เสียงระเบิดดังขึ้นท่ามกลางฐานทัพขนาดใหญ่กลางทะเลทรายซึ่งเป็นฐานทัพของกองทัพเทเรเซีย ฐานทัพแห่งนี้กำลังลุกเป็นไฟ ร่างของโกเลมสีม่วงตัวหนึ่งกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงมองหาเหยื่อตัวใหม่ และในตอนนั้นเองก็มีร่างของโกเลมของฝ่ายเทเรเซียพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงในท่าใช้ดาบแทง เจ้าโกเลมสีม่วงกระโดดถอยห่างออกมา เท้าของมันค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย แล้วพุ่งเข้าใส่โกเลมตรงหน้า ส่วนโกเลมของเทเรเซียเองก็ไม่น้อยหน้าเข้าใช้ดาบในมือฟันเข้าใส่แบบแนวนอน แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือเจ้าโกเลมสีม่วงย่อตัวลงต่ำกว่าวิถีดาบแล้วเบี่ยงตัวหมุนไปที่ด้านหลังพร้อมกับฟันโกเลมของเทเรเซียขาดเป็นสองท่อน โดนส่วนที่ถูกฟันก็คือที่ควบคุมโกเลม ใบเลื่อยค่อยๆหยุดหมุนลงอย่างช้าๆ
ด้านในห้องตวบคุมโกเลม ร่างของเด็กสาวผมสีเงินและดวงตาสีแดงคนหนึ่งกำลังแสยะยิ้มอย่างพอใจเมื่อเธอมองเห็นเลือดที่เปื้อนใบดาบติดแขนของเธอ และที่ด้านหลังของเธอนั้นเยื้องขึ้นไปด้านบนเล็กน้อยยังมีหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีเงินและในตาสีมรกตอีกคนกำลังมองมาตรวัดต่างๆพร้อมกับคอยปรับมันให้เข้าที่ตลอดเวลาด้วยปุ่มต่างๆ
“พี่คะ วันนี้เอริมีความสุขจังเลย”
เด็กสาวพูดพลางยิ้มอย่างมีความสุข
“ดีแล้วล่ะเอริ สนุกให้เต็มที่เถอะนะ”
หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับน้องสาวสุดที่รักตรงหน้า
“ค่ะท่านพี่ลิซ่า วันนี้ท่านพ่อและท่านแม่บนสวรรค์จะต้องดีใจกับพวกเราแน่ๆเลย”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเคลิบเคลิ้ม และในตอนนั้นเองที่สายตาของเธอไปพบเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดทหารเทเรเซีย เธอพุ่งเข้าใส่อย่างไม่รีรอและใช้กำปั้นของโกเลมชกใส่ร่างนั้นจนแหลกเหลว แล้วเธอจึงยกมือนั้นขึ้นมาดูอย่างจอใจแล้วระเบิดหัวเราะอย่างดีใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
เมืองหลวงคริสเตน สามวันต่อมา สถานที่ตั้งค่ายชั่วคราวหน่วย 404 นอกค่ายทหารหลัก
“ทางใต้กำลังเสียเปรียบกองทัพออสเทียร์เหรอ”
อเล็กซ์พูดพลางใช้มือกุมขมับพลางถอนหายใจ
“ประเทศเรามันจะเหลืออะไรอีกฟร๊ะเนี่ยถ้ายังเสียทางใต้อีกก็เหลือแต่เมืองหลวงแล้วล่ะ” ทิโมธีพูดพลางจ้องมองแผนที่ประเทศตัวเองที่ถูกวางธงชาติสีต่างๆเพื่อบอกตำแหน่งกองทัพของทั้งสามฝ่าย
“เมืองหลวงจะแตกเมื่อไหร่มันก็แล้วแต่เวลานั่นล่ะ แต่ที่น่าแปลกคือทำไมจู่ๆมันถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ ไม่มีการติดต่ออะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากทางใต้เลย”
“ได้ยินว่าฐานทัพคาฮูโดนตีแตกในสามชั่วโมงเอง แถมไม่มีใครรอดด้วย แถมที่หลบภัยของชาวเมืองก็ถูกทำลายไม่มีคนรอด”
เสียงหญิงสาวที่ฟังดูไม่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหน้าของเต็นท์ และเมื่อทุกคนหันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีน้ำตาล ใช่เธอคือหลานชาวของชายชราที่อเล็กซ์เพิ่งซื้อรูปเธอมาโดยเธออยู่ในชุดนายทหารยศร้อยตรี
“ใครกันเนี่ย!!!”
