วันที่16 สิงหาคม พ.ศ. 2547
12.00น.
ในยุคที่การฆ่าฟันกัน เป็นเรื่องปกติของสังคม
ในช่วงเวลาเที่ยงแต่กลับดูไม่เหมือนเป็นเวลาเที่ยงวันเพราะทั้งแสงแดดเละท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำ ทะมึนเป็นตัวบ่งบอกว่าจะมีพายุฝนเข้าในไม่ช้า
ห้อง ม. 4/1
“ นักเรียนเครพ ”
นักเรียน 40 คน หลังจากทุกคนเคารพ ครูพละหญิงเรียบร้อยทุกคนก็ออกจากห้องไป เพื่อที่จะมุ่งไปยังโรงอาหารเนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นเวลาพักเที่ยง
“ นายพิชัย มาช่วยยกหนังสือ และกระเป๋าเอาไปวางไว้ที่โต๊ะครูในห้องพักครูหน่อย ”
ครู ขวัญขาว จอมทอง หรือ ครูติ๊บ อายุ 47 ปี ครูวิชาพละ สวมชุดวอร์มเสื้อเชิ้ดสีเขียวคอปกสีดำกางเกงวอร์มยาวสีดำลายตามยาวสีเขียวเขียว ถุงเท้าขาวเปื้อนฝุ่นปลายเท้าเล็กน้อยพูดหลังจากที่นักเรียนทุกคนออกนอกห้องกันเกือบหมด
“ครับครู” เด็กชายคนนั้นตอบพร้อมกับหันตัวกลับเพื่อมาช่วยครู
หลังจากที่เด็กชายคนนั้นช่วยครูพละหญิงคนนั้นเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องพักครูเพื่อตามพวกเพื่อนๆที่ไปยังโรงอาหารก่อนแล้วแต่เมื่อเด็กชายคนนั้นกำลังจะเลื่อนประตูกระจกเพื่อออกจากห้องพักครู ก็ได้ชนกับครูพละชายคนหนึ่ง หรือ ครู ไชยเชษฐ์ สงคราม สูง 180 เซนติเมตรผิวคล่ำ สวมเสื้อแบบเดียวกับครูพละหญิงคนเมื่อกี้ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบโดยังไม่ได้ถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวทำให้ของที่ครูถือมาล่วงหล่น เป็นส้มหนึ่งลูก กับมีดปอกผลไม้ด้ามน้ำเงินเข้มตกลงบนพื้น ครู ไชยเชษฐ์ รีบก้มตัวลงเก็บทันที โดยทำท่าทางไม่อยากให้ พิชัย มาช่วยเก็บเด็กชายคนนั้นจึงขอโทษครูพละชาย ก่อนที่จะเดินตรงไปยังโรงอาหาร
12.10 น.
โรงอาหาร
เด็กชาย อายุ 15 ปี ชื่อ เพทาย รัตนชาติ ชื่อเล่น เนตรลักษณะเสื้อเหมือนโดนรถสิบล้อยี่สิบคันรุมเหยียบทับเป็นเวลานาน กำลังนั่งโดยใช้มือซ้ายกุมหัว ปากดูดน้ำโอริโอ้ปั่นของโปรด มือขวากำลังเขียนอะไรบางอย่างในสมุดโน็ตเล่มสีดำบนโต๊ะไม้หินอ่อนประจำของเค้า โดยมีเขาคนเดียวที่นั่งโต๊ะไม้หินอ่อนตัวนี้ส่วนด้านขวามือของเขา เป็นโต๊ะไม้ยาว มีเพื่อนๆของเขานั่งเรียงเต็มไปหมดและกำลังพูดคุยพร้อมทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน
“ เฮ้ ว่าไงนักเขียนเขียนเสร็จรึยังนิยายสืบสวนของแกน่ะ”เนตรหันไปยังต้นเสียงนั้น
ไพลิน เครือฟ้า หรือ ลินเด็กหญิงอายุ15 ปี สูง 150 เซนติเมตรผมสั้นดำยาว ที่หน้าผากมัดจุดผมดวงตากลม คม ดำสวมชุดนักเรียนหญิงของโรงเรียนรัฐ โดยกระโปรงสั้นเหนือหัวเขามานิดนึงพอเห็นหัวเขาได้ชัด กำลังยืนถือจานข้าวที่อยู่บนมือซ้าย โดยมือขวาขยี้ผมเนตร
“ ยัง...”เนตรตอบสั้นๆ ห้วนๆคล้ายคนที่พึ่งตื่นนอน พร้อมปัดมือของ ลินออกจากหัวของเขาแล้วหันกลับไปเขียนนิยายของเขาลงในสมุดโน็ตเล่มสีดำตามเดิม
“เชอะ!”ลินอุทานพร้อมสะบัดหน้าออกจากเนตรหลังจากที่ได้ยินคำตอบของเนตร แล้วเดินไปยังโต๊ะไม้ที่พวกเพื่อนๆนั่งอยู่กันเต็ม
“ อะไรกันเนี่ย ลิน! กินเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอ!” เพื่อนของ ลิน ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ ก็ช่วยไม่ได้นี้นาร้านอื่นคนเต็มไปหมดเลย ” ลินตอบพร้อมกับหัวเราะออกมา
เนตรหันกลับไปมองลิน ด้วยหน้าที่เบื่อโลก พร้อมกับถอนหายใจ แล้วหันกลับมาเขียนนิยายตามเดิม
“ นี้ เนตรไม่กินขาว เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก ” เสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งดังมาจากหลังของเนตร
กุมภา สุพายะ หรือ ภา อายุ 15 ปี สูงประมาณ 155 เซนติเมตร ผมดำยาวสลวยสวมชุดนักเรียนหญิงม.ปลาย กระโปรงยาวเลยหัวเขามานิดหน่อยพอปิดหัวเขาได้หมดกำลังถือจานข้าวอยู่บนมือขวาและดูเหมือนว่าข้าวจะมากกว่าคนปกติซะด้วย
“ อื้อ…ไม่หิว” เนตรตอบแบบไร้ความรู้สึก
“อยากบอกนะว่านายลืมเอากระเป๋าเงินมาอีกแล้วน่ะ ”ภาพูดจบเนตรก็ยกแก้วน้ำที่มีเศษโอริโอเติดอยู่ขอบแก้วขึ้มาเพื่อให้ภารู้ว่าเขาไม่ได้ลืมเอากระเป๋าเงินมา
“ เงินหมดน่ะ… ” เนตรตอบภากลับโดยหลบสายตาออกจากภา
“ โธ่เนตร! ” ภาอุทานจบก็นำจานของตนไปวางไว้บนโต๊ะไม้ที่ที่เพื่อนๆหลายคนนั่งอยู่แล้วกลับมาลากแขนของเนตรที่กำลังกุมหัวอยู่ จนทำให้หน้าของเนตรเกือบทิ่มลงไปบนโต๊ะภาลากแขนของเนตรไปยังร้านขายข้าวในโรงอาหารพร้อมกับยัดเงินลงในมือซ้ายของเนตร
“ เอ้าไปหาอะไรกินซะ ”
“ ตะ..แต่…” ภายิ้มให้เนตรก่อนที่เนตรจะพูดแล้ววิ่งกลับที่นั่งตามเดิมเนตรมองลงไปที่มือซ้ายของตน
“ ยี่สิบบาท จะซื้ออะไรได้เนี่ย ” พอเนตรบ่นกับตัวเองจบก็ถอนหายใจ
หลังจากที่เนตรไปซื้อข้าวก็กลับมานั่งกินที่โต๊ะไม้หินอ่อนของตนตามเดิม ส่วนภาก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของเขาซักพักก็มีเด็กหนุ่มที่พึ่งกลับจากการช่วยครูพละหญิงยกของ พิชัย เจริญสุข หรือ ไช อายุ16 ปีสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผมสั้นตากลมน้ำตาลดูเป็นเด็กร่าเริง เดินมาที่โต๊ะอาหารโดยมีกลุ่มเพื่อนๆนั่งทานอาหารอยู่ ข้อมือซ้ายของเขาห้อยกระเป๋าผ้าสีขาวของเขาไว้โดยที่มือทั้งสองข้างของเขาถือกองสมุด ที่มีสมุดของทุกคนทั้งห้อง รวมแล้วสี่สิบเล่ม แต่เนื่องจาสมุดพวกนั้นเป็นสมุดเล่มบาง จึงทำให้ ไชสามารถถือกองสมุดพวกนั้นอย่างง่ายดาย ไชนำกองสมุดพวกนั้นไปวางบนโต๊ะไม้หินอ่อนของเนตรซึ่งเนตรกำลังตักข้าวมันไก่ของเขาใส่ปากพอดี
ปึก!!!
