แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย isaree เมื่อ 2015-7-4 21:43
เฮ้อ....หมดไปแล้วอีกส่วน แต่นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราวอดีตของเจ๊เค้าเองน้าส่วนอีกตอนอื่นๆจะพยายามมาต่อไวๆนะฮะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ด้วยซึ่งจะทำให้การอัพนิยายตอนต่อเลื่อนช้าไปมากพอดู แต่ผมก็จะพยายามมาต่อไวๆนะฮะ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกท่านสนุกกับช่วงพิเศษนี้นะฮะ และขอให้มีความสุขกันนะฮะ บ๊าย บาย
หวัดดีคับ ไม่ได้มาลงเป็นชาติเลยมั้งเนี่ยแต่เอาเถอะ
วันนี้ผมจะมาลงตอนพิเศษนะฮะ มันเป็นช่วงอดีตของเจ๊เค้า
เอาล่ะลุยโลด(ปล.ชื่อเก่าเจ๊เค้าชื่อ ดาเตะ บงเท็นมารุ นะเออ)
วันวานที่ไม่อาจลืมลง....
ท้องฟ้าสีมืดคล้ำ....
ที่มีแสงสีสวยจากจันทราครึ่งเสี้ยวของโอชู....ที่คอยส่องสว่างในยามราตรีที่มืดมิด....
เหมือนดั่ง....หัวใจของข้า....
ณ แคว้นโอชู
ภายในคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางของแคว้น ที่มีเหล่าบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ กับเหล่าบรรดาคนรับใช้เดินกันให้ขวักไขว่อยู่นั้นเอง ถ้าพวกเค้าเหล่านั้นตั้งใจฟังเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากบานประตูเลื่อนสีขาวสะอาดดีๆ มันจะไม่ใช่เสียงพูดคุยสนทนากันระหว่างคนสองคน แต่มันจะเป็นเสียงทุบตีและกล่าวต่อว่าคนๆนึงอยู่ต่างหาก ภายในห้องโถงขนาดใหญ่นั้นเอง มีสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่งที่มีศักดิ์เป็น'แม่'กำลังใช้ฝ่ามือเรียวนวลตบเข้าที่ใบหน้าเรียวเล็กของคนเป็น'ลูก'อย่างรุนแรงและหนักหน่วง พร้อมกับที่สตรีผู้นั้นกล่าววาจาอย่างโกรธเกรี้ยวใส่ร่างเล็กที่ล้มลงไปกองกับพื้นเบื้องหน้าของหญิงสาว
"ข้าบอกเจ้าแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าเข้ามาให้ข้าเห็นหน้าที่แสนอัปลักษณ์นั้นของเจ้าอีก"
"ทะ...ท่านแม่...ได้โปรด...ข้าแค่..."
ร่างเล็กเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับในมือที่กำช่อดอกไม้สีสวยเอาไว้ ก่อนที่ร่างเล็กจะทันพูดจบหญิงสาวก็สั่งให้พลทหารมาจับร่างเล็กโยนออกไปนอกห้องทันที แผ่นหลังของร่างเล็กกระแทกเข้ากับขอบระเบียงกั้นอย่างแรงจนจุก แต่ร่างเล็กก็ไม่สนใจอาการเจ็บที่สันหลังแต่กลับที่จะพยายามเอ่ยเรียกหญิงสาวซึ่งเป็นแม่แท้ๆของตนเองอย่างน่าสงสาร พร้อมกับที่หยาดน้ำสีใสไหลรินออกมาจากดวงตาสีน้ำเงินสวยที่เหลือเพียงข้างเดียว ก่อนที่แผ่นหลังของสตรีสูงศักดิ์จะหายลับไปอย่างฉับพลันเมื่อประตูเลื่อนสีขาวเลื่อนปิดลง
"....ได้โปรด...."
ร่างเล็กกล่าวพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลหยดลงบนกลีบดอกไม้ที่ร่างเล็กกำเอาไว้ตรงอก พอดีกับที่หยาดน้ำสีใสที่ยังคงไหลอยู่กลับค่อยๆเอ่อล้นออกมาเรื่อยๆเหมือนเขื่อนแตก เพราะความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุด
"....ยกโทษให้ข้าด้วย....ท่านแม่...."
......
....
...
..
.
"บงจัง ทำไมแก้มเจ้าถึงบวมช้ำแบบนั้นเล่า?"
เมื่อสิ้นสุดคำถามของเพื่อนสนิทที่นั่งกินดังโงะตุ้ยๆอยู่ข้างๆเจ้าของชื่อก็สะดุ้งรู้สึกตัวเมื่อคนที่นั่งข้างๆเอาไม้ดังไงะมาจิ้มที่แก้มนวลที่เป็นรอยฟกช้ำของเค้าเบาๆ
"รึว่า...นี่เป็นฝีมือแม่ของเจ้า"
"ปะ...เปล่า ไม่ใช่นะ"
ร่างเล็กพยามพูดเพื่อไม่ให้เพื่อนของเค้ารู้ ว่ารอยฟกช้ำบนใบหน้าขาวนวลนั้น แม่ของเค้าเป็นคนทำไว้เอง แต่มีรึที่เพื่อนสนิทของเค้าอย่าง'ชิเงนากะ'ที่อยู่เล่นกับร่างเล็กมาตั้งแต่เด็กจะไม่รู้ ว่ารอยพวกนั้นใครเป็นคนทำ
"บงจัง....เจ้าไม่ต้องพูดปกป้องแม่ของเจ้าก็ได้นะ"
"........"
