วิหคอมตะ เป็นชื่อของวิหคที่เกิดท่ามกลางกองเพลิง หลังจากเติบโตและมีชีวิตอย่างยืนยาวจนไม่อาจนับได้แล้ว เมื่อถึงวันสิ้นอายุขัยก็จะเกิดไฟลุกไหม้ทำลายร่างและได้รับชีวิตใหม่ท่ามกลางเพลิง ว่ากันว่า วิหคชนิดนี้นั้นเป็นอมตะ จึงทำให้ผู้คนแสวงหาเพียงเพราะความเชื่อที่ว่า หากได้ดื่มเลือดของมันแล้วจะได้รับชีวิตนิรันดร์ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้พบกับมันเลย บ้างก็ว่ามันไม่มีอยู่จริง แต่บางส่วนก็บอกว่าเคยเห็น ว่ากันว่า หากเห็นวิหคนี้เมื่อไรจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
มันเป็นบทความจากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ชายหนุ่มในชุดของบรรณารักษ์กำลังตั้งใจอ่าน หนังสือเล่มนี้รวบรวมเกี่ยวกับตำนานต่างๆของเมืองนี้ และการที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ได้นั้น จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากพระราชาและกองบรรณารักษ์หลวงก่อน เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของเมืองมาแต่โบราณ ทำให้มันมีค่าพอๆกับทรัพย์สมบัติในคลังเสียอีก
แต่การที่ชายหนุ่มยืมมาอ่านได้นั้น แสดงว่าเขาต้องมีความสามารถสูงมากจนได้รับการยอมรับและการไว้วางใจจากพระราชา
"จริงๆแล้วฉันแอบไปขโมยมาอ่านต่างหาก" ชายหนุ่มคิด "แต่ว่าเรื่องบางเรื่องนี่ฉันยังไม่เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มอื่นเลย สมกับเป็นบันทึกที่ล้ำค่าจริงๆ" คิดแล้วชายหนุ่มก็หลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะที่อยู่ขางหน้าอย่างทะนุถนอม เพราะถึงแม้จะไปขโมยมาอ่าน แต่เขาก็รู้จักถนอมหนังสือเช่นกัน
ชายหนุ่มใจชุดบรรณารักษ์ฟ้าที่ดูสะอาดตา เขาถอดหมวกที่คล้ายกับหมวกของทหารเรือสีเดียวกับชุดลงข้างๆหนังสือบันทึกโบราณ แล้วเขาก็นั่งกอดอกและถอนหายใจอีกครั้ง "เฮ้อ..." เสียงชายหนุ่มถอนหายใจยาว จากนั้นก็พูดขึ้นลอยๆว่า "ทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้นะ"
ขณะเดียวกันก็มีหญิงสาวในชุดบรรณารักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามา "เบื่ออะไรเหรอ พ่อหนุ่ม?" เธอถามอีกฝ่าย ชายหนุ่มได้ยินก็หันไปมองตามเสียง ซึ่งเจ้าของเสียงตอนนี้กำลังเดินมา และนั่งลงข้างๆเขา เขาเห็นเธอแล้วก็หันกลับมาแล้วทำหน้าเซ็งๆ แล้วพูดว่า "ฉันมีชื่อของฉันเหมือนกันนะ เรียกชื่อฉันสิลิซ่า ชื่อน่ะ ไม่ใช่เรียกพ่อหนุ่ม" เสียงของเขาเหมือนกับไม่สิ ต้องติเตียนอีกฝ่ายแน่นอน เมื่อหญิงสาวได้ยินแทนที่จะสำนึกหรือโกรธเคือง เธอกลับยิ้มและหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า "จ้าๆ พ่อหนุ่ม อ๊ะ! ขอโทษ..." เธอกล่าวขอโทษทันทีที่อีกฝ่ายหันมามองเธออย่างเคือง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยิ้มและพูดว่า "จ้าๆ เข้าใจแล้ว พ่อ..." เธอชำเลืองตาดูก็พบว่าอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับจะฆ่ากัน เธอถอนหายใจแล้วก็บ่นว่า "แหม...แค่หยอกนิดหยอกหน่อยเองนะ ทำไมจ้องกันเหมือนจะฆ่ากันอย่างนี้ล่ะ ทีโอดอร์" หลังจากบ่นเธอก็หันไปมองบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า เธอทำหน้าตกใจทันทีที่เห็นมัน "ทำไมมันมาอยู่ที่นี่?!" ใบหน้าของลิซ่านั้นดูตกใจราวกับว่าเห็นผีอย่างใดก็อย่างนั้น "นี่นายไปขโมยมาใช่มั้ย?" เธอตะเบ็งเสียงถามทีโอตอร์ ทีโอดอร์ก็ตอบอย่างเรียบๆว่า "อื้อ...ฉันไปหยิบมาเองแหละ" ลิซ่าได้ยินดังนั้นก็ถามอย่างรีบร้อนว่า "แล้วมีใครรู้รึเปล่า?" "ไม่" "หา!!!" "ก็อยู่นี่ไง" ทีโอดอร์ชี้ไปที่หนังสือ อย่างเรียบๆ "ทีโอดอร์ ไม่ต้องเลย นี่นายไปขโมยมาเหรอเนี่ย ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงเบื้องบนล่ะก็เรื่องใหญ่แน่!!!" ลิซ่าพูดเน้นเสียง เพราะตอนนี้เธอคิดแต่เพียงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหากเรื่องที่ทีโอดอร์ไปขโมยบันทึกโบราณมารู้ไปถึงเบื้องบน แต่ทีโอดอร์ที่ทำหน้าเซ็งกับเสียงที่ดังของลิซ่าก็พูดขึ้นว่า "ฉันว่าเบื้องบนจะรู้เพราะเธอตะโกนซะเสียงดังต่างหาก" ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะทำให้ลิซ่ารู้สึกตัวว่าตัวเองนั่นแหละที่จะทำให้คนอื่นเขารู้เรื่องนี้เพราะเสียงของเธอเอง "ขอโทษค่า" เธอพูดขึ้นอย่างสำนึกผิด