เสียงกองสมุดวางที่บนโต๊ะไม้หินอ่อนอย่างแรงทำให้ข้าวมันไก่ในจานของเนตรพุ่งออกมาเลอะกางเกงของเขา
“ เฮ้! เพื่อนๆเราเอาสมุดวางไว้ตรงนี้นะใครกินเสร็จก็มาเอาได้เลย เดี๋ยวเราไปหาครูอังกฤษ ก่อน ”
ไชตะโกนบอกเพื่อนๆที่ที่กำลังนั่งกินข้าวก่อนจะยิ้มให้เนตร
“ ฝากด้วยนะ”พอพูดเสร็จ ไชก็รีบวิ่งไปห้องพักครูอังกฤษ ซึ่งห้องพักครูอักฤษอยู่ที่ตึกท้ายสุดของโรงเรียน
เนตรมองไปที่ไช ด้วยหน้าที่เบื่อโลกตามเดิม
13.00 น.
เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเวลาพักเที่ยงหมดแล้วดังขึ้นทุกคนก็เก็บของพร้อมที่จะไปเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในคาบต่อไป ขณะที่เนตรกำลังจะพับสมุดโน็ตของเขาเพื่อเก็บอยู่นั้น จู่ๆก็มีหยดน้ำหยดลงบนกระดาษสมุดของเขา หยดน้ำที่หยดมานั้นก็คือเม็ดฝนทันใดนั้นพายุฝนก็โหมพัดเข้ามา พร้อมเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องทำให้เด็กนักเรียนหญิงหลายคนกรี๊ด ออกมาทุกคนรีบวิ่งไปตึกเรียนที่จะเรียนในคาบต่อไป โดยผ่านหน้าห้องพละที่พวกเขาเข้าไปเรียนก่อนที่จะพักเที่ยง ในขณะที่ทุกคนกำลังจะขึ้นไปบนตึกนั้นจู่ๆก็มีเสียงกรี๊ดออกมาจาห้องพักครูพละ
“ อ้ายยยยยยยยยยย!!! ”
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณแถวนั้นรีบวิ่งไปที่ต้นของเสียงอย่างรวดเร็ว หัวหน้าห้อง ม.4/1วิ่งไปถึงหน้าห้องพักครูพละเห็นประตูเลื่อนกระจกเปิดอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือร่างของครูพละหญิงที่เขาเรียนด้วยเมื่อไม่นานนี้กำลังนั่งหลังพิงกำแพงจมกองเลือดของเขา ตาเบิกกว้าง โดยมีมีดที่ปลายด้ามห่อด้วยกระดาษทิชชู่ที่มีลักษณะเปียกน้ำและเลือดรวมกัน ที่มือขวาของครูพละหญิงนั้นกำลังกำอะไรบางอย่างไว้ในมือของเขาและสิ่งที่หัวหน้า เห็นอีกอย่างคือผู้ที่พบศพคนแรก หรือต้นเสียงกรี๊ดเมื่อกี้เป็นหญิงสาวอายุ 22ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผมดำยาวตรงมือนิ้วนางซ้ายพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว สวมเสื้อสีขาวหลวมๆโชวหัวไหล่ทั้งสองข้าง กางเกงยีนยาวสวมรองเท้า ส้นสูงสีน้ำตาล เธอคือ ลูกของครูพละหญิงคนนั้น นาง อมรจิตร จอมทอง หรือจิตรกำลังยืนสั่นไปทั่วทั้งตัวด้วยความตกใจที่เห็นแม่ของตนนอนจมกองเลือดอยู่
“ มะ…แม่คะ! ” หญิงสาวคนนั้นเรียกร่างไร้วิณณาณ ของผู้เป็นแม่ พร้อมกับจะวิ่งเข้าไปโหมกอด
“ หยุดนะ!! ” อมรจิตรต้องชะงักเพราะเสียงนั่น เธอเลยหันไปมองต้นเสียง ที่มาของเสียงนั้น คือเสียงของหัวหน้าห้องม. 4/1
“ ทุกคนออกไป คุณด้วย ” หัวหน้าห้อง บอกให้เพื่อนๆออกไปพร้อมกับหญิงสาวคนนั้น
นาย พิชัยที่พึ่งกับจากห้องพักครูอังกฤษ รีบวิ่งผ่านสายฝนที่ตกระหน่ำ เพื่อที่จะขึ้นไปเรียนคณิตศาสตร์แต่กับต้องหยุด เพราะเห็นพวกเพื่อนในห้องของตน และ ครูในแถวนั้นกำลังมุงอะไรบางอย่างอยู่พิชัย เลยถามเพื่อนของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
“ เฮ้เกิดอะไรขึ้นน่ะ มุงดูอะไรกัน ”
“ คะ…ครูติ๊บ โดนใครไม่รู้แทงจนตายน่ะ…” พิชัยได้ยินคำตอบก็รีบวิ่งเข้าไปทันที แต่กลับถูกหัวหน้าห้อง ขว้างไว้
“ ห้ามเข้านะ ”
สายฝนที่เทลงมาจากบนฟากฟ้าที่มีทีท่าจะไม่หยุดง่ายๆ ทำให้ชุดของนักเรียนหลายคนเปียกโชกนักเรียนที่มุงอยู่นั้นจึงทยอยไปหาที่หลบฝน ใต้ตึกที่อยู่ข้างๆ รวมทั้งเนตร ที่มีสีท่าไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ เฮ้ เฮ ว่าไงนักสืบเห็นเขียนนิยายสืบสวน พอจะรู้อะไรบ้างล่ะ ” เสียงของลินพูดใส่เนตรที่ชวนให้ขนลุก
“……” เนตรไม่พูดอะไรก่อนที่จะเดินตามคนอื่นๆ ไป
“ เชอะ! ”ลินสะบัดหน้าออกจากเนตร
“ ภา เธอโทรแจ้งตำรวจ แล้วบอกให้ยามปิดประตูโรงเรียนแล้วรึยัง ” หัวหน้าห้อง หันไปมองภาแล้วถาม
“ อื้อฉันทำตามที่หัวหน้าบอกแล้ว แต่ ตำรวจน่ะเห็นบอกว่าจะมาช้าหน่อย ถนนสายตรงที่จะมายังโรงเรียนนี้มันเกิดขาดน่ะสิเลยต้องใช่ทางอื่นที่ไกลออกไป ”
“ เอ้าหัวหน้า เชือกฟางที่สั่ง ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งโยนเชือกฟางสี แดงให้หัวหน้า
“ ขอบคุณนะ ” หัวหน้าห้อง เอาเชือกฟางสีแดงคาดปิดไปยังทางเข้าของห้องพักครูพละ
ฝนเริ่มปรอยๆแล้วจางหายไป
“ เอาล่ะที่เหลือก็ให้ตำรวจเค้าจัดการเองละกัน เดี๋ยวฉันจะให้ เนตร เฝ้าที่นี้เอง ” หัวหน้าห้อง บอกให้เพื่อนๆ ในห้องเนตรทำท่าทางตกใจแล้วเดินไปถามหัวหน้า ว่าทำไมต้องให้ตัวเขาเฝ้าหัวหน้าจึงชี้ไปด้านหลังพร้อมบอกเนตรว่า
“ เขาคนนั้นเค้าขอมาน่ะ ” หัวหน้ายิ้มให้เนตรก่อนที่จะเดินขึ้นตึกไปเนตรมองไปที่หัวหน้าชี้ แต่เพราะ ระยะทางที่ไกลจึงมองไม่เห็นคนๆนั้น เนตรจึงเดินเข้าไปหา
“ อะไรกันเนี่ย ” เนตรบ่น
“ เอ้าว่าไง เพทาย ” เสียงนั้นถึงกับให้เนตรตกใจที่อยู่ตรงหน้านั้นคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน
“ ส…สวัสดีครับผอ.” ผอ. ยิ้มให้เนตรก่อนจะล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋า แล้วหยิบเอาขึ้นมาให้เนตร
“ ผอ. ขอร้องล่ะเธอคนเดียวที่ ผอ. เชื่อใจ ” เนตรหยิบสิ่งนั้นมาจากมือ ผอ.
