แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thagon เมื่อ 2015-5-30 12:00
ตอนที่ 7 ชายแก่ที่มีดีมากกว่าเรื่องเล่า
ตัดเหตุการณ์กลับมาที่แม่น้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเบอร์ม็อกไม่มากนัก ที่ตีนสะพานข้ามแม่น้ำปรากกฏมือที่เ:X่.ยวๆคู่หนึ่งกำลังล้วงแงะแท่งสีแดงๆที่ทำจากวัสดุเป็นหนังที่ทาสีแดงและวางมันข้างถังไม้โอ็กที่วางซ่อนใต้ตีนสะพาน4-5ลัง
บารน์: “ติดตรงนี้….ไม่ๆๆๆด้านนี้ต่างหากขืนติดตรงนั้นก็จุดระเบิดไม่ได้กันพอดี”
พอทำเสร็จมือข้างนั้นก็ถอดแว่นกันลมและปาดเหงื่อที่เต็มไปด้วยรอยย่นบ่งบอกถึงความชราเขาทำสำเร็จบารน์ที่เอาแต่เสริฟเหล้าและหลายๆครั้งก็เสริฟให้ตัวเองพอมาเจองานหนักอย่างการกลิ้งถังดินปืน4-5ลัง ให้พ้นสายตากองตรวจการของกองทัพอีลีนอร์จนต้องใช้เส้นทางอ้อมและขนที่ละลังด้วยตัวเองบางครั้งถึงกับต้องยกถังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงและกระแทกตกหลุมต่างระดับจนถังแตกระเบิด
บารน์: “ฟู่…เฮ้อเหนื่อยฉิบไม่ได้ทำงานแบบนี้มาตั้งนานและครั้งสุดท้ายที่ทำงานแบบนี้ก็ช่วยยัยหนูนั้นให้รอดตายสินะ”บารน์บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วรอสักพัก
บารน์ : “…..ว่ะ ไอ้ฟีโก้ทำไมมันยังไม่มาอีกนี้มันได้เวลาแล้วนะโว้ยมัวทำบ้าอะไรยอยู่วะเนี่ย”
ทันใดนั้นเองบารน์ก็ได้ยินเสียงอึกทึกเป็นเสียงฝีเท้านับร้อยทั้งคนทั้งมาปะปนกัน
สันญาณให้เริ่มแผนการที่อดาเมอัสกล่าวไว้เริ่มแล้วเมื่อกองทัพผสมที่ประกอบด้วยกองการรักษาเมืองเบอร์ม็อกเกือบๆร้อยคนกับทหารม้าของฟราน์อีกสองร้อยกว่าคนกำลังจะข้ามแม่น้ำที่มีกองระเบิดของบารน์วางซ่อนอยู่ใต้สะพาน
บารน์: “เอาไงดีวะฟีโก้ยังไม่มาคงต้องทำตามแผนแล้ว”บารน์เริ่มออกวิ่งไปทางประตูน้ำเขาซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงใกล้ๆล้อหมุนควบคุมประตูน้ำซึ่งมีกองรักษาการสองคนถูกมัดมือเท้าและอุดปากอันเกิดจากฝีมือเขาเอง
พอกองหน้าของทัพประสมเข้าใกล้สะพานเขาก็หยิบแท่งโลหะขึ้นมากดดังปิ้บ!
