ตอนที่ 3
march ofwar
10นาทีก่อนการเคลื่อนทัพกอบ:X้เบอร์ม็อกของฟราน
บารน์ : “ไว้ใจผมได้เลย ! นายบ้าไปแล้วเหรอ !นายอาจจะได้เป็นศัตรูกับคนแคว้นนี้ทั้งแคว้นเลยนะคิดดูให้ดีก่อนเถอะ”
ฟีโก้ : “ผมคิดดูแล้วนี้เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วผมมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เลือกที่จะหนีไม่ได้เหมือนคนอื่นเอาไว้สิ้นสุดเรื่องนี้แล้วผมจะบอก”
เนื่องจากมีเวลาจำกัดฟีโก้และบารน์ตัดสินใจแยกกันทำภารกิจของตนโดยฟีโก้จะเข้าไปคุยกับฟรานโดยตรงเพื่อถ่วงเวลาส่วนบารน์ก็จะวิ่งล่วงหน้าไปที่สะพานแล้วเผาสะพานทิ้ง
ฟีโก้: “คุณคงจะเป็นฟราน์แลนเนอร์ ใช่ไหม”
ฟราน์งุนงงเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีคนแปลกหน้ามาถามตนหัวหน้าหน่วยทะลวงฟันลูกน้องเขาก็งุนงงเช่นกัน
ฟราน : “ขอโทษนะไม่ทราบว่านายคือใคร”
ฟีโก้ : “ผมชื่อฟีโก้ ฟีโก้รีเจี่ยน ผมมีเรื่องสำคัญมาบอกคุณ”
ฟราน : “ว่ามา”
ฟีโก้ : “อยากให้คุณชะลอการเดินทัพในครั้งนี้ศัตรูของคุณเตรียมการจู่โจมด้วยอาวุธร้ายแรงสังเกตได้จากท้องฟ้าด้านหน้า”
ฟรานหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่าคำพูดของฟีโก้ขาดความน่าเชื่อถือ เฆมบนท้องฟ้าเป็นแค่เฆฆฝนประจำฤดูท่านั้นพร้อมสั่งทหารให้จับตัวฐานเป็นผู้ต้องสงสัย ฟีโก้ได้ประกาศฐานะของตนว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนอัลเลวิชพวกทหารว่าเขาโกหกแต่อดาเมอัสออกมายื่นยันตัวตนว่าเขาเป็นนักเรียนของอัลเลวิชจริงซึ่งเขาจะได้รับสิทธิคุ้มครองและได้รับการพิจารณาโทษจากสภาเมจเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นเขาต้องถูกควบคุมตัวที่แคมป์ไปก่อน
ฟีโก้ถูกขังในสุสานใต้ดินประจำหมู่บ้านมียาม2คนเฝ้าอยู่มีสีหน้าตื่นกลัวเล็กน้อยคงจะกลัวสภาพรอบๆในสุสานใต้ดิน
ยาม1 : “ทำไมเราต้องมาเฝ้าไอ่เด็กนักเวทย์ฝึกหัดนี่แทนที่จะออกไปตายอย่างกล้าหาญสร้างตำนานให้ลูกหลานฟัง”
ยาม 2 : “อย่าบนนักเลยน่าชั้นก็ไม่ถูกใจนักหรอกกับการมาอยู่ในที่ชวนขนลุกแบบนี้”
ยาม 1 : “แกกลัวละสิท่าจริงสินะในนี้มีเรื่องเล่าถึงผีอัศวินหัวขาดอยู่นี่นา”
ยาม 2 : “ไอ่บ้าคนยิ่งกลัวๆอยู่อย่าสร้างบรรยากาศสิวะ”
ขณะที่ทั้ง2กำลังคุยกันร่างของอัศวินที่สวมฮูดพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วยามคนแรกรีบตวัดดาบฟันไปที่ฮูดแต่เหมือนจั่วลมทั้งๆที่ฟันไปที่หัวแน่นอนทำให้ยามร้องแหกปากลั่นสุสาน อัศวินไร้หัว !ผีหลอก ผั้ว !กำปั้นเหล็กของอัศวินไร้หัวกระแทกคางอย่างจังจนยามคนแรกสลบ