ทิโมธีร้องขึ้นพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เธอทันที แต่อีกฝ่ายกลับหลบเขาได้อย่างง่ายดาย
“ร้อยตรีเอลร่า แอเรียสมารายงานตัวแล้วค่ะ”
“เอ่อ อื้ม สวัสดี”
อเล็กซ์พูดทักทายแต่ตาของเขากลับจับจ้องที่เนินอกของเธอแทน แต่ถึงจะบอกแบบนั้นหนุ่มๆในเต็นท์ก็มองที่เดียวกันหมด ส่วนเออร์ซูลาก็ได้แต่ก้มมองหน้าอกของตัวเองที่มีขนาดเล็กกว่าเกือบสองเท่าได้
“อะแฮม!!”
เสียงกระแอมของเอลี่ดังขึ้น
“อยากจะมาดูไหม โกเลม GW 000”
“ตอนนี้อยากนั่งมองภูเขาแห่งความฝันมากกว่าดูโกเลมเยอะเลยอั๊ก!!”
ทิโมธีพูดขึ้นอย่างเคลิบเคลิ้มแต่ก็ถูกเท้าของเอลี่ซัดเข้าที่หน้า
และเมื่อทุกคนออกมาจากเต็นท์ก็พบกับโกเลมอีกตัวที่อยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ มันมีส่วนแขนและขาที่ดูผอมบางแต่ส่วนลำตัวดูจะมีเกราะมากกว่าส่วนอื่นๆ ตรงส่วนหัวไหล่มีเกราะติดตั้งเอาไว้ก็จริงๆแต่ก้ไม่หนามาก ส่วนหัวของมันมีลักษณะเหมือนคนสวมหมวกเกราะซามูไร
“เหมือนเจ้าของจริงๆ”
โมอาร์พูดพลางมองส่วนอกของโกเลมที่มีลักษณะที่โค้งนูนขึ้นมา
“เห็นด้วยอย่างยิ่ง”
แซคเสริม
ผั๊ว!! โป๊ก!!
“ขอโทษครับ”
โมอาร์และแซคพูดขึ้นพร้อมกันหลังจากถูกเอลี่ซัดใส่คนละที
“ร้อยเอกพิเศษอเล็กซ์ แลนเซอร์ อยู่แถวนี้รึเปล่าครับ คำสั่งเร่งด่วน!!”
เสียงของทหารสื่อสารคนหนึ่งดังขึ้น ดูจากชุดแล้วพวกทหารส่วนกลางแน่นอนเพราะชุดเป็นสีน้ำเงินเข้มแตกต่างจากพวกเขา
“ทางนี้!!”
