บทพิเศษTale of the fire cat part 1
ราวๆ4ปีก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้น…. ณ ท่าเรือท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งในป่า
ยูโทเปียป่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกมุนดุสดินแดนมาตุภูมิของเหล่าแอนนิม่าซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผสมระหว่างคนกับสัตว์ชนิดต่างๆและเป็นศัตรูกับมนุษย์ด้วยสงครามแห่งความเชื่อและความแตกต่าง…
เวลานั้นเป็นเวลากลางดึกสะงัดมีแอนนิม่าสองคนกำลังจะขึ้นเรือไปที่ไหนเวลาใดก็ไม่อาจทราบได้คนหนึ่งเป็นแอนนิมาเพศหญิงเผ่าคูก้าที่มีรูปร่างเป็นคนผสมเสือหรือแมวผมของเธอสั้นสีแดงดูกระฉับกระเฉงมั่นใจและอีกหนึ่งเป็นชายเผ่าวูลก้าเป็นแอนนิม่าที่มีรูปร่างเหมือนคนแต่จะมีเคราตรงคางแยอะและสามารที่จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้อีกที่มนุษย์ชอบเรียกเผ่าวูลก้าว่ามนุษย์หมาป่าที่น่าแปลกคือเผ่าคูก้าและวูลก้าเป็นเผ่าที่ไม่ค่อยถูกคอชอบใจกันเท่าไหร่นักเพราะเผ่าหนึ่งเป็นหมาป่าเผ่าหนึ่งเสือหรือแมวแต่ทั้งสองเดินเคียงคู่กันอย่างสนิทสนมทั้งคู่เดินผ่านกระโจมรูปกรวยสามเหลี่ยมคว่ำที่ยอดประดับด้วยพืชประหลาดส่วนตัวกระโจมบุด้วยหนังบางหลังทำจากไม้ทั้งคู่เดินผ่านจนถึงเรือไม้ลำหนึ่งฝ่ายชายเผ่าวูลก้าเริ่มคุยกันอีกครั้งหลังจากเดินคู่กันมาเงียบๆพักใหญ่
โทรุส : “จำไวนะพอล่องเรือไปถึงคุ้งน้ำหน้าหมู่บ้านเผ่าบลูก้าให้ลอบโดดออกมาและว่ายไปทางแท่นบูชาTotemของพวกลัทธิเอเทีย(พวกนับถือพระแม่แห่งพื้นดิน)จากนั้นก็วิ่งเลยไปทางทิศตะวันออกจากแท่นพิธีไปอีกครึ่งวันจะเจอกำแพงยักษ์แห่งอีลินอร์แล้วออกค้นหาหมู่บ้านพวกค้าของเถื่อนรอบๆกำแพงยักษ์นั้นมันมีอยู่หลายสิบหมู่บ้านหาให้เจอซักหมู่บ้านแล้วบอกว่าอยากเจอคนที่ชื่อสะมักและแจ้งความต้องการที่จะผ่านกำแพงพวกเขาจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อเองแต่ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ฟรีหินหยกขาวที่เธอมีอาจไม่พอค่าผ่านทางด้วยซ้ำ….แม็กกี้แน่ใจนะว่าอยากจะทำแบบนี้”
(หินหยกขาวคือแร่แร่ธาตุมีประโยชน์หลายอย่างเช่นยาชา ทำผงตีอาวุธ ส่วนผสมระเบิดทำลายมาน่า สารขัดเงาเพรชและแก้ว ใช้สร้างโกเลมชั้นสูงและสารเคมีที่ใช้ในงานช่างหลายชนิดก็มีส่วนผสมของแร่ชนิดนี้พวกแอนนิมาชอบใช้แทนเงินในการแลกเปลี่ยนสิ่งของพบได้มากในหุบเขากลางป่าของทวีปยูโทเปียที่พวกแอนนิมาครอบครองอยู่)แม็กกี้ทำรับฟังคำแนะนำของโทรุสลูกชายหัวหน้าเผ่าวูลก้าที่ร่ายซะยาวแต่ค่อนข้างสำคัญนิ่งๆอยู่พักหนึ่งก็เริ่มพูดตอบรับการสนทนานั้น
แม็กกี้ : “ชั้นต้องไปดีกว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกแค่สิบกว่าปีในฐานะเครื่องมือทำลายล้าง…
คำสาปนี้คำสาปในตัวชั้น…ชั้นต้องค้นหาว่าแท้จริงแล้วตัวชั้นเป็นใครหรืออะไรกันแน่
ชั้นอยากเปลี่ยน…อยากเปลี่ยนชะตากรรมเลวร้ายต้องสาปนี้ชั้นต้องทำให้ได้”
แม็กกี้กล่าวอย่างเด็ดขาดในขนาดที่โทรุสมองดูเธออย่างทึ่งในความเด็ดเดี่ยวหนักแน่น
โทรุส : “….เฮ้อชั้นคงห้ามเธอไว้ไม่ได้จริงๆนั้นละแต่ชั้นก็ผิดเองที่ไปทำให้เธอมีความหวังเข้าแม้มันจะเป็นความหวังเล็กๆ…บ้าจริงนี่ชั้นยุให้เธอทรยศเผ่าให้ตายสิ!”