ร่างเล็กเงียบทันที เมื่อชิเงนากะรู้ว่ารอยบนหน้าของเค้านั้น ใครเป็นคนทำ เค้ารู้...ว่ายังไงชิเงนากะก็รู้แน่ว่ารอยบนหน้าเค้าใครเป็นคนทำ...รู้...ว่าชิเงนากะต้องพูดแบบนี้...รู้...ว่าชิเงนากะจะมองเค้าด้วยสายตาที่เห็นใจและรู้สึกสงสารเค้ามากขนาดไหน
"บงจัง...เจ้าไม่ต้องฝืนอดทนแบบนี้ก็ได้นะ..."
ชิเงนากะเอ่ยพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือเรียวของร่างเล็ก ร่างเล็กมองหน้าเพื่อนสนิทของเค้านิ่งๆก่อนที่เค้าจะก้มหน้าลงต่ำแล้วกล่าวกับเพื่อนของเค้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาดั่งสายลมอ่อนๆที่ผัดผ่านไปเท่านั้น
"ข้าก็แค่...อยากให้ท่านแม่หันมารักข้าบ้าง...ก็เท่านั้นเอง..."
ชิเงนากะจ้องมองร่างเล็กด้วยความรู้สึกสงสารเพื่อนของเค้าอย่างจับใจ เพื่อนของเค้านั้นสูญเสียตาขวาไปเพราะโรคร้ายตั้งแต่เด็ก เพราะเหตุนี้ ทุกคนในแคว้นถึงได้จงเกลียดจงชังเพื่อนของเค้า บ้างก็หาว่าเป็นปีศาจร้าย บ้างก็หาว่าเป็นเด็กต้องสาป บ้างก็หาว่าเป็นตัวอัปมงคล เค้ารับไม่ได้...ที่คนที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนอย่าง'บงเท็นมารุ'จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจร้ายทั้งๆอย่างนี้ เค้ารับไม่ได้ที่ทุกคนต้องจงเกลียดจงชังเพื่อนของเค้าถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่บงเท็นมารุไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแท้ๆ
ทันใดนั้นแขนกว้างของชิเงนากะก็โอบกอดร่างเล็กเอาไว้ จนร่างเล็กสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่เพื่อนของเค้าทำ
"ชะ...ชินจังปล่อยนะ"
ร่างเล็กเอ่ยพร้อมกับพยายามพลักคนตรงหน้าออกห่างๆ ขณะที่ร่างเล็กกำลังพลักร่างเพื่อนของเค้าอยู่นั้น ชิเงนากะก็กล่าวกับร่างเล็กเบาๆข้างหูซึ่งมันทำให้ร่างเล็กถึงกับอยากจะน้ำตาคลอทันที
"เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่มีใครรักเจ้า ถึงจะไม่มีใครรักเจ้า หรือเป็นเพื่อนเจ้าเลยสักคน แต่ข้าคนนี้นี่แหละที่จะเป็นเพื่อนเจ้าและคนที่รักใจด้วยใจจริง ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเองบงจัง เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องเสียน้ำตาไปมากกว่านี้เลย"
พอชิเงนากะกล่าวจบ ร่างเล็กก็นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออกนอกจากสิ่งที่เพื่อนของเค้าพูดไปเมื่อครู่กำลังดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเทปที่ชำรุด แต่ร่างเล็กก็กัดฟันออกแรงพลักชิเงนากะจนหลุด แล้วร่างเล็กก็วิ่งไปตามระเบียงภายนอกคฤหาสน์ปล่อยให้ชิเงนากะนั่งมองแผ่นหลังเล็กของเพื่อนและก็เป็นคนเดียวกับที่เค้ารักหมดหัวใจที่กำลังจะหายลับไปตามทางระเบียงที่ทอดยาวไปแสนไกลเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เค้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า? เค้าพูดสิ่งที่ไม่ควรไปอย่างงั้นหรอ? สิ่งที่เค้าพูดออกไปมันทำให้คนที่เค้ารักต้องผิดหวังอย่างงั้นหรอ? หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ยกมือสองข้างกุมศีรษะเอาไว้ด้วยความรู้สึกผิด ที่ตนเองไปพูดแบบนันกับคนที่เค้ารักไปแบบนั้น เค้าคิดว่า
บงเท็นมารุคงไม่ยกโทษให้กับเค้าแน่ ก็คนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นคนที่ไว้ใจที่สุดอย่างเค้ากลับไปบอกรักบงเท็นมารุแบบนั้น ร่างเล็กคงจะเกลียดเค้ามากน่าดูเลย เค้าจึงได้แต่กล่าวขอโทษร่างเล็กซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงเพราะความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นอยู่เต็มอกข้างซ้าย ซึ่งตอนนี้แทบจะแตกสลายกลายเป็นผุยผงอยู่แล้ว
"ข้าขอโทษบงจัง...ข้าขอโทษ..."
อดีตอันขมขื่นของมังกรตาเดียว (1) (จบ)
เฮ้อ....หมดไปแล้วอีกส่วน แต่นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องราวอดีตของเจ๊เค้าเองน้าส่วนอีกตอนอื่นๆจะพยายามมาต่อไวๆนะฮะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ด้วยซึ่งจะทำให้การอัพนิยายตอนต่อเลื่อนช้าไปมากพอดู แต่ผมก็จะพยายามมาต่อไวๆนะฮะ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกท่านสนุกกับช่วงพิเศษนี้นะฮะ และขอให้มีความสุขกันนะฮะ บ๊าย บาย
รักแรกของโจรสลัดหนุ่ม (Yaoi) ช่วงพิเศษ - อดีตอันขมขื่นของมังกรตาเดียว (1)
หมายเหตุ มาจากนิยายของผมนะฮะ
ถ้าเจ้าเป็นปีศาจร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ข้าก็ขอเป็นซาตานที่น่ารังเกียจเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป
ถ้าเจ้าเป็นปีศาจร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ข้าก็ขอเป็นซาตานที่น่ารังเกียจเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป