แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thagon เมื่อ 2015-7-6 20:30
บทพิเศษ tale of the fire cat parth 5
คานชายแก่ผู้เฝ้าของคนหาสมุนไพร และชายชาตินักรบได้จากโลกนี้ไปแล้วเป็นเวลาสามวันแม็กกี้มาถึงกำแพงยักษ์อิลินอร์ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่คานตายแต่เธอกำลังค้นหาบางสิ่งมันคือทิวทัศน์ที่เธอเห็นใน void of soul ที่ป้าของเธอฉายให้ดู
มันคือฉากหลังของมิติแห่งความฝันสิ่งที่เธอเห็นทิวทัศน์แห่งอนาคตคือชายหัวล้านที่ทางดูแล้วไม่น่าไว้วางใจยืนอยู่ตรงร้านขายหมูใต้ส่วนของป้อมปราการที่ยืนออกมาจากกำแพงขนาดยักษ์เหนือหัวเธอ200เมตรพอดีในมิติแห่งความฝันมันเป็นภาพฉายนิ่งที่เธอเข้าไปคุยกับชายคนนั้นแม้ป้าของเธอจะพยายามเอาเธอกลับไปจนทำให้คานตายแต่ต้องยอมรับว่าภาพในvoid of soul ย่นเวลาการค้นหาชายที่ชื่อสมักลงไปได้แยอะและฝูงWoodman ที่ป้าเธอส่งมาหมายจะจับตัวเธอกลับไปยังมีแกนกลางที่ถูกเรียกว่า
Summoning core ฝังอยู่ที่หน้าอกเธอควักออกมาได้28ชิ้นและเธอยังมีหัวเชื้อน้ำหอมดอกแบล็คสเตลล่ามันเกือบโดนเธอที่ควบคุมพลังคำสาปไม่ได้เผาในที่พักชะงอนหินแต่โชคดีคานใส่ไว้ใน:Xบเหล็กเลยไม่ถูกย่าง…ห่อสมุนไพร่…กระบอกน้ำที่ทำจากดอกไม้ที่คล้ายต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง…หินหยกขาวสามเม็ด(ดร็อปจากศพของคาน)…ห่อยาสลบร้ายแรงที่คานให้และถุงใส่อาหารที่เธอหาได้จากป่าหลังช่วงฝังศพของคาน…และนกแก้วคู่ใจของเธอปีโกะมันช่วยเป็นเพื่อนเธอในยามเหงา
แม็กกี้มองไปยังร้านขายหมูอยู่เกือบชั่วโมงในที่สุดชายแก่หัวล้านก็เดินออกมาเหมือนภาพทิวทัศน์แห่งอนาคตที่เธอเห็นทุกประการ…แม็กกี้ที่หลบอยู่ในป่าเสกบริกรรมคาถาแล้วละอองแสงสีเขียวได้ก่อตัวหุ้มร่างของเธอเอาไว้
หูแมวของเธอหายไปหางที่เหมือนหางสิงโตก็หดกรงเล็บและอุ้งเท้าก็กลายสภาพเป็นมือแบบมนุษย์เธอลองส่องกระจกในแอ่งน้ำธรรมชาติตรงป่าใกล้หมู่บ้านบัดนี้เธอมีรูปโฉมใหม่สาวน้อยชาวมนุษย์อายุสิบสองผมสั้นสีแดงแก้วตากลมแบ้วตามแบบฉบับสาวน้อยน่ารักและไร้หูแมวเธอจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยที่เดียวเพียงแต่ดูแล้วแก่นกระโหลกไปบ้างเท่านั้นเอง…เธอเดินตรงไปหาชายแก่
แม็กกี้ : “ขอโทษค่ะ…หนูตามหาชายที่ชื่อสมัก…ไม่ทราบว่าพอจะรู้จักไหมค่ะ”
ชายแก่ : “แล้วเธอมีธุระอะไรกับนายสมักคนนั้นล่ะแม่หนูน้อย”
แม้กกี้ : “คือหนูอยากจะผ่านเข้าไปในกำแพงยักษ์นั้นล่ะค่ะ”
ชายแก่ : “ก็เข้าไปสิแม่หนูน้อยให้พวกยามมันตรวจนิดหน่อยก็ไปได้แล้วละ”