ทั้งสองคนยังคงนั่งเงียบต่อไป ทีโอดอร์นั่งเงียบแบบเซ็งๆเพราะไม่มีอะไรทำ ส่วนลิซ่านั่งเงียบเพราะไม่รู้จะทำยังไงดีกับทีโอดอร์
"เฮ้อ" ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกัน "แล้วจะเอายังไงต่อ?" ลิซ่าถาม "อ่านจบแล้วก็เอาไปคืนสิ" ทีโอดอร์ตอบอย่างเรียบๆ "หรือเธอจะอ่านต่อล่ะ?" "ไม่อ่ะ ไม่อยากมีส่วนร่วม อีกอย่างฉันไม่ค่อยสนใจพวกตำนานอะไรพวกนี้น่ะ" ลิซ่ารีบปฏิเสธและบอกเหตุผลทันที "แต่จะเอาไปคืนนี่คงไม่ใช่ว่า..." "ใช่ ทางนั้นนั่นแหละ" ทันทีที่ลิซ่าได้ยิน สีหน้าของเธอก็ซีดลงจนขาวโพลน ทีโอดอร์เห็นก็รู้ว่าลิซ่ากลัว เขาเลยพูดขึ้นว่า "ถ้ากลัวฉันไปคนเดียวก็ได้ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนะ" ลิซ่ากำลังจะรับคำ แต่เธอมองไปที่นาฬิกาก็พบว่ามันค่ำแล้ว และห้องสมุดก็ไม่มีใครด้วย ความเงียบวังเวงราวกับป่าช้า ความมืดราวกับราตรีที่ไม่เคยมีแสงส่องถึง กับเหล่าหนังสือท่ามกลางความมืดชวนให้คิดไปไกล บรรยากาศแบบนี้มันไม่ต่างจากป่าช้าเลย ถ้าให้เธออยู่คนเดียวในที่แบบนี้เธอคงสติแตกตายแน่ "ไม่อ่ะ ให้ฉันอยู่นี่ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไปกับนายด้วยแล้วกัน" เธอตอบอย่างไม่ลังเล "แต่ไหนบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยไง" ทีโอดอร์ทวนคำพูดที่ลิซ่าเคยพูดก่อนหน้านี้ "นั่นมันเรื่องก่อนหน้านี้ อีกอย่างฉันแค่ไปกับนาย แต่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการขโมยซักหน่อย" ลิซ่าที่กลัวจนไม่กล้าอยู่คนเดียวหาเหตุผลที่ดูเหมือนจะไม่น่าสมเหตุสมผลมาอ้าง "แต่อย่างนี้มันก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดน่ะสิ" ทีโอดอร์พูดขึ้น "ช่างเถอะน่า มันก็ยังดีกว่าให้ฉันอยู่ตรงนี้แหละ" ลิซ่าตอบกลับอย่างฉุนเฉียว "อย่างน้อยไปที่นั่นก็คงไม่ถูกใครจับไม่หรอก" เธอคิด แต่ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ทีโอดอร์ก็แอบหยิบบันทึกโบราณแล้วย่องออกไปข้างนอกห้องพักก่อนแล้ว "อ๊าาาาาา!!! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ!!!" ว่าแล้วลิซ่าก็รีบวิ่งตามทีโอดอร์ไป
จากห้องพักออกไปก็มีแต่ความมืด เพราะที่หอสมุดนี้นอกจากห้องพนักงานแล้ว พอถึงเวลาปิดห้องสมุดก็จะปิดไฟจนหมด ทีโอดอร์กับลิซ่าออกจากห้องพักแล้วเดินออกไปตามทางที่มืดสนิท ยังดีที่ทีโอดอร์ถือไฟฉายมาด้วย ทำให้มีแสงสว่างส่องให้เห็นทางบ้าง หากแต่โดยรวมแล้วก็ยังมืดดูน่าวังเวง โดยเฉพาะหนังสือที่เรียงตามชั้นต่างๆนั้นชวนให้คิดไปว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าเป็นอย่างนี้ก็เฉพาะกับลิซ่าเท่านั้น
เวลาผ่านไปชั่วต้มน้ำเดือด ทั้งสองก็เดินไปถึงหน้าห้องโถงกว้างที่มีบันไดเชื่อมไปชั้นสอง ทีโอดอร์เดินไปที่ประตูที่อยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวโดยมีลิซ่าตามมาติดๆ "นี่ไม่ต้องชิดมากก็ได้นะลิซ่า" "ช่างฉันเถอะน่า" แล้วทั้งสองคนก็หยุดชะงักที่รูปปั้นข้างหน้าประตู
มันเป็นรูปปั้นของมังกร มีหน้าตาดุร้ายน่ากลัว ตัวของมันมีขนาดใหญ่สูงพอๆกับความสูงของบันไดที่พาดจากชั้นล่างไปชั้นสอง ดวงตาสีแดงฉานราวกับโลหิตส่องประกายยามกระทบกับแสงไฟเพียงน้อยนิดที่ส่องกระทบ จนทำให้รู้สึกว่ามันเป็นปิศาจกระหายเลือดที่จ้องเอาชีวิตคนที่ย่างเข้ามาใกล้ ปีกของมันนั้นใหญ่โตขนาดปิดลำตัวของมันเองได้อย่างแนบสนิท ผิวของมันมีสีดำสนิทราวกับเทพีนิกซ์มาอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ทั้งนี้ มันยังให้ความรู้สึกราวกับว่ามันมีชีวิตและพร้อมที่จะขยับได้ทุกเมื่อ
