่ด้วยสีหน้าที่หน้ากลัวผมกับอีฟจึงไม่มีทางเลือก
"อ่อมาเพราะเรื่องไวรัสนั่นหนะหรอ" ลิพูดหลังพาผมกับเบลไปที่ห้องรับรองแล้วเธอก็อธิบายต่อพร้อมกับหยิบลูกอมขึ้นมากิน "ก็นะ...หลังเห็นผลเสียขนาดนั้นแล้วก็คงจะสั่งมาไม่ได้แล้วหละตอนแรกคิดว่ากะจะเอาไปเป็นตัวหน่วงโปรแกรมแต่กลับส่งผลกับหุ่นยนต์ซะได้" จากนั้นผมก็เริ่มสงใสในคำพูดของลิจึงถาม"เมื่อกี้เธอบอกว่าสั่งหรอเธอไม่ได้เขียนเองหรอกหรอ" "ไม่หนิชั้นอายุแค่สิบเจ็ดเองนะแถมเรียนดนตรีด้วยถึงจะเป็นลูกสาวบริษัทเขียนซอฟท์แวร์แต่ชั้นก็ไม่ได้มีประสบการณ์พอจะเขียนมันหรอกนะ" ลิตอบมาด้วยความสงใสว่าทำไมต้องใส่ใจด้วย"แล้วเธอมาที่นี่ทำไมหละ" ผมถาม "เดินเล่นหนะสิถามได้" เธอตอบอย่างมั่นใจไม่มีการกระตุกแต่อย่างใด"แล้วเธอพอจะรู้มั้ยว่าไวรัสนั่นใครเป็นคนเขียนขึ้น" ผมถาม "โทษทีนะชั้นบอกอะไรไม่ได้พ่อชั้นเป็นคนสั่ง" ลิตอบพร้อมกับหันหน้าไปข้างหลังแล้วตะโกนเรียก "พ่อ! พอจะบอกอะไรสองคนนี้ได้มั้ย" จากนั้นประตูห้องผู้บริหารก็เปิดออกสิ่งที่ผมคิดในใจตอนนั้นคือคนรูปร่างใหญ่ดูมีความเป็นผู้นำใส่สูต สีขาวดูสง่าเดินออกมาจากห้อง แต่ที่จริง
" วอดซัพ! ลิ"
"นี่มันบอยแบนชัดๆเลยไม่ใช่หรอ!!!"ผมกับเบลพูดออกมาด้วยความอึ้งในขณะที่ผู้ชายรูปร่างปกติ ใส่ชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้ากีฬาพร้อมแว่นตาดำกับเครื่องประดับแหวนทอง เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร "พ่อช่วยบอกพวกเค้าหน่อยว่าเราสั่งไวรัสมาจากใหน" ลิหันหน้าไปขอร้องพ่อ"อ่อไวรัสนั่นหนะหรอ โอเคเดี๋ยวพ่อจะอธิบายให้พวกเค้าเอง" พ่อของลิตอบรับคำขอแล้วก็นั่งลงบนโซฟาข้างๆลิจากนั้นเขาก็เริ่มเล่า "เมื่อเดือนก่อนชั้นได้ลองสั่งซื้อไวรัสมาจากตลาดมืดคอมพิวเตอร์มามันมีชื่อว่าไบโอไวรัส ในตอนแรกชั้นซื้อมาเพราะจะเอามาหน่วงโปรแกรม ที่ชั้นผลิตเพื่อเวอร์ชั่นต่อไปจะได้ปล่อยตัวที่ไม่มีไวรัสออกโดยไม่มีใครสังเกตุว่ามันเร็วขึ้นได้ยังไงแต่ว่า..." พ่อของอีฟเริ่มก้มหน้าลงแล้วทำสีหน้าเหมือนลำบากใจที่จะพูด"แต่ว่าอะไรหรอครับ" ผมถามพ่ออีฟพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างมาประสานกันไว้แล้วท้าวคางไว้"ไวรัสนั่นพอเราอัพเข้าโปรแกรมปุ้บมันก็กระจายตัวและอัพโหลดขึ้นเซิฟเวอร์ของบริษัทอย่างรวดเร็วโชคยังดีที่แผนกเขียนโปรแกรมของเราใหวตัวทันแล้วลบทิ้งทันเวลาก่อนเข้าถึงเมนเฟรม
ล่าสุดเราก็พึ่งรู้ด้วยว่ามันมีผลกับไซบอร์ค ชั้นต้องขอโทษแทนลิด้วยนะที่ไปสร้างปัญหาไว้กับพวกเธอ" "อ่อครับไม่เป็นไรครับ ลิเองเค้าก็สำนึกผิดแล้วด้วย" ผมพูดไปพร้อมกับยกตัวขึ้นมาพิงโซฟาไว้เหมือนเดิมแล้วผมก็ถามต่อ "แล้วถ้าตอนนั้นลบไม่ทันก่อนถึงเมนเฟรมมันจะเป็นยังไงหรอครับ" พ่อลิทำหน้าเครียดแล้วพูดต่อ"ไวรัสนั่นก็จะเข้าไปทำลายข้อมูลหลักของบริษัทแล้วก็จะเกิดการขาดทุนครั้งใหญ่ในรอบการจัดตั้งบริษัท" ผมอึ้งไปซักพักแล้วต่อประโยคออกไปอีกนิด"ถ้าเป็นไซบอร์คก็..."