“ ช่วยสะสางเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดยิ่งดีเธอน่ะเคยช่วยไขคดีอย่างนี้กับทางตำรวจมาแล้วนิ่ ช่วยหน่อยนะ ”
“ ตะ…แต่ว่านั้นมัน…” เนตรยังพูดไม่จบผอ.ก็พูดขึ้นตัดทันที
“ ถ้าใครถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ ก็เอาบัตรที่ผอ.ให้โชว์ให้พวกเขาดูซะ ผอ.ไปก่อนล่ะมีประชุมกับสำนักงานเขตการศึกษา ” ผอ. พูดจบก็เดินไปที่รถส่วนตัวของผอ.ทันที พร้อมกับยกมือให้ เนตรเหมือนกับการอวยพรให้โชคดี เนตรมองลงไปที่บัตรที่ ผอ.ให้มาที่ใต้บัตรมีกระดาษเขียนอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
“ บัตรผ่านทาง เข้าสถานที่เกิดเหตุมอบให้ นาย เพทาย รัตนชาติ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีความสามารถช่วยตำรวจไขคดีต่างๆได้ ทาง กรมตำรวจนครบาลจึงขอมอบสิทธิพิเศษนี้ให้เขาทำคดี ร่วมกับทางตำรวจได้ ” พอเนตรอ่านจบเขาจึงมองไปที่บัตร
“ บัตรสิทธิพิเศษ ในการทำคดี ลงชื่อพลตำรวจเอก สุกันตญา รัตนชาติ ผู้บัญชาการสถานีตำรวจนครบาล” เนตรอ่านจบก็เก็บบัตรนั้นใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงทันที
“ พ่อเราคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่นะ…”
ครู ไชยเชษฐ์ เดินออกจาก กลุ่มไทยมุงเพื่อดู ศพของคุณครู ติ๊บ สีหน้าของครู ไชยเชษฐ นิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนตรมองไปข้อมือซ้ายของครู ไชยเชษฐ์ ที่มีผ้าพันแผลพันอยู่
“ นี่!เธอขึ้นไปเรียนซะพวกครูก็เหมือนกันครับ ” ครูไชยเชษฐ์บอกนักเรียนและครูที่มามุง จากนั้น ครู ไชยเชษฐ์ก็หันไปที่ เนตร
“ เธอด้วย ” ครูไชยเชษฐ์บอกเนตรแต่เนตรกลับไม่สนใจพร้อมกับยืนมองดูกระดาษที่ เขาไปขอรายชื่อ จากยามหน้าโรงเรียนมาว่าช่วงเวลา พักเที่ยง ใครบ้างที่เข้าและออกนอกโรงเรียน
“ นักเรียนขึ้นไปเถอะมันไม่ใช่หน้าที่ของนักเรียน” ครู ไชยเชษฐ์ พูดราวกับปิดบังอะไรอยู่
“ ไม่ได้!! ” เนตรตะโกนออกมา ทำให้ครู ไชยเชษฐ์ต้องถึงกับสะดุ้ง
“ทำไมล่ะ ” ครูไชยเชษฐ์ ถามเนตรด้วยความสงสัย
“ เพราะครู และ หล่อนต่างก็เป็นผู้ต้องสงใส่ ที่จะเป็นฆาตกรในคดีนี้ ” เนตรพูดจบทำให้ สองคนนั้น ถึงกลับตกใจ
“ ฉันก็ไม่ได้อยากจะเฝ้าซักหน่อย” เนตรบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ ฉันน่ะเหรอ…นั้นแม่ของฉันนะ!” ลูกของครูผู้ตายตะโกนใส่เนตรแต่เนตรกลับไม่สนใจและทำหน้าเบื่อโลกใส่ลูกสาวของครูผู้ตายอีก
“ เฮ้ๆ นักเรียนทุกคนในโรงเรียนนี้ต่างก็เป็นผู้ต้องสงใส่ไม่ใช้เหรอ ” ครูไชยเชษฐ์บอกเนตร
“ ก็ใช่นะ แต่ คนที่อยู่ใกล้ครู ขวัญขาว มากที่สุดก็คือพวกคุณ ” เนตรพูดจบเสียงโทรศัพท์ของตนก็ดังขึ้นเนตรล่วงไปที่กระเป๋ากางเกงด้านขวาของเขา แล้วล่วงมือถือชนิดพับหน้าจอได้สีดำของเขาขึ้นมา เนตรเปิดที่พับโทรศัพท์ขึ้มาเพื่อดูว่าใครโทรมา
“ ภา ” เนตรกดรับทันทีพร้อมวางโทรศัพท์ไปที่หูขวาของเขา
“ เนตร เมื่อกี้ทางตำรวจบอกว่าใกล้จะมาถึงล่ะรอซักแปปนะ สู้ๆ^o^”
“ขอบคุณนะภา ” เนตรพูดจบก็ถอนหายใจ พร้อมกับพับโทรศัพท์ของเขาแล้วนำกลับเข้ากระเป๋ากางเกงของเขาตามเดิม
“ ครู ไชยเชษฐ์ โทรตาม ครู บุษบา นันทนา มาดวยนะครับ เพราะเธอก็เป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน ” เนตรพูดเสร็จก็โชว์กระดาษที่พิชัยมาให้มาก่อนที่จะขึ้นไปเรียนรายชื่อของคนที่ออกนอกโรงเรียนในช่วงพักเที่ยง
หลังจากที่ให้ครูไชยเชษฐ์ โทรตาม ครู บุษบามา เนตรก็เดินเข้าไปในที่เกิดเหตุทันที โดยหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาว สะอาดออกจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนของเขาแต่ไม่ทันที่จะรอดเชือกฟาง ก็มีเสียงจาก ลูกของครูผู้ตายดังขึ้น
“ นี้นายจะทำอะไรน่ะนั้นมันเรื่องของตำรวจนะ! ”เนตรได้ฟังคำพูดนั่น แล้ว ก็ล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงของเขาเพื่อที่จะเอาบัตรที่ ผอ.ให้มาเนตรเอาบัตรนี้โชว์ให้ทั้งสองคนได้ดู ทั้งสองคนนั้นถึงกับ ตกใจ
“ ตอนนี้ทาง ตำรวจน่ะเจอปัญหาเนื่องจากถนนสายตรงที่จะมายังโรงเรียนนี้เกิดขาดเลยอ้อมไปใช่เส้นทางอื่นแทน ทำให้เกิดความล้าช้าเพื่อไม่ให้คนร้ายที่อาจทำลายหลักฐานที่เหลืออยู่ไป ทั้งในตัวคนร้าย และสถานที่เกิดเหตุเราจะต้องรีบสืบให้ได้โดยเร็วที่สุด ….ความจริงก็ไม่ได้อยากทำหรอก”
ลินที่มองผ่านจากหน้าต่างของตึกชั้นที่สาม ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของตึก ลงมาหาเนตร แล้วยิ้มให้เนตร
“ฮึ! นายก็พูดได้นิ่เพทาย ”
สำรวจสถานที่เกิดเหตุ
เนตรรอดผ่านเชือกฟางสีแดงเข้าไปพร้อมตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุรอบๆ ตัวศพก่อน
- ตัวห้องหนังสือวางซ้อนกันไว้อย่างมีระเบียบ
- ที่พื้นมีเลือดกระเซนออกจากตัวศพเต็มไปหมด และมีบางส่วนถูกเช็ดออก
- ใต้โต๊ะทำงานของครูผู้ตายมีกระเป๋าเงินตกอยู่โดยในกระเป๋าเงินยังมีเงินอยู่เต็มกระเป๋า บัตรประจำตัวต่างๆ ก็ยังมีอยู่
- มีเสื้อกันฝนสีขาว ที่เปื้อนเลือดอยู่ในถังขยะห้องพักครู ไชยเชษฐ์
หลังจากที่เนตรสำรวจที่เกิดเหตุรอบๆตัวศพเสร็จ ก็เข้าไปดูที่ตัวศพต่อ
- มีมีดปักอยู่ที่อกซ้ายของผู้ตายโดยมีดนั้นเสียบไม่มิดด้าม
- มีดที่ปักศพอยู่นั้นตรงด้ามมีดมีกระดาษทิชชู่ ที่เปียกน้ำและเลือดพันอยู่
- มือขวาของผู้ตายกำอะไรบ้างอย่างไว้ในมือเมื่อเอาออกมา จากมือที่สะอาดไม่มีรอยบนฝามือ เป็นแหวนแต่งงาน ที่มีนามสกุลของคุณครู ไชยเชษฐ์ ติดอยู่
“ นั้นมันแหวนแต่งงานของฉันนิทำไมถึง…” ครู ไชยเชษฐ์ พูดออกมาด้วยความตกใจทำให้ลูกของครูผู้ตายมองไปที่หน้า ครู ไชยเชษฐ์ แต่ เนตร กับไม่สนใจในคำพูดนั้น