บรึ้มมมมม!!! เกิดเสียงระเบิดดังสนันหวันไหวสะพานไม้ระเบิดกระจุยเศษไม้กระเด็นกระดอนพร้อมเปลวเพลิง
ฟรานที่อยู่กลางขบวนทัพงุนงงกำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แพ้กับทุกคนในกองทัพ
สักพักก็มีชายหัวโล้นผิวคลำควบม้ามารายงานเขาคืออดาเมอัสชายที่เริ่มแผนการระเบิดสะพานในครั้งนี้แต่ยังไม่มีใครรู้นอกจากสมาชิกในแผนคือฟีโก้ บารน์ตัวเขาเองกับลูกน้องของเขาหนึ่งคนชื่อคิม เขาเริ่มรายงานในฟราน์ฟัง
อดาเมอัส : “ท่านฟราน์มีข้าศึกลอบระเบิดสะพานของเราครับ”
ฟราน์ : “นำขบวนทัพของเราเลี้ยวลงไปในคูด้านข้างซะอีกอลไปเรียกจาฮารีกับทีมของเธอมาเราต้องสร้างสะพานเร่งด่วน”ฟรานสั่งลูกน้องคนสนิทไม่นานนักก็มีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปลายๆผิวสีทองแดงอ่อนผมยาวตรงแต่หยิกเป็นระลอกคลื่นตรงปลายหน้าตาเป็นสาวสวยริมฝีปากอิมเอิบแต่ตาโตสีน้ำตาลแดงเล็กน้อยบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวแดนตะวันตกเฉี่ยงใต้ของไททาเนียอาจเป็นชาวอีบอนไม่ก็ชาวอาซัน หรืออาจจะเป็นชาวเผ่าทะเลแดงเพราะเธอสวมชุดชาวเกาะซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวประมงไม่ก็โจรสลัดเธอมาพร้อมลูกทีมของเธอสี่คนมีเด็กชายอายุสิบต้นๆคอยถือกระจกคนหนึ่งเด็กหนุ่มอายุประมาณ17-18ปีหน้าตาตกกละหัวหยิกและหญิงสาวที่แต่งตัวเหมือนเธอสองคนแต่ไม่มีใครสักคนงามเท่าเธอ
จาฮารีเดินนำขบวนมารายงานตัวต่อหน้าฟราน์ผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพและนายจ้างของเธอ
จาฮารี: “รายงานตัวค่ะท่านฟราน์มีอะไรให้ข้ารับใช้รึค่ะ”
ฟราน์ : “พวกเรากำลังจะข้ามสะพานแต่สะพานดันถูกวางระเบิดซะก่อนอยากให้เจ้าช่วยสร้างสะพานแบบเร่งด่วน”
จาฮารี : “ค่ะจะดำเนินการเดียวนี้ พวกเราประจำที่” เธอเริ่มสั่งลูกทีมของเธอ
เวรละแย่ละสิ อดาเมอัสคิดในใจเขาไม่คิดมาก่อนว่าฟราน์จะจ้างนักเวทย์รับจ้างมิน่าทำไมถึงใช้ทหารม้าแค่สองร้อยกว่าคนรบกับข้าศึกเกือบพันจอมเวทย์ฝีมือดีหนึ่งคนก็สามารถสู้ทหารที่เป็นคนธรรมดาได้เป็นร้อยหรือหลายสิบและนี่ยังมาเป็นทีมอีก
เท่าที่เขารู้เจ้าหนุ่มหน้าตาตกกระนั้นน่าจะเป็นนักสู้เขาสัมผัสจิตต่อสู้ที่แผ่ออกมาบางๆขัดกับรูปลัษณ์ภายนอกที่ดูละอ่อนไม่ทันคนการสัมผัสจิตต่อสู้แบบนี้จะต้องเป็นนักสู้ที่ขัดเกลาจิตใจมามากและไหนจะเด็กตัวน้อยอายุสิบต้นๆอีกคนหน้าตาน่ารักมากยกเว้นแววตาดูขุ่นๆกลวงๆประหลาดชอบกลไม่น่าไว้ใจแถมยังถือ กระจกทรงประหลาดอยู่ตลอดเวลาราวกับมันเป็นของสำคัญ
ยังไงก็ช่างเขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเขามองไปทางแผงควบคุมน้ำที่มีชายชราชื่อบารน์กับลูกน้องของเขาสองคนที่ไม่รู้อิโน่อิเน่อะไรด้วยถูกจับมัดและซ่อนอยู่หลังกำแพงเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาหันไปพูดกับฟราน์
อดาเมอัส:“ ท่านฟราน์การที่สะพานระเบิดเช่นนี้ข้าเกรงว่าจะมีศัตรูแอบซุ่มอยู่มากกว่าจะเป็นการชะลอทัพเฉยๆข้าขอคำสั่งให้ทัพหน้าของข้าไปตรวจค้นและลาดตะเวนครับ”
ฟรานแสดงสีหน้าครุ่นคิดแต่ก็แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจให้เห็นแว็บเดียวทำให้อดาเมอัสแสดงความสงสัยเล็กน้อยว่าฟราน์ผู้นี้ไม่พอใจอะไรแต่ก็หยุดชะงักเมื่อฟรานออกคำสั่งอีกครั้ง
ฟราน์ : “ตรวจค้นให้เร็วที่สุดพวกเราต้องรีบไปให้ถึงท่าเรือภายในหนึ่งชั่วโมง”
อดาเมอัส : “รับทราบ” อดาเมอัสรับคำสั่งเขาสั่งลูกน้อยกระจายกำลังทั่วทิศแต่มีที่หนึ่งที่เขาไม่สั่งให้ตรวจสอบเขาและคิมลูกน้องคนสนิทจะไปตรวจสอบเองที่แห่งนั้นคือแพงควบคุมประตูน้ำนั้นเอง
เมื่ออดาเมอัสและคิมมาถึงที่ซ่อนตัวของบารน์ลูกน้องสองคนของเขาที่ถูกบารน์มัดอยู่ก็แสดงสีหน้างุนงงเพราะทำไมหัวหน้าของเขามาแต่ไม่ฆ่าลุงแก่ผู้บุกรุกคนนี้
อดาเมอัส:“ฟีโก้ละ?”
