สองอาทิตย์หลังจากที่เสียทางตะวันออกของประเทศให้กับออสเทียร์ กองทัพออแลนด์ที่ฉวยโอกาศที่พวกทหารของเทเรเซียกำลังเสียขวัญบุกตะลุยจนเข้าระยะสามร้อยกิโลฯจากเมืองหลวงของเทเรเซียได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องมาติดที่ป้อมปราการธรรมชาติขนาดยักษ์แทน จึงทำให้เกิดการสู้รบอย่างต่อเนื่องที่ป้อมปราการ แอลเซนเบิร์ก ป้อมปราการบนยอดเขา ที่อยู่ใจกลางป่าและมีแม่น้ำสายใหญ่ตัดผ่าน ยากแก่การบุกเข้าโจมตี และเป็นด่านสุดท้ายที่ใช้ป้องกันการบอกจากทางเหนือ ด้วยลักษณะของแม่น้ำที่ถูกขุดให้กว้างและลึกมากจนยากแก่การจะข้ามฝั่ง และสะพานทั้งหมดถูกตัดขาดทำให้ทางเลือกการจะบุกเข้าเมืองหลวงจึงแต่แต่ต้องผ่านป้อมแอลเซนเบิร์ก
กองทัพออสเทียร์ทางตะวันออกเองก็หยุดการเคลื่อนไหวและขยายแนวรบออกไปทางส่วนใต้ของเทเรเซียซึ่งมีแนวชายแดนติดกับสหพันธรัฐออส แต่ในตอนนี้กองทัพออสเทียร์ที่ไม่มีประสมการณ์การรบกลางทะเลทรายจึงกำลังเจอปัญหาใหญ่กับหน่วยที่ประจำการอยู่ทางใต้
สามกิโลเมตรจากเมืองหลวงคริสเตน
หน่วย 404 ที่ถอนกำลังออกจากตะวันออกและมุ่งตรงกลับเมืองหลวงนั้นถูกกองทัพที่น้ำโดยพลโทเรเทียไล่ล่าตลอดทางทำให้การเดินทางล่าช้า จนได้พบกับกองพัน 101 ที่ถูกส่งไปชิงพื้นที่ทางแถบตะวันออกคืน ถึงจะพบปัญหาจากโกเลมรุ่นพิเศษสีดำของเรเทียสร้างปัญหาให้ ทั้งเรื่องความเร็ว และเกราะของมันที่ดูบางเฉียบแต่กลับหนาจนกระสุนปืนทั่วไปเจาะไม่เข้า
หน่วย 404 ที่กำลังมุ่งตรงเข้าเมืองหลวงด้วยถนนสายหลัง สีหน้าทหารแต่ละคนดูอ่อนแรง รถบรรทุกขนคนเจ็บจำนวนมากดูเป็นที่สนใจของพวกทหารของกองพัน 507 ที่กำลังจะไปทางตะวันออกเป็นอย่างมาก รถถังที่เคยมีถึงห้าคัน ตอนนี้คงต้องบอกว่าเหลือสี่คันครึ่งเพราะรถถังที่วิ่งตามท้ายขบวนอยู่นั้นมันมีสภาพที่แท่นปืนใหญ่หลุดหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ส่วนล่างที่เวลาวิ่งมีเสียงดังแก่กๆ โกเลมทั้งสี่เครื่องดูหมดสภาพจากการรบ
เครื่องของเออร์ซูลานั้นมีสภาพส่วนหัวเกราะที่หุ้มด้านหน้าฝั่งขวาแตกจนเผยให้เห็นเครื่องจักรที่อยู่ด้านในแขนซ้ายขาดและเกราะขาขวาแตกจนไม่เหลือชิ้นดี
ส่วนเครื่องของอเล็กซ์หัวหน้าหน่วยเกราะช่วงท้องด้านขวาแตก แขนซ้ายขาด เกราะไหล่สองข้างแตกจนเหลือแต่ส่วนไหล่โล่งๆ
ส่วนอีกเครื่องที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์เป็นรูปเสือดำ นั่นคือเครื่องของทิโมธีนั่นเอง สภาพของมันเรียกว่าค่อนข้างสมบูรณ์กว่าเครื่องอื่นๆ เพราะว่ามีเพียงส่วนเกราะอกเท่านั้นที่มีสภาพบิดเบี้ยว
และเครื่องสุดท้าย ติดสัญลักษณ์รูปหัวกระทิงสีแดงเอาไว้ นั่นคือเครื่องของโมอาร์ โกเลมตัวนี้หุ้มเกราะหนากว่าตัวอื่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเสียแขนซ้ายตั้งแต่ช่วงข้อต่อลงไป เกราะช่วงอกมีสภาพบิดเบี้ยวและเกราะส่วนหัวแตกกระจาย
“โห พวกนายไปฝ่านรกที่ไหนกันมาเนี่ย”
ทหารของกองพัน 507 คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ก็นรกที่เรียกว่าสงครามทางตะวันออกไงไอ้หนู แกไปตายแน่ มีอะไรจะฝากไปสั่งเสียครอบครัวไหม!!”