ยามคนที่2ยกดาบกับโล่ขึ้นตั้งท่าพร้อมรบแต่อัศวินไร้หัวยกนิ้วชี้แล้วทำทำเสียงชู่วให้เงียบเสียงยามคนที่2เริ่มชะงักเพราะเสียงที่ได้ยินมันคุ้นหู
อัศวินไร้หัวถอดฮูดออกเป็นอดาเมอัสนั้นเอง
ยาม2 : “หัวหน้าทำไมมาช่วยไอ่เด็กนี่ครับยาม2ถามอดาเมอัส”
อดาเมอัส : “เขาอยู่ในแผนการของเราเรื่องลายละเอียดเอาไว้คุยกันที่หลัง”
เขาใช้ลูกกุญแจปลดกำไลที่ใช้สำหรับควบคุมตัวนักเวทย์ไขออกแล้วเริ่มอธิบายแผนการขั้นต่อไปให้ฟีโก้ฟัง
2นาทีให้หลังฟีโก้เดินลงไปในสุสานใต้ดินที่ลึกลงไปตามที่อดาเมอัสบอกชั้นวางโลงศพที่ตั้งเรียงรายแถวละ2ชั้นแม้จะดูแล้วน่าขนลุกแต่ฟีโก้ก็เห็นว่ามันได้รับการดูแลอยู่บ่อยครั้งเลยทีเดียวฟีโก้เดินไปยังจุดที่ลึกสุดของสุสานก็จริงแต่ปลายทางนั้นก็มีบันใดวนนำเขาไปสู่พื้นดินใกล้ๆสะพานตามที่อดาเมอัสบอกแต่เกิดเหตุประหลาดบางอย่าง
คริสตันสีแดงที่เขาขโมยมาจากโรงเรียนเริ่มสั่นในกระเป๋ากางเกงของเขาจากนั้นเหมือนกับเขาขยับตัวไม่ได้เล็กน้อยเขาเดินไปอีก2ก้าวแล้วก็ล้มแล้วลงอาเจียนเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขาหลังจากคายของเก่าจนหมดเขายืนพิงผนังอยู่พักหนึ่งแล้วเริ่มเดินต่อร่างกายของฟีโก้หนักอึ่งเกินกว่าที่ควรจะเป็นเขารู้สึกได้บางเวลาหายใจเข้าก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มหน้าอกแต่เขาก็ฝืนเดินต่อไปเพราะรู้ว่าถ้าน็อกลงตรงนี้คงจะไม่มีใครมาช่วยแน่ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงจุดที่ควรจะมีบันใดวนแต่กลับมีประตูเหล็กแทนเขาหลงทางรึเป็นไปไม่ได้สุสานนี้ค่อนข้างแคบและตรงตลอดทางเลี้ยวก็มีเหมือนกันแต่มันตันและมีแต่โลงศพจัดออกมาคล้ายห้องเล็กๆ
จู่ๆเขาเกิดความรู้สึกประหลาดกับประตูคล้ายๆว่าจะถูกห่อหุ้มด้วยเวทย์มนต์เขาจึงใช้พลังพิเศษที่ตาของเขากลายเป็นแสงสีฟ้ามันทำให้เผยให้เห็นโครงสร้างเวทย์มนต์ที่ล้อมประตูเขาไม่เคยเห็นโครงสร้างเวทย์มนต์แบบนี้มาก่อนมันไม่ซับซ่อนแต่แค่ไม่รู้จักมีอักษรเวทย์อยู่ในโครงสร้างของประตูเขาตัดสินใจประตูเขาเดินเข้าไปจับกลอนประตู....มันล็อกสนิทแต่เขาปล่อยมือจากกลอนประตูไม่ได้สมองของเขาสั่งการมือให้ปล่อยแต่เหมือนมือมันไม่ฟังคำสั่งของเขาแม้แต่น้อย
“ใครกันรบกวนเวลานอนของข้า !”