"สมกับเป็นยามแห่งราตรีของหอสมุดเลยแฮะ" ทีโอดอร์กล่างขึ้นหลังจากที่เห็นรูปปั้นสีดำสนิทที่อยู่เบึ้องหน้า หากจะเข้าประตูที่อยู่เบื้องหน้าก็มีแต่จะต้องผ่านมันไปเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไปแน่ เพราะยังไงมันก็เป็นแค่รูปปั้นนี่นา
ทันทีที่เห็นรูปปั้นมังการทมิฬ เธอจนก้าวขาไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรูปปั้นมังกรมีมนต์สะกดหรือเป็นเพียงเพราะความกลัว แต่มีบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าอย่าเข้าไปในนั้น "ลิซ่า ถ้ามัวแต่ช้าจะทิ้งไว้นะ" ทีโอดอร์ส่งเสียงเรียกจากหน้าประตูที่ต้องผ่านรูปปั้นไป เสียงของเขาทำให้ลิซ่าได้สติ หากแต่เธอต้องตัดสินใจว่า ไม่เข้าไปแต่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมนอนธการ หรือว่าจะยอมเสี่ยงแบบมีเพื่อน แน่นอนว่าเธอเลือกอย่างที่สอง "รอด้วย ทีโอดอร์!!" ว่าแล้วเธอก็รีบวิ่งตามทีโอดอร์ที่กำลังเดินเข้าประตูไป
แต่ลิซ่านั้นสัมผัสได้ว่า พวกเธอนั้นมีใครบางคนกำลังติตตามอยู่ "คิดไปเองน่า" เธอพยายามคิดว่าบรรยากาศนั้นพาไปให้คิดอย่างนั้น ก็เลยไม่สนใจอะไร หากแต่เธอหันกลับมาข้างหลังก็พบว่ามีเงาคนลางๆเดินแวบหายไป "!!!" ลิซ่าตกใจจนไม่สามารถร้องเป็นคำพูดออกมาได้ เธอได้แต่ดึงแขนของทีโอดอร์อย่างแรง ทีโอดอร์จึงสงสัยและหันมาถามว่า "มีอะไรลิซ่า?" แทนที่จะใช้คำพูด เธอกลับชึ้นิ้วที่สั่นเทาด้วยความกลัวไปที่ที่เธอเห็นเงาเมื่อครู่ ทีโอดอร์จึงส่องไฟตาม ก็ไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติอะไร เขาจึงส่องไปรอบๆเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอม จึงพูดว่า "ไม่เห็นมีอะไรเลยลิซ่า ตาฝาดไปเองล่ะมั้ง" แล้วเขาก็เดินต่อไป แน่นอนว่าลิซ่าก็วิ่งตามประชิดยิ่งกว่าเก่าอีก แต่ทีโอดอร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นลิซ่าที่กลัวมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร "ช่างเถอะ อย่างน้อยก็คงสบายใจขึ้นบ้างล่ะ" ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี
แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ลิซ่ากลับมีความรู้สึกว่ามีคนตามอยู่ตลอดเวลา ตลอดระยะทาง เธอพยายามให้ทีโอดอร์ส่องดูตลอดแต่ก็ไม่มีอะไร "ลิซ่า เธอก็แค่คิดไปเองแหละน่า!!!" ทีโอดอร์เริ่มรำคาญกับความพะวงของลิซ่า "แต่ฉันเห็นจริงๆนะ!!!" ทีโอดอร์เห็นท่าทางแล้วก็รู้ดีว่า ลิซ่านั้นไม่มีทางโกหกแน่ แต่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆตามที่เขาเห็น เขาเลยยื่นมือไปหาลิซ่า "เอ้า ถ้ากลัวก็จับไว้สิ" เขาเอ่ยขึ้น ลิซ่าก็รู้สึกเขินๆ แต่ด้วยความกลัวนั้นมีมากจนทำให้ต้องทิ้งความอายไป เธอจับมือเขาทันที แล้วทั้งสองคนก็เดินต่อไปอย่างเงียบงัน
ผ่านไปชั่วน้ำเดือด ทั้งสองคนเดินจับมือไปโดยไม่คุยอะไรกันเลย ในที่สุดก็มาถึงประตูที่มีสภาพเก่าแต่ยังแข็งแรงอยู่บานหนึ่ง
"ถึงแล้ว" ทีโอดอร์พูดขึ้น แล้วเขาก็ผลักประตูเข้าไป
ข้างในบานประตูที่ดูเก่าแก่นั้น กลับเป็นห้องโถงกว้างมีของที่ดูสวยหรูประดับอยู่เต็มไปหมด ทั้งนี้ยังมีไฟสีทอง:Xส่องทั่วทั้งห้อง ใช่แล้ว ที่นี่คือคลังหนังสือของวังนั่นเอง
เมื่อพบแสงสว่าง ลิซ่ารู้สึกสบายใจขึ้นและทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน
"อ๊ะ!" ทั้งสองคนอุทาน ก่อนจะปล่อยมือออกจากกันอย่างรวดเร็ว หากสังเกต ใบหน้าของลิซ่านั้นปรากฏสีแดงขึ้น จากนั้นทั้งสองก็หันหน้าไปกันคนละทาง
"อะ...เอ่อ งั้นฉันเอาของไปเก็บก่อนนะ" ทีโอดอร์พูดขึ้นแล้วเดินจากไป
"ดะ...เดี๋ยว" ลิซ่าพูดขึ้นจนทีโอดอร์หันมาถาม "มีอะไรเหรอ? ลิซ่า" "ปะ...เปล่า" "เหรอ งั้นรออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนะ" แล้วเขาก็เดินหายไปข้างหน้าที่มีแต่ตู้หนังสือเรียงรายเต็มไปหมด