ชายแก่ชี้ไปทางประตูที่มีทหารใส่เกราะสีเงินนับสิบและมีนักเวทย์ใส่ผ้าคลุมสีน้ำเงิน ที่ฮูดปิดหน้าของพวกเขามีลวดลายรูปดวงตาสีทองประดับอยู่พวกเขาถูกรายล้อมคุ้มกันอย่างดีโดยอัศวินเกราะเงินสี่ถึงหกคนต่อนักเวทย์หนึ่งคนพอมองดูดีๆแล้วรอบๆหมู่บ้านแห่งนี้และบนสันกำแพงยักษ์ก็มีกลุ่มคนลักษณะแบบนี้กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ
อย่างทั่วถึงเลยทีเดียวบนสันกำแพงมีเครื่องยิงหน้าไม้ขนาดยักษ์ที่มีลูกธนูเป็นหอก
และบางช่วงของแนวกำแพงมีเสาที่เกิดจากต้นไม้สองต้นพันกันและมีลูกแก้วเวทย์มนต์ขนาดใหญ่ติดอยู่บนยอดเธอรู้สึกได้ว่ามันเป็นเสาเวทย์มนต์ที่ใช้ป้องกันและนานๆครังจะมีทหารม้าสวมเกราะถักจากหนังสีน้ำตาลควบม้าไปมา
แม็กกี้ที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นมนุษย์เธอจะทำยังไงให้ชายแก่ตรงหน้ารู้ว่าเธอเป็นแอนนิมาแล้วซักพักเธอก็คิดออกเธอล่วงกระเป๋าหยิบหินหยกขาวสามเม็ดที่ได้จากศพของคานให้ชายแก่ดู…ชายแก่ที่มองหินหยกขาวอยู่ชั่วอึดใจก็ตกใจและเข้าใจความหมายทันที สาวน้อยคนนี้คือชาแมนหรือก็คือแอนนิมาที่ใช้เวทย์มนต์ได้และชาแมนบางคนก็มีเวทย์มนต์ที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้…
แต่ทำไมตัวต้นที่พิเศษอย่างชาแมนถึงอยากลอบเข้ามาในเมืองมนุษย์เขาไม่แปลกใจเลยที่ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงรู้ตัวตนที่แท้จริงที่เขาปกปิดเอาไว้…นักค้าแอนนิมา สมัก ออง:Xลหนึ่งในเจ้าพ่อธุรกิจผิดกฎหมายในอีลีนอร์ผู้ซึ่งลักลอบจัดหาลู่ทางให้แอนนิมาที่ประสงค์จะลักลอบเข้าเมืองและยังมีธุรกิจค้ามนุษย์หญิงสาวที่ทำงานพิเศษช่วงกลางคืนกับค้ายาเสพติดมีถิทธิ์เหมือนใบกระท่อมและเป็นเจ้าของบ่อนในแคว้นนี้
สมัก : “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอลูกค้าที่พิเศษในช่วงเวลาแบบนี้เชิญทางนี้ครับคุณลูกค้า”
แม็กกี้ได้ตามสมักเข้าไปในร้านอาหารขนาดสามชั้นแห่งหนึ่งสมักกระซิบกับบริกร
และทั้งสามคนก็เดินไปทางห้องเก็บของร้านบริกรเดินมาถึงคบเพลิงประดับผนังอันหนึ่งแล้วกระชากแท่นยึดคบเพลิงลงประตูลับข้างๆก็เปิดต้อนรับคนทั้งสาม
ใช่แล้วร้านอาหารแห่งนี้เปิดขึ้นบังหน้าแท้จริงแล้วมันคือบ่อนแห่งหนึ่งของสมัก
ภายในเต็มไปด้วย ผีพนั่น นักแสวงโชค ทรชน และหญิงค้าประเวณี
สมักและแม็กกี้แยกจากบริกรเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขามีชายหุ่นลำบึกสองคนยืนเฝ้าประตูซ้ายขวาภายในห้องเป็นโต้ะทำงานที่มีเตียงนอนและเครื่องประดับห้องหรูหราชั้นใส่เหล้าอย่างดีเหล้าข้างในก็คงจะดีเหมือนกัน มีกะโหลกของไวลเวริน์สัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายมังกรแต่ไม่มีเขาและอุ้งมือ คอก็ยาวกว่าประดับฝาห้องอยู่ รอบๆห้องก็มีภาพสีน้ำมันลวดลายประหลาดนับสิบตามจุดต่างๆ ทั้งสองเริ่มคุยสมักเริ่มอธิบายกฎเกณท์ต่างๆในโลกของมนุษย์อย่างคร่าวๆ
หน่วยเงินย่อยที่สุดคือฟอลดินถัดมาคือดินนารี่และหน่วยเงินสุดท้ายคือยูเนี่ยนเครดิต
