บทพิเศษ tale of the fire cat parth 7
ยามใกล้รุ่งสางเหล่าอัศวินผู้สวมเกราะสีเงินที่มีหน่วยเฝ้าดู Seer เดินประปลายกำลังจุดการทุกอย่างให้เข้าที่พวกเขาจับผู้คนมากมายไปเข้าคุกด้วยข้อหาลักลอบเล่นการพนัน
พวกผีดูเลือดวาลาเรี่ยนก็ไม่พ้นสายตาพวก Seer ถูกจับคัดแยกมามัดไว้ด้วยโซเงินต่างพากันร้องระงมด้วยความเจ็บปวดด้วยเลือดต้องสาปของพวกตนสภาพเช่นนี้กระจายไปทั่วเมืองอีลีนอร์
บ้านทุกหลัง ร้านค้าทุกร้านถูก พวก Seer ตรวจค้นอย่างระเอียด มีที่ๆหนึ่งที่ต่างออกไปคือท่าเรือเก้าประจำเมือง ที่นั้นมีตัวการใหญ่ที่ชื่อ สมัก ออง:Xล ถูกจับได้ โดยมีฟราน์ แลนเนอร์ ยืนประจันหน้าอยู่ ฟราน เริ่มการสอบสวน เจ้าพ่อธุรกิจมืดในเมืองนี้โดยกันพวกกอัศวินศักดิ์สิทธิ์และพวก Seer ออกไป เหลือไว้แต่ทหารสวมเกราะถักจากหนังสีน้ำตาลซึ่งเป็นทหารประจำของเมืองอีลีนอร์แห่งนี้การสอบสวนเริ่มขึ้นโดยการแนะนำตัวของฟราน
ฟราน ; “อรุนสวัสดิ์ครับคุณสมักแม้พระอาทิตย์จะยังไม่ขึ้นก็ตามแต่ผมกล่าวล่วงหน้าไว้ก็แล้วกันจริงนะผมอยากจะสอบสวนคุณกลางแดดเปรี้ยงๆเหมือนกัน” ฟรานกล่าวทักทาย
สมัก : “อย่านะได้โปรดไม่ว่าอะไรก็จะยกให้…เงินเหรอ หรือผู้หญิง ฉันจัดให้ได้หมดนะขอร้องละปล่อยฉันไปเถอะได้โปรด” สมักครวนครางอย่างเศร้า
ฟราน ; “ผมสงสัยและสงใจในคำสาปเลือดที่พวกคุณได้รับร่วมทั้งข้อมูลที่สายของผมรายงานมาบ่งชี้ว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง” ฟรานพูดพร้อมส่งรูปให้สมักดู
รูปที่สมักเห็นคือสาวสวยผมยาวดำที่เข้ารู้จักดีแต่ไม่กล้าจะเข้าไปยุ่งมากนักสีหน้าของเขาที่ขาวซีดอยู่แล้วขาวซีดลงไปอีกแล้วเริ่มกล่าวตอบกลับ
สมัก : “โอ้วท่านผู้ยิ่งใหญ่ผมรู้จักผู้หญิงในรูปดีครับ แต่อย่าตามหาหล่อนเลยหล่อนคือร่างแปลงของความลึกลับอันดำมืดและหายนะ ท่านมีทุกสิ่งที่เพียบพร้อมอยู่แล้วอย่าได้เสียทุกอย่างไป”
ฟราน : “ตรงกันข้ามเลยต่างหากผู้หญิงคนนี้อาจมีทุกสิ่งที่ข้าต้องการอย่างแท้จริง”
สมักแสดงสีหน้าซีดลงไปอีกตอนนี้ใบหน้าของเขาเหมือนขาดเลือดไปแล้ว
สมัก : “หมายความว่าท่านอยากเป็นหนึ่งในพวกเรา”
ฟราน : “โอ้ยใครจะอยากไปเป็นไอ่ตัวที่โดนแดดแล้วไหม้ตายแบบพวกแกกัน ที่ชั้นต้องการคือการคนหาผู้หญิงคนนั้น และพลังอำนาจที่จะได้รับจากเธอ มันก็เท่านั้น”
ระหว่างการสนทนาของทั้งสองทหารของฟรานก็เขามาแจ้งเตือนถึงการตรวจค้นเรือที่สมักพยายามจะใช้หลบหนีออกจากเมืองแต่โดนจับได้เสียก่อนพวกทหารต่างพากันนำพวกมนุษย์สัตว์แอนนิมมาที่แออัดอยู่ในเรือสามสิบกว่าคนออกมาสูดอากาศภายนอกมีทั้งมนุษย์หูแมว
มนุษย์หมาป่า เซ็นเทอร์ มิโนเทอร์ เอป มนุษย์วานร ปะปนกัน ฟรานเห็นก็แสดงสีหน้าดีใจ
ฟราน : “แหม…กะมาล่าแวมไพร์ไล่ทำลายบ่อนผีพนันแต่เจอการลักลอบขนแอนนิมาอีกงานนี้หน่วยของเราก้าวหน้าขึ้นไปหลายขั้นแน่ อ้อ เกือบลืมไปต้องประหารตัวการใหญ่ด้วย”
สมัก: “ไม่ๆๆ ได้ปรดไว้ชีวิตข้า ข้อร้องละ”
ฟราน : “ได้แต่แกต้องหายไปจากโลกตลอดการ”