ทหารจากหน่วย 404คนหนึ่งพูดขึ้นและตามมาด้วยเสียงหัวเราะของทหารหน่วย 404 ในประเทศเทเรเซียนั้นคงต้องพูดว่าทหารหน่วยที่มีประสบการณ์ทางการรบมากที่สุดคงเป็นหน่วย404 และกองพัน 206ที่อาสาไปรบเมื่อหกปีก่อนในสงคราม ‘สงครามแบ่งแยกดินแดนออสมาร์ค’ และด้วยการรบในครั้งนั้นทำให้กองพัน 206 และหน่วย404 เป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของเทเรเซีย เพราะพวกเขาเคยรับมือทหารของออสเทียร์มาก่อน โดยเฉพาะหน่วย 404ที่สร้างความเจ็บแค้นให้กับออสเทียร์ด้วยการซุ่มโจมตีกองทหารที่ถูกส่งจากออสเทียร์เข้าไปในออสมาร์คเหนือตลอด จนมีคำกล่าวที่ว่า “หากออสเทียร์จะเข้าไปในออสมาร์ค จะถูกฝูงหมาป่ารุมขย้ำ”
“ทำไมถึงเรียกตัวหัวหน้ากลับเมืองหลวงกันนะ มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ”
“ทิโมธี นายไม่ต้องสงสัยซักเรื่องก็ได้”
“ช่างเถอะโมอาร์ ที่เขาเรียกกลับไปมีสองเหตุผล หนึ่งเราจะต้องไปรับทหารใหม่คนนึงที่เมืองหลวง แล้วก็ไปรับโกเลมรุ่นใหม่ด้วยที่เพิ่งถอยออกจากโรงงาน แต่รู้สึกว่าจะยังไม่ได้ทดสอบอะไรนะ สรุปคือให้เราเอามาทดสอบในการรบจริงนั่นล่ะ”
“หวังว่าชีวิตเราคงจะปลอดภัยนะ กับไอ้เจ้าของที่ยังไม่ได้ทดสอบ”
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน คฤหาสน์ตระ:Xลแอเรียส งานเลี้ยงฉลองการเปิดตัวโกเลมรุ่นใหม่
“แหม ประเทศกำลังทำสงครามแท้ๆ แต่ดูพวกนี้สิไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยแฮะ”
ทิโมธีพูดพลางนั่งมองไปรอบๆงาน
“คนมีเงินจะทำอะไรก็ไม่ผิดสินะ”
ชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งในชุดสูทพูดพลางถอนหายใจ
“ไม่ชอบเลยแบบนี้ รู้สึกผิดกับพวกทหารที่ออกไปแนวหน้าจริงๆ”
โมอาร์พูดพลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ส่วนเออร์ซูลาแค่ยืนเงียบๆ แซคกับลิลลี่พอมาถึงงานก็กลับไปทันที
“หัวหน้า พวกเรากลับเลยได้ไหม”
โมอาร์ถามเสียงเรียบ
“อืมกลับเลยก็ได้ แต่เออร์ซูลาอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันนะ อยู่งานแบบนี้คนเดียวรู้สึกอึดอัด”
ชายหนุ่มผมดำหรือก็คืออเล็กซ์หัวหน้าหน่วย404พูดเสียงเรียบพลางผายมือใหกับเออร์ซูลาผู้อยู่ในชุดราตรีสีฟ้าดูสดใส แต่ว่ามันกลับทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อนำมาให้เธอใส่ เพราะใบหน้าเธอออกแนวอารมณ์พวกเบื่อโลก แล้วยิ่งมาอยู่ในที่แบบนี้เธอเลยแผ่ออร่า ออกไปไกลๆ ไสหัวไปให้พ้น ออกมาเต็มที่
เธอเดินนำหน้าเข้าไปในงานอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันพ้นประตูงานก็มีชายหนุ่มไม่กลัวตายเดินเข้ามาขอเธอเต้นรำ แต่เธอกลับมองชายคนนั้นกลับด้วยแววตาเย็นชาจนต้องถอยหนีออกไป
“อะไรกันๆ พวกคุณทหารหน่วย 404 เองไม่ใช่เหรอ แหมผมก็นึกว่าพวกคุณยังไปคลุกโคลนอยู่ที่ไหนซะอีก พวกหน่วยรบส่วนเกินของกองทัพ ไม่มีแม้แต่ต้นสังกัดด้วยซ้ำ”
เสียงเหยียดหยามของชายหนุ่มผู้มีผมสีทองยาวสลวยในชุดสูทสีดำพูดขึ้น โดยรอบๆตัวของเขามีสาวๆห้อมล้อมอยู่เต็มไปหมด
“อ้าว ไม่เจอกันนานนะ เอ่อ ลูกของนายพลเดรสสินะ จำได้เลยล่ะ ตอนที่นายออกคำสั่งโง่ๆพาทหารในหน่วยไปติดกลางวงล้อมจนต้องให้หน่วย 404 กับกองพัน 307ฝ่าวงล้อมไปช่วยออกมาน่ะ”
อเล็กซ์พูดพลางยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ส่วนพวกสาวๆรอบๆตัวเขาพากันหัวเราะคิกคัก ชายหนุ่มผมทองโกรธจนควันแทบออกหู แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หยุดกันแค่นั้นล่ะค่ะ คุณคงเป็นร้อยเอกพิเศษอเล็กซ์ จากหน่วยรบพิเศษอิสระที่ 404 ที่ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิสินะคะ”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่งพูดพางเดินเข้ามาหาพวกเขา เรือนผมสีทองถูกปล่อยยาวลงมาจนถึงเอวดวงตาสีฟ้าครามสดใสและผิวที่ขาวราวกับหิมะ
“คุณคงเป็นเอลี่ แอเรียส ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย พี่ชายของคุณเป็นคนที่ดีมาก ผมเองมีโอกาสได้รบเคียงข้างเขาที่ทางเหนือในตอนที่ประเทศเราถูกบุกใหม่ๆ เขาเป็นคนที่วิเศษมาก”
“ขอบคุณมากค่ะ เชิญทางนี้ ท่านปู่กำลังรอพวกคุณอยู่”
เอลี่ได้พาอเล็กซ์และเออร์ซูลามายังห้องแห่งหนึ่ง มันดูคล้ายห้องสมุดขนาดใหญ่ เว้นแต่ว่าตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานที่มีแบบแปลนบางอย่างที่ยังเขียนไม่เสร็จวางอยู่รวมกับกองเอกสารมากมายเต็มไปหมด
“ท่านปู่ ฉันพาร้อยเอกพิเศษอเล็กซ์มาแล้วค่ะ”
เอลี่พูดพลางเดินไปที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ที่ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นห้อง
“อื้ม คุณมาแล้วสินะ มาช้ากว่าที่ผมนัดเอาไว้เยอะเลย แต่ก็ยอมรับได้ล่ะนะ”
ชายชราพูดพลางยืนขึ้น โดยเขาไม่ต้องให้หลานสาวมาคอยพยุง เขาดูแล้วยังแข็งแรงเหมือนหนุ่มๆเลยล่ะมั้ง
“คุณคิดยังไงกับงานเลี้ยง”
ชายชราถาม