แม็กกี้ ; “ไม่หรอกความหวังที่เธอมอบให้มันริบหรี่ก็จริงแต่ทำให้ชั้นมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตต่อไป…มีชีวิตแบบอื่นที่นอกเหนือจากอาวุธสังหารของเผ่า…ในบรรดาคนที่รู้จักเธออาจเป็นหนึ่งเดี่ยวที่เรียกได้ว่าเพื่อนแท้แม้ในตอนแรกเราจะขัดแย้งกันในทุกๆเรื่องจนซัดกันบ่อยๆก็เถอะ…ฮ่าๆๆๆ”(หัวเราะเบาๆ)
โทรุส : “นั้นสินะพวกเราสองเผ่านี้ไม่กินเส้นกันจริงๆฮึๆๆ…จวนจะได้เวลาแล้วสินะ”
ทั้งคู่มองดวงจันทร์ขึ้นตรงหัวบ่งบอกว่าเรือรอบพิเศษ(เรือหาปลาตอนกลางคืน)กำลังจะออกตอนเที่ยงคืนเวลาแห่งการเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว
โทรุส : “นี่แม็กกี้ชั้นมีเรื่องอยากจะบอกอย่างหนึ่ง…มันเป็นความรู้สึกที่ฉันอยากจะบอกเธอมานานแล้ว”โทรุสกล่าวพร้อมแสดงสีหน้าแดงระเรื่อ
แม็กกี้ ; “อะไรเหรอ?”
โทรุส : “คือชั้นน่ะชอบเธอมานานแล้วล่ะ…ถ้าชะตากรรมเลวร้ายของเธอถูกปัดเป่า…เรามาแต่งงานกันเถอะนะถึงเผ่าเราจะไม่ถูกกันแต่ซักวันหนึ่งคงต้องมีหนทาง….”
คำพูดนั้นทำเอาสาวเจ้าหน้าแดง…เธอพูดตอบตะกุกตะกัก
แม็กกี้ ; “ คือ….ฮะๆๆๆ คือที่จริงแล้วเรื่องความรักน่ะชั้นยังไม่ทันได้คิดเลยนี่สิ…ที่จริงชั้นอยากผจญภัยมากกว่านี้…และนอกจากแก้คำสาปบ้านี่ชั้นยังอยากจะเรียนรู้พวกมนุษย์ให้มากกว่านี้น่ะ…ชั้นรู้สึกน่ะว่าสักวันชั้นอาจทำให้พวกเรากับพวกมนุษย์คืนดีกันอีกครั้ง”
โทรุส : “ศึกษามนุษย์…แม็กกี้พวกมันเต็มไปด้วยความโลภและความทะยานอยากนะ”
แม็กกี้ ; “นั้นละจริงๆไอ่คำพูดที่ว่ามนุษย์ชั่วอย่างนั้นเลวอย่างนี้เราแค่ฟังความเห็นจากพวกชาแมนและเหล่าทหารแต่เราไม่รู้จริงๆนะว่าพวกมันเลวจริงหรือเปล่า”
โทรุส : “พวกมันฆ่าผู้อ่อนแอ่กว่าเป็นกีฬานะบางคนฆ่าเพื่อความสนุกด้วยซ้ำเมื่อพวกมันทำสงครามชนะพวกมันยังร่างสัญญาที่ไม่เป็นธรรมอีก…ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากรู้งั้นเหรอ”
แม็กกี้ ; “ใช่…พวกมนุษย์อาจมีด้านที่ชั่วร้ายจนพวกเราเทียบไม่ติดก็จริง…แต่คำสาปที่สิ้นหวังหมดทางรักษานี้เธอกลับบอกว่าในอารามศักดิ์สิทธิ์ของพวกมนุษย์มีเทพธิดาแห่งแสงที่รักษาคำสาปแห่งนรกภูมิจากโดม่า(แดนนรกและผู้วายชนม์)ได้นี่นา..บางทีมนุษย์อาจมีด้านดีที่เราคาดไม่ถึงก็ได้นะโทรุส…และชั้นอยากจะเดิมพันในสิ่งที่ชั้นคิดเอาไว้น่ะ”
