บทพิเศษ tale of thefire cat parth 4
แม็กกี้ได้พบแหล่งน้ำในป่าใหญ่หลังจากวิ่งแทบจะไม่ได้หยุดพักเกือบสองชั่วโมงเธอเหนือแทบขาดใจ…แม้แอ่งน้ำจะอยู่ตรงหน้าแต่เธอต้องรอให้ตัวเองหายเหนื่อยซะก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำเพื่อไม่ให้จุกและเกิดอาการน้ำลงเท้าถ้าเธอเป็นมนุษย์ธรรมดาอาจขาดใจตายไปแล้ว
หลังจากนอนพักหนึ่งชั่วโมงเธอก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงบางอย่างรอบๆตัวเริ่มขยับเหมือนมันจะขยับเข้ามาหาเธอ…เธอพยายามปีนต้นไม้ขึ้นที่สูงแล้วมองสำรวจรอบๆถึงความไม่ชอบมาพากลนี้…ว่างเปล่า…ไม่มีสัตว์ร้ายในป่าซุ่มโจมตี…ไม่มีแก็งมิโนทอร์เขาแดงตามมา…ไม่มีโจรป่าย่องเข้ามาปล้นเธอมองสังเกตุสิ่งต่างๆรอบอยู่ซักพักแต่ก็ไม่มีอะไรเธอจึงดื่มน้ำและตัดกล้วยไม้ที่เหมือนหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาควักเกสรไส้ในทิ้งและทำเป็นกระติกน้ำ
ตะวันยามบ่ายเริ่มคล้อยเธออยากนอนต่อแต่ปีโกะร้องแกว้กๆเตือนราวกับมันจะบอกว่าพักตอนนี้ไม่ได้นะเธอตัดสินใจออกเดินต่อแม้ว่าแทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้วก็ตามตอนนี้แดดยามบ่ายในถดูร้อนก็:Xและอบอ้าวอย่างไม่ปราณีมันร้อนระอุจนถ้าเป็นผิวบางๆของมนุษย์ถูกจังๆก็จะแดงภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงมันร้อนจนคนที่ไม่แข็งแรงกลายเป็นลมแดดเอาง่ายๆเลยทีเดียว
แต่โชคยังดีที่ตลอดทางเป็นป่าทึบสิ่งที่แม็กกี้เจอก็แค่ความอบอ้าวเท่านั้น…กับเสียงการเคลื่อนไหวประหลาดๆที่หาตัวเจ้าของเสียงไม่เจอ..มันเป้นเสียงแอ็ดๆอาดเหมือนอะไรหนักๆเคลื่อนแต่ก็เบามากแม็กกี้ที่เป็นแอนนิมาเผ่าคูก้าที่ประสาทการได้ยินดีเยี่ยมยังต้องตังใจฟังดีๆจึงจะได้ยิน…ไม่ว่าแม็กกี้พยายามมองหามันเท่าไหร่ก็เจอเพียงแต่ต้นไม้เท่านั้น
เธอพยายามดั่นด้นต่อไปอย่างไม่ลดละโดยมีปีโกะบินตามให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ
น่าแปลกๆเธอเดินมาในป่าเท่าๆไหร่กลับแทบจะไม่เจอสัตว์เลยอย่างดีก็เจอตะขาบแมลงตามพื้นดิน…และกระบ่างบลูชิพเป็นกระรอกบินที่มีขนสีน้ำเงินและมีเกร็ดสีขาวหรือสีเหลืองคล้ายเกร็ดมังกรงอกขึ้นตามแนวกระดูกสั้นหลังของมันและวิธีการหาอาหารที่คนเขียน…ไม่อยากจะเล่าถึงซักเท่าไหร่นักปกติบ่างพวกนี้จะไม่กลัวคนหรือกึ่งมนุษย์แต่พอเจอแม็กกี้มันกลับกระโดดสูงและร่อนแผ่ผังพืดขนบินหนีไปอย่างรวดเร็วเหมือนตื่นกลัวบางสิ่งบางอย่าง