ซึ่งเป็นหน่วยเงินสากลที่เป็นที่ยอมรับและใช้ทั่วอาณาจักรมนุษย์เอลฟ์ และ คนเคราะ
สมักยื่นกระดาษเจ็ดใบสามใบเป็นใบผ่านทางปลอมอีกมันสามารถผ่านเมืองได้สามเมืองดังนี้แคว้นอีลีนอร์ทั้งหมด เซ็นทรูเรเนี่ยน(เมืองหลวง) และเมืองในโซนทะเลแดงทั้งหมดอีกสองใบเป็นแผนที่แคว้นอีลีนอร์และเซ็นทรูเรเนี่ยนสองใบที่เหลือเป็น
รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งงานงานส่วนใหญ่เป็นงานผิดกฎหมายไม่ก็เป็นงานตะลุย
หอคอยเป็นงานเสี่ยงอันตรายที่ต้องลักลอบเข้าไปในโบราณสถานหรือรังของพวกมอนสเตอร์ต่อสู้กับผู้เฝ้าคุมทรัพย์แล้วปล้นของมีค่าข้างในออกมามักถูกนิยมเรียกว่า
งานตะลุยดันเจี้ยนที่เหลือก็จะเป็นโรงเรียนและหอสมุดต่างๆกับงานจิปาถะทั่วๆไป
ใบสุดท้ายแสดงหน่วยเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันแสดงรายละเอียดดั้งนี้
เหรียญทองแดงเล็กสุดคือ 10 ฟอลดิน 100 ฟอลดิน=1ดินนารี่
เหรียญเงินที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดคือ 1 ดินนารี่10 ดินนารี่คือค่าของ1เหรียญสีทอง
100 ดินนารี่ คือค่าของ1เหรีญแก้วสีน้ำเงิน 38 ดินนารี่คือค่าของ 1 ยูเนี่ยนเครดิต
ของในวันนี้…ค่าของยูเนี่ยนเครดิตจะถูกเปลี่ยนทุกๆวันตามผลผลิตมวลรวมของประเทศต่างๆแต่เป็นหน่วยเงินที่ยอมรับมากที่สุดในโลกมนุษย์มันเป็นเหรียญเงินที่มีรูปตราชั่งมีประกายดาวประดับที่ยอดของตราชั่งเป็นหนึ่งหน่วยเงินที่ควรพกติดตัวเอาไว้บ้างค่าครองชีพอาหารทั่วๆไปอยู่ที่มื้อละ 60-80 ฟอลดินค่าแรงลูกจ้างขั้นต่ำอยู่ที่8-9ดินนารี่ต่อวันแล้วแต่เมือง ถ้ามีเงินแยอะจะนิยมฝากธนาคารและใช้รูนการด์แทน
แม็กกี้พยายามอ่านหนังสือแต่เธองงไปหมดเธอเคยอ่านหนังสือภาษามนุษย์อยู่บ้างแต่ไม่เข้าใจทั้งหมดเธอร้องขอหนังสือสอนภาษาไทเรสของประเทศไททาเนียนสมักก็จัดให้ตามประสงค์เธอได้ของทุกอย่างที่เธอต้องการสมักก็เริ่มคุยเรื่องราคา
สมัก : “ทั้งหมดก็1200ดินนารี่หรือก็คือสิบสองเหรียญแก้วครับ”
แม็กกี้ : “แพงสุดๆเลยค้า!ลดได้หรือเปล่าคะเนี่ย”
แม็กกี้รู้สึกได้เลยว่ามันแพงเกินไปถ้าเธอทำงานลูกจ้างขั้นต่ำก็ต้องทำงานอยู่เกือบปีจึงจะผ่านทางลักลอบเข้าเมืองของสมักได้เพราะรายได้แค่8-9ดินนารี่ต่อวันเท่านั้น
สมัก : “ได้แน่นอนครับผมใจกว้างเสมอ…แต่ช่วงนี้มีหัวหน้ากองตรวจตราคนใหม่เข้ามาและพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างผลงานมันเป็นลูกชายของเจ้าเมืองอีลีนอร์พวกมันกวาดล้างการค้ามนุษย์และการค้าแอนนิมารวมทั้งธุรกิจต่างๆของผมจนหมด