อเล็กซ์พูดพลางชูมือขึ้น
“ครับ ผมพลทหารจากหน่วยสื่อสารที่สามประจำกองพลที่หกของส่วนกลาง คำสั่งตรงลงมาจากองค์หญิงให้ท่าน เอ่อ”
เขาพูดพลางอ่านเอกสารแต่ถูกอเล็กซ์ดึงไปอ่านแทน โดยอเล็กซ์โบกมือไล่น้อย“เอาล่ะ เจ้าพวกบ้าทั้งหลาย!! คำสั่งตรงให้หน่วย 404 ของเราไปที่เมืองเอนเทรนใกล้ป้อมแอลเซนเบิร์ก คุ่มกันหน่วยปืนใหญ่เพื่อยิงถล่มพวกออแลนด์ทางเหนือ แล้วก็เข้าร่วมกับกองพัน 108 ที่ประจำอยู่ที่แอลเซนเบิร์กแล้วช่วยเขาไล่เตะมันกลับประเทศ!! โดยกองพัน 105 – 107 แล้วก็หน่วยของเราจะเข้าร่วมแผนการนี้ เป็นแผนการใหญ่ ถ้าทำสำเร็จอาจเปลี่ยนสถานการณ์การรบทางเหนือได้เลย ดังนั้นพวกแกมีอะไรอยากจะไปเบิกจากกองพลาธิการได้เลย”
อเล็กซ์คะโกนบอกพวกทหารในหน่วยของตัวเอง พวกทหารตอบรับด้วยการโห่ร้องอย่างฮึกเหิมเสียงดังและด้วยเหตุนั้นมันเลยไปทำให้พวกทหารในค่ายใกล้ๆโห่ร้องตามและตามมาด้วยเสียงปืนยิงขึ้นฟ้า“เอ่อ คือฉันต้องเบิกอะไรมั่งเหรอคะ”
เอลร่าพูดพลางจ้องมองคนอื่นๆที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเขียนอุปกรณ์ต่างๆ ทิโมธีเขียนคนเดียวซัดไปสองหน้ากระดาษ โมอาร์เขียนแค่ครึ่งหน้ากระดาษ แซคคงกะจะเขียนหนังสือขายเพราะหนาเป็นปึก เออร์ซูลาถึงจะดูเงียบๆแต่เธอก็เขียนเอาไว้เยอะมาก
“ถุงเท้าสองโหล ไม่สิสามโหล”ทิโมธีพูด
“ถุงกันชื้นด้วยล่ะ”
โมอาร์เสริม
“บุหรี่ ลืมไม่ได้เลยบุหรี่”
แซคพูด
“รองเท้าบูทใหม่”
อเล็กซ์พูด
“ผ้าอนามัย”
เออร์ซูลาพูด
“เสื้อกันฝนสามตัว”
ลิลลี่พูดเสียงเรียบ
หลังจากนั้นแต่ละคนก็ผลัดกันพูดคนละอย่างสองอย่าง แต่พวกเขาไม่ได้แนะนำเอลร่าเลยแม้แต่น้อย พวกเขาพูดสิ่งที่ตัวเองกำลังนึงอยู่เท่านั้นเอง
วันต่อมา ระหว่างที่หนน่วย 404กำลังจะเดินทางทหารแต่ละคนกำลังตรวจเช็คของที่กองพลาธิการเอามาส่งให้อย่างเร่งรีบ แต่มีคนหนึ่งที่ดูเตะตามากที่สุดคือเอลร่าเพราะกระเป๋าของเธอใหญ่โตราวกับจะย้ายบ้านไปไหน
“ร้อยตรีเอลร่า จะย้ายบ้านไปอยู่แอลเซนเบิร์กเหรอ”
โมอาร์พูดพลางมองกระเป๋าของเธอ
“เอ๋ ก็พวกคุณบอกให้ฉันเบิกมาไม่ใช่เหรอ”
ทุกคนมองหน้ากันไปมาแล้วส่ายหัวแทบจะพร้อมกัน
“เปล่านี่”
“แล้วทำไมกระเป๋าคุณแซคมันเล็กแบบนั้นล่ะ”
เอลร่าพูดพลางมองไปที่กระเป๋าของแซคที่ดูเล็กกว่าชาวบ้านทั้งๆที่เขียนไปซะเยอะ
“อ่อเมื่อวานฉันเขียนเผื่อของพวกหน่วยพทกับของจำเป็นอื่นๆที่ขาดด้วยน่ะ”