แม็กกี้เดินอย่างเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆตะวันก็เริ่มคล้อยตกเย็น….แต่ความพยายามของเธอก็บังเกิดผลเธอเจอหน้าผาที่มีแม่น้ำไหลอยู่ด้านล่างและที่นั้นๆเองแม้จะยังเห็นเป็นจุดเล็กๆ
แต่มันคือกำแพงหินขนาดยักษ์ของแคว้นอีลีนอร์และตรงหน้าของเธอไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร
คือเพิงพักชะงอนหินของคานจุดนัดหมายและเป็นทางผ่านไปยังกำแพงยักษ์แห่งอีลีนอร์ที่หมายแรกของการลักลอบเข้าเมืองมนุษย์….เพื่อทำลายล้างชะตากรรมอันเลวร้ายของเธอ
คาน: “โชคดีจริงๆที่เธอรอดมาได้…เธอเอาชนะทีโบนมาได้แบบฉิวเฉียด…แต่ถ้าสู้กับมัมบาลุงของบอกเลยว่าเธอไม่รอดแน่ๆเพราะมันเป็นหนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเรา”
นี่เป็นประโยคแรกที่คานเริ่มตอบกลับหลังจากที่แม็กกี้เล่าประสบการณ์ระทึกในการลักลอบเข้าไปเอาข้าวของสัมภาระคืน…แม็กกี้ไม่สามารถเอาสัมภาระกลับมาได้ร้ายที่สุดคือเธอสูญเสียหินหยกขาว(เงิน)ทั้งหมดไปอีกและเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่ยังดีที่เธอได้เพื่อนสนิทกลับมาปีโกะนกแก้วของเธอนั้นเองบัดนี้มันยังคงเกาะที่ไหล่ของแม็กกี้นังฟังทั้งสองสนทนาอยู่นั้นเอง
คานตัดสินใจมอบห่อสมุนไพรทั้งหมดที่หามาได้ในวันนี้แก่แม็กกี้เพราะสงสารเขาหยิบสมุนไพรที่มีรูปร่างเหมือนดอกบล็อกโคลี่สีดำและมีหนวดสีขาวๆให้แม็กกี้บอกว่ามันเป็นสมุนไพรหายากเป็นหัวเชื้อทำน้ำหอมที่เข้มข้นเป็นของไร้ค่าของพวกแอนนิมาแต่เป็นของที่มีค่ามากสำหรับพวกมนุษย์พวกนักหาสมุนไพรชาวมนุษย์ค้นหากันอย่างเอาเป็นเอาตาย…
มันคือดอกแบล็กสเตลล่าหัวเชื้อทำน้ำหอมกลิ่นสเตลล่าและเครื่องหอมพิเศษอื่นๆ
แม็กกี้ : “หนูรับไม่ได้หรอกค่ะ…แค่ลุงให้อาหารและที่พักก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว”
คาน : “ไม่เป็นไรยังไงลุงก็โดนพอค้าคนกลางกดราคาอยู่ดีสมุนไพร่ห่อนี้มันขายราคาไม่ได้เท่าไหร่หรอกและเหรียญทองคำของพวกมนุษย์ก็ไม่มีค่าอะไรกับแอนนิมาอย่างพวกเรามากนัก
แม็กกี้คิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะรับสมุนไพร่ที่คานหามาทั้งวันแล้วเริ่มชวนคานคุย
แม็กกี้ : “แล้วทำไมคุณลุง…ถึงได้มาเป็นคนหาสมุนไพรล่ะค่ะ”