ฟรานหยิบดาบสีเงินยวงออกมาแล้วค่อยๆกรีดถลกหน้าของสมัก
อ้ากกกกก อ้า….. (เสียงสมักร้องครวนคราง)
ฟราน : “พวกแก เอาพวกสัตว์โสโครกพวกนี้ขึ้นแท่นเราจะสับหัวพวกมันตอนรุ่งสาง”
เหล่าทหารของฟรานรับคำสั่งอย่างแข็งขันส่วนฟรานก็สั่งให้ลูกน้องลากร่างที่ใบหน้าเสียโฉมของสมักเขาไปยังคุกใต้ดินในที่ทำการของตน
เมื่อรุ่งสางมาเยือนเหล่าชาวบ้านก็แห่กันมาดูที่ลานจัตุรัตหน้าเมืองตะโกนสาปแช่งเอาพลไม้ขว้างป่าใส่มนุษย์สัตว์แอนนิมาส่วนพวกแวมไพร์ถูกจับมัดตรึงไว้ก่อนแล้วฟรานเดินออกมาพร้อมกับประกาศ สุนทรพจน์ อันดังก้อง น้ำเสียงเปี่ยมไปพลังอำนาจ
“ดูเถิดพี่น้องเหล่าผู้ถูกสาปวิญญาณอันชั่วช้าที่กัดกินแย่งอาชีพอาเปรียบพวกเรามานับสิบปีบัดนี้พวกมันถูกกวาดล้างหมดแล้ว” เขาพูดพร้อมชูดาบออกมาเสียงตะโกน:X้ร้องอย่างดีใจของพวกช้าบ้านดังก้องจัตุรัตพร้อมกับเสียงร้องระงมของแวมไพร์ที่เนื้อเริ่มเดือดควันโผยพุ่งเพราะถูกไอแดดลวกผิวพวกมันกรีดร้องครวนครางอยู่เกือบสิบนาทีแล้วเสียบก็เงียบหายไปร่างของพวกมันถูกแดดเผาต่อไปอีกซักพักก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่านจังหวะนี้นี่เองที่แม็กกี้เดินปะปนกับฝูงชนเพื่อมาดูการประหารหมู่ที่เกิดขึ้นที่จัตุรัต ฟรานเริ่มประกาศก้องอีกครั้ง
ฟราน : “แอนนิมามนุษย์สัตว์พวกมันก็ต้องถูกสำเร็จโทษเช่นกันเพราะพวกมันพยายามจะช่วงชิงพื้นที่ศักด์สิทธิ์ของพวกเราไป พวกมันชั่วช้าและหลบๆซ่อนประหนึ่งผีร้ายในความมืด
เราจักสำเร็จโทษมันเดี่ยวนี้!” ฟรานประกาศก้องเหล่าเพรชฆาตตัวสูงใหญ่สวมถุงผ้าสีดำคลุมหัวตัวไม่ใส่เสื้อกางเกงหนังสีดำมือทั้งสองข้างแบกขวานสงครามอันใหญ่ขึ้นมายกเงื้อสูงฟันฉับไปที่หญิงสาวเผ่าคูก้าเป็นคนแรกตามด้วยแอนตนอื่นหัวของพวกเขาขึ้นถูกเสียบกับไม้ในภายหลัง
แม็กกี้มองภาพที่โหดร้ายน้ำตาคลอเบ้านี่เหรอสิ่งที่มนุษย์ทำกับแอนนิมาเธอค่อยปลีกตัวจาก
จัตุรัตแล้วออกเดินทางต่อจนมาเจอสุสานแห่งหนึ่งเธอนั่งข้างหลุมศพคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีสมักก็หายตัวไปเธอนั่งครุนคิดอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจว่าจะกลับหมู่บ้านขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปจะถูกจับได้เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นทันใดนั้นเองเธอก็สังเกตุเห็นเงาอยู่หน้าประตูทางเขาสุสาน…ฝันร้ายกลายเป็นจริงพวก Seer เจอเธอเข้าให้เสียแล้ว
แม็กกี้ตั้งท่าสู้เธอเสกบอลไฟยิงใส่ Seer ที่จู่ๆก็โผล่มาคนเดียว Seer เสกโล่แสงขึ้นมากันพลังอย่างรวดเร็วพร้อมประกาศก้อง
Seer : “เดี่ยวก่อนชั้นไม่ได้มาจับตัวเธอนะ….ชั้นมาช่วยเธอต่างหาก” เขาลดผ้าคลุมลายดวงตาสีทองลงเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงเป็นใบหน้าของชายอายุสามสิบปลายๆสวมเวนตาข้างเดียวที่ตาซ้ายยิ้มกล่าวให้แม็กกี้อย่างเป็นมิตรแต่แม็กกี้ก็ยังไม่ไว้ใจยังคงรักษาระยะห่างอยู่
แม็กกี้ : “นายเป็นใคร…ทำไมมนุษย์อย่างแกถึงต้องมาช่วยแอนนิมา?.