โทรุส : “เธอนี่ไม่หยุดคิดอะไรแปลกๆจริงๆนะเอาเถอะ…เรื่องอนาคตของเราไว้ค่อยๆคิดก็แล้วกัน…ว่าแต่เธอคิดว่าจะลอบเข้าไปในเมืองมนุษย์เพื่อแก้คำสาปกี่ปีกัน”
แม็กกี้ ; “ไม่รู้สิ…ชั้นทรยศเผ่าไปแบบนี้แล้วคงกลับมาไม่ได้อีกแน่ๆเธอพูดอย่างกับชั้นจะได้กลับมาอีกงั้นละ”
โทรุส : “จำรูปปั้นกวางทองหลังตลาดเก่ายูโทเปียได้ไหม…ชั้นจะรอเธอทุกคืนวันเทศกาลบูชาดีว่า(เทพเจ้าแห่งพื้นดิน)จำไว้นะชั้นจะรอทุกคืนวันเฉลิมฉลองที่นั้น…ที่ๆเราทะเลาะกันครั้งแรกและเป็นที่ๆเราแอบหนีมาเที่ยวกันบ่อยๆถ้าฉันไม่มาแสดงว่าฉันตายแล้วจนกว่าเธอจะแก้คำสาปได้หรือครบเวลาของคำสาปไม่ว่าคืนไหนชั้นจะรอ…”
แม็กกี้ ; “ฮ่าๆแปลว่าชั้นมีเวลาสิปกว่าปีงั้นสิไม่เอาน่าอย่างนายไม่ใช่สเป็คชั้นหรอกอยู่กับตัวประหลาดแบบชั้นไปก็เป็นทุกข์เปล่าๆ”
ทันใดนั้นเองเรือที่อยู่ด้านหลังของทั้งสองก็สั่นกระดิ่งส่งสัญญาณว่าเรือจะออกแล้ว
ทั้งสองกอดอำลาซึ่งกันและกันในใจของโทรุสนั้นอยากตามแม็กกี้ไปด้วยแต่ด้วยเขาไม่รู้เวทย์มนต์จึงจำแลงกายให้เป็นมนุษย์ไม่ได้เหมือนแม็กกี้อีกทั้งเขาเป็นลูกชายหัวหน้าเผ่าความรับผิดชอบจึงสูงเขาไม่สามารถทอดทิ้งเผ่าของตนไปมีความสุขส่วนตัวได้เขาจึงทำได้แค่กล่าวคำอำลากับเธอเท่านั้น…
โทรุส : “ลาก่อนแม็กกี้…ไม่ว่าเธอจะแก้คำสาปสำเร็จหรือไม่ก็ขอให้เธอกลับมาที่นั้นซักปีนะแล้วก็ถ้าเธอไปมีผู้ชายที่ดีก็ขอให้กลับมาบอกกันมั้งละอย่าปล่อยให้ชั้นรอโง่ๆอยู่คนเดียวแต่ขอให้เธอรู้เอาไว้ ยังไงชั้นก็ชอบเธอจริงๆนะแม็กกี้ ลาก่อน”
แม็กกี้ยิ้มโบกมืออำลาให้เพื่อนแท้เพียงคนเดียวของเธอโทรุสยืนมองดูเรือหาปลาลอยห่างออก…ลอยห่างออกไปจนลับสายตาแล้วก็เริ่มบ่นเบาๆอีกครั้งด้วยใบหน้าเศร้า
โทรุส : “เฮ้อ…กินแห้วแล้วสิเรา…ไม่ว่ายังไงก็ขอให้โชคดีนะแม็กกี้…แล้วเราจะเอาอย่างไงกับร่างที่สลบเหมือดพวกแกดีล่ะเนี่ย…”