หลังจากที่ทีโอดอร์หายไป ลิซ่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันยังดีกว่าตอนขามา เพราะเธอไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เธอพยายามหาเรื่องคิดให้ตัวเองหายกลัว จู่ๆเธอก็คิดว่า "เมื่อกี้ เราจะพูดอะไรนะ?" คิดแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ "ดะ...เดี๋ยว อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ อยู่กับฉันหน่อยได้ไหม" ทันทีที่นึกออก เธอก็รู้สึกอายจนหน้าแดงขึ้นมา "นี่เราคิดอะไรของเราเนี่ย? อย่างนั้นมันเหมือนกับขอความรักจากเขาเลยนะเนี่ย" แน่นอนว่าหญิงสาววัยนี้ก็คงต้องคิดฟุ้งซ่านกันเป็นธรรมดา งั้นก็ปล่อยให้เธอคิดต่อไปเถอะ
ไม่นานนัก ทีโอดอร์ก็กลับมา เขาเรียกลิซ่าที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ "ลิซ่า" เสียงเรียกทำให้ได้สติ เธอรีบตอบทันทีว่า "คะ" ทีโอดอร์ได้ยินคำอุทานก็รู้สึกแปลกใจว่า "ปกติแล้ว ลิซ่าจะไม่รับคำเราด้วย 'คะ' แต่ไหงยัยนี่มารับคำเราแบบนี้นะ" เขาเห็นอาการของเธอ แล้วเขาก็คิดว่า "แต่เห็นแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ" จากนั้นทั้งสองคนก็ตัดสินใจพากันกลับไปที่ห้องพักของบรรณารักษ์ แน่นอนว่ากลับทางเดิม "นี่ ทีโอดอร์" ลิซ่าเรียก "มีอะไรเหรอ?" "คือฉัน...อยากจะขอจับมือแบบเมื่อกี้ได้รึเปล่า? แบบว่ามันกลัวน่ะ" เธอถามด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเขินอาย ทีโอดอร์เห็นก็ยิ้มแล้วตอบว่า "ได้สิ" แล้วเขาก็ยื่นมือส่งไปให้ ลิซ่าก็ยื่นมือมาจับ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขา อย่างน้อยความอบอุ่นนี้ก็ทำให้เธอหายกลัวไปได้ตราบเท่าที่เธอยังจับอยู่ แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องคลังกลับไปที่ห้องสมุด
ระหว่างทางเดินกลับ ทีโอดอร์สังเกตว่ามีรูปปั้นดินแปลกตั้งอยู่ระหว่างทาง "ทางนี้ ถ้าจำไม่ผิด มันไม่มีของพวกนี้นี่นา แล้วทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้?" เขาเกิดสงสัย เพราะตอนขามามันไม่มีอะไรตั้งอยู่ตรงจุดที่เขาเห็นรูปปั้นดินตั้งอยู่ ทั้งนี้ เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว เขาจึงจับมือของลิซ่าไว้แน่น แล้วบอกเธอว่า "ลิซ่า วิ่งเร็ว!!!" ลิซ่าที่ได้ยินก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามว่า "มีอะ...ว้าย!!!" ดูเหมือนว่าจะไม่ทันได้ถาม เธอก็โดนทีโอดอร์ลากให้วิ่ง ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เธอก็เร่งฝีเท้าตามไปอย่างไม่ขัดขืน
ขณะที่วิ่ง ลิซ่าหันกลับไปดูข้างหลัง และเธอต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
รูปปั้นดินรูปร่างขนาดตัวใหญ่เท่าๆคนกำลังเดินตามมาอย่างช้าๆ!!!
"กรี๊ดดดดด!!!" ลิซ่าร้องขึ้นหลังจากที่หันไปเห็น "ทีโอดอร์ ข้างหลังๆ!!!" เธอบอกทีโอดอร์ขณะที่เธอเองก็เร่งฝีเท้าเต็มที่
ทีโอดอร์แม้จะไม่ได้หันกลับไปแต่ก็รู้ได้จากสัญชาตญาณว่า ลิซ่าต้องเห็นสิ่งที่เขาคิดแน่นอน นั่นเป็นประสบการณ์จากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับตำนานมาอย่างช่ำชองนั่นเอง
ทั้งสองคนต่างเร่งฝีเท้าเต็มที่ อย่างน้อยถ้าออกไปได้ก็คงปลอดภัย ทั้งสองคิดเช่นนั้น จากนั้นก็จับมือกันวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อให้ถึงประตูให้เร็วที่สุด
"ประตูอยู่ข้างหน้าแล้วลิซ่า" ทีโอตอร์บอกลิซ่าด้วยเสียงที่ค่อนข้างหอกเพราะวิ่งมาชั่วเวลาหนึ่ง ลิซ่าเห็นทางออกแล้วก็คิดในใจว่า "รอดแล้ว" ความคิดนั้นทำให้เธอไม่ระวัง จึงสะดุดขาตัวเองล้มลงและไถลไปกับพื้น "ลิซ่า!!!" ทีโอดอร์ที่จับมือกับลิซ่าก็ล้มลงไปกับพื้นตามแรงกระชากของลิซ่า ทั้งสองยันกายขึ้นหลังจากที่ล้มไป ดูเหมือนว่ารูปปั้นดินประหลาดนั้นจะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทีโอดอร์หลับตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็พูดขึ้น "ลิซ่า เธอเชื่อใจฉันมั้ย?"
ลิซ่าที่ได้ยินแม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าความหมายที่เขาพูดมันมีความหมายยังไง แต่ในสถานการณ์นี้ เธอได้แต่พยักหน้าและตอบไปว่า "อื้อ!!!"