คาน : “คนหาสมุนไพรในเผ่าไหนๆก็เป็นอาชีพเสียงโชคเสี่ยงอันตรายในป่าเงินก็น้อยแถมไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีเมื่อก่อนลุงเคยเป็นนักรบของเผ่าเป็นตัวแสบหัวรุนแรงลุงเคยเป็นคนก่อตั้งแก็งเขาแดงมีอยู่ช่วงหนึ่งเผ่าบลูก้าของลุงเกิดทะเลาะขัดแย้งกับเผ่าคูก้าของหนูลุงนำคนออกไปรบลุงสู้เข่นฆ่า…ทำลายอย่างบ้าเลือดตามประสาคนหนุ่ม ลุงมองไปยังเศษซากเกวียนขนสเบียงของเผ่าคูก้าที่ถูกทำลายยับเยินลุงเข้าไปค้นหาสมบัติและของมีค่าแต่รู้อะไรไหมลุงเจออะไร”แม็กกี้ทำสีหน้าแสดงอาการอยากรู้คาน : “ลุงเจอแต่กระสอบข้าวและซากศพตายท้องกลมของหญิงเผ่าคูก้า…และศพเด็กชายหญิงอีกสองศพ….วินาทีนั้นเองลุงรู้สึกได้ถึงความเลวร้ายที่ตนทำ ลุงเป็นคนทำลายเกวียนนั้นเองกระแทกมันตกหน้าผาไล่ฆ่าคูก้าคนอื่นแทบจะทุกคน…เกียรติยศศักดิ์ศรีคืออะไร…ความบ้าคลั่งทั้งหมดที่ลุงทำคืออะไร…ไม่นานลุงก็ออกจากแก็งไร้จุดหมายแต่ก็ห่างมาจากเรื่องบ้าๆนั้นมาได้แต่เงินลุงก็ร่อยลงเรื่อยๆลุงทำอยากอื่นไม่เป็นนอกจากต่อสู้และเข่นฆ่าลุงพยายามหาเงินแต่ก็ไม่ค่อยมีใครรับลุง…พอจะกลับเข้าแก็งเจ้าบาโทเพื่อนเก่ามันก็ทรยศยึดตำแหน่งหัวหน้าแก็งไปลุงไม่รู้จะไปไหนแต่ลึกๆลุงรักป่า…ลุงรักป่าแห่งนี้นับตั้งแต่วันนั้นลุงเลยมาเป็นคนหาสมุนไพร…ไร้เกียรติ์แต่เกียรติ์ยศบ้าๆแบบนั้นลุงไม่กลับไปเอาแล้วละ” คานพูดพร้อมยิ้มให้กับแม็กกี้เธอยิ้มตอบทั้งสองคุยกันอีกสักครู่พระจันทร์เริ่มลอยสูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับแม็กกี้ที่ดวงตาค่อยๆปิดลงๆเพราะความง่วงแต่คานตบไหล่แม็กกี้ปลุกเธอให้ตื่นแล้วเริ่มพูดกลางป่าที่เงียบสงัดที่ไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ร้องเลยแม้แต่ตัวเดียวคาน: “คืนนี้หนูยังนอนไม่ได้หรอกนะ”แม็กกี้ : “ทำไมละค่ะ?”คาน : “เราต้องจัดการกับปัญหาที่ตามหนูมาตั้งแต่ช่วงกลางวันไงล่ะ”เฟี้ยวววว ตูมมมม! จู่ๆคานก็หยิบก้อนหินที่มีด้านหนึ่งเป็นปลายคมขว้างเต็มแรงเข้าใส่ต้นไม้ด้านซ้ายของทั้งคู่ต้นไม้ที่ถูกหินขว้างมีของเหลวคล้ายยางมีแต่มีแสงเรืองๆสีฟ้าทะลักออกมาดุจโลหิตต้นไม้ต้นนั้นและบริเวณรอบๆกว่ายี่สิบต้นลุกพรวดขึ้นมายืนแขนยืนขาสลัดใบทั้งต้นล่วงกร้าวเหลือแต่กิ่งแล้วกิ่งของต้นไม้เหล้านั้นก็หักลงจนมีสภาพกลายเป็นหัวที่สวมมงกุจเป็นกิ่งไม้ตายมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเป็นต้นไม้มีแขนขาเหมือนคนมีหัวที่มีกิ่งไม้ตายประดับเป็นมงกุญมันมีปากเป็นเนื้อไม้ที่แตกเป็นซี่แต่ไม่มีลูกกะตา