Seer : “ผมมีชื่อว่า เอคัส เป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาตร์เวทย์มนต์ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านที่มีชื่อว่าเบอร์ม็อกครับ ผมมีโครงการจะสร้างโรงเรียนตัวอย่างน่ะเป็นโรงเรียนที่มนุษย์กับแอนนิมาอยู่ร่วมกันแต่มันมีขั้นตอนยุ่งยากคืออย่างที่เห็นตอนนี้มนุษย์และแอนนิมาเป็นศัตรูกันผมจะสร้างโรงเรียนตัวอย่างแล้วพัฒนาไปเป็นเมืองจำลองนะครับเมืองที่มนุษย์อยู่รวมกับแอนนิมาได้อย่างสงบสุขไร้ความขัดแย้ง”
แม็กกี้ : “งั้นจะให้ชั้นเชื่อใจได้อย่างไรว่านายไม่หลอกชั้น”
อาจารย์เคอัส :“ไม่จำเป็นต้องไว้ใจครับแต่อีกไม่นานคุณจะถูกพวกอัศวินจับได้และนั้นคือจุดจบของคุณ….หรือมากับผมแล้วมีชีวิตยืนยาวต่อไปอีกซักพัก คุณเลือกเอาเองนะครับ
แม็กกี้ตัดสินใจตามอาจารย์เคอัสเธอเดินตามเขาไปยังท่าเรืออีกแห่งโดยการหลบเลียงเส้นทางลาดตะเวนของพวกอัศวินหัตถ์เงินและพวก Seer คนอื่นจากการที่คุยกันแม็กกี้ก็รู้ว่าอาจารย์เคอัส
คือSeer ที่เจอในตรอกแคบๆที่ปะทะกันเมื่อคืนแต่จังหวะยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปช่วยเหลือ
ช่างเป็นความโชคดีของเธอเหลือเกินที่เจอเขาในจังหวะนั้นและแล้วเธอก็ไปเจอกับเขาที่จุดนัดพบมีแอนนิมาอีกสองสามตนเป็นบลูก้าและคู้กาอีกสองแต่อาจารย์เคอัสบอกว่าจะต้องส่งพวกเขาเข้าไปที่หมู่บ้านกลางป่าในขณะที่เธอที่มีพลังในการแปลงเป็นมนุษย์ได้จะต้องเป็นนักเรียนในโรงเรียนตัวอย่างเธอได้นำทรัพย์สินทั้งหมดมาเป็นทุนแล้วออกเดินทางสามวันจากอีลีนอร์
ถึงหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่าเบอร์ม็อกที่นั้นอาจารย์เคอัสแนะนำให้รู้จักเพื่อนที่ชื่อว่าบ็อบและบับเบิลทั้งสองสามใช้เวลาปรับทัศนคติไม่นานก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันโดยเฉพาะบ็อบมักจะทำอาหารให้เธอกินเสมอเธอเด็กว่าบ็อบและบับเบิลอยู่สองปีแต่อาจารย์เคอัสประเมิณศักภาพว่าสามารถเรียนชั้นปีที่สามได้เลยเลยกลายเป็นว่าเธอเรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไปถึงสองปีและมีอาจารย์เคอัสสนับสนุนเรื่องค่าเทอม์ให้จนจบการศึกษาเธอต้องอยู่ที่นี้จนจบการศึกษาต้องยอมรับว่ามันทำให้เธอเสียเวลาในการหาวิธีแก้คำสาปลงแต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขกับเพื่อนใหม่ๆ
วันเวลาผ่านไปอย่างมีความสุขแต่ความสุขนั้นก็ไม่ยืนยาวตลอดไป…..
