แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thagon เมื่อ 2015-6-4 23:36
ตอนที่ 10 อแคนโอป
…… บึ้มมม ตูม บรึ้มมมมม ฟิ้วๆๆๆๆๆๆ บรึ้ม (เสียงสงครามและการต่อสู้)
เศษอิฐเศษปูนป่นแผนไม้ข้าวของเครื่องใช้เครื่องประดับต่างๆล้มระเนระนาดไปพร้อมกับร่างที่นอนล้มตายของทั้งสองฝ่ายระหว่างกองทหารรับจ้างของกองกำลังปลดแอกไททาเนียหลายร้อยกับศพนักเรียนปีสี่ห้าและหกของโรงเรียนอัลเลวิชที่เหมือนจะบาดเจ็บล้มตายน้อยกว่ามากเพราะความต่างชั้นของตัวตนระหว่างคนธรรมดาที่ไม่มีพลังเวทย์กับจอมเวทย์ที่มีพลังพิเศษเห็นได้ชัดในการรบครั้งนี้
หัวหน้าทหารรับจ้าง: “ถอยก่อนส่งข้อมูลไปให้ทัพใหญ่ถอยยยย!”
พวกทหารรับจ้างที่พยายามจะทำลายม่านบาเรียขนาดยักษ์รอบโรงเรียนอัลเริ่มถอยร่นลงไปพวกเขาทำความเสียหายได้พอสมควร
เหล่าอาจารย์นำโดยอาจารย์เอกิสหัวหน้ากลุ่มนักเวทย์ขาวเริ่มสังการ
ให้พวกนักเรียนที่เหลือพาคนเจ็บเข้ารับการรักษาและเก็บศพพรรค์พวกที่ตาย
เอกิสเป็นจอมเวทย์รักษาที่มีฝีมือจนหาตัวจับยากในไททาเนียการที่ผู้อำนวยการ
อัสฟรอด์มอบหมายให้เขารักษาโรงเรียนเอาไว้ส่งผลให้เกิดความเสียหายน้อยมากกับ
พวกเด็กนักเรียนด้วยเวทย์รักษาและข่ายมนต์คุมกันของเขาและแน่นอนเขาเป็นอาจารย์ของฟีโก้เอกิสเป็นชายแก่อายุแปดสิบกว่าแล้วหนวดเครายาวคล้ายพวกฤาษี
หรือเซียนในหนังจีนแต่งชุดคลุมนักเวทย์สีขาวดูสะอาดตาและยักดูท่าทางแข็งแรงดี
หูตาไม่ฝาฟางกำลังรับฟังรายงานการรบจากนักเรียนปีห้าและหกที่เป็นหัวหน้าห้อง
ทุกอย่างเรียบร้อยดีแนวรบทุกแนวเสียหายไม่มากแม้จะมีนักเรียนตายไปบ้างจนน่าเศร้าใจจนกระทั้งการเดินเข้ามารายงานของรองหัวหน้าห้องนักเรียนปีหกบ้านสีแดง
ทำให้เขาประหลาดใจ
รองหัวหน้า: “ขอโทษครับอาจารย์เอกิสรองหัวหน้าห้องปีหกบ้านสีแดงคาอินขอรายงานสถานการภายในครับ”
อาจารย์เอกิส: “อืมว่ามาเลย”
คาอิน : "ครับห้องพยาบาลหนึ่งแห่งของเราถูกทำลายนักเรียนของเราที่ประจำอยู่ในห้องเสียชีวิตทั้งหมดเลยครับ"
เอกิส: “ว่าไงนะมันเป็นไปได้ยังไง ! เล่ามาโดยละเอียดเลยนะ”
คาอิน: “มีศัตรูลอบเข้ามาในโรงเรียนครับคาดว่ามีไม่ถึงห้าคนแต่ที่น่ากลัวคือเป็นพวกมีฝีมือทั้งนั้นผมได้ยินรายงานที่ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นจริงก็น่ากลัวครับคือเราฆ่ามันเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมตายครับ”