"ฟังนะลิซ่า ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องสู้กับมัน" เขาพูดอย่างหนักแน่น แต่ลิซ่าแย้งขึ้นมาทันทีว่า "จะให้สู้ยังไงล่ะ กับตัวประหลา..." แต่เธอก็หยุดไป เพราะนึกถึงคำที่เขาพูดก่อนหน้านี้ได้ เธอยิ้มแล้วตอบว่า "ได้สิ" ที่เธอตอบไปแบบนั้นเพราะเชื่อในอีกฝ่ายว่าต้องมีแผนอะไรที่จะชนะเจ้าตัวประหลาดแน่ๆ
ทีโอดอร์เห็นว่าไม่มีเวลาที่จะอธิบายเกี่ยวกับวิธีจัดการกับตัวประหลาดที่ไล่ตามมา เขาพูดสั้นๆเพียงว่า "ใช้เวทย์มนต์ซะ" แล้วเขาก็โยนยื่นอะไรบางอย่างให้ลิซ่า ก่อนจะผลักเธอออกไปและกลิ้งหลบหมัดที่ตัวประหลาดฟาดมา
ทั้งสองรอดจากการโจมตีไปได้ แต่แรงจากหมัดของมันนั้นส่งผลให้พื้นยุบเป็นรอยมือที่ทุบลง นั่นหมายความว่า ถ้าหากพวกเขาโดนการโจมตีเมื่อครู่อาจถึงแก่ชีวิตได้เลย ทำให้ทั้งสองระวังการโจมตีมากขึ้น
ลิซ่าดูของที่อยู่ในมือของเธอ พบว่ามันเป็นการ์ดอะไรซักอย่างสีฟ้า มีรูปมังกรสีดำติดอยู่บนการ์ด แม้จะไม่ทราบวิธีการใช้มาก่อน แต่เธอกลับมีความรู้สึกว่าสามารถใช้มันได้ เธอหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายของเธอเบาหวิวจนรู้สึกว่าตัวเองลอยได้
ลิซ่าลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเธออยู่ในห้วงอวกาศในสภาพที่เปลือยเปล่า เธอเห็นกาแล็คซี่ต่างๆอยู่เบึ้องล่าง ซึ่งมันให้ความรู้สึกถึงความไร้ขอบเขตในตัวตนของเธอ เธอรู้สึกถึงทุกสิ่งในจักรวาลที่กำลังเคลื่อนไหว รู้แม้กระทั่งการเกิดดับของดวงดาว
พลันบัดนั้น ก็มีมังกรสีดำทมิฬมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
ทันทีที่เธอเห็น เธอก็รู้ว่ามันเป็นมังกรตัวเดียวกันกับในภาพบนการ์ดที่เธอถือเมื่อครู่
มังกรที่มีสีดำสนิทราวรัตติกาลนั้น กลับเอื้อนเอ่ยวาจาขึ้นมาว่า "เธอเป็นคนเรียกฉันมาสินะ สาวน้อย" เสียงของมันช่างดูหนักแน่น และกังวาน ดูน่าเกรงขาม และมันก็ดูมีอำนาจข่มทุกสิ่งที่ได้ยินได้ หากแต่เธอในตอนนี้กลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆต่อรูปลักษณ์หรือแม้แต่เสียงของมัน เธอตอบกลับไปเพียงว่า "ใช่ ฉันเป็นคนเรียกท่านมาเอง" มังกรได้ยินดังนั้น ก็นึกชมอยู่ในใจว่า "สาวน้อยนางนี้ แม้จะเป็นผู้เรียกเรามา แต่กลับให้เกียรติเราดุจดั่งแขกผู้มาเยือน" แล้วมันก็กล่าวว่า "สาวน้อย เจ้าเรียกข้ามามีเหตุอันใดฤๅ?" วาจาที่มันกล่าวนั้น บ่งบอกว่ามันมีอายุมานานมากแล้ว เพราะวาจาที่มันใช้นั้นเป็นวาจาของคนสมัยก่อน ลิซ่าได้ยิน ทั้งๆที่เธอเองก็สงสัย แต่จู่ๆ เธอกลับไร้ความสงสัยอันใด และตอบกลับไปว่า "ฉันต้องการให้ท่านช่วยค่ะ" เธอตอบไปอย่างที่ใจสั่ง มังกรทมิฬได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยถามว่า "เจ้ามีเหตุอันใด จึงต้องการให้ข้าช่วยรึ สาวน้อย?" ลิซ่าจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มังกรทมิฬฟัง มังกรทมิฬจึงพูดขึ้นว่า "ข้าเห็นแล้ว เพราะข้าดูอยู่ตลอด..." มันเว้นระยะนิดหน่อย ชำเลืองสายตามองลิซ่าที่อยู่ต่อหน้ามัน
ลิซ่าที่อยู่ต่อหน้ามังกรทมิฬ เธอดูไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟันเล็กๆที่อยู่ต่อหน้าตึกเลย หากแต่เธอกลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อรูปลักษณ์อันน่ากลัวของมัน ทั้งยังให้เกียรติมันอีกต่างหาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น มังกรทมิฬก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้าให้เกียรติข้า ข้าก็ยินดีทำตามที่เจ้าสั่ง หากเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกข้าได้ ข้ายินดีทำให้ทุกอย่างหากข้าทำได้ สาวน้อย" จากนั้นร่างของมันค่อยๆหายไป จากนั้นก็ปรากฏการ์ดใบที่ลิซ่ารับมาจากทีโอดอร์เมื่อครู่แทน
ลิซ่าเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมา แล้วเอามาแนบอก
ทันทีที่การ์ดนั้นสัมผัสกับร่างของเธอ เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของมังกรทมิฬ "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดกับการ์ด แล้วความรู้สึกของเธอก็เหมือนถูกกระชากให้ลงไปเบื้องล่างอย่างแรง
บัดนี้ ลิซ่ารู้สึกตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกถึงพลังที่เอ่อล้นในตัวของเธอ "มังกรทมิฬ!!!" เธอเอ่ยชื่อเรียกพลังจากภายในตัวของเธอ
บัดดลพลันมีมังกรสีดำทมิฬออกมา ร่างของมันสูงพอๆกับรูปปั้นมังกรที่หอสมุดเลยทีเดียว!!!