บารน์ : “ไม่รู้โว้ยมันไปตายที่ไหนของมันก็รู้”
อดาเมอัสทำหน้าครุ่นคิดสักพักแล้วเริ่มสั่งลูกน้องของเขา : “คิมลงไปสั่งลูกน้องชุดที่ค้นหาใกล้ถ้ำโทรล์นะบอกพวกมันทั้งหมดไปก่อกวนครอบครัวโทรล์แล้วล่อออกมาที่กองทัพของเราและนายก็แอบวิ่งเข้าไปในถ้ำโทรล์จะมีประตูวารป์เก่าเชื่อมต่อกับท้ายเมืองแล้วถามหาฟีโก้กับพวกเราที่เฝ้าแคป์อพยพจากนั้นวิ่งดิ่งเข้าไปในสุสานแล้วหาตัวฟีโก้ให้เร็วที่สุดพาตัวมาที่นี้ในสิบนาทีหรือเร็วที่สุดนะ"
โทรล์คือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่กว่าคนเจ็ดถึงสิบเท่ารูปร่างคล้ายยักษ์ผิวหนังสีเทาเ:X่ยวย่นมีเท้าเป็นเท้าช้างมีแขนที่ทรงพลังแต่มีความฉลาดต่ำจุดเด่นคือมีเขาหรือไม่ก็งายืนออกมาจากคอสองเขาเป็นส่วนกระดูกอ่อนของมันและเป็นชิ้นส่วนที่มีค่าในการทำยาวิเศษหลายชนิด
คิมทำตามคำสั่งหัวหน้าเขารวมลุกน้องไปยืนประจันอยู่หน้าถ้ำโทรล์ท่ามกลางความงุนงงของเหล่าลูกน้องบางคนก็ถามว่าทำไมต้องล่อครอบครัวโทรล์ให้วิ่งไปตามทัพตัวเองคิมได้แต่บอกว่าเป็นคำสั่งหัวหน้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วเหล่าลูกน้องยอมทำตามเพราะว่าคิมเป็นลูกน้องคนสนิทของอดาเมอัสและอดาเมอัสเป็นหัวหน้าที่มักทำเพื่อพวกเขาซึ่งเป็นลูกน้องและส่วนร่วมเสมอเป็นที่เคารพของเหล่ากองรักษาการณ์ประจำเมืองเบอร์ม็อกเป็นสเหมือนพ่อหรือลูกพี่ของทุกคนแม้คำสั่งคราวนี้จะแปลกมากที่สุดที่พวกเขาเคยรับมาก็ตามนั้นก็คือการล่อโทรล์ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายคิงคองไม่มีขน หนังสีเขียวอมสีเผือก มีเกล็ดตามหัวไหล่และแผ่นหลัง สติปัญญามีไม่มากแต่พลังนั้นล้นเหลือตัวสูงใหญ่เกือบตึกสามชั้นมันจับพวกเขาฉีกจนขาดกลางได้สบายพวกเขาต้องล่อสัตว์ร้ายนี้ที่มีมากกว่าหนึ่งตัวไปยังกองทัพของพวกเขาเองและพันธมิตรที่ให้การช่วยเหลือ
คิม : "เฮ้ย! ไอ่โทรล์หน้าโง่ออกมาโว้ย ออกมา พวกมั.น ตรูออกมาล่าแล้ว ออกมา!"