เสียงชวนขนลุกลอดผ่านบานประตูเหล็กออกมา
ฟีโก้พยายามถอนมือออกแต่ก็ยังนิ่งทั้งที่กระตุกมือสุดแรง
“เปล่าประโยชน์ถ้ายังไม่ตอบคำถามข้า” เสียงพูดต่อ
ฟีโก้รู้สึกได้ว่าไม่ควรโกหกจึงพูดความจริง
“ผมชื่อฟีโก้รีเจี่ยน เป็นจอมเวทย์ฝึกหัดของโรงเรียนอัลเรวิชแค่จะหาทางออกจากสุสานนี้เท่านั้น”
“โกหก!จอมเวทย์ฝึกหัดไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้แน่บอกความจริงไม่งั้นชีวิตเจ้าจักหาไม่”
ฟีโก้รู้สึกเหมือนมีบางอย่างในร่างกายถูกดูดออกไปเหมือนมีลำแสงสีขาวจากมือของเขาที่บางเบาถูกดูดผ่านลอดช่องประตูเข้าไปเขาเริ่มหมดแรงร่างกายที่หนักอึ่งอยู่แล้วหนักอึ่งเข้าไปอีกเขาต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเขาหยิบเอามือล้วงกระเป๋าพยายามจะหยิบยันต์เวทย์แต่นึกขึ้นได้ว่าโดนยึดไปหมดเขารีดเร้นพลังเวทย์ที่ฝ่ามือกระแทกที่กลอนประตูการดูดกลืนชะงักไปพริบตาหนึ่งเขาพยายามจะดึงมือจากกลอนประตูแต่ก็ยังไม่ขยับเหมือนเดิมแล้วบานประตูก็เปิดออกกระทันหันดูดฟีโก้เข้าไปในห้อง
ฟีโก้ลุกขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในลานกว้างของโรงเรียนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีโรงเรียนที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกแต่รู้สึกว่าบรรยากาศต่างออกไปแถมส่วนด้านข้างของโรงเรียนที่เป็นแปลงเพาะปลูกของชมรมพืชวิเศษที่เคยเป็นซากปราสาทกลับมีป้อมตรวจการขึ้นมาแทนจะพอจะจำได้ว่าป็นโรงเรียนคือหอคอยของโรงเรียนที่เป็นห้องของผู้อำนวยการกับโบสถ์เก่า
ฟีโก้ตะลึงงงกับฉากที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แปปเดียวก็ได้ยินเสียงควบม้าจากทางด้านหลังฟีโก้รีบหันควับไปดูแต่ก็ไม่มีอะไรเสียงควบม้ายังดังทั้งด้านหลังด้านข้างของฟีโก้บางจังหวะของเสียงเหมือนควบม้าแทบจะประชิดตัวชวนหลอนโสตประสาตเป็นอย่างยิ่งแต่ทุกครั้งที่หันกลับไปก็ไม่เห็นมีอะไร
ฟีโก้ตัดสินใจวิ่งไปที่หอคอยเพราะเป็นสถานที่คุ้นที่สุดในโรงเรียนที่บรรยากาศเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ห้องต่างๆในอาคารเรียนแทนที่จะมีชั้นหนังสือกับ:Xบใส่อุปกรณ์การสอนและโต้ะเรียนกลับไม่เห็นเห็นแต่ชั้นวางอาวุธเป้าซ้อมยิงธนูและหุ่นไม้สำหรับแขวนชุดเกราะแทนและมี:Xบที่มีสัญลักษณ์กองทัพประเทศไททาเนียตั้งอยู่บ้างประปลายเขาเริ่มสำรวจรอบๆพักหนึ่งก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นโรงเรียนอัลเรวิชแน่นอนเขาเจอรูปปั้นอาเรอาเทพธิดาผู้สร้างโลกด้วยก้อนหินไฟและเลือดของตนแขนของรูปปั้นที่ปกติจะยื่นชูมาหาผู้มองกลับหักด้วนกับตำแหน่งทีตั้งๆอยู่ข้างๆโบถ์ที่ตั้งใกล้บ่อน้ำยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าใช้โรงเรียนที่เพิ่งจะไล่เขาออกมาแน่ๆ
เสียงควบม้าดังขึ้นอีกและเขาก็หับกลับไปอีกแต่คราวนี้ปรากฏร่างของต้นเสียงเป็นอัศวินสวมชุดเกราะขี่ม้าเพียงแต่ว่าไม่มีหัวเท่านั้นเอง