ทันทีที่มันออกมา ลิซ่าก็ออกคำสั่งว่า "จัดการเผามันซะ" สิ้นสุดคำสั่ง มังกรก็ทำตามที่เธอบอก
เปลวเพลงสีเขียวที่มังกรพ่นออกมาแผดเผาไปที่รูปปั้นดินประหลาดที่คอยไล่ตามพวกเธอจนมันแตกสลายไปเพราะความร้อน
มังกรหยุดพ่นไฟ ลิซ่าก็จ้องมาที่ทีโอดอร์ "ลิซ่า?" ทีโอดอร์เรียกเธอว่านั่นใช่ลิซ่าหรือเปล่า
แทนคำตอบ ลิซ่าสั่งให้มังกรทมิฬจู่โจมใส่เขาทันที
ทีโอดอร์ตกใจมาก เพราะเขาเห็นฤทธิ์ของมังกรทมิฬแล้ว ซึ่งไม่มีทางที่เขาจะต่อกรได้เลย เขาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมังกรฟาดมาที่เขา "ลาก่อนลิซ่า" เขาคิดแล้วหลับตาลงรอความตาย
หากแต่เวลาผ่านไปนานพอควร ทีโอดอร์ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไร "นี่เราตายแล้วเหรอ?" เขาคิด จากนั้นลืมตาขึ้นช้าๆ
สิ่งที่เขาเห็นคืออุ้งเท้าของมังกรทมิฬที่อยู่ตรงหน้าของเขา แต่มันไม่สามารถเข้ามาหาเขาได้ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้แก่เขาอยู่ แต่แล้วเขาก็ต้องอุทานว่า "นี่มัน...บาเรีย!!!" แล้วเขาก็สงสัยประการต่อมา "แล้วมาจากไหนกัน? หรือว่า!!!" แล้วเขาก็หันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มชุดบรรณารักษ์คนหนื่ง เขาใส่เสื้อคลุมสีเทาทับอีกที ทั้งนี้ เขายังสวมแว่นที่ไม่ใช่แว่นสายตา หากแต่เป็นแว่นที่เอาไว้เพื่อใส่เท่ๆ
"หัวหน้า!!!" ทีโอดอร์อุทาน "ทำไมถึง..." เขาถามชายที่อยู่ตรงหน้า หากแต่ไร้ซึ่งคำตอบที่เป็นคำพูด เขากลับชี้ไปที่ลิซ่า
หากสังเกตดีๆ ดวงตาของลิซ่านั้นกลับเป็นสีเขียวดุจดั่งแววตาของเปลวเพลิงของมังกรทมิฬ
แน่นอนว่ามังกรทมิฬพยายามที่จะทำลายบาเรีย หากแต่ไร้ผล เพราะไม่ว่ามันจะทุบ จะกระแทก หรือแม้แต่พ่นไฟใส่ บาเรียก็ไม่ระคายแม้แต่น้อย
ไวปานสายลม ชายคนนั้นก็วิ่งไปที่มังกรทมิฬ แล้วชกมันทีหนึ่ง
จากแรงชกของเขา ส่งผลให้มังกรทมิฬกระเด็นไปไกลและแน่นิ่งไป และ มันก็หายไปในที่สุด
ลิซ่าที่โดนอะไรบางอย่างควบคุม เมื่อเธอใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกมากเกินไป ทำให้เธอสลบไปในที่สุด "ลิซ่า" ทันทีที่พูดจบ ทีโอดอร์ก็วิ่งเข้าไปรับร่างของลิซ่าไว้ก่อนจะร่วงถึงพื้น "ลิซ่าๆๆ" เขาร้องเรียกลิซ่าพยายามจะปลุกเธอ หากแต่ชายหนุ่มเมื่อครู่ก็มาแตะที่ไหล่ของเขา แล้วส่ายหน้า "ทำยังไงก็ไม่ตื่นหรอก" เขาบอก "ต้องใช้เวลาซักพักเธอถึงจะฟื้น" "เอ๋ อะไรกัน?" "เอาเป็นว่าเรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังแล้วกัน แต่ต้องพาลิซ่ากลับไปพักก่อน" แล้วเขาก็อุ้มลิซ่าที่ทีโอดอร์ประคองอยู่เดินไปที่ห้องพักของเธอ โดยมีทีโอดอร์ตามมาติดๆด้วยความเป็นห่วง
หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการจัดที่นอนให้ลิซ่าพักแล้ว เขาก็ยืนคุยกับทีโอดอร์ "ลิซ่าคงไม่ตื่นซักระยะ อย่างเร็วก็พรุ่งนี้ แต่อย่างช้าก็สิบวันเป็นอย่างต่ำ..." เขาพูดแล้วมองไปที่ลิซ่าที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง จากนั้นก็หันมามองที่ทีโอดอร์ "ทีโอดอร์ นายไปขโมยหนังสือมาอีกแล้วสินะ" "ครับ" ทีโอดอร์ตอบอย่างไม่ลังเล แม้ว่าเขาจะถูกลงโทษร้ายแรงเพียงใดเขาก็ยอมรับได้ ขอเพียงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ชายหนุ่มเห็นท่าทีของเขาแล้วก็พูดว่า "ฉันก็ไม่ได้จะถึอโทษอะไรหรอก แต่ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ ถ้าถูกจับได้เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้หรอกนะ" "แต่หนังสือพวกนั้นผมอยากอ่านนี่" "แล้วทำไมไม่บอกฉัน" "บอกคุณไปก็แค่นั้นแหละ ผมก็ไม่ได้อ่านอยู่ดี" ชายหนุ่มฟังคำตอบแล้วก็นิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"อ้าว เฮลิออส มีอะไรคะถึงเรียกฉันมา?" หญิงสาวในชุดเมดอีกนัยก็คือสาวใช้เดินมาถามชายหนุ่มถึงเหตุที่เรียกตนมา เฮลิออสตอบกลับไปว่า "ลิซ่าไม่ค่อยสบายน่ะ อยากจะให้เธอมาช่วยดูแลซักพักนึงจนกว่าเธอจะหายไข้น่ะ ได้หรือเปล่า?" "แหม...เรียกฉันมาถึงนี่แล้วจะให้ปฏิเสธได้ไงคะ ว่าแต่เป็นอะไรคะเนี่ย ดูท่าอาการหนักเชียว?" หญิงผมยาวสวมชุดเมดถาม ผมของเธอบนหัวที่แหลมยื่นออกมาส่ายไปมาด้วยความสงสัย "เอ่อ...ก็คงไข้ธรรมดานั่นแหละ ยังไงก็ฝากด้วยละกัน"และเขาก็เดินออกไปจากห้อง ทีโอดอร์เองก็เดินตามออกไป
ทันทีที่ออกไปข้างนอก เฮลิออสก็พูดขึ้นว่า "การ์ดที่นายส่งให้ลิซ่าน่ะ มันอันตรายมากนะ" ทีโอดอร์นิ่งเงียบ หากแต่เขาคิดดูแล้วมันก็เป็นจริงตามที่เฮลิออสบอก เขาจึงได้แต่ก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด เฮลิออสเห็นเช่นนั้นก็บอกว่า "มันไม่ใช่ความผิดนายหรอกน่า เป็นฉันก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกันนั่นล่ะ" "ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้?"ทีโอดอร์ถามบ้างพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด เฮลิออสก็เลื่อนแว่นให้เข้าที่แล้วกล่าวว่า "ก็แค่สงสัยว่าตอนค่ำๆมืดๆ ใครจะมาทำอะไรลับๆล่อๆก็เลยตามมาน่ะ" "..." "แล้วลิซ่านี่ก็สุดยอดนะ เธอรู้สึกตัวเร็วมากเลยว่ามีคนตามน่ะ แล้วนายรู้หรือเปล่าว่ามังกรที่ประตูนั่นมีความหมายว่าอะไร" ทีโอดอร์ไม่ทราบจึงส่ายหน้า "นั่นสินะ จริงๆแล้วรูปปั้นมังกรตัวนั้นน่ะ มีต้นแบบมาจากความกลัวของคนๆหนึ่ง ซึ่งมันน่ากลัวมาก เขาก็ลยสร้างมันไว้แทนยามตอนกลางคืน นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครผ่านห้องสมุดนั้นไงล่ะ" พูดถึงตรงนี้ทีโอดอร์ก็ถามว่า "แล้วไอ้ตัวที่ไล่ตามพวกผมล่ะ มันคืออะไร?"