หลังจากที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดเสร็จแล้วเนตรก็เดินออกมาจากห้อง เสียงฝีเท้าที่วิ่งผ่านน้ำทำให้เนตรรู้ว่าผู้ต้องสงสัยอีกคนนั้นได้มาถึงแล้ว คุณครู บุษบา นันทนา อายุ 47 ปี สูงประมาณ 147 เซนติเมตร สอนวิชา คณิตศาสตร์ สวมชุดราชการสีน้ำตาล
“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ ” ครูบุษบาถาม แล้วมองเข้าไปยังในห้อง
“ เป็นไปไม่ได้! ไม่จริง! ” ครู บุษบาพูดด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นร่างที่ไร้วิญญาณครู ขวัญขาวนอนจมกองเลือดอยู่
สอบปากคำ
หลังจากที่ผู้ต้องสงสัยมาครบ เนตรก็เริ่มสอบปากคำทีละคน โดยเริ่มจากผู้พบศพคนแรก
“ เมื่อมาครบกันแล้วผมจะเริ่มสอบปากคำล่ะนะครับ ” เมื่อครู บุษบา ได้ยินจึงถามครู ไชเชษฐ์เรื่องของเด็กชายคนนั้นว่าเป็นใครกัน ครูไชยเชษฐ์ กระซิบข้างหูซ้ายของครู บุษบาเบาๆ ถึงทำให้กลับครูบุษบาตกใจ
“ เริ่มจากที่คุณคนแรกลูกของคุณครูขวัญขาว ” ในขณะที่เนตรกำลังพูดอยู่นั้นก็มีเสียงขัดดังขึ้นมา
“ ยัย เด็กเนรคุณ! ที่มาที่นี้วันนี้เพื่อจะมาขอเงินแม่แกใช่มั๊ยล่ะพอแม่แกไม่ให้เลยฆ่าทิ้งเลยใช่มั๊ยล่ะ”
คุณครูบุษบา พูดขึ้นเพื่อบอกความจริงให้ เนตรได้รับรู้
“ แล้วเธอล่ะยัยครูอับจนแกยืมเงินแม่ฉันไปตั้ง แสนนึงแล้วนิ่ พอแม่ฉันจะบอกว่าจะฟ้องแกแกเลยมาฆ่าแม่ฉันเลยใช่มั๊ยล่ะ ” ลูกของครูผู้ตายสวนกลับ เนตรทำเสียงไอเพื่อให้ทั้ง สอง หยุดทะเลาะกัน
“ เอาล่ะเรามาต่อกันเลยดีกว่าในช่วง 12.00 น. คุณอมรจิตรอยู่ที่ไหนเหรอครับ แล้วมีพยานรึเปล่าครับ ” เนตรเริ่มซักถาม ลูกของครูผู้ตาย
“…ช่วงนั้นฉันอยู่ในรถ กำลังจะมาที่นี้ ” ลูกของครูผู้ตายตอบเนตร
“ แล้วมาถึงที่นี้กี่โมงล่ะครับ ”
“ ประมาณ 12.40น.ไม่เชื่อก็ถามยามที่อยู่หน้าประตูนั่นสิ” เนตรจึงดูไปที่กระดาษรายชือที่เขาจดมาจากยาม พบว่าเป็นความจริงตามที่ลูกของครูผู้ตายนั้นกล่าวมาเนตรสังเกตุไปนิ้วนางซ้าย ที่เป็นแผลของ นาง อมรจิตร พบว่านางอมรจิตรเกาแผลเบาๆ
“ แผลนั่น ไปโดนอะไรมาหรือครับ ” เนตรถาม นา อมรจิตร
“ อ่อแผลนี้หรือพอดีเมื่อวานฉันทำอาหารแล้วมีดมันบาดมือน่ะ ” เมื่อเนตรได้ยินคำตอบก็ทำหน้าครุ่นคิด
“ ขอบคุณครับ เชิญคนต่อไปครับ คุณครู ไชยเชษฐ์ช่วงเวลา 12.00 น. คุณครูอยู่ที่ไหนครับ”
“ พอดีช่วงนั้นครูปวดท้องน่ะเลยไปเข้าห้องน้ำหน้าห้องนี้น่ะ ”เนตรส่งสัยแล้วถามต่อไปอีก
“ แล้วทำไมถึงไม่เข้าห้องน้ำในห้องพักครูล่ะครับ”
“ครูเกรงใจคนในห้องน่ะเดียวกลิ่นมันออก ” เนตรมองไปที่ ข้อมือซ้าย ของ ครูไชยเชษฐ์ ครู ไชยเชษฐ์ เห็นเนตรมองมาเลยตอบกลับไปก่อนที่เนตรจะเอ๋ยถาม
“ แผลนี้หรือ ครูไปเล่นบาสมาน่ะช่วงก่อนพักเที่ยง”
“ แล้วครูพอจะอธิบายได้รึเปล่าว่าแหวนแต่งงานของคุณครูไปอยู่ในมือของครู ขวํญขาวได้อย่างไร ” เนตรถาม
“ ดายอิ้ง เมสเสจ…” เสียงของครู บุษบาดังขึ้น
“ เจ้าครู ไชยเชษฐ์ น่ะฉันได้ยินว่ามันมีปากเสียงกับ ขวัญขาวบ่อย มันอาจเป็นต้นเหตุก็ได้นะ ” ครูบุษบาพูดอย่างเยาะเย้ย
“ ขอโทษนะครับเมื่อวานผมได้ข่าวมาว่าคุณครู ขวัญขาว ไปทวงเงินของครู ที่ห้องพักครู คณิตศาสตร์เลยนิ่ครับ ” ครู ไชยเชษฐ์ พูดย้อนกลับ ครู บุษบา
“ อะแฮ่ม! ” เสียงของเนตรดังขึ้นขัดการทะเลาะของครูทั้งสอง
“ จะบอกได้รึยังครับ ครู ไชยเชษฐ์เรื่องแหวน น่ะครับ ”
“ อ่อ พอดีครูถอดไว้ที่โต๊ะทำงานน่ะก่อนจะไปเล่นบาส ”
“ ขอบคุณครับ ” เนตรหันไปหา ครู บุษบาซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่จะต้องสอบปากคำ
“ เมื่อเวลา…. ” เนตรยังถามไม่จบ ครู บุษบา ก็พูดขึ้นมา
“ ช่วงเวลาพักเที่ยงครูออกไปทำธุระข้านอกน่ะ พอดีต้องเอาของไปให้ พวกคณะครู อังกฤษที่ไปดูงานข้างนอกน่ะ แต่ ครู ไชยเชษฐ์ โทรตามฉันเลยต้องรีบกลับมาก่อนถามยามคนนั้นได้เลย ” คำพูดของครูบุษบาเป็นความจริงทั้งหมดเนตรเริ่มคิดอีกที ในขณะที่เนตรกำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเสียงโทรศัพท์ของเนตรเอง เนตรรีบรับสายทันทีโดยไม่ทันดูชื่อและเบอร์ที่โทรเข้า
“ ฮัลโล! ” เนตรรับสายด้วยความตื่นเต้น
“ กระตือรือร้น จริงๆนะ พ่อนักสืบ ” เสียงที่เนตรได้ยินเป็นเสียงของลินทำให้ความตื่นเต้นของเนตรหายไปหมด
“ มีไร ” เนตรถามอย่าไร้ความรู้สึก
“ เนตรยังไงก็ฝากซื้อน้ำเปล่า ขวดนึงให้ฉันหน่อยนะ ”
“ยัยบ้าเอ๊ย ฉันกำลังทำคดีอยู่นะ ” เนตรตอบอย่างเบื่อหน่าย
“ เดี๋ยวนายก็ไม่ได้ทำล่ะเพราะเดี๋ยวตำรวจก็จะมาถึงละ!” ลินพูดสายเสร็จก็ตัดสายทิ้งทันที
“ มาซักที ” เนตรพูดด้วยความดีใจ เบาๆกับตัวเอง
หลังจากเนตรวางโทรศัพท์ เนตรก็เริ่มราง แผนผังสถานที่เกิดเหตุและบริเวณรอบๆ
เนตรยืนคิดอยู่ครู่นึงไม่นานเสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้น
เสียงไซเรนของรถตำรวจที่แล่นเข้ามาภายในโรงเรียนทำให้นักเรียนที่เรียนอยู่ภายตึกต้องโผล่หน้าออกมาดูต้นเสียงนั่น รถตำรวจที่แล่นเข้ามามีอยู่ สามคัน สองคันหน้าเป็นรถตำรวจ หนึ่งคันหลังเป็นรถของกองพิสูจน์หลักฐานรถทั้ง สามคันได้เข้ามาจอดข้าง สนามฟุตซอล รถทั้งสามจอดลงสนิท เสียงเปิดประตูของรถตำรวจคันแรกดังขึ้นมีตำรวจ สอง นายเดินลงมา นายแรกที่ลงมาจากทางด้านคนขับ เป็นนายตำรวจ ยศสัญญาบัตรที่มีดาวประดับบ่าสามดวง สวมเครื่องแบบ ครบทุกอย่างจดกระดุมทุกเม็ด สวมถุงมือขาวอย่างเรียบร้อย
ร้อยตำรวจเอกธีรพงษ์ ต้นกล้า หรือ ผู้กองพิน อายุ 31 ปีสูงประมาณ 180 เซนติเมตร จากแผนสืบสวน สอบสวนคดีอาชญากรรม รูปร่างท่าทางหน้าตาดูดีไปหมด ตาดำคมคิ้วหนาได้รับการจัดแต่งมาอย่างดี ปากเรียวบาง สันจมูกโด้งเหมือนชาวตะวันตก ผิวขาวมีแขนและหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้าม ผมสั้นพอประมาณ ผมหน้าปัดไปทางด้านขวาอย่างเรียบร้อยแสดงให้ถึงความเนียบและเป็นคนเจ้าระเบียบ