โทรุสหันกลับไปมองเบื้องหลังไม่ไกลออกไปมากนั้นก็เจอร่างที่สลบเหมือดของเหล่าทหารยามเผ่าคูก้านับสิบที่นอนนับดาวไม่ได้สติกันเป็นแถวซึ่งเกิดจากฝีมือของเขาและแม็กกี้ช่วยกันจัดการอย่างเงียบๆทีละคนจนหมดท่าเรือเขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็วิ่งหายกลับเข้าไปในป่าทิศเดียวกับหมู่บ้านของเขา…เขาช่วยแม็กกี้สำเร็จเธอได้ออกไปฝ่าฟันชะตากรรมอันเลวร้ายของเธอและได้ทำความฝันที่จะเข้าไปเที่ยวเมืองมนุษย์ดังใจหมาย
สองวันถัดมาเรือหาปลาก็ล่องมาถึงหน้าคุ้งน้ำเผ่าบลูก้าหรือมิโนทอร์ถึงจุดนัดหมายที่แม็กกี้ต้องลุยด้วยขาของเผ่าคูก้าที่แสนจะภาคภูมิในเรื่องความเร็วและพลังกระโดดแม็กกี้กล่างอำลานายเรือที่โทรุสช่วยติดสินบนมารับแล้วกระโดดลงน้ำเธอว่ายน้ำที่เย็นจัดในช่วงเช้าข้ามมาถึงด้านหลังเสาTotemขนาดยักษ์ที่ๆโทรุสเอาเป๋สัมภาระอาหาร แผนที่ ยาสมุนไพร่ อาหารนก และที่สำคัญที่สุดคือนกแก้วจดหมายชื่อปีโกะ
แม็กกี้เดินเข้าไปในกระโจมหลังเสาTotemเธอพบบางอย่างผิดปกติในกระโจมของทุกๆอย่างที่โทรุสเตรีมไว้ให้มันไม่มีเลยไม่มีเลยจริง…โทรุสหักหลังเธอหรือ ไม่มีทางโทรุสเพิ่งจะสารภาพรักกับเธอและจากนิสัยที่คบกันมาถึงโทรุสจะเป็นหมาแต่ไม่ใช่หมาลอบกัด
อย่างแน่นอน…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับสัมภาระและสัตว์เลี้ยงเพื่อนรักของเธอ
แม็กกี้ : “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น”เธอพูดและคิดอยู่พักใหญ่เธอคิดออกว่า
โทรุสได้ฝากของทั้งหมดที่ผู้เฒ่าคานเป็นตาแก่จนๆของหมู่บ้านนี้นั้นคือจุดแรกที่เธอควรสืบหาความจริงเธอถามบลูก้า(มิโนทอร์)คนต่างๆซึ่งไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือเท่าไหร่นักเพราะมิโนทอร์เป็นพวกชอบใช้กำลังและมีความเป็นเผ่านิยมหรือก็คือเอาแต่เผ่าตนเองไม่ค่อยติดต่อสัมพันธ์กับเผ่าอื่นเธอต้องจ่ายค่าข่าวเป็นหินหยกขาวสองก้อนที่ติดตัวมาให้กับเด็กชาวบลูก้าที่ตอนแรกทำท่าจะไม่ยอมรับแต่ก็ยอมเพราะเธอชู่ว่าจะให้เด็กคนอื่นแทนก็ได้ในที่สุดเธอก็มายืนถึงหน้ากระโจมไม้โทรมๆของมิโนทอร์แก่ๆนามว่าคานเธอเคาะหน้ากระโจมหมายแต่ก็ได้ยินเสียงตะคอกของชายแก่
คาน :“ไปให้พ้น!...ชั้นไม่มีอะไรจะให้พวกแกแล้ว…ออกไป…ได้โปรดขอร้อง…!”