"ก็จะทำให้ระบบประสาทพังทำลายเซลล์สมองอย่างช้าๆ จนตายในที่สุด" พ่อของลิพูดต่อ "ผมขอถามอีกคำถามหนึ่งได้มั้ยครับ" ผมถามพ่อของลิ"ได้ๆ ว่ามา" พอพ่อของลิอนุญาตผมต่อพูดต่อ"ทำไมลิถึงเกลียดหุ่นยนต์หละครับ" "นี่นาย!" ลิแทรกขึ้น"พอเถอะลินั่งลงยังไงพวกเราก็เป็นฝ่ายผิดไม่ใช่หรอ" เมื่อลินั่งลงพ่อของลิก็เริ่มอธิบายพร้อมกับเปิดแขนเสื้อให้ดูสิ่งที่ผมเห็นคือวงแหวนเหล็กที่ติดอยู่ต้นแขน "นี่คือสิ่งที่พวกหุ่นยนต์สงครามได้ทำไว้กับชั้นตอนสงครามอิรักพวกมันเกิดเออเร่อแล้วทำร้ายผู้คนไปทั่วแล้วคนโชคร้ายคนแรกก็คือชั้นมันหันปืนทาทางชั้นและยิงตัดโคนเส้นประสาททำให้แขนซ้ายชั้นเป็นอัมพาต แต่โชคยังดีที่มีเทคโนโลยีที่ดีพอจึงทำปลอกแขนนี่ขึ้นมาเพื่อส่งไฟฟ้าอ่อนๆเพื่อกระตุ้นประสาทแล้วก็นะเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ" "อ่าขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลทั้งหมด" ผมพูดพร้อมกับยกมือไหว้และลุกขึ้น "ได้เวลากลับแล้วหละขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ" จากนั้นผมก็ให้ลิพาผมกับเบลไปส่งที่ทางออกเมื่อถึงที่ทางออกผมกับเบลก็เริ่มบอกลา "เจอกันนะลิ" "บ้ายบายลิ"
พอเดินออกไปได้ซักพักผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างแล้วผมก็เริ่มถามเบล "เบลนี่เราลืมอะไรไปอะเปล่าก่อนออกมา" "ไม่มั้งค่ะ" เบลทำหน้าสงใสนิดๆผมเองก็สงใสเหมือนกันว่าลืมอะไรไปจากนั้นก็มีคนกำลังวิ่งเข้ามาจากด้านหลังแล้ววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วผมกับเบลแทบหลบไม่ทัน"เฮ้ย เนม! เห็นอีฟบ้างมั้ยชั้นกำลังจะได้โอกาสบอกเธอแล้วแต่เธอก็วิ่งหนีไปอีกแล้วอะ" กานวิ่งตามมาด้วยสภาพเหนื่อยๆผมกับเบลก็ตอบคำถามด้วยการชี้ไปข้างหน้าแล้วกานก็วิ่งไปต่อเหมือนว่าผมจะจำได้แล้วหละว่าลืมอะไร
ในอีกมุมมองหนึ่ง
"เรื่องของเรายังไม่มีใครรู้ใช่มั้ย" "ครับยังไม่มีใครรู้" "ทำได้ดีมากจบเรื่องนี้เมื่อไหร่ชั้นจะเลิกยุ่งนายกับลูกสาวนายเข้าใจนะ..."
"...คุณสมานจิตร..."
![](http://usercontent.2th.me/a/i/hstwnwg8/2th.me_1204685.jpg)
watacy! แฟนของผมเป็นไซบอร์คครับ! ตอนที่ 9: ความลับ