อีกคนที่ลงมาทางด้านคนนั่ง เป็นนายตำรวจ ยศสัญญาบัตรเหมือนกันแต่มีตำแหน่งสารวัตร
พันตำรวจตรีสิทธิชัย ลือนาม หรือ สารวัตรสิน อายุ 45 ปี สูงประมาณ 182 เซนติเมตร จากแผนสืบสวน สอบสวน คดีอาชญากรรม สวมชุดสูตรสีดำ ที่กระเป๋าสูตรด้านซ้ายของเขามีบัตรประจำตัวตำรวจติดอยู่ เสื้อเชิ้ดข้างในสีฟ้าอ่อน เนคไทสีแดงเลือดหมูล้วน สวมรองเท้าหนังสีดำที่ขัดมาอย่างดี จนเงามันราวกับกระจก รูปร่างหน้าตาถึงจะแก่แต่ก็ยังดูดีไปทุกส่วนอกและแขนเต็มไปด้วยกล้ามที่เป็นมัดๆ ผมหยักศกขาวโพลนทั่วทั้งหัว คิ้วหนาสวมแว่นกันแดด ไว้หนวด คล้ายกับหวีที่โดนคว่ำ ปากไม่บางไม่หนาซึ่งดูยังไงก็ดูดีไปทุกส่วน
ตามมาด้วยรถคันด้านหลังซึ่งมีนายตำรวจลงมาทางด้านคนขับเพียงคนเดียว เป็นตำรวจ ยศชั้น
ประทวนเพียงคนเดียวในทีมตำรวจนี้พลตำรวจ สุรีย์ ชัยสืบ หรือ สืบ อายุ 22 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร จากแผนสืบสวน สอบสวนคดีอาชญากรรม รูปร่างหน้าตาดูตรงข้ามกับ สองคนแรก ผิวขาวซีด ผมดำสั้นดวงตาดำปรื่อๆปากบาง จมูกดูเหมือนคนปกติทั่วไป สวมเครื่องแบบตำรวจโดยปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก พอให้เห็นเสื้อยืดขาว ขอบแดง
รถคันด้านหลังเป็นรถตู้สีขาวมีสติกเกอร์ติดด้านข้างรถที่เขียนว่า กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจนครบาลพร้อมกับมีสัญลักษณ์ของตำรวจติอยู่ข้างๆ ตัวหนังสือนั่น โดยมีคนจากกองพิสูจน์หลักฐาน เดินลงมาจากรถตู้ เจ็ด คน ทุกคนสวมเสื้อแจ็คเก็ต และหมวกสีดำที่เหมือนกันโดยมีตัวหนังสือ สีเหลืองด้านหลังแจ็คเก็ต กับหน้าหมวก เขียนว่ากองพิสูจน์หลักฐาน
หลังจากที่พวกตำรวจพร้อมกันหมดแล้วตำรวจยศ สัญญาบัตรทั้ง สอง คน ก็เดินตรงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยตำรวจ ยศร้อยเอก ได้ถามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งสามคน
“ มีใครเข้ามายุ่งสถานที่เกิดเหตุรึเปล่าครับแล้วคนที่แจ้ง….” ตำรวจหนุ่มคนนั้นยังถามไม่จบ ทั้ง สามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ชี้เข้าไปยังในห้องที่เกิดเหตุทันที ในห้องนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งกำลังมองไปที่ศพอย่างใจจดใจจ่อ แต่ต้องสะดุ้งตัวเนื่องจากมีใครเอามือไปแตะที่ไหล่ขวาของเขาเนตรหันไปดูเจ้าของมือนั่น มือที่แตะไหล่ของเขา ก็พบว่ามีชายแก่แต่เต็มไปด้วยความเท่ ยืนอยู่ด้านหลังของเขา เนตรมองไปยังบัตรประจำตำรวจ ทำให้เนตรรู้ว่าพวกตำรวจได้มาถึงกันแล้วตำรวจแก่คนนั้นถอดแว่นตาดำของเขาออกมา ตาดำที่คมกริบดังเหยี่ยวจ้องลงไปที่ดวงตาของเนตร
“ เจ้าหนูขอบใจนะที่ดูแลสถานที่เกิดเหตุให้ ต่อไปนี้ทางตำรวจจะจัดการต่อเอง หวังว่าคงไม่ได้แตะอะไรนะ ” ตำรวจแก่บอกไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น
“ สารวัตรสิน!” เนตรตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ตำรวจแก่คนนั้นต้องถึงกับงง เพราะที่บนบัตรประจำตัวของเขาก็ไม่ได้เขียนชื่อเล่นติดไว้จึงทำให้ตำรวจแก่คนนั้นมองไปที่ ชื่อและนามสกุลของเนตร
“ เพทาย รัตนชาติ ” ตำรวจแก่คนนั้นเรียกชื่อออกมาเบาๆ
“ รัตนชาติ!!! ”ตำรวจแก่คนนั้นตะโกนนามสกุลของเนตรออกมาดังลั่น
“ระ…ระ…หรือว่านี้จะเป็น ” ตำรวจแก่คนนั้นถึงกับเหงื่อตก
“ ลูกชายของ ผู้การ สุกันตญา รัตนชาติ! ” ทุกอย่างจู่ๆก็เงียบขึ้นมาทันใดแต่ก็ถูกสอดด้วยเสียงตำรวจหนุ่มที่มี ยศร้อยเอก
“ ช่วยออกไปที่เกิดเหตุด้วยครับที่นี้ไม่ใช้สนามเด็กเล่น แล้วเอาสมุดจดที่จดเกี่ยวกับคดีนี้มาให้ผมด้วย ”
เนตรล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเอาบัตรผ่าน โชว์ให้ ผู้กองหนุ่อมคนนั้นดู
“ บัตรนั่นน่ะจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อตำรวจที่ทำคดีนั้น อนุญาต แต่สำหรับฉันคือไม่ อนุญาต”
“ แต่ผมจะรู้ตัวคน….” เนตรพูดยังไม่จบประโยค ตำรวจคนนั้นก็ยื่นหน้ามาที่เนตรโดยที่หน้าของเขา ห่างกับหน้าของเตร ไม่ถึง ห้า เซนติเมตร ตาของตำรวจหนุ่มนั้นจ้องมาที่ดวงตาของเนตรจนทำให้เนตรต้องล้มลงไป แล้วยอมแพ้ออกจากที่เกิดเหตุ แล้วเอาเบาะแสทั้งหมดส่งที่ตำรวจหนุ่มคนนั้นอย่างไม่เต็มใจซักเท่าไร
เนตรถอนหายใจแล้วเข้าไปในร้านค้าเพื่อซื้อน้ำเปล่าตามที่ลินสั่งมาหลังจากที่เนตรซื้อเสร็จและกำลังจะขึ้นไปยังห้องเรียนอยู่นั้นพวกเพื่อนๆของเนตรก็ลงมาพอดีเนตรเห็นลินลงมา จึงเรียกแล้วโยนขวดน้ำไปให้ลืนรีบใช้มือขวารับแล้วเอามือซ้ายรองกันขวดน้ำตก
“ ส่งให้ดีๆ ก็ได้ย่ะ! ” ลินตอบแล้วก็เดินหนีหน้าเนตรไป
เนตรเดินตามเพื่อนๆที่จะไปเรียนคาบต่อไป วิชาต่อไปนั้น คือ วิทยาศาสตร์ เพิ่มเติมต้องไปเรียนยังตึกวิทย์ซึ่งอยู่หน้าสุดของโรงเรียนเนตรมองไปที่พิชัย ที่กำลังโยนลูกเทนนิสอยู่ในมือขวาทั้งๆที่โยนแล้วหล่นก็ยังจะเก็บมันมาโยนอีกแล้วก็ใช้คอของเขาเป็นที่ห้อยกระเป๋าผ้าของเขา
“ อะไรกันพ่อนักสืบโดนตำรวจไล่ออกมาล่ะสิ ” ลินถามอย่างเยาะเย้ย
“…อืม….ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก” เนตรตอบลินอย่างคนเบี่อโลก โดยที่ไม่ได้มองหน้าลินแม้แต่นิดเดียว
“ เอาเถอะน่าเนตรปล่อยให้พวกตำรวจเค้าจัดการกันเองแหละดัแล้ว อุปกรณ์พิสูจน์หลักฐานเราก็ไม่มีเราทำเองไม่ได้หรอก ” ภาพูดคล้ายปลอบใจเนตร แต่ดูเหมือนเนตรจะไม่ได้สนใจคำพูดของภาแม้แต่น้อยเขายังคงเดินมือล่วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าคิดเรื่องคดีอยู่
“ นี้ภา โจทย์คณิตฯเมื่อกี้ดูเหมือนจะซับซ้อนนะ แต่ความจริงถ้าเราสังเกตุตัวโจทย์ดีๆมันง่ายมากเลยล่ะ คล้ายกับ เส้นผมบังภูเขาเลยเนอะ ” ลินพูดกับภาขณะที่กำลังเดินอยู่
“….อืมม.…นั้นสินะ! ”ภาอุทานด้วยความตกใจ
“ เอออ…จริงสิเนตร! ” พิชัยดูเหมือนจะคิดอะไรได้เลยพูดออกมา
“…มีไรล่ะ…..”