อาจารย์เอกิสทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็หน้าถอดสีเพราะมันคล้ายกับที่เขาเคยได้ยินในการประชุมสองหรือสามเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องอาวุธลับของฝ่ายศัตรูที่อาจารย์เคอัสผู้สอนวิชาประวัติศาตร์เวทย์มนต์ที่ไม่ค่อยยักจะใช้เวทย์มนต์สักเท่าไหร่สืบมาได้
ใจความว่าทางฝ่ายกองกำลังปลดแอกไททาเนียมีอาวุธลับรูปแบบมนุษย์ที่มีความสามารถในการฟื้นตัวที่รวดเร็วและมีศักยภาพเหนือมนุษย์ทั่วไปมากจนเทียบไม่ติดแต่ยังไม่ทันจะคิดแผนการรับมือรองหัวหน้าบ้านสีแดงก็เริ่มพูดต่อ
คาอิน: “ทางเราตรวจพบไส้ศึกครับคาดว่าท่านก็คงรู้จักแม็กกี้ ฮอก นกเพลิงแห่ง
บ้านสีแดงครับ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะไม่ค่อยอยากจะเชื่อเหมือนกัน
ที่หัวหน้าของตนจู่ๆกลายเป็นไส้ศึกของศัตรูแล้วเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียดต่างๆ
ทั้งเรื่องแมกกี้ที่เป็นเผ่าคูก้าและรีเจนเดอร์เรเตอร์ผู้ถือดาบใหญ่ที่บุกเขามาทางท่อน้ำการหายตัวจากแนวรบอย่างปริศนาของอาจารย์เคอัสและลูกศิษย์ที่หายสาปสูญของเขาฟีโก้ รีเจียน นักเรียนปีสามที่ควรจะอพยพไปพร้อมกับเพื่อนๆน้องๆแต่ยังไม่ทราบชะตากรรมแน่ชัด(ก่อนหน้านี้มีการอพยพนักเรียนปีหนึ่งถึงปีสามไปยังเมืองหลวงเพราะเด็กพวกนี้ยังอ่อนหัดเกินไปสำหรับสงครามจริงๆ)
เมื่ออาจารย์เอกิสฟังจบก็เริ่มวิเคราะและออกคำสั่ง
อาจารย์ เอกิส:“อืมแปลกมากทีเดียวครูพอจะรู้ว่านกเพลิงเป็นแอนนิมาเผ่าคูก้าแต่พวกแอนนิมามาเกี่ยวอะไรด้วยกับสงครามครั้งนี้ด้วยพวกมันเองก็มีชาแมนเหมือนกัน(จอมเวทย์ของพวกแอนนิมา)ทำไมถึงให้การสนับสนุนกองกำลังปลดแอก(พวกต่อต้านจอมเวทย์)”แบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับแอนนิมาแย่ลงแต่ยังสรุปฟันธงอะมากไม่ได้ไปรวมทีมซะหาทีมเกาะรอยนกเพลิงแล้วจับตัวมาให้ได้แบบเป็นๆ” รองหัวหน้าห้องรับคำแล้ววิ่งออกไปเพื่อดำเนินการต่อ
ณระเบียงทางเดินชั้นสองมีกลุ่มนักเรียนปีหกสี่คนกำลังเกาะกลุ่มเดินชะหัว
สำรวจซอกหลืบต่างๆแต่ก็ต่างพากันทำหน้าผิดหวังและเดินออกไปที่ห้องอื่น