“มันไร้สาระครับ กับสถานการณ์แบบนี้”
“คิดเหมือนกันเลย มีแต่พวกบ้าบอทั้งนั้นที่อยากจัดงานแบบนี้ ยิ่งจัดให้กับไอ้อุปกรณ์ที่ใช้ฆ่าคนแบบนี้แล้วด้วยแต่พวกตังเหลือใช้มันอยากจะจัดกันก็ให้จัดกันไปว่าแต่คุณน่ะอยากจะไปพบกับว่าที่คู่หูใหม่รึยัง”
ชายชรามองมาที่เขาด้วยแววตาจริงจัง แต่อเล็กซ์กลับมองไปยังแบบแปลนบนโต๊ะ
“นั่นคืออนาคต โกเลมรุ่นที่3 มันคือโกเลมที่ฉันฝันมาทั้งชีวิตว่าจะต้องสร้างให้ได้ โกเลมที่โบยบินบนท้องฟ้าได้”
ชายชราพูดอย่างภาคภูมิใจ ส่วนอเล็กซ์ที่พอได้ยินแล้วยิ่งทวีความสนใจในแบบแปลนนั้นอย่างมาก
“ตามมา จะพาไปที่โรงเก็บ”
ชายชราพูดเสียงเรียบ
พวกอเล็กซ์พูดพามายังโกดังขนาดใหญ่ยักษ์ที่อยู่ในเขตคฤหาสน์ รอบๆโกดังมีโกเลมแบบที่พวกอเล็กซ์เคยใช้ยืนประจำอยู่ราวแปดตัว รถถังสี่คัน และพลเดินเท้าอีกจำนวนหนึ่ง ชายชราพาพวกเขาเข้ามาในโกดังที่มืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น และเมื่อเปิดไฟภายในภาพตรงหน้าของเขาก็คือโกเลมขนาดยักษ์รูปร่างแปลกตายืนอยู่สี่เครื่อง โดยทุกเครื่องยังไม่ได้รับการลงสีใดๆทั้งสิ้นมันจึงเป็นสีตามธรรมชาติของเหล็ก
“ทั้งสี่เครื่องกำลังอยู่ในช่วงการประเมินว่าจะผลิตออกมาใช้จริงหรือไม่ ช่วงที่คุณยังไม่มาเราก็เลยทำการทดสอบไปหมดแล้ว ชื่อซีรี่ของพวกมันคือ God of War ย่อเหลือ GW ก็ได้ แต่ละแบบถูกสร้างเพื่อตอบโจทย์ในรูปแบบทางการทหาร โดยไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นมาตรฐานที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรอีกต่อไป โดยเจ้าพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาแบบเจาะจงการใช้งาน ซีรี่นี้มีทั้งหมดห้าแบบ”
“มันมีแค่สี่เองนี่ครับ”
อเล็กซ์พูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะจำนวนมันมีแค่สี่ และถ้ามองดีๆจะพบว่ามีร่องรอยของโกเลมถูกเคลื่อนย้ายออกไป
“ใช่ อีกเครื่องหนึ่งถูกขนย้ายไปแล้วเมื่อเช้า ถ้าจะให้พูดก็สมาชิกใหม่หน่วยคุณนั่นล่ะ เธอเอามันไปแล้ว”
“เธอ ผู้หญิงเหรอครับ”
“ใช้คำว่าเธอคงผู้ชายล่ะมั้งร้อยเอง”
“นั้นสินะครับ”
“GW 001 เครื่องของคุณ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับการรุกที่หนักหน่วงและรุนแรง มีแรงขับมากกว่าโกเลมทั่วไปถึงสี่เท่า อาวุธมาตรฐานก็มีโล่ที่ยังไม่ด้ำมาติดตั้ง ภายในโล่เองก็ซ่อนใบดาบเอาไว้ด้านในเป็นดาบแบบสองคม ปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ที่ทางเราเพิ่งสร้างขึ้นมา แล้วก็ของเล่นอีกนิดหน่อยเผื่อคุณจะอยากได้”
เขาพูดพลางชี้ไปที่กล่องไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของโกเลม
“มันคือเครื่องยิงระเบิดรุ่นใหม่ที่ทางเราทำมาให้รุ่นนี้ใช้โดยเฉพาะ ระเบิดที่ใช้ได้มีตั้งแต่แบบมาตรฐานไปจนถึง ระเบิดแบบลูกปลาย ระเบิดเพลิง ระเบิดแสง”
อเล็กซ์จ้องไปที่โกเลมของตน มันมีรูปร่างที่ดูใหญ่โต คาดว่าคงขาดเรื่องความคล่องตัวเป็นแน่ และที่หลังของมันมีดาบแบบคมเดียวที่มีลักษณะโค้งเล็กน้อยติดตั้งเอาไว้
“ดาบที่ติดตั้งให้เป็นดาบที่เน้นเรื่องการตัดเป็นหลักนะร้อยเอก ดังนั้นวิธีใช้จะต่างจากดาบแบบสองคมเล็กน้อย แต่รับประกันว่าต่อให้เป็นโล่หนาๆคุณก็ตัดได้สบาย ใบดาบทำให้กว้างและหนาเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มันหักง่ายจนเกินไป เพราะก่อนหน้านี้ลองทำแบบใบดาบเล็กเพื่อให้มันเบาขึ้น แต่กลายเป็นหักสองท่อนไปซะได้”
“และนั่นGW 002 รุ่นที่ทำมาเพื่อหน่วยซุ่มยิงโดยเฉพาะ มีน้ำหนักเบาแต่แน่นอนว่าเกราะมันก็บางตามไปด้วย มันติดตั้งปืนไรเฟิลซุ่มยิงขนาด 90mm มีกระสุนทั้งแบบเจาะเกราะและหัวระเบิด มีด:Xรข่าให้สองเล่ม แล้วก็มีของใหม่ถอดด้ามปืนลูกซองสำหรับโกเลมบรรจุแปดนัด”
GW 002 มีลักษณะคล้ายๆกับ GW 001แต่มันมีรูปร่างผอมบางราวกับเรือนร่างของหญิงสาวไม่มีผิด
“GW 003 โกเลมสำหรับการยิงสนับสนุนระยะไกล ติดตั้งปืนใหญ่ 120mmรุ่นใหม่บรรจุ 4 ในแมกกาซีน โดยสามารถยิงได้ทั้งระเบิดมาตรฐาน ระเบิดเพลิง ระเบิดลูกปลาย แล้วก็ติดตั้งมีดพกให้สองเล่มและก็ปืนพกสำหรับโกเลมสองกระบอก ที่เท้าติดตั้งตัวยึดเอาไว้ให้ช่วยให้โกเลมยิงได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องมาจัดมุมยิงให้”
โกเลม GW 003 มีลักษณะที่ดูแล้วเหมือนพวกชุดเกราะทหารม้ายุคโบราณ เกราะบนตัวมันนั้นไม่หนาหรือบางจนเกินไป เว้นแต่ตรงส่วนข้อต่อของแขนและขาที่ดูแล้วถูกออกแบบมาให้ดูแข็งแรงและหนากว่าส่วนอื่นๆเล็กน้อย
“ต่อไปก็ GW 004 โกเลมสำหรับใช้ในการบุกจู่โจม เกราะทำมาให้ไม่หนาหรือบางจนเกินไปสามารถใช้อาวุธได้ทุกอย่าง แต่ของมาตรฐานที่ทางเราผลิตมมาให้มันใช้โดยเฉพาะมี 4ชิ้น อย่างแรกปืนกลมือขนาดมาตรฐานบรรจุ 100 นัด พร้อมเครื่องยิงระเบิดในตัว แมกกาซีนบรรจุด้านบน อย่างที่สองเครื่องยิงระเบิดต่อต้านโกเลมรุ่นใหม่ มันสามารถยิงต่อเนื่องได้สามนัดจากเดิมที่บรรจุทีละนัด ต่อไปก็ปืนกลหนักขนาด 80mm บรรจุ 600 นัด ใช้การบรรจุด้วยดรัมแมกกาซีน*คู่และที่ตัวปืนกลหนักเองก็ติดตั้งปืนไฟเอาไว้ให้ด้วย เพื่อใช้ถล่มบังเกอร์หรืออาคารก็แล้วแต่คุณ สุดท้ายก็และเด็ดที่สุด ปืนใหญ่ติดหลังขนาด 90mm บรรจุกระสุนอัตโนมัติ แต่เจ้าปืนใหญ่ติดหลังเนี่ยสามารถเปลี่ยนไปใช้เป็นปืนครกก็ได้เหมือนกันนะ เจ้านี่สามารถยิงได้แค่ระเบิดมาตรฐานกับลูกปลายเท่านั้น”