“ ฉันลืมบอกอะไรนายไปอย่างน่ะมีดที่แทงครู ขวัญขาวน่ะ ดูเหมือนจะเป็นมีดของคครู ไชยเชษฐ์ นะพอดีตอนที่ฉันจะมาที่โรงอาหาร ฉันเผอิญเดินชนกับครู ไชยเชษฐ์เข้า แล้วมีดที่อยู่ในมือครูก็ตกลงมาแถมดูเหมือนครูจะรีบร้อนมากเลยด้วย ”
เนตรหยุดเดินเพราะคำพูดที่พิชัยพูดออกมาแล้วดูเหมือนจะคิดอะไรออกแล้วด้วย
“ ทำไมนายถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะ ”
เนตรพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที
“ ใช้จริงๆ ด้วยมีอยู่คนหนึ่งที่กำลังโกหกอยู่…ถ้าข้อสันนิฐานของเราเป็นจริงล่ะก็ต้องมีสิ่งนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุแน่ๆ! ”
ไขคดี
หลังจากที่เนตรได้ยินคำพูดของพิชัย เนตรจึงรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุทันที โดยแอบผ่าน พวกกองพิสูจน์หลักฐานและเชือกกั้น เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ เนตรรีบมองไปที่พื้นข้างศพ ก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้าลอยเลือดที่ถูกเช็ดออกเนตรมองไปที่ลอยเลือดนั่น และก็เป็นไปอย่างที่เนตรคิดที่ใกล้ๆรอยเลือดนั้น มีหยดเลือด ซึ่งกว้างประมาณ 2 เซนติเมตรหยดอยู่หนึ่งหยด เนตรยิ้มออกมานิดๆ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของ ผู้กองพิน
“ เฮ้!!! นี้แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลยเหรอ” ผู้กองหนุ่มผู้ขึ้น ด้วยความโมโห
“ ผมรู้แล้วล่ะตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมนี้ ” สารวัตร สินซึ่งไปตรวจสอบห้องพักครูด้านใน โผล่หัวออกมา ด้วยความสนใจคำพูดของเนตร
“ เห!! จริงดิ ” สารวัตรสินพูดขึ้น ด้วยความตื่นเต้นแล้วเดินมายังที่เนตร
“ ไหนลองบอกข้อสันนิฐานมาซิ เจ้าหนูรัตนชาติ ” สารวัตรสินดูเหมือนจะเริ่มสนใจในตัวของเนตร แต่กลับกัน ผู้กองพิน เริ่มชักจะรำคาญใจ เนตร
“ ได้เลยครับแต่ผมขอไปเรียกเพื่อนในห้องของผมทั้ง 39 คนมาที่นี้ก่อนเพื่อเป็นพยานในการไขคดีของผมและก็ลุงยาม ที่อยู่หน้าประตูโรงเรียนที่เป็นพยานคนสำคัญ” เนตรพูดเสร็จก็มองไปที่หน้าของผู้กองพิน
“ ได้! ไปพาเพื่อนของแกมาที่นี้เลย” ผู้กองหนุ่มดูเหมือนว่าจะยอมแพ้ให้แก่เนตรจึงยอมให้เนตรทำตามคำพูดของเขา
หลังจากที่เนตร ไปพาตัวเพื่อนๆของเขามา ยังที่เกิดเหตุเนตรจึงเริ่มต้นทำการไขคดี
“ ผมขอเริ่มเลยนะครับเริ่มที่ผู้ต้องสงสัยคนแรก คุณ อมรจิตร ลูกของผู้ตาย ” เนตรมองไปที่ นาง อมรจิตร ยืนอยู่แล้วหันไปหาลุงกองพิสูจน์หลักฐานที่กำลังดูศพอยู่
“ ลุงครับได้เวลาตายรึยังครับ ”
“ อื้มได้แล้วล่ะเจ้าหนูช่วงเวลาตายประมาณ เที่ยงกับอีกยี่สิบนาที ”
“ ขอบคุณมากครับลุง ” เนตรหันกลับไปมองผู้ต้องสงสัยคนแรกของเขา
“ จากที่ผมทำการสอบปากคำในช่วงพักเที่ยง คุณ อมรจิตร ไม่ได้อยู่ในโรงรียน แต่คุณ อมรจิตรเข้ามาอยู่ในโรงเรียนในช่วงเวลา เที่ยงกับอีกสี่สิบนาที ใช่มั๊ยครับลุงยาม ”
“ อะ…อื้มใช่แล้วล่ะเจ้าหนูนางหนูนี้เข้ามาในโรงเรียนช่วงเวลาประมาณ เที่ยงสี่สิบ นี้แหละ ”
“ อะ…อื้มใช่แล้วล่ะเจ้าหนูนางหนูนี้เข้ามาในโรงเรียนช่วงเวลาประมาณ เที่ยงสี่สิบ นี้แหละ ”
เพื่อนๆของเนตร ที่เห็นเนตรกำลังทำการสืบสวน ก็ต้องอึ้งไปตามๆกันและก็คงจับตาดูเนตรอย่างตาไม่กระพริบ
“ ผมขอตัด คุณ อมรจิตรจากการถูกเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากเวลาที่คุณ อมรจิตร เข้ามาในโรงเรียนนี้เป็นเวลาที่ผู้ตาย ได้ตายไปแล้ว ” นางอมรจิตรเมื่อได้ฟังคำพูดจากดนตรก็ทำท่าโล่งอก สารวัตร สิน ยิ้มให้เนตร เหมือนกับกำลังจะบอกว่าดีมากนายมาถูกทางแล้วล่ะ
“ ผู้ต้องสงสัยคนที่ สอง ครูบุษบาครูบอกว่าครูออกไปทำธุระข้างนอก ช่วงพักเที่ยงใช่มั๊ย จริงรึเปล่าครับ ลุงยาม ”
“ ถั่วต้มเลย เจ้าหนู ”
“ เพราะฉะนั้นครู บุษบาจึงไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะครูออกไปนอกโรงเรียน ก่อนที่เหตุจะเกิดขึ้น ”
ครูบุษบา ถอนหายใจ แล้วทุกคนก็มองไปยัง ครู ไชยเชษฐ์ สายตาทุกดวงต่างจับจ้องไปยังที่ครู ไชยเชษฐ์ ยกเว้น เนตร คนเดียวที่ไม่ได้มองไปทางนั้น
“ ระ…หรือว่า… ” นาง อมรจิตร ถามมองไปที่ เนตร
“ ไม่ใช่หรอกครับ ” เนตรพูด ออกมา ทำให้ทุกคนถึงกับงงเพราะครู ไชยเชษฐ์ นั้นก็เป็น ผู้ต้องสงสัยคนสุดท้าย แล้วไม่มีใครแล้วอีด้วย
“ เฮ้ๆ หนู อย่าบอกนะว่าผู้ต้องสัยมีอีกคนน่ะ” สารวัตรสินมองไปที่เนตร
“ แล้วใครล่ะคนร้ายในคดีนี้ ” ผู้กองพิน พูดขึ้น
“ ตอนแรกผมก็เชื่อว่า ครู ไชยเชษฐ์ต้องเป็นคนร้ายแน่ๆ แต่สิ่งนึงที่ทำให้ผมไม่มั่นใจก็คือแหวนหมั่นของครูที่อยู่ในมือของผู้ตาย ”
“ แหวน นั้นเหรอ ” สารวัตร สิน เดินไปดูมือของผู้ตาย