พวกมันมีกว่ายี่สิบตัวล้อมคานและแม็กกี้เอาไว้คาน : “Wood Man! … แม็กกี้ดูเหมือนจะมีชาแมนคิดเล่นงานเธอนะ”คานพูดพร้อมหยิบขวานตัดไม้และขบเพลิงขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แม็กกี้เองก็เริ่มชารจ์บอลไฟขึ้นมา วู้ดแมนที่มีแขนไม้ขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆพุ่งเข้ามาก่อนใครเพื่อนแม็กกี้ยิงบอลไฟสวนเปลือกไม้ช่วงแขนของมันสองตัวแตกกระจายเผยให้เห็นอักขระเวทย์ที่ซ่อนอยู่ในแขนไม้ที่แตกออกแม้จะพริบตาเดียวแต่แม็กกี้รู้สึกคุ้นๆกับอักขระเวทย์เหล่านั้น…ไม่ผิดแน่เธอเคยเห็นมันมาก่อน ยังไม่ทันจะคิดอะไรอีกสองตัวก็กระโจนเข้าใส่เธอจากด้านหลังแต่ก็กระเด็นผงะออกไปเพราะคานสกัดฟันด้วยขวานตัดไม้กับคบเพลิงซ้ำ คานเริ่มพูดตั้งขอสังเกตคาน : “ปกติวู้ดแมนจะแพ้ไฟแต่ทำไม…ไฟทำอะไรไม่ได้เลยพวกมันไม่ธรรมดา”คำพูดนั้นทำให้แม็กกี้นึกออกอักขระนั้นคืออาคมเวทย์กันไฟที่ป้าของเธอเคยสอนมันถูกลงอาคมลงบนแขนของวู้ดแมนประเภทแขนโตพอดูดีอักขระเวทย์ถูกสลักบนแผ่นเหล็กที่ฝังในเนื้อไม้ที่เป็นแขนของพวกมันอีกที….แม็กกี้รีบตะโกนเตือนคานแม็กกี้ : “ลุงแขนของพวกมันกันไฟค่ะมันเป็นวู้ดแมนประเภทแนวหน้าค่ะ”(Tanker)พอมองดูดีๆแล้วเหล่าวูดแมนเหล่านี้มีความแตกต่างกันวู้ดแมนสี่ตัวที่บุกเขามาก่อนใครเพื่อนจะมีลักษณะตัวใครกว่าเพื่อนมันใหญ่เกือบเท่าคานและมีแขนขนาดใหญ่ที่มีแผ่นไม้แผ่บานๆคล้ายโล่และอีกแบบตัวจะเล็กกว่ามีดอกไม้ที่มีกลีบคล้ายกลีบกุหลาบบานและมีเถาวัลประดับอยู่ที่โคนดอกมันดิ้นไปมาเหมือนมีชีวิตดูแล้วหน้าขยะขแยงแขนขวาของพวกมันหยิบอาวุธได้แม้จะมีแค่ท่อนไม้และก้อนหินแต่แม็กกี้รู้สึกได้ว่าพวกมันมีสติปัญญาพวกสุดท้ายแม็กกี้เห็นแว็ปๆมันชอบหลบหลังเพื่อนมันเป็นวู้ดแมนขนาดเล็กสุดเคลื่อนที่คล่องแคล้วปะปนอยู่กับวู้ดแมนขนาดกลางแม็กกี้เห็นแค่ตัวเดียวแต่รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับวู้ดแมนประเภทหลังสุดนี้เลยดูมันร้ายกาจแล้วเจ้าเลห์…ในขณะเดียวกันคานกับใช้ควานตัดไม้สับกระบังแขนที่ลงอาคมกันไฟของวู้ดแมนตัวโตสองตัวได้สำเร็จแล้วเริ่มตะโกนเรียกแม็กกี้คาน : “เกราะแขนมันแตกแล้วจัดการเลย!”