อเล็กซ์มองเจ้านี่แล้วถึงกับตาโตและดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะอยากได้เจ้านี่มากกว่าซะอีก รูปร่างของมันดูคล้ายกับ GW 001 แต่มีเกราะที่ไม่หนาหรือบางไปอย่างที่ชายชราว่าไป ดูแล้วมีความคล่องตัวอยู่พอดูเลย
“ส่วนGW 000 ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นโกเลมที่พยศสุดๆ ด้วยแรงขับที่สูงเกินไปเลยยากจะควบคุม มันถึงขนาดที่ทำให้ผู้ควบคุมที่ขึ้นบังคับต้องเข้าโรงพยาบาลนานเป็นเดือนมาหลายคนแล้ว แต่เธอคนนั้นก็เอามันซะอยู่แล้วก็ขอเอามันไปใช้ เป็นโกเลมที่เกราะไม่ค่อยหนาเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับบางล่ะนะ เป็นโกเลมที่สร้างขึ้นมาในคอนเซ็ปต์เดียวกับ GW 001 แต่แนวคิดคืออยากจะเน้นเรื่องความเร็วให้สูงขึ้นก็เลยกลายเป็นว่าใช้งานไม่ได้จนมาเจอเธอนี่ล่ะ อาวุธเกือบทั้งหมดเป็นอาวุธประชิด มีปืนกลมือแบบGW 004 ใช้แค่กระบอกเดียว”
อเล็กซ์ที่พอได้ยินแบบนั้นแล้วดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวนักบินคนนั้นมากเป็นพิเศษ คนที่สามารถควบคุมโกเลมที่ไม่มีใครควบคุมได้ แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีฝีมือมากเป็นแน่
“แล้วก็หลานสาวของฉันจะไปกับคุณด้วย เพราะเราจำเป็นต้องเก็บข้อมูลของโกเลมทั้งนั้นรวมถึงการซ่อมบำรุงก็ต้องใช้ทีมช่างที่สร้างมันด้วย ดังนั้นจะมีทีมช่างเฉพาะทางตามไปอีกจำนวนหนึ่ง ตกลงนะ”
“ได้ครับ ถ้าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตในสนามรบได้ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่รู้สึกติดในจริงๆ คนที่ควบคุมโกเลมแบบนั้นได้เป็นคนยังไงกันแน่นะ”
“เป็นผู้หญิงสวย ยิ้มยาก แต่ก็ขี้อาย เป็นพวกขี้เหงาอยากมีเพื่อนแต่ไม่กล้าบอกใคร ชีวิตของเธอแทบจะไม่ได้ยุ่งกับผู้ชายที่ไหนนอกจากฉันกับพวกทีมช่างที่นี่เลย ชอบขังตัวเองอยู่ในห้องอ่านนิยายรักหวานแหววยามว่าง แล้วก็ร้องวี๊ดว๊ายอยู่ในห้องนอน แล้วก็รูปสึกว่าจะได้เชื้อทางทาง:Xากล่ะนะ”
“รู้จักดีจังนะครับ”
“ก็แน่ล่ะ ก็หลานอีกคนของฉันเอง”
“หลานคุณเองหรอกเหรอ!!!”
อเล็กซ์ร้องเสียงหลง ส่วนชายชราเอาภาพถ่ายของหญิงสาวในชุดสูทผู้ควบคุมโกเลมสีม่วงอ่อนออกมาโชว์ โดยเธอกำลังยืนสั่งอะไรบางอย่างช่างคนหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าดูแฝงความมุ่งมั่นและจริงจังเอาไว้ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอกำลังปลิวไปตามแรงลม และจุดที่มันดึงดูดสาวตาของอเล็กซ์มากที่สุดคือส่วนโค้งเว้าได้รูปราวกับนางแบบแถมด้วยหน้าอกไซด์จัมโบ้
“ถ้าอยากได้ภาพนี้ล่ะก็ขายให้ถูกๆ300 ดีล เอาไหม”
ชายชราพูดพลางแสยะยิ้มแล้วยืนมือขวามาทางอเล็กซ์ ส่วนอเล็กซ์เองก็จับมือของชายชราอันเป็นตกลงทำการค้ากัน
“ถ้าต้องการฉันมีอีกเยอะเลยนะ”
“ท่านปู่คะ หวังว่าคงไม่เคยเอารูปฉันไปขายที่ไหนมาหรอกนะคะ”
เอลี่พูดพลางกำหมัดแน่น
“แน่นอนหลานรัก สมุดรวมรูปหลานขายได้ถึงเล่มละ 8000 ดีลเลยล่ะ”
ผั๊ว!!
เสียงกำปั้นซัดเข้าใส่ชายชรา หลังจากนั้นชายชราก็ลงไปกองอยู่บนพื้นแบบสิ้นท่า
“ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมเราถึงแพ้พวกมันตลอดเลย!!”
เสียงร้องตะโกนของเด็กสาวผมสีทองสาวในชุดนายทหารสีเทาแล้วราวกับชุดทหารนาซียุคสงครามโลกกำลังกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ โกเลมมันหนักเลยจมทรายเอาง่ายๆ ทรงตัวก็ยาก พอไปยืนบนเนินทรายก็ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า แถมจะลงไปซ่อนตัวใต้ทรายดักโจมตีศัตรูแบบพวกเทเรเซียก็ไม่ได้ โกเลมของเจ้าพวกนั้นคงเป็นรุ่นที่ใช้รบกลางทะเลทรายนั่นล่ะครับ ประเทศเราเองก็ไม่มีโกเลมสำหรับใช้ในที่แบบนี้ซะด้วย คงต้องพึ่งแต่รถถังเป็นหลักล่ะครับ”
นายทหารหนุ่มพูดพลางคอตก อย่าว่าแต่โกเลมเลย ขนาดว่ารถถังของพวกเขายังวิ่งได้ไม่เกิน 60 ไมล์นี่ก็บุญแล้ว เพราะทะเลทรายนั้นช่างโหดร้ายทำให้รถถังต้องวิ่งๆพักๆ ซึ่งช่วงที่เขาพัก กองพันยานเกราะและหน่วยโกเลมของพวกเทเรเซียก็หนีไปไกลจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา แถมพวกเทเรเซียยังปกปิดร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์จนหาตัวไม่เจอ พวกเขาเลยต้องเจอการโจมตีแบบตีแล้วถอยตลอดเวลาที่มาถึงที่นี่ พวกเทเรเซียโผล่มายิงจนสะใจแล้วก็หนีไปออย่างรวดเร็ว ทหารออสเทียร์ที่เกิดมาเพิ่งจะรบกลางทะเลทรายเลยหมดสภาพไปตามๆกัน แทบมีทหารเป็นลมแดดกันทุกวันอีกด้วย
ตูม!!