ณ ช่วงเวลาหนึ่งในช่วงที่แม็กกี้เรียนอยู่ไม่นานย้อนกลับมาที่เมืองอีลีนอร์ที่คุกใต้ดินของฟราน์แลนเนอร์ฟราน์ได้มาเยี่ยมชายชราที่หน้าเสียโฉมเพราะดาบของเขานั้นเองเขาเดินเข้าไปพบกับชายคนหนึ่งที่กำลังสวมผ้าคลุมสีดำหุ้มตัวมิดโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าเขาเริ่มกล่าวทักทาย
ฟราน : “เป็นยังไงมั้งกับผ้าคลุมวิเศษอันใหม่ที่ข้าให้”
สมัก : “วิเศษสุดๆไปเลยขอรับนายท่าน”มันพูดเสียงแหบปนเจ้าเหล์
ฟราน : “ดีข้าดีใจที่เจ้าถูกใจกับผ้าคลุมกันแดดอันนี้มันทำให้เจ้ารับใช้ข้าในช่วงเวลากลางวันได้
เป็นไงละสะดวกกว่าทาครีมพิเศษแยอะใช่ไหม”
สมัก : “ขอรับนายท่านตัวตนของสมักถูกทำลายไปแล้วจะให้ท่านเรียกข้าใหม่ว่าอย่างไรดี”
ฟรานคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตั้งชื่อใหม่ตัวตนใหม่ให้สมักที่โฉมหน้าเสียโฉมจนจำเค้าเดิมไม่ได้
ฟราน : “อืมดูหน้าเจ้าสิยับเยินจนจำไม่ได้ข้าจะตั้งชื่อใหม่ว่า อีกอลก็แล้วกัน”(มาจากคำว่าUgly)
อีกอล : “ขอรับอีกอล…มันช่างเหมาะสมกับตัวข้าในตอนนี้เสียจริง”
และชายที่ชื่อสมักก็หายไปจากโลกนี้ตลอดกาลเหลือแต่อีกอลที่เข้ามาแทนที่
ห่างไกลออกไปในป่า ณ หมู่บ้านของเผ่าวูลก้าซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์หมาป่า
โทรุสยืนเหงาเศร้าสร้อยอย่างเดียวดายวันแล้ววันเล่าที่เขาเฝ้ารอคอยการกลับมาของแม็กกี้
โทรุส : “เฮ้อนี่มันก็เกือบจะหนึ่งปีแล้วนะทำไมยังไม่มีข่าวอะไรเลยซะที”
เขานั่งบนแบบนี้อยู่ทุกๆเดือนที่ผ่านไปแต่เดือนนี้มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงเขามองไปยังท้องฟ้าเหลือบเห็นนกแก้วตัวหนึ่งบินเขามา….เขาจำได้มันคือปีโกะนกแก้วของแม็กกี้นั้นเอง
มันบินเขามาเขาพร้อมกับเศษกระดาษติดขามาเขาหยิบอ่านอย่างร้อนรนผสมกับดีใจ
ถึงโทรุสนี่ก็เกือบปีมาแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน ฉันสบายดีมนุษย์ส่วนใหญ่เกลียดเรา
แต่มนุษย์บางกลุ่มกลับคิดจะคืนความสัมพันธ์ให้กลับมาตอนนี้ฉันอยู่ในโรงเรียนตัวอย่าง
โรงเรียนอัลเลวิชที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเบอร์ม็อกแมม้ตอนนี้มีเพื่อนอยู่สองสามคนที่รู้ตัวจริงของฉัน
เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัวจริงของฉันฉันหวังว่าสักวันคงจะมีมากขึ้นนานครั้งๆฉันจะได้ไปที่หมู่บ้านทดลองของอาจารย์เคอัสที่นั้นเป็นหมู่บ้านของแอนนิมาที่ตั้งอยู่ในเขตแดนของพวกมนุษย์ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมาก ปีโก้ะตัวนี้ฉันขอฝากนายเลี้ยงเพราะกฎของโรงเรียนน่ะเขาห้ามเลี้ยงสัตว์มันจะเป็นตัวแทนของฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา
ด้วยรักและคิดถึง แม็กกี้ ฮอก
โทรุสที่อ่านจดหมายจบลงก็มองขึ้นไปบนฟ้าโดยมีเจ้าปีโก้ะเกาะไหล่แล้วเริ่มพูดฝากข้อความผ่านสายลม “ไม่ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าก็ขอให้ฝ่าฟันจนผ่านไปได้นะแม็กกี้”
โทรุสมนุษย์หมาป่าที่เก่งกาจลูกชายของหัวหน้าเผ่าจ้องมาไปที่ฟ้าอย่างเปี่ยมไปด้วยความหวังข้อให้โชคดีนะแม็กกี้
ตำนาน Tale of the Fire cat จบบริบรูณ์
Mana vision Tale of the fire cat Ending