ตูมมมมม! เสียงระเบิดจากบอลไฟของแม็กกี้เข้าประทะร่างของวู้ดแมนสองตัวที่ไม่มีโล่แขนลงอาคมกันไฟแล้วพวกมันลุกไหม้ประตูอย่างรวดเร็วส่งเสียงหวีดหวิวชวนขนลุกเหมือนวิญญาณหลงทางในนรกที่ชอบขอส่วนบุญมันดิ้นพล่านวิ่งตะกายไปมาร่างที่ไฟลุกถ่วมยังลามติดไปโดนวู้ดแมนขนาดกลางอีกสองสามตัวและเริ่มลุกไหม้เหมือนกันพวกที่เหลือแตกหมู่เพราะกลัวไฟลามติด วู้ดแมนตัวใหญ่ที่เหลืออีกสามตัวเริ่มถอยหนีในขณะที่ตัวขนาดกลางอีกสิบกว่าตัวเริ่มกรูเข้ามาพร้อมๆกันจากทุกทิศทุกทางย้ากกก เคร้ง ! กร็อบ ตุ้บๆๆๆ เคร้งๆ เสียงประทะป่นเสียง:X้ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของคานแม้จะแก่แล้วแต่เขาก็สู้อย่างไว้ลายชาติบลูก้า(มิโนทอร์)มือควงขวานจวงฟันเข้าที่เนื้อไม้ของพวกวู้ดแมนอย่างไม่ลดละมืออีกข้างก็คอยเอาคบเพลิงจี้แผลแหวะที่ถูกขวานสับระวิงเป็นคอมโบเสียงร้องระงมหวีดหวิวของพวกวู้ดแมนดังลั่นป่า…ขวานของคานชโลมไปด้วยยางไม้สีฟ้าๆพวกวู้ดแมนที่อยู่ห่างออกไปเริ่มวางท่อนไม้และขว้างก้อนหินใส่คานอย่างรุนแรงคานถูกระดมขว้างก้อนหินจนเขาร้องอย่างเจ็บปวดแต่ก็ยิ่งทำให้เขาสับขวานได้อย่างหนักหน่วงและบ้าคลั่งกว่าเดิมมันเป็นเลือดบ้าระหำของเผ่ามิโนทอร์อย่างเขาที่ยิ่งบาดเจ็บจะยิ่งดุร้ายบ้าคลั่งทางแม็กกี้เองก็สู้อยู่อย่างสุดความสามารถแม้จะไม่ดีเยี่ยมเท่าคานที่เป็นนักรบอดีตหัวหน้าแก็งเขาแดงสุดโหดเธอโยกตัวหลบกรงเล็บและท่อนไม้ของพวกวู้ดแมนแล้วยิ่งบอลไฟอัดสวนระยะเผาขนจนบางลูกกลายเป็นไฟห้อมล้อมมือเธอไว้มันลวกมือเธอเองที่เป็นเจ้าของวิชาจนไหม้พองในวินาทีฉับพลันในเองในหัวของเธอก็คิดวิชาการต่อสู้แบบใหม่ออก…วิชาที่เอาเพลงหมัดและความคล่องตัวกับของเผ่าคูก้าผสานเข้ากับวิชาเสกลูกบอลไฟ…กลายเป็นเพลงหมัดอัคคีทุกหมัดและลูกเตะที่เธอปล่อยออกไปจะมีบอลไฟห้อมล้อมมือเท้าชั่วขณะพอกระแทกเขาส่วนใดส่วนหนึ่งของพวกวู้ดแมนมันกระระเบิดเหมือนโดนบอลไฟแม้จะระเบิดได้เบากว่าเสกคาถายิงบอลไฟตรงๆแต่มันช่างรั่วและเร็วตามความไวในการออกมือออกเท้าของเธอพวกวู้ดแมนขนาดกลางล้มตายลุกไหม้กันเกือบหมดมันกลายเป็นซากที่มีไฟไหม้ลุกท่วมส่องสว่างพื้นป่ายามค่ำคืนคานเห็นบางอย่างผิดปกติ….