หลังจากทั้งหมดเดินจากไปชั่วอึดใจด้านข้างของรูปปั้นหน้าคนก็ปรากฏเงาลางๆโปรงใส่ขึ้นร่างนั้นค่อยๆชัดขึ้นชัดขึ้นจนเห็นหน้าตาของผู้ใช้วิชาล่องหนพรางตัวนี้
เธอคือนักเรียนหญิงปีหกบ้านสีแดงที่เก่งกาจจนได้ชายาว่านกเพลิงแอนนิมาเผ่าคูก้าแม็กกี้ ฮ็อก
ที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นสปายของศัตรูวีต้า รีเจนเดอร์เรเตอร์ที่ใช้ดาบคู่หมายสังหารเธอ
แม็กกี้สวมแหว่นล่องหนที่ได้มาจากอาจารย์เคอัสมันเป็นแหวนที่จะทำให้ล่องหน
แต่ก็จะกลืนกินพลังเวทย์มากตามเวลาที่สวมมันด้วยแหวนวงนี้มันทำให้เธอรอดพ้นจากการปะทะกับเพื่อนนักเรียนด้วยกันมาสองครั้งเพื่อนที่ถูกวีต้าหลอกให้คนทั้งโรงเรียนเป็นศัตรูกับเธอแม็กกี้แหงนหน้าขึ้นมองไปที่บันไดทางขึ้นชั้นสามอย่าง
มีความหวังเป้าหมายของเธอคือห้องสุดท้ายของชั้นสี่…ห้องคหกรรมที่ถูกดัดแปลง
เป็นห้องพยาบาลแห่งที่สองที่ๆซึ่งมีร่างของโชเพื่อนสนิทที่สุดที่เธออยากช่วยนอนพัก
รักษาตัวจากอาการบาดเจ็บตอนสู้กับรีเจนเดเรตอร์ถือดาบใหญ่ในทางระบายน้ำใต้โรงเรียนเพื่อนที่เธอหมายจะช่วยให้ได้เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่รีเจนเดอร์เรเตอร์สองคนนั้นจะทำลายโรงเรียนจากข้างในได้สำเร็จพลังการต่อสู้ของสองคนนั้นเธอยอมรับ
ว่าเหนือกว่าเธอมากและมากเกินกว่าที่นักเรียนทั่วๆไปจะรับมือไหวแน่ชนิดที่เรียกว่าหนึ่งต่อร้อยก็อาจจะได้เธอมีเวลาไม่มากพอๆกับพลังเวทย์ที่เหลือน้อยลงทุกทีๆเมื่อใช้แหวนล่องราตรีวงนี้ไปเรื่อยๆ
บ่อยครั้งที่เธอเองสามารถหลบการตรวจค้นของพวกเพื่อนๆของเธอด้วยหูของแอนนิมาที่มีร่างจริงเป็นคนผสมสัตว์เผ่าต่างๆหูของเผ่าคูก้ามนุษย์แมวหรือเสือทำให้เธอไม่จำเป็นต้องพึ่งแหวนมากนักแค่ได้ยินก่อนอีกฝ่ายได้ยินและหาที่ซ่อนดีๆก็เหมือนกับล่องหนได้อยู่แล้วประสาทสัมพัสและพละกำลังของแอนนิมาเหนือชั้นกว่ามนุษย์ทั่วไปมากแต่ก็ยังสู้รีเจนเดอเรเตอร์ไม่ได้พวกนั้นอยู่เหนือไปอีกขั้นหนึ่งแถมยังมีการฟื้นตัวที่ไม่น่าเชื้อนั้นอีกข้อนี้ทำให้เธอหวั่นใจไม่น้อยภาวนาอย่าให้เจออีก