เสียงอะไรบางอย่างกระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมแรงสะเทือนอย่างหนัก เรเทียรีบวิ่งออกมานอกที่พักแล้วพบกับโกเลมสีม่วงอ่อนที่มีรูปร่างแปลกตากำลังใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบโกเลมในหน่วยเธอ และโกเลมอีกสองตัวที่กำลังจะเข้ามาช่วยเพื่อนตัวเองก็ถูกดาบติดแขนสองข้างที่ดูเหมือนเลื่อยยนต์จ่อมาที่ห้องควบคุมโกเลม และที่หลังของมันยังติดตั้งดาบแบบคมเดียวและสองคมเอาไว้
“สวัสดีค่ะท่านเรเทีย พวกเราเป็นทหารจากกองวิทยาการณ์ ถูกส่งมาเพื่อทดสอบโกเลมรุ่นที่3 โกเลมที่สามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้”
เสียงของเด็กสาวดังขึ้นมาจากโกเลมสีม่วงนั้น
*ดรัมแมกกาซีนคือแมกกาซีนที่ออกมาแบบให้สามารถบรรจุกระสุนได้มากขึ้น มีลักษณะกลมๆเหมือนกลอง
กองทัพออสเทียร์ทางตะวันออกเองก็หยุดการเคลื่อนไหวและขยายแนวรบออกไปทางส่วนใต้ของเทเรเซียซึ่งมีแนวชายแดนติดกับสหพันธรัฐออส แต่ในตอนนี้กองทัพออสเทียร์ที่ไม่มีประสมการณ์การรบกลางทะเลทรายจึงกำลังเจอปัญหาใหญ่กับหน่วยที่ประจำการอยู่ทางใต้
สามกิโลเมตรจากเมืองหลวงคริสเตน
หน่วย 404 ที่ถอนกำลังออกจากตะวันออกและมุ่งตรงกลับเมืองหลวงนั้นถูกกองทัพที่น้ำโดยพลโทเรเทียไล่ล่าตลอดทางทำให้การเดินทางล่าช้า จนได้พบกับกองพัน 101 ที่ถูกส่งไปชิงพื้นที่ทางแถบตะวันออกคืน ถึงจะพบปัญหาจากโกเลมรุ่นพิเศษสีดำของเรเทียสร้างปัญหาให้ ทั้งเรื่องความเร็ว และเกราะของมันที่ดูบางเฉียบแต่กลับหนาจนกระสุนปืนทั่วไปเจาะไม่เข้า
หน่วย 404 ที่กำลังมุ่งตรงเข้าเมืองหลวงด้วยถนนสายหลัง สีหน้าทหารแต่ละคนดูอ่อนแรง รถบรรทุกขนคนเจ็บจำนวนมากดูเป็นที่สนใจของพวกทหารของกองพัน 507 ที่กำลังจะไปทางตะวันออกเป็นอย่างมาก รถถังที่เคยมีถึงห้าคัน ตอนนี้คงต้องบอกว่าเหลือสี่คันครึ่งเพราะรถถังที่วิ่งตามท้ายขบวนอยู่นั้นมันมีสภาพที่แท่นปืนใหญ่หลุดหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ส่วนล่างที่เวลาวิ่งมีเสียงดังแก่กๆ โกเลมทั้งสี่เครื่องดูหมดสภาพจากการรบ
เครื่องของเออร์ซูลานั้นมีสภาพส่วนหัวเกราะที่หุ้มด้านหน้าฝั่งขวาแตกจนเผยให้เห็นเครื่องจักรที่อยู่ด้านในแขนซ้ายขาดและเกราะขาขวาแตกจนไม่เหลือชิ้นดี
ส่วนเครื่องของอเล็กซ์หัวหน้าหน่วยเกราะช่วงท้องด้านขวาแตก แขนซ้ายขาด เกราะไหล่สองข้างแตกจนเหลือแต่ส่วนไหล่โล่งๆ
ส่วนอีกเครื่องที่ไหล่ซ้ายมีสัญลักษณ์เป็นรูปเสือดำ นั่นคือเครื่องของทิโมธีนั่นเอง สภาพของมันเรียกว่าค่อนข้างสมบูรณ์กว่าเครื่องอื่นๆ เพราะว่ามีเพียงส่วนเกราะอกเท่านั้นที่มีสภาพบิดเบี้ยว
และเครื่องสุดท้าย ติดสัญลักษณ์รูปหัวกระทิงสีแดงเอาไว้ นั่นคือเครื่องของโมอาร์ โกเลมตัวนี้หุ้มเกราะหนากว่าตัวอื่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเสียแขนซ้ายตั้งแต่ช่วงข้อต่อลงไป เกราะช่วงอกมีสภาพบิดเบี้ยวและเกราะส่วนหัวแตกกระจาย
“โห พวกนายไปฝ่านรกที่ไหนกันมาเนี่ย”
ทหารของกองพัน 507 คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ก็นรกที่เรียกว่าสงครามทางตะวันออกไงไอ้หนู แกไปตายแน่ มีอะไรจะฝากไปสั่งเสียครอบครัวไหม!!”
ทหารจากหน่วย 404คนหนึ่งพูดขึ้นและตามมาด้วยเสียงหัวเราะของทหารหน่วย 404 ในประเทศเทเรเซียนั้นคงต้องพูดว่าทหารหน่วยที่มีประสบการณ์ทางการรบมากที่สุดคงเป็นหน่วย404 และกองพัน 206ที่อาสาไปรบเมื่อหกปีก่อนในสงคราม ‘สงครามแบ่งแยกดินแดนออสมาร์ค’ และด้วยการรบในครั้งนั้นทำให้กองพัน 206 และหน่วย404 เป็นเหมือนความหวังสุดท้ายของเทเรเซีย เพราะพวกเขาเคยรับมือทหารของออสเทียร์มาก่อน โดยเฉพาะหน่วย 404ที่สร้างความเจ็บแค้นให้กับออสเทียร์ด้วยการซุ่มโจมตีกองทหารที่ถูกส่งจากออสเทียร์เข้าไปในออสมาร์คเหนือตลอด จนมีคำกล่าวที่ว่า “หากออสเทียร์จะเข้าไปในออสมาร์ค จะถูกฝูงหมาป่ารุมขย้ำ”
“ทำไมถึงเรียกตัวหัวหน้ากลับเมืองหลวงกันนะ มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ”
“ทิโมธี นายไม่ต้องสงสัยซักเรื่องก็ได้”
“ช่างเถอะโมอาร์ ที่เขาเรียกกลับไปมีสองเหตุผล หนึ่งเราจะต้องไปรับทหารใหม่คนนึงที่เมืองหลวง แล้วก็ไปรับโกเลมรุ่นใหม่ด้วยที่เพิ่งถอยออกจากโรงงาน แต่รู้สึกว่าจะยังไม่ได้ทดสอบอะไรนะ สรุปคือให้เราเอามาทดสอบในการรบจริงนั่นล่ะ”
“หวังว่าชีวิตเราคงจะปลอดภัยนะ กับไอ้เจ้าของที่ยังไม่ได้ทดสอบ”
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน คฤหาสน์ตระ:Xลแอเรียส งานเลี้ยงฉลองการเปิดตัวโกเลมรุ่นใหม่
“แหม ประเทศกำลังทำสงครามแท้ๆ แต่ดูพวกนี้สิไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยแฮะ”
ทิโมธีพูดพลางนั่งมองไปรอบๆงาน
“คนมีเงินจะทำอะไรก็ไม่ผิดสินะ”
ชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งในชุดสูทพูดพลางถอนหายใจ
“ไม่ชอบเลยแบบนี้ รู้สึกผิดกับพวกทหารที่ออกไปแนวหน้าจริงๆ”
โมอาร์พูดพลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ส่วนเออร์ซูลาแค่ยืนเงียบๆ แซคกับลิลลี่พอมาถึงงานก็กลับไปทันที
“หัวหน้า พวกเรากลับเลยได้ไหม”
โมอาร์ถามเสียงเรียบ
“อืมกลับเลยก็ได้ แต่เออร์ซูลาอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันนะ อยู่งานแบบนี้คนเดียวรู้สึกอึดอัด”
ชายหนุ่มผมดำหรือก็คืออเล็กซ์หัวหน้าหน่วย404พูดเสียงเรียบพลางผายมือใหกับเออร์ซูลาผู้อยู่ในชุดราตรีสีฟ้าดูสดใส แต่ว่ามันกลับทำให้รู้สึกอึดอัดเมื่อนำมาให้เธอใส่ เพราะใบหน้าเธอออกแนวอารมณ์พวกเบื่อโลก แล้วยิ่งมาอยู่ในที่แบบนี้เธอเลยแผ่ออร่า ออกไปไกลๆ ไสหัวไปให้พ้น ออกมาเต็มที่
เธอเดินนำหน้าเข้าไปในงานอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันพ้นประตูงานก็มีชายหนุ่มไม่กลัวตายเดินเข้ามาขอเธอเต้นรำ แต่เธอกลับมองชายคนนั้นกลับด้วยแววตาเย็นชาจนต้องถอยหนีออกไป
“อะไรกันๆ พวกคุณทหารหน่วย 404 เองไม่ใช่เหรอ แหมผมก็นึกว่าพวกคุณยังไปคลุกโคลนอยู่ที่ไหนซะอีก พวกหน่วยรบส่วนเกินของกองทัพ ไม่มีแม้แต่ต้นสังกัดด้วยซ้ำ”
เสียงเหยียดหยามของชายหนุ่มผู้มีผมสีทองยาวสลวยในชุดสูทสีดำพูดขึ้น โดยรอบๆตัวของเขามีสาวๆห้อมล้อมอยู่เต็มไปหมด
“อ้าว ไม่เจอกันนานนะ เอ่อ ลูกของนายพลเดรสสินะ จำได้เลยล่ะ ตอนที่นายออกคำสั่งโง่ๆพาทหารในหน่วยไปติดกลางวงล้อมจนต้องให้หน่วย 404 กับกองพัน 307ฝ่าวงล้อมไปช่วยออกมาน่ะ”
อเล็กซ์พูดพลางยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ส่วนพวกสาวๆรอบๆตัวเขาพากันหัวเราะคิกคัก ชายหนุ่มผมทองโกรธจนควันแทบออกหู แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หยุดกันแค่นั้นล่ะค่ะ คุณคงเป็นร้อยเอกพิเศษอเล็กซ์ จากหน่วยรบพิเศษอิสระที่ 404 ที่ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิสินะคะ”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่งพูดพางเดินเข้ามาหาพวกเขา เรือนผมสีทองถูกปล่อยยาวลงมาจนถึงเอวดวงตาสีฟ้าครามสดใสและผิวที่ขาวราวกับหิมะ
“คุณคงเป็นเอลี่ แอเรียส ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย พี่ชายของคุณเป็นคนที่ดีมาก ผมเองมีโอกาสได้รบเคียงข้างเขาที่ทางเหนือในตอนที่ประเทศเราถูกบุกใหม่ๆ เขาเป็นคนที่วิเศษมาก”
“ขอบคุณมากค่ะ เชิญทางนี้ ท่านปู่กำลังรอพวกคุณอยู่”
เอลี่ได้พาอเล็กซ์และเออร์ซูลามายังห้องแห่งหนึ่ง มันดูคล้ายห้องสมุดขนาดใหญ่ เว้นแต่ว่าตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานที่มีแบบแปลนบางอย่างที่ยังเขียนไม่เสร็จวางอยู่รวมกับกองเอกสารมากมายเต็มไปหมด
“ท่านปู่ ฉันพาร้อยเอกพิเศษอเล็กซ์มาแล้วค่ะ”
เอลี่พูดพลางเดินไปที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ที่ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นห้อง
“อื้ม คุณมาแล้วสินะ มาช้ากว่าที่ผมนัดเอาไว้เยอะเลย แต่ก็ยอมรับได้ล่ะนะ”
ชายชราพูดพลางยืนขึ้น โดยเขาไม่ต้องให้หลานสาวมาคอยพยุง เขาดูแล้วยังแข็งแรงเหมือนหนุ่มๆเลยล่ะมั้ง
“คุณคิดยังไงกับงานเลี้ยง”
ชายชราถาม
“มันไร้สาระครับ กับสถานการณ์แบบนี้”
“คิดเหมือนกันเลย มีแต่พวกบ้าบอทั้งนั้นที่อยากจัดงานแบบนี้ ยิ่งจัดให้กับไอ้อุปกรณ์ที่ใช้ฆ่าคนแบบนี้แล้วด้วยแต่พวกตังเหลือใช้มันอยากจะจัดกันก็ให้จัดกันไปว่าแต่คุณน่ะอยากจะไปพบกับว่าที่คู่หูใหม่รึยัง”
ชายชรามองมาที่เขาด้วยแววตาจริงจัง แต่อเล็กซ์กลับมองไปยังแบบแปลนบนโต๊ะ
“นั่นคืออนาคต โกเลมรุ่นที่3 มันคือโกเลมที่ฉันฝันมาทั้งชีวิตว่าจะต้องสร้างให้ได้ โกเลมที่โบยบินบนท้องฟ้าได้”
ชายชราพูดอย่างภาคภูมิใจ ส่วนอเล็กซ์ที่พอได้ยินแล้วยิ่งทวีความสนใจในแบบแปลนนั้นอย่างมาก
“ตามมา จะพาไปที่โรงเก็บ”
ชายชราพูดเสียงเรียบ
พวกอเล็กซ์พูดพามายังโกดังขนาดใหญ่ยักษ์ที่อยู่ในเขตคฤหาสน์ รอบๆโกดังมีโกเลมแบบที่พวกอเล็กซ์เคยใช้ยืนประจำอยู่ราวแปดตัว รถถังสี่คัน และพลเดินเท้าอีกจำนวนหนึ่ง ชายชราพาพวกเขาเข้ามาในโกดังที่มืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น และเมื่อเปิดไฟภายในภาพตรงหน้าของเขาก็คือโกเลมขนาดยักษ์รูปร่างแปลกตายืนอยู่สี่เครื่อง โดยทุกเครื่องยังไม่ได้รับการลงสีใดๆทั้งสิ้นมันจึงเป็นสีตามธรรมชาติของเหล็ก
“ทั้งสี่เครื่องกำลังอยู่ในช่วงการประเมินว่าจะผลิตออกมาใช้จริงหรือไม่ ช่วงที่คุณยังไม่มาเราก็เลยทำการทดสอบไปหมดแล้ว ชื่อซีรี่ของพวกมันคือ God of War ย่อเหลือ GW ก็ได้ แต่ละแบบถูกสร้างเพื่อตอบโจทย์ในรูปแบบทางการทหาร โดยไม่จำเป็นต้องใช้รุ่นมาตรฐานที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรอีกต่อไป โดยเจ้าพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาแบบเจาะจงการใช้งาน ซีรี่นี้มีทั้งหมดห้าแบบ”