“ ลองดูที่มือ ผู้ตายดีๆสิครับมือที่กำแหวนไว้น่ะ ” สารวัตร สิน มองดูที่มือตามคำพูดของเนตร และดูเหมือนว่า สารวัตร จะเจออะไรซักอย่างและก็คิดอะไรออกแล้วด้วย
“ น่ะ…นี้มัน” ผู้กองพิน เห็นท่าทางของ สารวัตรสินจึงไปดูด้วยคน
“ !? ”
“ สะอาดดีใช่มั๊ยล่ะครับมือของผู้ตายน่ะ ทั้งๆที่ หน้าจะมี ร่องรอยของการ กดทับของแหวนอยู่ ”เพื่อนของเนตรบางคน ถึงกับงง
“ เอ๋ แล้วมันยังไงเหรอเนตร ” เด็กคนหนึ่งในห้อง ม.4/1 ถามเนตรด้วยความสงสัยและอยากรู้
“ เดี๋ยวจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลยละกันนะ เคยเห็นคนผู้คอตายมั๊ยล่ะ มันก็คล้ายๆกันน่ะแหละ คือช่วงที่เชือกรัดน่ะจะทำให้เลือดไหลไปยังที่อื่นๆไม่ได้ แล้วพอตายเลือดก็จะหยุดไหลเวียนจึงทำให้เลือดที่โดนเชือกรัด ขังอยู่ตรงนั้น ทำให้เกิดรอยที่ต้นคอเหมือนกับแหวนนี้ไงล่ะจึงทำให้สรุปได้เลยว่าคนร้าย หน้าจะนำแหวน ยัดใส่ในมือของผู้ตายหลังที่ตายไปแล้วจึงไม่มีรอยของแหวนกดทับ เพื่อให้เป็นเหมือนกับจดหมายก่อนตายบอกตัวคนร้าย ยังไงล่ะ”
เพื่อนในห้องของเนตร เมื่อฟังจบก็ถึง บางอ้อ เลยทีเดียว
“ แล้วนายมั่นใจได้ยังไงล่ะว่าแหวนวงนั้นน่ะ ครู ไชยเชษฐ์ ไม่ได้เป็นคนยัดเข้าไปในมือของผู้ตายเองเพื่อเป็นการว่า เขาถูกใส่ร้ายแล้วจะได้รอดจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ” ผู้กองหนุ่ม พูดแย้ง เนตร
“ นี้แหละ ที่ทำให้ตัวผมยังคงลังเลใจจนผมไปเจอหลักฐานอีกชิ้นนึง ที่ทำให้ผมตัด ครู ไชยเชษฐ์ ออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย” ผู้กองพิน มองไปที่ หน้าของเนตร
“แล้วไหนล่ะ หลักฐานที่นายว่ามา ” เมื่อเนตรได้ยินคำพูดของผู้กองเนตรจึงชี้ไปตรงที่เลือดถูเช็ดออก
“ ดูที่ข้างๆ รอยเลือดนั่นดีๆสิครับ ”
“ เอ๊ะ!หยดเลือด” ผู้กองพิน พูดออกมาสารวัตรสิน จึงเข้าไปดูอีกคนแล้วก็วิเคราะห์หยดเลือดหยดนั้น
“ อืม ดูจากหยดเลือดนี้แล้วน่าจะไม่ใช่ของผู้ตาย เพราะเลือดส่วนใหญ่จากการโดนแทง จะกระจาย ไม่เป็นทิศเป็นทางแถมจะไม่เป็นวง อีกต่างหาก งั้นแสดงว่าเลือดเป็นของ ”
“ คนร้าย อย่างงั้นเหรอ ” ผู้กองพินพูดออกมา แทน สารวัตรสินแล้วจากนั้น ผู้กองพิน ก็หันไปถามเนตร
“ นายคงจะรู้แล้วสินะ ทั้งอุบายในการฆ่าและที่มาของหยดเลือดนี้ ”
“ ครับ แล้วก็ ปริศนาต่างๆของดดีนี้ผมจะอธิบายให้ฟัง ให้มันจบๆไปซะทั้งเรื่องทำไมกระเป๋าเงินของผู้ตายที่ทำไมถึงตกไปอยู่ที่ใต้โต๊ะได้” เอาล่ะการไขคดีนี้ใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้ว
“ เริ่มจากช่วงเวลา ก่อนพักเที่ยงคนร้ายเข้ามาที่ห้องนี้ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างจึงทำให้คนร้ายเห็นโอกาศที่จะทำตามแผนของตน โดยการแอบเอากระเป๋าเงิน ในกระเป๋าสะพายของครูออกมาแล้วทำไปวางที่ใต้โต๊ะทำงานของครู เพื่อซ่อนไม่ให้ ผู้ตายเห็น” ผู้กองพิน ตะหงิดใจ เลยถามไปที่ เนตร
“ แล้วทำไมคนร้ายถึงต้องทำอย่างนั้นด้วย ไม่แทงให้จบๆ เลยจะดีกว่าหรือ ”
“ ไม่ได้ครับ เพราะมันยังไม่ถึงช่วงเวลาพักเที่ยงอาจจะมีใครมาเห็นเข้า คนร้ายจึงใช้ อุบายในการพักเที่ยงนี้แหละฆ่าผู้ตายเพราะในช่วงเวลานั้น ทุกคนต่างก็อยากจะพัก จึงทำให้บริเวณอื่นๆไม่มีคน นอกจากใต้ร่มไม้หรือโรงอาหาร ทำให้ห้องต่างๆไม่มีคนอยู่ รวมทั้งห้องพักครูห้องนี้ดวยคนร้ายเลยใช่กระเงินนี้แหละล่อผู้ตายมาเพียงลำพัง ” สานวัตรสิน ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ เมื่อผู้ตาย จะไปซื้ออาหารและพบว่ากระเป๋าเงินของตนหาย อย่างแรกก็คงต้องหาด้วยตัวเองก่อนเลยมาหาที่ห้องทำงานของตน คนร้ายจึงสวมชุดกันฝนในห้องนั้นแล้วรอผู้ตายมาพอได้จังหวะจึงเริ่มสังหาร แต่ในความที่เป็นครูพละ ถึงจะแก่แค่ไหนก็ยังคงมีความคล่องตัวจึงปัดมีไปโดนที่ฝามือของคนร้าย แต่สุดท้าผู้ตายก็พลาดท่า โดนแทงเข้ามาที่หน้าอกแต่ที่ทำให้แทงไม่มิดด้ามก็เพราะว่า คนร้ายใช่มือข้างเดียวในการแทง เพราะกลัวว่าเลือดของตนที่โดนมีดบาดจะไปเปื้อนที่ด้ามมีดแต่สุดท้ายเลือดของตนก็ไปหยดที่พื้นห้องด้วยความรีบร้อน เขาจึงใช้บางอย่างเช็ดซึ่งผมคาดว่า น่าจะเป็นเสื้อกันฝนแต่ด้วยเวลาที่ไม่มากนัก ทำให้เหลือเลือดอีกจุด ซึ่งก็คือจุดนี้จากนั้นคนร้ายก็นำชุดไปทิ้งในถังขยะในห้องของ ครู ไชยเชษฐ์ แล้วเป็นช่วงบังเอิญ ที่เห็นแหวนของครูอยู้บนโต๊ะก็เลยกะจะใส่ร้ยซะเลย ” เนตรชี้ไปที่จุดต่างๆที่ตนพูด เพื่อให้มันดูเท่ๆ เหมือนในหนัง
“ งั้นคนร้ายก็ต้องมีแผลอยู่ที่ฝามือ ทุกคนออกไปคนหาทั่วโรงเรียนนี้เลย!!” สารวัตรสินสั่งอย่างเร่งรีบกลัวจะไม่ทันการ