วู้ดแมนอีกแล้วแต่คราวนี้มาอีกราวๆสามสิบกว่าตัวมันเป็นฝูงที่รอให้คานและแม็กกี้สู้จนเริ่มหมดแรงแล้วค่อยโผล่เป็นคลื่นทัพรอบที่สองคาน : “แม็กกี้เดียวลุงจะขึ้นไปบนชะงอนผา…หนูต้องกัดฟันสู้ใต้ชะงอนหินนี้ล่อพวกมันเข้ามาใต้ชะงอนหินให้มากที่สุด…พอผนังถ้ำรอบตัวหนูร่วงกราวลงมาให้หนูกระโจนออกชะงอนหินให้เร็วที่สุดเลยนะ…เร็วที่สุดในชีวิต”คานตะโกนสั่งแม็กกี้เสียงเฉียบขาดแม็กกีก็พยักหน้ารับคำคานวิ่งออกจะชะงอนหินเพิกพังเข้าประจันกับฝูงวู้ดแมนในที่โล่งเขาปล่อยพลังออกมาจู่กร้ามของเขาก็เป่งขึ้นเป็นมัดๆแล้วตะโกนลั่น Earth Slamp!กำปั่นของเขาทุบดินเกิดคลื่นหินพุ่งเขาเสียบฝูงวู้ดแมนลงไปกองกับพื้นอีกนับสิบแต่อีกยี่สิบกว่าก็ยังโท่มเขามาเขารีบพยุ่งร่างแก่วิ่งขึ้นเข้าพร้อมกับส่งเสียงหอบอย่างอ่อนล้าเพราะได้ใช้ท่าไม้ตายบวกกับการต่อสู้เมื่อครู่ทางแม็กกี้เริ่มต่อสู้ขึ้นอีกครั้งเธอหลบการโจมตีของพวกวู้ดแมนอย่างรวดเร็วพร้อมปล่อยบอลไฟหมัดไฟและลูกเตะไฟสวนแต่พลังของเธออ่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นกันพวกมันล้อมเธอเป็นแนวกำแพงได้สำเร็จและพร้อมใจกันยิงเท้าวัลจากแขนว้ายเพื่อจับแม็กกี้พรวดดดๆๆๆ แพรกๆๆ (เสียงเถาวัลพุ่งและรัด) ม้ายยย! ปล่อยนะ ปล่อย!! กรี้ดดด! แนวเส้นเถาวัลจากวู้ดแมนทั้งสิบพันแม็กกี้ได้บางเส้นเริ่มรัดคอแม็กกี้เธอส่งเสียงร้องอ็อกๆและตาเหลือกสติของเธอกำลังดับวูปลง ม้ายยยย! กรี้ดดด!ทำลาย….แผดเผา…ล้างบางมันให้หมด!!!เสียงในหัวของแม็กกี้ประกาศก้องเธอกรี้ดร้องออกมาลั่นร่างของแม็กกี้ทั้งร่างที่โดนเท้าวัลหลายสิบเส้นพันจนกลายเป็นมัมมี่เกิดเปล่งแสงแล้วทุกอย่างใต้แนวชะงอนหินที่พักก็สว่างวาปออกมาบรึ้มมมม!! ซูมมมม!!! หวีดดดดดดด (เสียงหวีดของเหล่าวู้ดแมนผู้เคราะห์ร้าย)เปลวไฟลุกท่วมทุกทิศทุกทางเผาไหม้วู้ดแมนและทุกสิ่งในแนวชะงอนหินและบริเวณใกล้เคียงพอไฟสงบลงคานที่วางแผนจะระเบิดชะงอนหินให้ถล่มลงมาทับพวกวู้ดแมนแต่ไม่ต้องแล้วเพราะจู่ๆก็มีพลังไฟมหาศาลกวาดล้างพวกวู้ดแมนจนเป็นตอตะโกและสิ่งที่เขาเห็นก็คือหญิงสาวเผ่าคูก้าผมยาวประกายสีแดงและมีละอองไฟสีทองประดับทำให้เรือนผมยาวสลาวยนั้นเปล่งปลั้งอุ้งมีและเท้าเป็นไฟมันช่างเหมือนหินหล่อมละลายเหลือเกินดวงตาลุกเป็นไฟมีรอยแตกลึกลงไปทางหางตาเป็นรอยแตกแหมือนจานที่แตกร้าวแต่มีลำแสงสีแดงโผยพุ่งออกจากทางตาเช่นกัน…เขาไม่เคยเห็นสัตว์โลกตัวไหนที่เป็นแบบนี้นี่มันราวกับ…อสูร…ปีศาจ…สิ่งมีชีวิตแห่งการทำลายในโลกแห่งโดม่า(โลกของปีศาจและผู้วายชนม์)ร่างนั้นหันมามองที่เขาดวงตาของนางราวกำมีอำนาจที่ทำให้เขาหดเกร็งด้วยความหวาดกลัวแล้วจู่ๆก็มีเปลวไฟพุ่งล้อมรอบร่างนั้นแล้วหายไปเขาเข้ามาสำรวจก็พบแม็กกี้นอนกัดฟันนิ่งเหมือนพยายามข่มอะไรซักอย่างสุดชีวิต