“มันมีแค่สี่เองนี่ครับ”
อเล็กซ์พูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะจำนวนมันมีแค่สี่ และถ้ามองดีๆจะพบว่ามีร่องรอยของโกเลมถูกเคลื่อนย้ายออกไป
“ใช่ อีกเครื่องหนึ่งถูกขนย้ายไปแล้วเมื่อเช้า ถ้าจะให้พูดก็สมาชิกใหม่หน่วยคุณนั่นล่ะ เธอเอามันไปแล้ว”
“เธอ ผู้หญิงเหรอครับ”
“ใช้คำว่าเธอคงผู้ชายล่ะมั้งร้อยเอง”
“นั้นสินะครับ”
“GW 001 เครื่องของคุณ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับการรุกที่หนักหน่วงและรุนแรง มีแรงขับมากกว่าโกเลมทั่วไปถึงสี่เท่า อาวุธมาตรฐานก็มีโล่ที่ยังไม่ด้ำมาติดตั้ง ภายในโล่เองก็ซ่อนใบดาบเอาไว้ด้านในเป็นดาบแบบสองคม ปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ที่ทางเราเพิ่งสร้างขึ้นมา แล้วก็ของเล่นอีกนิดหน่อยเผื่อคุณจะอยากได้”
เขาพูดพลางชี้ไปที่กล่องไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของโกเลม
“มันคือเครื่องยิงระเบิดรุ่นใหม่ที่ทางเราทำมาให้รุ่นนี้ใช้โดยเฉพาะ ระเบิดที่ใช้ได้มีตั้งแต่แบบมาตรฐานไปจนถึง ระเบิดแบบลูกปลาย ระเบิดเพลิง ระเบิดแสง”
อเล็กซ์จ้องไปที่โกเลมของตน มันมีรูปร่างที่ดูใหญ่โต คาดว่าคงขาดเรื่องความคล่องตัวเป็นแน่ และที่หลังของมันมีดาบแบบคมเดียวที่มีลักษณะโค้งเล็กน้อยติดตั้งเอาไว้
“ดาบที่ติดตั้งให้เป็นดาบที่เน้นเรื่องการตัดเป็นหลักนะร้อยเอก ดังนั้นวิธีใช้จะต่างจากดาบแบบสองคมเล็กน้อย แต่รับประกันว่าต่อให้เป็นโล่หนาๆคุณก็ตัดได้สบาย ใบดาบทำให้กว้างและหนาเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มันหักง่ายจนเกินไป เพราะก่อนหน้านี้ลองทำแบบใบดาบเล็กเพื่อให้มันเบาขึ้น แต่กลายเป็นหักสองท่อนไปซะได้”
“และนั่นGW 002 รุ่นที่ทำมาเพื่อหน่วยซุ่มยิงโดยเฉพาะ มีน้ำหนักเบาแต่แน่นอนว่าเกราะมันก็บางตามไปด้วย มันติดตั้งปืนไรเฟิลซุ่มยิงขนาด 90mm มีกระสุนทั้งแบบเจาะเกราะและหัวระเบิด มีด:Xรข่าให้สองเล่ม แล้วก็มีของใหม่ถอดด้ามปืนลูกซองสำหรับโกเลมบรรจุแปดนัด”
GW 002 มีลักษณะคล้ายๆกับ GW 001แต่มันมีรูปร่างผอมบางราวกับเรือนร่างของหญิงสาวไม่มีผิด
“GW 003 โกเลมสำหรับการยิงสนับสนุนระยะไกล ติดตั้งปืนใหญ่ 120mmรุ่นใหม่บรรจุ 4 ในแมกกาซีน โดยสามารถยิงได้ทั้งระเบิดมาตรฐาน ระเบิดเพลิง ระเบิดลูกปลาย แล้วก็ติดตั้งมีดพกให้สองเล่มและก็ปืนพกสำหรับโกเลมสองกระบอก ที่เท้าติดตั้งตัวยึดเอาไว้ให้ช่วยให้โกเลมยิงได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องมาจัดมุมยิงให้”
โกเลม GW 003 มีลักษณะที่ดูแล้วเหมือนพวกชุดเกราะทหารม้ายุคโบราณ เกราะบนตัวมันนั้นไม่หนาหรือบางจนเกินไป เว้นแต่ตรงส่วนข้อต่อของแขนและขาที่ดูแล้วถูกออกแบบมาให้ดูแข็งแรงและหนากว่าส่วนอื่นๆเล็กน้อย
“ต่อไปก็ GW 004 โกเลมสำหรับใช้ในการบุกจู่โจม เกราะทำมาให้ไม่หนาหรือบางจนเกินไปสามารถใช้อาวุธได้ทุกอย่าง แต่ของมาตรฐานที่ทางเราผลิตมมาให้มันใช้โดยเฉพาะมี 4ชิ้น อย่างแรกปืนกลมือขนาดมาตรฐานบรรจุ 100 นัด พร้อมเครื่องยิงระเบิดในตัว แมกกาซีนบรรจุด้านบน อย่างที่สองเครื่องยิงระเบิดต่อต้านโกเลมรุ่นใหม่ มันสามารถยิงต่อเนื่องได้สามนัดจากเดิมที่บรรจุทีละนัด ต่อไปก็ปืนกลหนักขนาด 80mm บรรจุ 600 นัด ใช้การบรรจุด้วยดรัมแมกกาซีน*คู่และที่ตัวปืนกลหนักเองก็ติดตั้งปืนไฟเอาไว้ให้ด้วย เพื่อใช้ถล่มบังเกอร์หรืออาคารก็แล้วแต่คุณ สุดท้ายก็และเด็ดที่สุด ปืนใหญ่ติดหลังขนาด 90mm บรรจุกระสุนอัตโนมัติ แต่เจ้าปืนใหญ่ติดหลังเนี่ยสามารถเปลี่ยนไปใช้เป็นปืนครกก็ได้เหมือนกันนะ เจ้านี่สามารถยิงได้แค่ระเบิดมาตรฐานกับลูกปลายเท่านั้น”
อเล็กซ์มองเจ้านี่แล้วถึงกับตาโตและดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะอยากได้เจ้านี่มากกว่าซะอีก รูปร่างของมันดูคล้ายกับ GW 001 แต่มีเกราะที่ไม่หนาหรือบางไปอย่างที่ชายชราว่าไป ดูแล้วมีความคล่องตัวอยู่พอดูเลย
“ส่วนGW 000 ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นโกเลมที่พยศสุดๆ ด้วยแรงขับที่สูงเกินไปเลยยากจะควบคุม มันถึงขนาดที่ทำให้ผู้ควบคุมที่ขึ้นบังคับต้องเข้าโรงพยาบาลนานเป็นเดือนมาหลายคนแล้ว แต่เธอคนนั้นก็เอามันซะอยู่แล้วก็ขอเอามันไปใช้ เป็นโกเลมที่เกราะไม่ค่อยหนาเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับบางล่ะนะ เป็นโกเลมที่สร้างขึ้นมาในคอนเซ็ปต์เดียวกับ GW 001 แต่แนวคิดคืออยากจะเน้นเรื่องความเร็วให้สูงขึ้นก็เลยกลายเป็นว่าใช้งานไม่ได้จนมาเจอเธอนี่ล่ะ อาวุธเกือบทั้งหมดเป็นอาวุธประชิด มีปืนกลมือแบบGW 004 ใช้แค่กระบอกเดียว”