“ ไม่จำเป็นหรอกครับเพราะคนร้ายน่ะอยู่ในห้องนี้แล้ว ” ทุกคนในพื้นที่เกิดเหตุที่ได้ฟังเนตร ต่างก็เงียบกริบเพื่อที่จะรอฟังคำตอบจากเนตรเนตรล่วงไปที่กระเป๋ากางเกงของเขาแล้วหยิบมือถือขึ้มาและโยนมือถือไปที่ พิชัย ด้วยความตกใจ พิชัยจึงใช่มือด้านซ้ายของเค้ารับ แต่ด้วยสาเหตุใดไม่รู้ทำให้พิชัยต้องปล่อยมือถือของเนตรลง ตกบนลงที่พื้น
ความเจ็บปวด ใช่ พิชัยกุมมือด้านซ้ายของตนด้วยความเจ็บปวด
“ ไช แผลนั้น นายได้มันมาได้อย่างไร ”
“ อะ…อ๋อแผลนี้เหรอฉันโดนตะปูใต้โต๊ะบาดน่ะ ” เนตร ยิ้ม เมื่อได้ฟังคำตอบจาก พิชัย
“ อย่างงั้นเหรอ…ไชรู้มั๊ยว่าตอนนี้นายน่ะได้สารภาพออกมาแล้ว ถ้าทางกองพสูจน์หลักฐาน ตรวจดีเอ็นเอของนายแล้วมันดันไปตรงกับหยดเลือดนั้น มันจะทำให้ตัวนายไม่สามารถที่จะแก้ตัวได้ ใดๆทั้งสิ้น ”
ลมที่พัดมาทำให้ เสียงของใบไม้และกิ่งไม้กระทบกันดังและเป็นดั่งตัวที่บอกว่า พายุฝนจะพัดเข้ามาอีกระรอกนึง
“ เนตรนายรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่า ฉันเป็นคนร้าย ” พลตำรวจที่ยืนอยู่ด้านหลังพิชัย ล้วงเอากุญแจมือออกมาเพื่อที่จะจับ พิชัย ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตรตรองไว้ก่อน
“ ฉันรู้ตัว ตอนที่ฉันสอบปากคำ ครูบุษบา ครูบอกว่า เอาของไปให้ คณะครู อังกฤษ ที่ไปดูงานข้างนอก งั้นก็แสดงว่าวันนี้ครู อักฤษไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเลยซักคน ใช่มั๊ยครับ ครู บุษบา ”
“ อื้ม ใช้แล้วล่ะ ไม่มีใครอยู่ซักคน ”
“ ไช แต่นายกลับ บอกว่าจะไปหาครู อังกฤษเพื่อนทั้งห้องเราต่างเป็นพยานได้เลยนะ ว่านายพูดแบบนั้น ออกมาจริงๆและคนที่เข้าใกล้กระเป๋าสะพายของ ครูขวัญขาว มากที่สุดก็คือนายนั้น แหละในตอนที่ ครูใช่นายให้ไป ถือของ แล้วจุดที่ทำให้ฉันมั่นใจก็คือ นายบอกว่ามีดที่ปักอยู่ ที่ผู้ตายนั่นเป็นของครูไชยเชษฐ์ นายรู้ได้ไงล่ะ ” เนตรหันไปถามครูไชยเชษฐ์
“ ด้ามมีดของครูน่ะพันด้วยกระดาษทิศชู่เหรอครับ ”
“ไม่นิ่ ” เนตรก้มลงไปที่มีด แล้วนำกระดาษทิษชู่ที่พันออก
“ นี้มัน!มีดของฉันนี้!! ” ครู ไชยเชษฐ์ พูดออกมาด้วยความตกใจแต่เนตร หันไปมองที่ พิชัยแทน
“ แล้วเรื่องแผลที่ มือนี้ล่ะ ” พิชัย อยากเห็นความสามารถ ของ เนตรเขาจึงถาม ทุกอย่างก่อนที่จะไม่ได้ถาม
“ อันนี้ผมเดาเองแหละ ”
“ เอ๋!!!” ทุกคนต่างร้องออกมาเป็นเสียง เดียวกัน
“ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเลือดน่ะหยดมาจากมือข้าไหน แต่ที่ผมรู้ก็คือ ความช่างสังเกตของผมผมสั่งเกตลักษณะการถนัดมือของนาย ตอนที่ นาเข้ามาในโรงอาหารน่ะมือซ้ายนายถือกระเป๋า แต่ตอนล่าสุด ไช นาย เอากระเป๋าคล้องคอ และ มือขวาขว้างลูกเทนนิสแต่ตอนที่นายขว้าง ลูกเทนนิสอยู่นั้นฉันเห็น นายทำมันตกอยู่หลายรอบฉันจึงเดาได้เลยว่านายถนัดซ้าย แต่ถ้านายถนัดซ้ายแล้วทำไมถึงยังใช้มือขวาขว้างลูกเทนนิสต่อ มันทำให้ฉัน เดาได้เลยว่ามือซ้ายของนายต้องมีปัญหาแน่ๆ” ขณะที่ ตำรวจจะพา พิชัยขึ้รถ พิชัยก็ยิงคำถามถามมาที่เนตรเป็นคำถาทสุดท้าย
“ แล้วถ้าตอนนั้น ตอนที่นายโยนมือถือมาและฉันใช่มือขวารับล่ะ”
“ ไม่มีทางหรอกเพราะการตอบสนองฉับพลันน่ะ ยังไงนายก็ต้องใช้มือข้างที่ใช่บ่อยรับมันอยู่ดีเพราะมันติดอยู่ใน จิตใจของนายแล้วไง ” เนตรพูดพร้อมกลับมองไปที่ ลิน ก่อนที่จะกลับมา มองที่พิชัยตามเดิม
ไม่มีคำถามใดๆ ออกมาจาก พิชัยอีกทั้งแรงจูงใจในการฆ่า เพราะตอนนี้ พิชัย อยู่ในรถตำรวจที่ติดฟิล์มทึบจนมองไม่เห็นข้างใน และพร้อมที่จะเดินทางกลับไปยัง สน. ส่วนศพของ ครู ขวัญขาว ก็ถูกหอด้วยผ้าสีขาวแล้วนำขึ้นรถของกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อจะนำไปไว้ที่โรงพยาบาล สายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆทุกคนก็กลับไปทำหน้าที่เดิมของตนตามปกติ ราวกับว่าไม่มีอไรเกิดขึ้น
เริ่มต้น
เนตรมองไปที่มือถือของตนที่ล้วงลงมาจากการโยน พิสูจน์เมื่อกี้
“ อ้า เปิดได้แล้ว ” ดูเหมือนเนตรจะดีใจที่มือถือของตนยังใช่งานได้อยู่
“ สุดยอดไปเลยนะเนตรที่รู้ตัวคนร้ายน่ะถึงจะเสียใจที่เป็นเพื่อนเราก็เถอะ ” ภาพูดพร้อมมองไปที่มือถือของเนตร
“ แล้วทำไมนายไม่ใช้อย่างอื่นทดสอบล่ะ ” เสียงที่ทำให้ เนตรรู้สึกเบื่อๆขึ้นมา ต้นเสียงนั้น คือ ลิน
เนตรมองหน้าลิน พร้อมกับบอกว่า
“ ก็อยากเท่อ่ะนะ ” เนตรเดินผ่านลินไป พ้อมกระซิบเบาๆที่หู ของลิน
“ ขอบคุณนะ ” ลินดูท่าจะตกใจกลับคำพูดของเนตรเมื่อกี้เลยทำให้หยุดนิ่งไปชั่วครู่นึง ก่อนหันมาบอกเนตร เรื่องของตน
“ วันเสาร์นี้วันเกิดฉัน ถ้านายว่างก็มาได้นะ ภา ด้วย ” เมื่อ ภา ได้ยินก็ทำท่าดีใจใหญ่พร้อมกับถามเรื่องต่างๆจากลิน
กลิ่นไอ ของคดี ที่น่ากลัวกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
นักสืบคนโง่