ปากบ่นพึมพำอยู่ขนเดียวใจความว่า …อย่านะ…อย่าออกมาหลายครั้งเขาตัดสินใจลูบหัวแม็กกี้อย่างอ่อนโยนเธอลืมตาตื่นขึ้นมาสบตาเขาแล้วเริ่มพูดแม็กกี้ : “ลุงเห็นแล้วสินะคะ…อสูรในตัวหนู…คำสาปในตัวหนู…ชะตาที่เลวร้ายของหนู”คานเริ่มเข้าใจว่าร่างที่เขาเห็นเมื่อครู่เป็นเธอนั้นเอง…แต่เป็นเธอที่ไม่ใช่เธอเขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเขายิ้มอย่างใจดีให้เธอส่งสายตายบอกว่าไม่เป็นไรทุกอย่างจะโอเคแม้จะไม่มีคำพูดคำใดเล็ดลอดออกมาแต่เหมือนเธอจะรู้สึกได้….ฉึกกกกก! เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่งเมื่อจู่มีหนามไม้ขนาดใหญ่เท่าหอกยาวสองฟุตยื่นเสียบเข้าที่หลังของคานทะลุยอดอก ….ละอองเลือดของเขาค่อยๆลอยกระเซ็นเข้ามาช้าๆจนสัมผัสใบหน้าของแม็กกี้เธอช็อกไปเสียแล้วส่วนคานก็หยิบขวานขึ้นมาแม้บาดแผลคราวนี้จะสาหัสถึงตายแต่กร้ามเนื้อของเขาก็ระเบิดพลังงานแห่งการต่อสู้….ครั้งสุดท้ายย้ากกกก!! ฉัวะ! ขวานจามเขาที่ใบหน้าของวู้ดแมนตัวเล็กที่มีหนามขนาดยักษ์ยื่นออกมาจากหลังมือสเหมือนใบมีดลับของพวกนักฆ่า ขวานของเข้าสับใบหน้าของมันเต็มรักจวงทะลางลงไปต่อจนมันขาดตะพายแล่งจากช่วงใบหน้าลงไป (ขาดตะพายแล่งคือขาดลึกลงไปยังช่วงเอวจนแยกขาดทั้งตัวเป็นสองท่อน)วู้ดแมนตัวใหญ่อีกสองตัวและตัวเล็กๆที่มีดาบหนามติดแขนอีกสี่ตัวพุ่งสี่เข้าเจ้าตัวใหญ่เอาแขนโล่ไม้มารับใบขวานแต่ไม่เป็นผลโล่แขนไม้ของมันก็ขาดแหกเหมือนมีดตัดเนยและถูกคานที่บ้าคลั่งจวงฟันต่อไม่ยังจนขาดเป็นท่อนๆ…จังหวะนี้เองเจ้าพวกวู้ดแมนตัวเล็กสี่ตัวสุดท้ายก็พุ่งเข้าใส่คานปานลมกรด คานตวัดขวานใส่พวกมันก็โดดหลบอย่างคล่องแคล่วว่องไวแม็กกี้ที่เห็นคานที่ตะลุมบอนกับเจ้าตัวเล็กเริ่มเสียท่าเธอคิดออกแล้วว่ากองทัพวู้ดแมนเหล่านี้เป็นฝีมือการอัญเชิญของใคร…ป้าของเธอนั้นเองหัวหน้าหมอผีของเผ่าคูก้า ทำไมกันเธอแค่อยากมืออิสระจากคำสาปแล้วร้ายน้เท่านั้นแต่ป่าของเธอละคนทั้งเผ่าโดยเฉพาะจากาหัวหน้าต้องการให้เธอมีพลังจากคำสาปนี้เพื่อทวงวิหารศักดิ์สิทธิ์จากพวกมนุษย์อิสระ….อิสระเหมือนสายลมที่พัดผ่าน…อิสระเหมือนนกที่โผ่บิน…เธอต้องการแค่นี้เท่านั้นใช้แล้วอิสระ…ฉันขอใส่จิตวิญาณแห่งอิสระภาพลงไปในพลังลูกบอลไฟนี้….!