“ฉันมันบ้าเองที่ไปเขียนตาม”
เอลร่าพูดพลางกุมขมับ
วันต่อมา เมืองเอนเทรน
เมืองเอนเทรนอดีตเคยเป็นเมืองที่สวยงามโดยรอบเต็มไปด้วยป่าเขียวขจี แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน เพราะอยู่ห่างจากสนามรบอันดุเดือดไปแค่ สองกิโลฯเท่านั้น
“โอโห มันถล่มกันซะภูเขาทั้งลูกผิดรูปเลยแฮะ”
แซคพูดพลางใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูภูเขาซึ่งถูกดัดแปลงเป็นป้อมขนาดยักษ์ มีช่องทางออกทำจากแผ่นเหล็กหนาที่เอาไว้ใช้เข้าออกตามจุดต่างๆ บางจุดก็ใช้ยิงปืนใหญ่ บางจุดเป็นแนวสนามเพลาะสำหรับโกเลม
โดยหน่วย 404รับหน้าที่คอยคุ้มกันปืนใหญ่ ฟังดูอาจเป็นงานง่ายแต่จริงๆแล้วไม่เลย เพราะนานๆทีจะมีโกเลมหน่วยเล็กๆแอบเข้ามาในเมืองได้ โดยเป้าหมายของพวกมันก็คือปืนใหญ่นั่นเอง โดยปืนใหญ่ที่ใช้นั้นใช้รถบรรทุกคันใหญ่ลากไปมา โดยใช้วิธีที่พื้นฐานของพื้นฐานคือยิงสามนัดแล้วเปลี่ยนตำแหน่งใหม่
โดยพวกพลเดินเท่าทำหน้าที่คอยดูแลป้อมปืนใหญ่ในระยะประชิด ส่วนพวกโกเลมถึงจะมีไม่กี่ตัวแต่ก็กระจายไปซุ่มตามจุดต่างๆ โดยปืนใหญ่ที่อยู่ในเมืองนี้มีรวมห้ากระบอก
“ว่าไงพวก สอยกันไปเท่าไหร่แล้ว”เสียงของทิโมธีพูดเสียงเรียบผ่านคลืนวิทยะเข้ามา
“ฉันจัดการได้สิบสามแล้ว”
เสียงของเออร์ซูลาตอบกลับเสียงเรียบ
“เยอะ เยอะเลย”
โมอาร์ตอบ
“เป็นยังไงมั่งเอลร่า สนามรบแรก”
อเล็กซ์พูดขึ้น
“ก็ดีค่ะ ก็ดี”
“จัดการได้กี่เครื่องแล้ว”
“สองค่ะ”
“ไม่เลวสำหรับมือใหม่”
อเล็กซ์พูดชมเธอแต่อีกฝ่ายกลับเงียบไม่ตอบอะไร
ที่จุดซุ่มของอเล็กซ์โกเลมของเขาถูกพ่นสีเป็นสีขาวทั้งเครื่องแต่ตอนนี้มันกลับถูกหุ้มไว้ด้วยตาข่ายพรางสำหรับพื้นที่ป่า โดนตอนนี้มันอยู่ในท่ายอตัวลงและใช้อาคารรอบข้างเป็นที่ซ่อนตัว เสียงฝีเท้าของโกเลมของฝ่ายตรงข้ามกำลังเดินใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรจนจู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น มันคือกับระเบิดที่เขาวางเอาไว้ ถึงมันจะไม่รุนแรงพอจะทำลายโกเลมได้แต่มันก็พอจะทำให้อีกฝ่ายเสียหลัก ในจังหวะที่โกเลมตัวนั้นเซผ่านหน้าของเขามานั้อเล็กซ์ก็ควบคุมให้โกเลมของเขาใช้เท้าถีบเข้าใส่เจ้าตัวตรงหน้าจนกระเด็นไปชนกับอาคารอีกฝั่งหนึ่งแล้วใช้ดาบประจำตัวแทงใส่ที่ห้องควบคุมโกเลม หลังจากนั้นเขาคอยๆลากซากโกเลมตัวนั้นเข้าไปซ่อนในจุดที่เขาซ่อนตัวเมื่อครู่ และเตรียมตัวสำหรับการเชือดนิ่มครั้งต่อไป