ฟีโก้ตกใจสุดขีดรีบวิ่งหนีเข้าไปในโบถ์ด้านข้างรูปปั้นพยายามเปิดประตูแต่มันล็อกเขายิงเวทย์มนต์ใส่กลอนประตูแต่มันก็ไม่พังเขารู้สึกว่าพลังเวทย์ของเขาอ่อนลงไปมากตั้งแต่มาอยู่ในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้
เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรชุดเกราะเริ่มถามทั้งๆที่ไม่มีหัว
ฟีโก้ : “ผมไม่รู้ มันงงไปหมดข้าไม่รู้จริงๆ”
อัศวินไร้หัว :“คนพลัดหลงรึแต่ช่วงเวลานี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ยังไม่ถึงคราสนี้นาเจ้าเป็นใครกันแน่ทำไมถึงหลงเข้ามาในนี้ได้ตอบมาดีๆนะเจ้าหนุ่มถ้าไม่อยากตาย”
ฟีโก้ : “ผมไม่รู้จริงๆผมเดินอยู่ในสุสานใต้ดินจู่ๆก็มึนหัวแล้วก็มาเจอประตูบานนี้
อัศวินไร้หัว : ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดีตายซะเจ้าหนู”
อัศวินไร้หัวเริ่มควบม้าพุ่งใส่ฟีโก้ฟีโก้พยายามใช้กำแพงแสงแต่งผลของเวย์ไม่แสดงออกมากลายเป็นการเสียจังหวะอย่างใหญ่หลวง
กีบเท้าม้าชูเหนือหัวฟีโก้กำลังจะกระทืบลงมาขยี้กะโหลกฟีโก้กลิ้งตัวหลบแล้วรีบวิ่งไปหลังโบถ์โชคเข้าข้างฟีโก้ด้านหลังโบถ์มีเสาหินเรียงรายมากมายไม่ต่างจากโรงเรียนที่เขาคุ้นเคยอัศวินไร้หัวควบมาวนไปมาอยู่รอบนอกเสาหลายต้นจากนั้นก็เริ่มยิงลูกกระสุนวิญญาณจากฝามือที่เป็นเกราะมือสีดำเงางามฟีโก้กระโดดลูกวิญาณหลบไปมาตามเสาหินฟีโก้ยิงลูกกระสุนเวทย์สวนโดนเสื้อเกราะของนักรบไร้หัวแต่ไม่สะดุ้งสะเทือนจะมีก็แค่รอยหมองจางๆเท่านั้น
อัศวินไร้หัว : “น่ารำคาญจริงเจ้าแคสเตอร์ตัวน้อยนี่”
มันพูดพร้อมหยุดควบม้าแล้วเริ่มลงจากบังเ:Xยนพร้อมชักดาบออกมาเป็นดาบที่มีไอสีดำล้อมรอบดาบไปมาจางๆ
นักรบไร้หัวตวัดดาบแรกเป็นไอสีดำรูปseoจันทร์พุ่งใส่เสาที่ฟีโก้หลบอยู่มันไม่ได้ช่วยป้องกันฟีโก้เท่าไหรนักเสาหินแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆพร้อมร่างฟีโก้ที่กระเด็นออกมา
ฟีโก้กระเด็นกลิ้งออกจากแนวเสาหินไปแล้วสติเริ่มรางเลือนแต่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเกราะเหล็กใกล้เขามาเรื่อยๆจนกระทบอยู่ข้างหัวของเขาแล้วหยุดกึก
ร่างของฟีโก้ถูกคว้าคอเสื้อยกขึ้นมาชูด้วยมือข้างเดียวของอัศวินไร้หัว
สิ้นหวัง พลังเวทย์หมดจู่ๆก็มีภาพของเขาทีวิ่งอยู่ในสวนข้างบ้านมีแม่ของเขาคอยเรียกให้กินขนมที่ทำจากลูกพลัมราดของเหลวคล้ายน้ำเชื่อมสีฟ้ามีผงขาวๆปนชมพูเกาะน้ำเชื่อมอยู่ดูหน้าทานมากเขากำลังไปกินแต่มีร่างที่พุ่งแซงของเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักอายุประมาณ10กว่าขวบวิ่งแซงหน้าไปหยิบกินชิ้นหนึ่งก่อนแล้วแลบลิ้นใส่ฟีโก้แล้วเคี้ยวขนมกินอย่างอร่อยจากนั้นเด็กผู้หญิงก็ถูกแม่ตีมือเพราะไม่ได้ล้างมือก่อนกิน
ฟีโก้ก็รีบวิ่งไปจับขนมอีก2ชิ้นที่เหลือแม่ทำท่าจะตีมือเข้าอีกคนแต่ทั้งคู่ก็วิ่งไปมาคนละทางหัวเราะชอบจนแม่ตะโกนโวยวายแล้วกลับไปนั่งที่ม้าหนังข้างสวนทำท่าเหนื่อยใจ
ฟีโก้ :…………อึก………………………………!!!!!!!!!!!. ........