อเล็กซ์ที่พอได้ยินแบบนั้นแล้วดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวนักบินคนนั้นมากเป็นพิเศษ คนที่สามารถควบคุมโกเลมที่ไม่มีใครควบคุมได้ แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีฝีมือมากเป็นแน่
“แล้วก็หลานสาวของฉันจะไปกับคุณด้วย เพราะเราจำเป็นต้องเก็บข้อมูลของโกเลมทั้งนั้นรวมถึงการซ่อมบำรุงก็ต้องใช้ทีมช่างที่สร้างมันด้วย ดังนั้นจะมีทีมช่างเฉพาะทางตามไปอีกจำนวนหนึ่ง ตกลงนะ”
“ได้ครับ ถ้าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตในสนามรบได้ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่รู้สึกติดในจริงๆ คนที่ควบคุมโกเลมแบบนั้นได้เป็นคนยังไงกันแน่นะ”
“เป็นผู้หญิงสวย ยิ้มยาก แต่ก็ขี้อาย เป็นพวกขี้เหงาอยากมีเพื่อนแต่ไม่กล้าบอกใคร ชีวิตของเธอแทบจะไม่ได้ยุ่งกับผู้ชายที่ไหนนอกจากฉันกับพวกทีมช่างที่นี่เลย ชอบขังตัวเองอยู่ในห้องอ่านนิยายรักหวานแหววยามว่าง แล้วก็ร้องวี๊ดว๊ายอยู่ในห้องนอน แล้วก็รูปสึกว่าจะได้เชื้อทางทาง:Xากล่ะนะ”
“รู้จักดีจังนะครับ”
“ก็แน่ล่ะ ก็หลานอีกคนของฉันเอง”
“หลานคุณเองหรอกเหรอ!!!”
อเล็กซ์ร้องเสียงหลง ส่วนชายชราเอาภาพถ่ายของหญิงสาวในชุดสูทผู้ควบคุมโกเลมสีม่วงอ่อนออกมาโชว์ โดยเธอกำลังยืนสั่งอะไรบางอย่างช่างคนหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าดูแฝงความมุ่งมั่นและจริงจังเอาไว้ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอกำลังปลิวไปตามแรงลม และจุดที่มันดึงดูดสาวตาของอเล็กซ์มากที่สุดคือส่วนโค้งเว้าได้รูปราวกับนางแบบแถมด้วยหน้าอกไซด์จัมโบ้
“ถ้าอยากได้ภาพนี้ล่ะก็ขายให้ถูกๆ300 ดีล เอาไหม”
ชายชราพูดพลางแสยะยิ้มแล้วยืนมือขวามาทางอเล็กซ์ ส่วนอเล็กซ์เองก็จับมือของชายชราอันเป็นตกลงทำการค้ากัน
“ถ้าต้องการฉันมีอีกเยอะเลยนะ”
“ท่านปู่คะ หวังว่าคงไม่เคยเอารูปฉันไปขายที่ไหนมาหรอกนะคะ”
เอลี่พูดพลางกำหมัดแน่น
“แน่นอนหลานรัก สมุดรวมรูปหลานขายได้ถึงเล่มละ 8000 ดีลเลยล่ะ”
ผั๊ว!!
เสียงกำปั้นซัดเข้าใส่ชายชรา หลังจากนั้นชายชราก็ลงไปกองอยู่บนพื้นแบบสิ้นท่า
“ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมเราถึงแพ้พวกมันตลอดเลย!!”
เสียงร้องตะโกนของเด็กสาวผมสีทองสาวในชุดนายทหารสีเทาแล้วราวกับชุดทหารนาซียุคสงครามโลกกำลังกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ครับ โกเลมมันหนักเลยจมทรายเอาง่ายๆ ทรงตัวก็ยาก พอไปยืนบนเนินทรายก็ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า แถมจะลงไปซ่อนตัวใต้ทรายดักโจมตีศัตรูแบบพวกเทเรเซียก็ไม่ได้ โกเลมของเจ้าพวกนั้นคงเป็นรุ่นที่ใช้รบกลางทะเลทรายนั่นล่ะครับ ประเทศเราเองก็ไม่มีโกเลมสำหรับใช้ในที่แบบนี้ซะด้วย คงต้องพึ่งแต่รถถังเป็นหลักล่ะครับ”
นายทหารหนุ่มพูดพลางคอตก อย่าว่าแต่โกเลมเลย ขนาดว่ารถถังของพวกเขายังวิ่งได้ไม่เกิน 60 ไมล์นี่ก็บุญแล้ว เพราะทะเลทรายนั้นช่างโหดร้ายทำให้รถถังต้องวิ่งๆพักๆ ซึ่งช่วงที่เขาพัก กองพันยานเกราะและหน่วยโกเลมของพวกเทเรเซียก็หนีไปไกลจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา แถมพวกเทเรเซียยังปกปิดร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์จนหาตัวไม่เจอ พวกเขาเลยต้องเจอการโจมตีแบบตีแล้วถอยตลอดเวลาที่มาถึงที่นี่ พวกเทเรเซียโผล่มายิงจนสะใจแล้วก็หนีไปออย่างรวดเร็ว ทหารออสเทียร์ที่เกิดมาเพิ่งจะรบกลางทะเลทรายเลยหมดสภาพไปตามๆกัน แทบมีทหารเป็นลมแดดกันทุกวันอีกด้วย
ตูม!!
เสียงอะไรบางอย่างกระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมแรงสะเทือนอย่างหนัก เรเทียรีบวิ่งออกมานอกที่พักแล้วพบกับโกเลมสีม่วงอ่อนที่มีรูปร่างแปลกตากำลังใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบโกเลมในหน่วยเธอ และโกเลมอีกสองตัวที่กำลังจะเข้ามาช่วยเพื่อนตัวเองก็ถูกดาบติดแขนสองข้างที่ดูเหมือนเลื่อยยนต์จ่อมาที่ห้องควบคุมโกเลม และที่หลังของมันยังติดตั้งดาบแบบคมเดียวและสองคมเอาไว้
“สวัสดีค่ะท่านเรเทีย พวกเราเป็นทหารจากกองวิทยาการณ์ ถูกส่งมาเพื่อทดสอบโกเลมรุ่นที่3 โกเลมที่สามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้”
เสียงของเด็กสาวดังขึ้นมาจากโกเลมสีม่วงนั้น
*ดรัมแมกกาซีนคือแมกกาซีนที่ออกมาแบบให้สามารถบรรจุกระสุนได้มากขึ้น มีลักษณะกลมๆเหมือนกลอง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-1-4 21:59
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-1-4 22:01
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-1-17 15:46
Independence ตอนที่ 2 100%