ทางด้านของเอลร่านั้นก็กำลังทำแบบเดียวกับอเล็กซ์แต่เธอไม่ได้วางกับระเบิด ในระหว่างที่โกเลมกำลังเดินผ่านจุดที่เธอซุ่มอยู่ เธอก็ควบคุมให้โกเลมของเธอใช้มือข้างหนึ่งกดปืนของอีกฝ่ายลงและใช้มีดสั้นในมือฟันเฉือนบาดตรงส่วนคอของโกเลมไปก่อนหนึ่งทีและรีบใช้มืออีกข้างดึงเอามีดที่เก็บอยู่ในซองใส่มีดที่ต้นขาอีกเล่มฟันทะลุห้องควบคุมโกเลมจนยับเยิน โกเลมของเธอหมุนตัวอย่างสวยงามราวกับกำลังเต้นรำก็ไม่ปาน
หลังจากนั้นราวหนึ่งชั่วโมงในขณะที่ทุกคนกำลังพักกินข้าวเที่ยงกันอย่างสบายอารมณ์พลางฟังบทเพลงแห่งสงครามที่ใช้เครื่องดนตรีที่เรียกว่าระเบิดและปืนไปพลางๆ
“ว่างน่อ ภารกิจซุ่มตีหัวคนเนี่ยไม่สนุกเอาซะเลย”
เสียงทิโมธีดังขึ้นในช่องสัญญาณวิทยุเฉพาะ
“ก็นะ ไม่ออกไปเหนื่อยน่ะดีแล้ว ตอนนี้เรามีเอลร่าด้วย ให้เธอเริ่มจากศึกเบาๆไปจะดีกว่านะ”
เสียงของโมอร์ดังแย้งขึ้นมา
“สำหรับฉันจะยังไงก็ได้ค่ะ”
“นั่นนายทำเธอโกรธซะแล้วเพื่อน”
“ทุกคนเกิดปัญหาแล้วค่ะ”
เสียงของลิลล่แทรกเข้ามา
“เป็นอะไรลิลลี่ ท้องเสียเหรอ หรืออยากเข้าห้องน้ำ!!”
ทิโมธีพูดติดตลกแซวหญิงสาว
“คือว่า มีรถถังมาทางนี้ค่ะ รถถัง”
“แค่รถถังเอง ยิงมันสิ”
“ยิงแล้วค่ะแต่ว่าคงเปลืองกระสุนเปล่า ฉันว่ามันเป็นงานของโกเลมมากกว่าค่ะ”
เธอพูดจบทุกคนก้เริ่มรู้สึกทันที แรงสะเทือนขนาดที่ว่าไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตามมาด้วยเสียงเสียดสีของสายพานรถถังที่ดังหนวกหู
“เฮ้ยๆ นี่รถถังแน่เหรอ”
ทิโมธีพูดขึ้น
“ก็ลองออกจากที่ซ่อนมาดูเองสิเฮ้ย!!”
แซคตะโกนสวนเข้ามา
“ถึงหน่วยปืนใหญ่ถอย!! ถอยเดียวนี้!! แล้วแจ้งไปที่กองพัน 105 กับ 106 ด้วย เราต้องการกองหนุน โกเลมเยอะๆเลย”
เสียงเครียดของอเล็กซ์ดังขึ้น
และเมื่อทิโมธีควบคุมโกเลมของเขาที่ใช้สีขาวเป็นสีพื้นฐานของโกเลมออกมาแล้วนั้นภาพตรงหน้า มันคือรถถังที่กำลังวิ่งบีบ้านเรือนมาเข้ามาในเมือง มันใหญ่โตจนเล่นเอาทหารที่ผ่านศึกมาแล้วยังต้องหวาดกลัว มันสูงราว 20-22 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว่าโกเลมพอควร รอบๆคันของมันติดตั้งปืนใหญ่ขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดอภิมหาใหญ่ยักษ์ แท่นปืนกลหลากชนิด
“นี่มัน นรกอะไรกันวะเนี่ย”
อเล็กซ์สบถ