ฟีนิกเบส! ลูกบอลไฟถูกปล่อยจากมือแม็กกี้แต่มันไม่ใช่ลูกบอลไฟอีกต่อไปแล้วมันหล่อมรวมกับจิตวิญาณแห่งอิสระภาพของแม็กกี้จนออกมาเป็นรูปนกแห่งเปลวเพลิงมันพุ่งเข้าใส่ทิศทางที่ทั้งคานแลวู้ดแมนตัวเล็กเป็นระนาบเดียวกันในจังหวะที่นกไฟจะพุ่งชนหลังคานมันบินหักเลี้ยวอ้อมแล้วพุ่งใส่วู้ดแมนตัวเล็กทั้งสี่ตัวอย่างแม่นยำพวกมันแทบจะหายไปไม่เหลือซาก เมื่อคานเห็นการต่อสู้ทั้งหมดยุติลงเข้าก็กระอักเลือดหนักกว่าเดิมแล้วทรุดลงแม็กกี้ : “ลุงแผลเป็นยังไงมั้งเดี่ยวขอหนูดูนะ…”เธอเริ่มสำรวจปากแผลของคานแต่มันเลวร้ายมากเลวร้ายจริงๆคานถูกเสียบเข้าทะหลังทะลุอกมันใกล้หัวใจมากคาน : “นี่คงเป็นวาระสุดท้ายของฉัน…แค้กๆ…ชีวิตที่เหลวแหลกของฉัน…แฮ่กๆแต่ในวาระสุดท้ายนี้อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกในชีวิต…ที่สู้เพื่อปกป้องบางสิ่ง”แม็กกี้ : “ไม่นะ…ลุงแข็งใจไว้สมุนไพร่หนูใช้ไม่เป็น..รีบสอนหนูสิมันอาจช่วยอะไรได้บ้าง”คาน : “ฮ่าๆๆๆ…อัก …บาดแผลขนาดนี้คงต้องใช้สมุนไพรในเทพนิยายแล้วละมั้ง…ไม่ก็ต้องใช้วิชาของพวกเนโครแมนเซอร์….อัก ว่าไปนั้นชั้นไม่อยากกลายเป็นผีดิบเน่าๆพวกนั้น”แม็กกี้เริ่มสะอื้นไห้หนักเข้าไปอีกแผลของคานก็มีเลือดทะลักมากขึ้นไปอีกแม็กกี้จับมือของคานไว้มือของเขาเย็นเฉียบอย่างน่าใจหายคาน ; “ชั้น….มองไม่เห็น…ความรู้สึกค่อยๆหายไป….นี่รึความตาย….ให้ตายสิพอจะจากร่างนี้ไปมันก็ใจหายมากเหมือนกันนะนี่…ทั้งๆที่คิดว่าชีวิตนี้อยู่มานานเกินไปแล้วแท้ๆ”คานหยุดพูดล้มหายใจแผ่วเบาลงเรื่อยๆ…จนหายไปพร้อมกับดวงตะวันที่เริ่มฉายขึ้น ณ ขอบฟ้าคานตายในรุ่งอรุ่นของวันใหม่นั้นเอง…ชีวิตของเขาครึ่งชีวิตเป็นมิโนทอร์นักเลงหัวรุนแรงอีกครึ่งชีวิตเป็นคนหาสมุนไพร่เลี้ยงตัวไปวันๆแต่ในวาระสุดท้ายเขาได้ตายเยี่ยงนักรบอย่างแท้จริงแม็กกี้จัดการฝังเขาใต้ชะงอนหินเขาจะพักอย่างสงบในป่าที่เขารักและสู้เพื่อนปกป้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเขาไม่ได้ทำเพราะความรัก…ตัญหา เกตียรติยศ หรือความมั่งคั่ง เขาเพียงแค่อย่างจะช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้พ้นจากชะตากรรมอันเลวร้ายตามที่โทรุสเพื่อนสนิทรุ่นหลานของเขาเล่าให้ฟังบ่อยๆเท่านั้นถึงแฟนสาวที่เป็นแอนนิมาหูแมวที่ถูกคนทั้งเผ่าพยายามใช้เป็นเครื่องมือ…เขาปกป้องไว้ได้…ลาก่อน คาน หลับให้สบาย…Mana vision Tale of the fire cat parth 4