แม็กกี้ : “คุณลุงคานค่ะนี่หนูเองแม็กกี้หนูมาเรื่องนกแก้วและข้าวของจำเป็นของหนู…ให้หนูเข้าไปได้ไหมค่ะ” แม็กกี้ยืนรอสักพักก็ได้ยินเสียงปลดโซ่จากด้านในเป็นสัญญาณว่าเธอสามารถเข้ามาได้เธอเปิดประตูไม้กลิ่นอับป่นกลิ่นเลือดภายในกระโจมก็โชยออกมา
แม็กกี้ : “คุณลุงค่ะเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะใครทำร้ายคุณลุง?”
แม็กกี้เห็นคานมิโนทอร์แก่ที่ตอนที่มีสภาพอนาถแทบจะดูไม่ได้ใบหน้าของมิโนทอร์แก่เต็มไปด้วยช่ำเลือดช่ำหนองคนที่มีสมองซักหน่อยจะรู้ว่าชายแก่คนนี้เพิ่งถูกซ่อมจนอ่วมน่วมสะบักสะบอม…มิโนทอร์เฒ่าเริ่มบทสนทนาด้วยเสียงโรยแรง
คาน : “หนูแม็กกี้พอดีลุงมีเรื่องที่พอจะอธิบายได้เกียวกับนกแก้วและสัมภาระเดินทางของหนู…แก็งเขาแดงมันเป็นกลุ่มวัยรุ่นเผ่านิยมหัวรุ่นแรงพอมันรู้ว่าลุงเก็บสัมภาระของเผ่าคูก้าพวกมันก็มายึดไปและก็ซ่อมลุง…ขอโทษนะเพราะลุงไร้พลังแท้ๆนี่ถ้าลุงยังหนุ่มกว่านี้ซักสี่สิบปีไอ่พวกนั้นไม่คนามือลุงหรอก…ลุงมีไม่มากเอานี่รับเอาไว้นะ”
คานหยิบหินหยกขาวสิบกว่าก้อนให้แม็กกี้เป็นการชดใช้เขาขอโทษและกำชับว่าไม่ต้องตามนกแก้วและสัมภาระของเธอแต่เธอกุมถุงใส่หินขาวแล้วยื่นส่งคืนให้กับคาน
แม็กกี้ : “ลุงเก็บไว้เถอะค่ะ…แค่บอกว่าถิ่นของพวกแก็งเขาแดงอยู่ไหนก็พอค่ะนกแก้วตัวนั้นเป็นเพื่อนหนูยังไงหนูก็จะไปช่วย”
คาน : “ลุงขอร้องละรับหินนี่และจบเรื่องเถอะ…พวกมันบ้าระห่ำและอันตรายมากนะ”
ทั้งสองคุยกันต่ออีกพักหนึ่งในที่สุดคานก็ยอมบอกทางลับที่จะลอบเขาไปใจกลางรังแบบที่พวกมันไม่รู้ตัวเพราะจะให้เธอลุยตรงเธอคงเอาชีวิตไปทิ้งแม็กกี้เดินไปตามทางที่ชายแก่บอกเธอมาถึงเนินเขาที่สามารถมองเห็นรังของแก็งเขาแดงได้มันเป็นเขื่อนทำจากไม้และเป็นแนวกระโจมไม้เก่าด้านนอกเป็นลานประลองทรงกลม(โคลอสเซี่ยม)ที่ทำจากไม้และเหนือขึ้นไปนั้นเองคือถ้ำที่ตั้งของบาโทหัวหน้าแก็งเขาแดงและเป็นที่เก็บสมบัติที่ปล้นฆ่าแย่งชิงมาได้เธอเห็นมิโนทอร์นับสิบเดินไปมาพวกมันต่างจากมิโนทอร์ในหมู่บ้านคือสวมห่วงเหล็กสีแดงหุ้มรอบเขาวัวของพวกมันท่าท่างของพวกมันดูแล้วดุดันแข็งกร่าวบางตนชวนคู่ประลองของมันขึ้นโคลอสเซี่ยมไม้และเริ่มหยิบขวานสงครามไม่ก็ลูกตุ่มมาสู้กันอย่างดุร้ายเ:X่ยมโหดแม็กกี้ผงะด้วยความกลัวชั่วขณะเพราะกร้ามเนื้อที่อัดแน่นสวยได้รูปของมนุษย์วัวพวกนี้แต่ก็เริ่มตั้งใจฮึดสู้อีกครั้ง
เอาละ…แก็งเขาแดงมาลองซักตั้ง End parth 1
Mana vision tale of the fire cat part 1