ผมคงลดได้อย่างมากก็100ดินนารี่เท่านั้นแลกกับข้อมูลว่าเธอจะไปเมืองไหนและเธอมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ครับ…อ้อระวังหน่อยนะครับผมจับโกหกเก่ง”สมักพยายามจะบีบแม็กกี้โดยการรับซื้อความลับของเธอความลับที่ตัวเขาสนใจเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอลูกค้าที่เป็นชาแมนแถมเป็นสาวสวยวัยแรกรุ่น(แอนนิมาจะโตเร็วกว่ามนุษย์แม็กกี้ตอนนี้อายุสิบสองแต่หน้าเหมือนสิบห้าสิบหกพอโตเต็มที่ก็จะแก่ช้าด้วยครับ)
แม็กกี้ตัดสินใจอยู่พักหนึ่งเธอตัดสินใจว่าจะไม่ขายความลับของตนเพราะมันเสี่ยงเกินไปแค่สมักรู้ว่าตนเป็นชาแมนก็ค่อนข้างที่จะอันตรายแล้วแถมท่าท่างดูไม่น่าไว้ใจ
เธอนั่งคิดอยู่พักหนึ่งจึงเริ่มคิดแผนการบางอย่างได้และเริ่มพูดกับสมักอีกครั้ง
แม็กกี้: “คือมีทางไหมค่ะที่หนูจะเข้าไปในตัวเมืองชั้นในโดยไม่ถูกจับ”
สมักเริ่มรู้สึกว่าแม็กกี้มีแผนบางอย่างจึงรีบตอบพร้อมโก่งราคาอย่างรวดเร็ว
สมัก:“ได้ครับแต่อย่างที่บอกไปลูกชายเจ้าเมืองอีลีนอร์ที่เป็นหัวหน้ากองตรวจการคนใหม่กำลังกวดขันไล่จับธุรกิจผิดกฎหมายในเมืองอย่างบ้าคลั่งเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้น
ในเมืองมีพวก Seer หรือผู้เฝ้ามองแทบจะทุกจุดเลยครับพวกมันเป็นจอมเวทย์ที่ฝึกฝนเรื่องการตรวจค้นมาอย่างดีโดยมันจะสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินมีการลงลักษณ์สีทองลายลูกกระตาอยู่บนฮูดถ้าเจอมันละก็รับรองได้เลยว่าแย่สุดๆเลยครับแถมยังมีอัศวินหัตถ์เงิน
มาประจำการอยู่ได้เดือนกว่าๆแล้วครับเป็นนักรบของศาสนจักรแห่งทารอลพวกเขามาช่วยกวาดล้างธุรกิจลักลอบส่งแอนนิมาเข้าเมืองของผมถ้าถูกจับได้ก็ไม่รอดอีกเหมือนกันครับคงจะมาดูผลงานของนายตรวจคนใหม่ผมคิด150ดินนารี่ก็แล้วกัน
สำหรับการลักลอบเข้าตัวเมืองชั้นในครับ”เป็นคำตอบที่ทำให้แม็กกี้คิดหนัก
เธอต่อรองราคาเหลือ 140 ดีนารี่และลองยื่นหินหยกขาวที่มีอยู่สามชิ้นให้สมัก
แล้วเสนอราคาสมักบอกว่าหินหยกขาวจะขายกันชิ้นละ15ดีนารี่แต่เขายินดีรับซื้อทั้งหมดในราคา60ดีนารี่…ยังไม่พอสำหรับการลักลอบเข้าตัวเมืองชั้นในสมักเริ่มเลียลิ้นแล้วเริ่มส่งขอเสนอบางอย่างให้แม็กกี้
สมัก: “คุณหนูครับที่จริงผมมีข้อเสนอที่คุณหนูควรรับเอาไว้นะครับ”
แม็กกี้: “อะไรหรือค่ะ….”แม็กกี้ถามอย่างไม่ไว้วางใจ
สมักหยิบขวดเหล้าเปล่าขวดเล็กๆจากชั้นใส่เหล้ามันเป็นขวดเจียระไนอย่างดีขึ้นมาแล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแกมข้อร้องเธอ
สมัก“กระผมขอรับซื้อเลือดของคุณหนูครึ่งลิตรในราคา120ดีนารี่ครับ”
แม็กกี้แสดงสีหน้ารังเกียจอย่างเห็นได้ชัดสมักเริ่มพูดไล่ต้อนเธอต่อ
สมัก: “คิดดูให้ดีนะครับ…ผมคือความหวังเดียวที่จะพาคุณเข้าเมืองได้โดยไม่ถูกจับ
และผมก็ลดราคาให้คุณพอสมควร ที่จริงภาวะการณ์แบบนี้ผมไม่รับงานเสี่ยงแบบลักลอบขนแอนนิมาหรอกรายได้ที่บ่อนก็ทำให้ผมอยู่ได้สบายอยู่แล้ว”สมักร่ายยาว