เฮลิออสได้ยินคำถามนี้แล้ว เขาเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงเป็นจริงจัง "สมัยก่อนเคยมีปิศาจอาละวาด มันเป็นปิศาจที่สร้างจากก้อนดิน มีความแข็งแกร่ง ทนทานยิ่งนัก ผู้คนต่างเรียกกันว่า 'โกเล็ม*' มันเข้าทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
แต่แล้วก็มีผู้กล้าผู้หนึ่งออกเดินทางปราบมัน และจัดการต้นกำเนิดของมันได้สำเร็จ
จนเมื่อหลายปีก่อน มันกลับมาอีกครั้ง และก็มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ออกเดินทางปราบมัน และในที่สุด เธอกับเพื่อนๆก็ได้จัดการพวกมันได้สำเร็จ"
ทีโอดอร์ที่ตั้งใจฟังก็พอจับใจความได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า "และในตอนนี้ มันก็กลับมาอีกครั้ง และลิซ่าก็..." ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อ เฮลิออสก็ชิงตัดหน้าก่อน "ถูกที่ว่ามันกลับมาอีกครั้ง แต่ลิซ่าไม่ใช่ผู้ถูกเลือก อีกนัยหนึ่ง เธอถูกเลื่อก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก"
คำพูดของเฮลิออสยิ่งทำให้ทีโอดอร์งงเข้าไปอีก "หมายความว่ายังไง?"
เฮลิออสจึงอธิบายว่า "หมายความว่า ลิซ่าไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือก แต่ก็เป็นผู้ที่ถูกเลือก แต่ถูกเลือกโดยมังกรทมิฬยังไงล่ะ" เขาคิดว่าหากอธิบายอย่างนี้คงจะอธิบายให้เข้าใจได้ดีที่สุด และก็จริงตามนั้น เพราะทีโอดอร์นั้นมีสีหน้าที่บ่งบอกว่า อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัย "แล้วทำไมลิซ่าถึง..." เฮลิออสรู้ว่า ทีโอดอร์ต้องถามถึงเหตุที่ลิซ่าควบคุมตนเองไม่ได้แน่ เขาบอกว่า "ไม่ใช่เพราะถูกมังกรทมิฬบังคับหรอก แต่เป็นเพราะพลังของมังกรทมิฬนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ลิซ่าในตอนนี้จะรับได้ และด้วยการที่ใช้พลังครั้งแรก ทำให้เธอไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ และกลับกลายเป็นว่าเธอถูกพลังนั้นควบคุมเสียเอง" เฮลิออสพูดจบ ทีโอดอร์ก็ก้มหน้า อย่างสำนึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะตนส่งการ์ดนั้นให้กับลิซ่า ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เฮลิออสเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ เขาจับที่ไหล่ของทีโอดอร์เบาๆ แล้วพูดให้ว่า "ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างจะดีเอง"
*โกเล็มในที่นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับโกเล็มในเรื่อง Independence ทั้งสิ้น จริงๆนะ!!! เชื่อสิ!!!
มันเป็นบทความจากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ชายหนุ่มในชุดของบรรณารักษ์กำลังตั้งใจอ่าน หนังสือเล่มนี้รวบรวมเกี่ยวกับตำนานต่างๆของเมืองนี้ และการที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ได้นั้น จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากพระราชาและกองบรรณารักษ์หลวงก่อน เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของเมืองมาแต่โบราณ ทำให้มันมีค่าพอๆกับทรัพย์สมบัติในคลังเสียอีก
แต่การที่ชายหนุ่มยืมมาอ่านได้นั้น แสดงว่าเขาต้องมีความสามารถสูงมากจนได้รับการยอมรับและการไว้วางใจจากพระราชา
"จริงๆแล้วฉันแอบไปขโมยมาอ่านต่างหาก" ชายหนุ่มคิด "แต่ว่าเรื่องบางเรื่องนี่ฉันยังไม่เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มอื่นเลย สมกับเป็นบันทึกที่ล้ำค่าจริงๆ" คิดแล้วชายหนุ่มก็หลับตาลงแล้วถอนหายใจยาว เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะที่อยู่ขางหน้าอย่างทะนุถนอม เพราะถึงแม้จะไปขโมยมาอ่าน แต่เขาก็รู้จักถนอมหนังสือเช่นกัน
ชายหนุ่มใจชุดบรรณารักษ์ฟ้าที่ดูสะอาดตา เขาถอดหมวกที่คล้ายกับหมวกของทหารเรือสีเดียวกับชุดลงข้างๆหนังสือบันทึกโบราณ แล้วเขาก็นั่งกอดอกและถอนหายใจอีกครั้ง "เฮ้อ..." เสียงชายหนุ่มถอนหายใจยาว จากนั้นก็พูดขึ้นลอยๆว่า "ทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้นะ"