คิมตอนโกนพร้อมใช้หอกและโล่ของตัวเองมากระทบกันเกิดเสียงรบกวน พวกลูกน้องของเขาก็เริ่มทำตามเกิดเสียงเซ็งแซ่รบกวนไปทั่ว
ถ้ำโทรล : ……. ชิ้งงง (เงียบไม่เกิดเสียงโต้ตอบอะไร)
คิม : ออกมาสิวร้าไอ้สา.ดดด ออกมา! (ส่งเสียงดังกว่าเดิมพร้อมขว้างหินเข้าไปในถ้ำดังเกิดเสียงดังตุ้บเหมือนกระทบแผ่นหนังอะไรสักอย่าง)
ถ้ำโทรล์ : ฮูมมมม!!!!! ฟิ้ววววโครรรม! อ็ากกก! (เสียงคำรามของสัตว์ตามด้วยหินขนาดใหญ่กว่าก้อนทีมคิมขว้างไปหลายสิบเท่าพุ่งกลับออกมาพร้อมเสียงของความตาย)
กองหน้าของทีมล่อโทรล์สองคนปลิวกระเด็นติดต้นไม้เพราะก้อนหินที่พุ่งมาราวกับลูกปืนใหญ่กระแทกอัดเต็มๆจนตายคาที่พร้อมกับโทรล์นับสิบพุ่งออกมาจากถ้ำ
บางตัวถือไม้บางตัวถือก้อนหินวิ่งเข้าใส่พวกกองรักษาการณ์อย่างบ้าคลั่ง
คิม : “วิ่งเร็วพวกเรา วิ่งงง!!!”
เหล่าลูกน้องของคิมวิ่งไปทางกองทัพของฟราน์ตามแผนการที่วางไว้โดยมีคีมแอบหมอบอยู่ตรงขอนไม้ใหญ่พอพวกโทรล์หน้าโง่วิ่งผ่านไปเขาก็วิ่งเข้าไปในถ้ำโทรล์
มันช่างเป็นถ้ำเหม็นมากเหมือนคอกช้างที่ไม่ล้างแต่กลิ่นแรงกว่ามากเนื่องจากโทรล์เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยอาบน้ำเหม็นของมนุษย์คือหอมของโทรล์นอกจากเหม็นกลิ่นตัวโทรล์ยังมีซากม้าแกะ วัว กวาง แม้แต่ซากมนุษย์ หัวกระหล่ำเน่าผักเน่ามีหม้อที่ทำจากดินเผาขนาดเอาคนลงไปต้มได้3-4คนกองขยะที่เต็มไปด้วยซากเกวียนเศษเกราะและดาบที่หักบดขยี้และมีโทรล์ที่นอนอยู่หนึ่งตัวตอนแรกเขาสดุ้งโย้งเล็กน้อย
ยกโล่ยื่นหอกเตรียมพร้อมตั้งประจันแต่พอดูดีๆโทรล์ตัวนี้เปลือกตาบวมและที่แขนข้างซ้ายมีแผลเหลือไหลซิบและมีหนองผุดเยิมออกมาเป็นระยะเขารู้ทันทีว่ามันป่วยหนัก
นอนซมไม่รู้สึกตัวเขาไม่พลาดที่จะหยิบสร้อยไข่มุกเงิน มีเหรียญเงินในประเทศที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็หยิบมา เข็มทิศฝาประกับทองคำความจริงมีถ้วยชามที่ทำด้วยเงินแต่มันทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวมากไปเขาเลยไม่เก็บเขาเหลี่ยวหลังไปดูโทรล์ที่ป่วย
เขาตัดสินใจหยิบห่อสมุนไพร่ฆ่าเชื้อผสมลงไปในหม้อดินเผาของโทรล์เพื่อให้การปรุงอาหารครั้งต่อไปมีผลในการรักษามันไม่ใช่ความเห็นใจแต่เป็นกฎของเขานั้นคือ ไม่ทำอะไรให้ใครฟรีๆ และไม่เอาของใครไปฟรีๆ เขามุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมายปลายทาง
Mana vision ตอนที่ 7