แม็กกี้แสดงสีหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัดไม่มีใครขออะไรบ้าๆแบบนี้กับเธอเธอเริ่มพูดกระแทกอย่างหมดทางเลือก
แม็กกี้ : “200ดีนารี่สำหรับเลือดครึ่งลิตร!”เธอพูดกระแทกเสียง
สมัก : “ใจร้ายจังเลยนะครับแต่ผมจะตอบแทนคุณด้วยความใจดี..140 ครับ”
แม็กกี้ : “ถ้านั้นคือความใจดีของนายขอบอกว่ามันน้อยนิดมาก…180”
สมัก : “เอาละครับพอกันที…160 ขาดตัวต่อไม่ได้ละถ้าหนูไม่เอาก็เชิญกลับป่าได้เลย”
แม็กกี้ : “ได้!...แต่นายต้องซื้อหินหยกขาวด้วย…ชั้นจะขายนายก้อนหนึ่ง”
การค้าและขอตกลงเกิดขึ้นสมักพาเธอลงไปชั้นใต้ดินของร้านมันเป็นทางระบายน้ำใต้ดินขนาดใหญ่สมักบอกว่ามันจะพาเธอไปที่หัวเมืองชั้นในแต่จะเป็นบริเวณหลังสุสาน
ที่ไม่ค่อยมีคนตอนนี้แม็กกี้เสียหยกขาวหนึ่งก้อนกับเลือดในตัวครึ่งลิตรเธอเพลียจัดแต่เธอพยายามถ่างตาเอาไว้ในที่สุดเธอก็ถึงสุสานในเวลาเย็นๆตะวันกำลังลับขอบฟ้า
ตอนนี้เธอมีเงินติดตัว40ดีนารี่เธอเดินเข้าไปในตัวเมืองอย่างระมัดระวังแต่ที่ระวังมากกว่าคือถุงใส่ของมีค่าของเธอเมื่อแม็กกี้เดินมาถึงโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งเธอจ่ายเงิน15ดินนารี่สำหรับห้องพักใต้หลังคาที่ถูกที่สุดเธอปิดตาลงอย่างอ่อนล้าและหลับไป
ถัดกลับมาที่บ่อนสมักหยิบขวดเลือดจากบ่อน้ำแข็งซึ่งเป็นเลือดของแม็กกี้ขึ้นมาดมเขาแทบจะทนไม่ไหวกับกลิ่นเลือดที่เย้ายวนของแม็กกี้จนถึงกับตะโกนลั่นห้องทำงานของตนจนลูกน้องที่ยืนเฝ้าหน้าประตูตกใจหันกลับมามอง
สมัก : “หอม…หอมโว้ยยย!อยากดื่ม…อยากดื่มเหลือเกินแต่ของหายากอย่างเลือดของพวกชาแมนแบบนี้ไม่อยากจะนึกตอนที่พวกนายท่านปูนบำเน็ญให้แก่เรา4หรือว่า5พันดีนารี่กันนะ…ไม่สิขอพวกสิทธิ์พิเศษเล็กๆน้อยในวังรัตติกาลเลยดีกว่าจะขอมากไปไหมนะ?...(จ้องไปที่ขวดแก้วซักพัก)…ซักจอกคงไม่เป็นไรนะขอรับนายท่าน”
สมักรินเลือดแม็กกี้แบ่งลงไปในจอกอันเล็กเขาค่อยๆบรรจงจิบมันอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสถึงรสชาติที่อร่อยจนตัวแทบลอยมันเป็นรสชาติที่อร่อยที่สุดในชีวิตต้องคำสาปของเขา…รสเลือดแม็กกี้มันร้อนราวกับเหล้าที่ร้อนแรงอร่อยเกินบรรยายพลังงานมหาศาลที่แฝงอยู่ในเลือดแล่นเข้าไปในกายของเขาเข้ารู้สึกเหมือนกับดื่มเลือดชั้นดีของพวกมนุษย์เป็นเยือก…ไม่สิราวกับดื่มเป็นถังไม้โอ็ค
สมัก : “ว็ากก!....ของสุดยอดแบบนี้หมื่นดินนารี่ก็ไม่ขาย…โอ้ยไม่ๆตั้ง สติไว้ๆ”
เขาคิดแผนการในหัว…ทำยังไงถึงจะได้เลือดนี้เพิ่ม…ทำยังไงถึงจะเอาตัวแม็กกี้ไปที่วังรัตติกาลรอยยิ้มอันชั่วช้าของเขาเริ่มผุดขึ้นมาในหัวพร้อมกับเขี้ยวขาวที่ยื่นยาวออกมา
ปล. กระท่อมไม้กลางป่ายังราคาแค่3500 ดีนารี่ถึง4000 ดินนารี่เองครับ(จากผู้แต่ง)
Mana vision tale of the fire cat parth 5