เธอเดินสลับย่องวกวนอ้อมไปตามห้องต่างๆในชั้นสามหลีกเลี่ยงเพื่อนนักเรียนที่จ้องจะจับกุมเธอบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้แหวนฝ่าไปอีกครั้งเธอเดินไปได้ครึ่งทางของชั้นสามก็ต้องหยุดกึกเพราะเจอเสา“อแคนโอป”สองต้นปักอยู่หน้าทางเข้าห้องโถงที่ร้ายที่สุดคือมันทำงานแล้วสังเกตุได้จากลูกแก้วสีน้ำเงินมีแสงสีขาววิ่งวนไปมา
เสาอแคนโอป……
เป็นเสาป้องกันที่สร้างโดยความรู้เกี่ยวกับข่ายป้องกันหรือเขตแดนเวทย์มนต์หลายชนิดรวมกันมีลักษณะเป็นเสาทำจากไม้โอ็คสองต้นพันจนกลายเป็นเกลียวต้นเดียวสูงประมาณสิบเมตรมีลูกแก้วเวทย์มนต์สีน้ำเงินขนาดเท่าลูกแตงโมผลใหญ่ติดอยู่บนยอดเสาและตามลายไม้โคยเสามีอักขระเวทส่องแสงกระพริบไปมา
ความน่ากลัวของเสานี้คือมันมีการใส่เวทย์มนต์ตรวจสอบหลายอย่างเข้าไปหนึ่งในนั้นคือการตรวจจับการล่องหนรอบๆเสามีแบบนี้มักมีการกางอาณาเขตไม่ให้ใช้เวทย์เทเลพอรท์เคลื่อนย้ายฉับพลันอาณาเขตป่วนจิตทำให้ใช้คาถาประเภทพลังจิตไร้ผลตัวเสาเองก็คงทนทำลายได้ยากแถมยังยิงเวทย์ธาตุต่างตามแต่คนตั้งระบบการทำงานจะใส่ธาตุอะไรนอกจากนี้มันยังติดตั้งลูกเล่นการป้องกันอื่นๆได้อีกแต่หลักๆจะติดตั้งระบบป้องกันประมาณนี้ซึ่งมันก็คือป้อมปืนดีๆนี่เองถ้าจะผ่านตรงนี้
ก็แปลว่าเธอจะต้องลุยเข้าไปตรงๆเท่านั้นเว้นเสียแต่ว่าเธอจะคิดวิธีอื่นได้
ยังไม่ทันจะวางแผนอะไรเธอก็เหลือบเห็นกลุ่มนักเรียนปีหกเดินออกมาจากประตูห้องโถงที่มีเสาอแคนโอปตั้งคุ้มกันซ้ายขวาเธอจำนักเรียนกลุ่มนี้ได้ดีเพราะส่วนใหญ่เป็นนักเรียนบ้านสีแดงผู้ชำนาญเวททำลายเพื่อนๆของเธอทั้งนั้น
เธอเห็นคาอินหนึ่งในเพื่อนที่เธอใกล้ชิดมากที่สุดเขาคือรองหัวหน้าห้องบ้านสีแดงผู้เป็นลูกน้องที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุดเป็นชายที่มีความพยายามและจิตใจที่ซื่อตรง
ไม่ว่าเพื่อนคู่แข่งในลานประลองเวท คู่แข่งเกรดผลการเรียนจะมุมไหนเธอก็ให้การยอมรับชายผู้นี้และในหมู่นักเรียนบ้านสีแดงเขาจะตกเป็นรองก็แค่เธอที่เป็นหัวหน้าเท่านั้นเป็นชายที่เธอจะไม่ค่อยอยากจะสู้มากที่สุดในเวลาแบบนี้เธอซุ้มฟังสิ่งทีคาอิน
กำลังคุยกับเพื่อนๆของเขา
“ว่าไงคาอินจะเริ่มหาหัวหน้าที่ไหนดี”หนึ่งในเพื่อนรวมห้องของเขาเอ้ยถาม"