ฟีโก้รู้สึกเจ็บที่ต้นคอเขาตื้นขึ้นจากภวังค์เมื่อมีสนับมือเหล็กที่ค่อยมาบีบคอเขาให้แน่นขึ้นเขาเริ่มหายใจไม่ออกคริสตันสีแดงหลุดล่วงจากกระเป๋ากางเกงฟีโก้กระทบรองเท้าเกราะของอัศวินไร้หัวดังแก็งจนอัศวินไร้หัวก้มลงไปมองเมื่อเห็นคริสตันมันหยุดชะงักไปแปปหนึ่งมันปล่อยฟีโก้ลงพื้นแล้วก้มหยิบคริสตันสีแดงขึ้นมาดูคริสตันเริ่มส่องแสงสีแดงอัศวินไร้หัวเริ่มหันมาถามฟีโก้อีกครั้ง
อัศวินไร้หัว : เจ้าหนูไปได้คริสตันนี่มาจากไหน
ฟีโก้ : “ ผมได้รับสิ่งนี้จาก ผอ.น่ะมีภารกิจที่ต้องนำมันไปส่งที่อื่นคืนผมมาเถอะ”(โกหก)
อัศวินไร้หัว : “ผอ.อะไรคือ ผอ. เป็นตำแหน่งบุคคลสำคัญรึ ?”
ฟ๊โก้ : “ครับเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในโรงเรียนของผมได้โปรดคืนคริสตันมาให้ผมเถอะอัศวินไร้หัว: อ้อหมายถึงอาจารย์ใหญ่สินะแต่ข้าก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าของสำคัญอย่างเศษศิลาแห่งอาคอนทำไมถึงไปอยู่ในความครอบครองของคนที่เป็นแค่อาจารย์ใหญ่โรงเรียนแห่งหนึ่งด้วยมันเป็นของที่มีความสำคัญมากกว่านั้น”
ฟีโก้ : “บ้าน่าคุณจะบอกว่าคริสตันเม็ดเป้งนี่เป็นเศษหินในตำนานสงคราม2โลกระหว่างมุนดุส(โลกของสิ่งมีชีวิต)และโดม่า(โลกของปีศาจและผู้วายชนม์)”
มันเป็นแค่ตำนานเท่านั้นนิครับฟีโก้เริ่มรู้ว่าอัศวินไร้หัวคลายความเป็นศัตรูลง
อัศวินไร้หัว :“แล้วดูลาฮานอย่างข้านี้เจ้ายังจะบอกว่าข้าไม่มีตัวตนรึ”
ฟีโก้ : “เอ้อไม่……ไม่รุสิเกิดมาพึ่งจะเจอผีหลอกเป็นครั้งแรกนี่ละครับ”
อัศวินไร้หัว :“หึเอาเถอะ…มันคงเป็นชะตากรรมไม่ก็เป็นการชี้นำของบางสิ่ง
ข้าจะคืนผลึกและวิญญาณบ้างส่วนที่ชิงมาจากเจ้าละกันอาจมีส่วนของข้าปนอยู่
อย่าคิดมากก็แล้วกันนะเจ้าหนู”
อัศวินไร้หัวส่งผลึกคืนให้ฟีโก้เสร็จมันใช้มือหนึ่งข้างยกคอเสื้อฟีโก้ขึ้นอีกข้างปล่อยไอวิญญาณเข้าปากฟีโก้จากถุงมือเหล็กของมัน
ฟีโก้แสดงสีหน้าทรมาณยิ่งกว่าเดิมส่งเสียงร้องปนร้องไห้เหมือนเด็กออกมาพลัง วิญาณยังคงทะลักเข้าปากฟีโก้เขายิ่งทรมาณตาเหลือกกลอกไปข้างหลังเหมือนคนใกล้ตายลูกตาของฟีโก้เปล่งแสงสีฟ้านวลอออกมาก่อนจะสลบไปทุกๆสิ่งรอบตัวเขาดำมืดและเย็นลงไปหมดสติของเขาค่อยๆดำดิ่งลงไปลงไป………..
Arcane vision ตอนที่ 3