คาอิน: “ยังไม่รู้เหมือนกันแต่จากการสอบถามข้อมูลพวกที่ตามหาหัวหน้าก่อนพวกเราตรวจพบการใช้เวทย์ที่ใกล้ทางขึ้นชั้นหนึ่งจากการปะทะกับนักเรียนใหม่บ้านสีเขียว (วีต้าที่ปลอมตัวมา) และตรวจพบร่องรอยการต่อสู้อีกรอบที่ใกล้ทางขึ้นชั้นสองพบร่องรอยการใช้เวทย์จำนวนมากจากการตรวจสอบของพวกบ้านสีขาวพบว่าเป็นพลังเวทย์ของอาจารย์เคอัสและรอยเลือดตรวจสอบพบว่าเป็นเลือดของแอนนิมาคงจะเป็นเลือดของหัวหน้าแม็กกี้ไม่ผิดแน่
นอกจากนี้ยังพบเนื้อเยื่อประหลาดที่โดนไฟเผาในตอนแรกไม่รู้ว่าโดนเผานานเท่าไหร่พวกบ้านสีขาวเก็บไปเพื่อตรวจสอบเรื่องที่น่าประหลาดมากคือเนื้อเยื่อนั้นค่อยๆรักษาตัวเองจนกลายเป็นแผ่นเนื้อเน่าๆแทนที่จะกลายเป็นเนื้อเกรียมๆ”
“จะบอกว่าหัวหน้าเป็นปีศาจเหรอ…ชักน่ากลัวขึ้นทุกทีแล้วสิหัวหน้าเรา”
เพื่อนของเขาอีกคนที่เป็นผู้หญิงพูดเสริมเธออยู่บ้านสีแดงเหมือนกัน
คาอิน: “ไม่หรอก..น่าจะไม่ใช่เนื้อแม็กกี้ชั้นเคยปะลองเวทย์ประยุตร์กับเธอทุกปี
ถึงหล่อนจะชนะชั้นได้ก็จริงแต่ไม่มีปีไหนเลยที่หล่อนจะผ่านชั้นไปได้โดยไม่มีบาดแผล
แต่ละปีต้องรักษาแผลเป็นเดือนอยู่ไม่เคยมีอาการแสดงว่าหัวหน้าของเราจะแผลหายเร็วกว่าปกติเลยโดยเฉพาะตอนที่เราอยู่ปีห้าหลังจากเอาชนะบับเบิลไอดอลของโรงเรียนบ้านสีฟ้าเธอก็เจ็บหนักจนต้องนอนซมในห้องพยาบาลของโรงเรียนถึงสองวันบอกให้ไปโรงพยาบาลเธอก็ยืนกรานว่าจะไม่ไปเพราะไม่เป็นอะไรมากคงจะพยายามปิดบังเรื่องที่ตนเป็นแอนนิมาจากนั้นก็อยู่ในสภาพกระเพกๆอยู่เกือบสองเดือนดีที่ไม่พิการรู้สึกจะได้นักเรียนเรียนบ้านสีขาวคนหนึ่งคอยช่วยรักษาอยู่นะดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าชมรมคหกรรมซะด้วยตอนนี้บาดเจ็บนอนพักอยู่ที่ชั้นสี่ได้ยินว่าเป็นคนจิตใจดี" คาอินสรุปว่าแม็กกี้ไม่ใช่เจ้าของเนื้อเยื่อประหลาดก้อนนั้น
“อ้อปีนั้นสินะที่หัวหน้าของเราเป็นแชมป์ของปีห้าชั้นรู้จักนะหัวหน้าชมรมคหกรรม
ชื่อว่า บ็อปชายา หมูขาวผู้อารี ฮ่าๆๆๆๆๆ เจ้าตัวไม่ชอบที่ถูกเรียกแบบนี้แหงละไม่มีใครอยากถูกล้อว่าเป็นไอ่อ้วนหรอกแต่ดูมันสิอ้วนซะขนาดนั้นรู้สึกว่าเป็นเพื่อนต่างบ้านที่หัวหน้าเราสนิทนี่นา”นักเรียนอีกคนกึ่งพูดกึ่งหัวเราะ
ประโยคเหล่านี้อาจจะเป็นประโยคคุยเล่นสนุกสนานทั่วไปในหมู่เพื่อนแต่ใครจะรู้......
ว่าถัดออกไปด้านหนังกำแพงสักสี่ถึงห้าห้องเจ้าตัวคนที่ถูกพูดถึงกับหวั่นไหว.......
Mana vision บทที่ 10