ขณะเดียวกันก็มีหญิงสาวในชุดบรรณารักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามา "เบื่ออะไรเหรอ พ่อหนุ่ม?" เธอถามอีกฝ่าย ชายหนุ่มได้ยินก็หันไปมองตามเสียง ซึ่งเจ้าของเสียงตอนนี้กำลังเดินมา และนั่งลงข้างๆเขา เขาเห็นเธอแล้วก็หันกลับมาแล้วทำหน้าเซ็งๆ แล้วพูดว่า "ฉันมีชื่อของฉันเหมือนกันนะ เรียกชื่อฉันสิลิซ่า ชื่อน่ะ ไม่ใช่เรียกพ่อหนุ่ม" เสียงของเขาเหมือนกับไม่สิ ต้องติเตียนอีกฝ่ายแน่นอน เมื่อหญิงสาวได้ยินแทนที่จะสำนึกหรือโกรธเคือง เธอกลับยิ้มและหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า "จ้าๆ พ่อหนุ่ม อ๊ะ! ขอโทษ..." เธอกล่าวขอโทษทันทีที่อีกฝ่ายหันมามองเธออย่างเคือง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยิ้มและพูดว่า "จ้าๆ เข้าใจแล้ว พ่อ..." เธอชำเลืองตาดูก็พบว่าอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับจะฆ่ากัน เธอถอนหายใจแล้วก็บ่นว่า "แหม...แค่หยอกนิดหยอกหน่อยเองนะ ทำไมจ้องกันเหมือนจะฆ่ากันอย่างนี้ล่ะ ทีโอดอร์" หลังจากบ่นเธอก็หันไปมองบนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า เธอทำหน้าตกใจทันทีที่เห็นมัน "ทำไมมันมาอยู่ที่นี่?!" ใบหน้าของลิซ่านั้นดูตกใจราวกับว่าเห็นผีอย่างใดก็อย่างนั้น "นี่นายไปขโมยมาใช่มั้ย?" เธอตะเบ็งเสียงถามทีโอตอร์ ทีโอดอร์ก็ตอบอย่างเรียบๆว่า "อื้อ...ฉันไปหยิบมาเองแหละ" ลิซ่าได้ยินดังนั้นก็ถามอย่างรีบร้อนว่า "แล้วมีใครรู้รึเปล่า?" "ไม่" "หา!!!" "ก็อยู่นี่ไง" ทีโอดอร์ชี้ไปที่หนังสือ อย่างเรียบๆ "ทีโอดอร์ ไม่ต้องเลย นี่นายไปขโมยมาเหรอเนี่ย ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงเบื้องบนล่ะก็เรื่องใหญ่แน่!!!" ลิซ่าพูดเน้นเสียง เพราะตอนนี้เธอคิดแต่เพียงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหากเรื่องที่ทีโอดอร์ไปขโมยบันทึกโบราณมารู้ไปถึงเบื้องบน แต่ทีโอดอร์ที่ทำหน้าเซ็งกับเสียงที่ดังของลิซ่าก็พูดขึ้นว่า "ฉันว่าเบื้องบนจะรู้เพราะเธอตะโกนซะเสียงดังต่างหาก" ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะทำให้ลิซ่ารู้สึกตัวว่าตัวเองนั่นแหละที่จะทำให้คนอื่นเขารู้เรื่องนี้เพราะเสียงของเธอเอง "ขอโทษค่า" เธอพูดขึ้นอย่างสำนึกผิด
ทั้งสองคนยังคงนั่งเงียบต่อไป ทีโอดอร์นั่งเงียบแบบเซ็งๆเพราะไม่มีอะไรทำ ส่วนลิซ่านั่งเงียบเพราะไม่รู้จะทำยังไงดีกับทีโอดอร์
"เฮ้อ" ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกัน "แล้วจะเอายังไงต่อ?" ลิซ่าถาม "อ่านจบแล้วก็เอาไปคืนสิ" ทีโอดอร์ตอบอย่างเรียบๆ "หรือเธอจะอ่านต่อล่ะ?" "ไม่อ่ะ ไม่อยากมีส่วนร่วม อีกอย่างฉันไม่ค่อยสนใจพวกตำนานอะไรพวกนี้น่ะ" ลิซ่ารีบปฏิเสธและบอกเหตุผลทันที "แต่จะเอาไปคืนนี่คงไม่ใช่ว่า..." "ใช่ ทางนั้นนั่นแหละ" ทันทีที่ลิซ่าได้ยิน สีหน้าของเธอก็ซีดลงจนขาวโพลน ทีโอดอร์เห็นก็รู้ว่าลิซ่ากลัว เขาเลยพูดขึ้นว่า "ถ้ากลัวฉันไปคนเดียวก็ได้ แต่เธอต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนะ" ลิซ่ากำลังจะรับคำ แต่เธอมองไปที่นาฬิกาก็พบว่ามันค่ำแล้ว และห้องสมุดก็ไม่มีใครด้วย ความเงียบวังเวงราวกับป่าช้า ความมืดราวกับราตรีที่ไม่เคยมีแสงส่องถึง กับเหล่าหนังสือท่ามกลางความมืดชวนให้คิดไปไกล บรรยากาศแบบนี้มันไม่ต่างจากป่าช้าเลย ถ้าให้เธออยู่คนเดียวในที่แบบนี้เธอคงสติแตกตายแน่ "ไม่อ่ะ ให้ฉันอยู่นี่ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไปกับนายด้วยแล้วกัน" เธอตอบอย่างไม่ลังเล "แต่ไหนบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยไง" ทีโอดอร์ทวนคำพูดที่ลิซ่าเคยพูดก่อนหน้านี้ "นั่นมันเรื่องก่อนหน้านี้ อีกอย่างฉันแค่ไปกับนาย แต่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการขโมยซักหน่อย" ลิซ่าที่กลัวจนไม่กล้าอยู่คนเดียวหาเหตุผลที่ดูเหมือนจะไม่น่าสมเหตุสมผลมาอ้าง "แต่อย่างนี้มันก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดน่ะสิ" ทีโอดอร์พูดขึ้น "ช่างเถอะน่า มันก็ยังดีกว่าให้ฉันอยู่ตรงนี้แหละ" ลิซ่าตอบกลับอย่างฉุนเฉียว "อย่างน้อยไปที่นั่นก็คงไม่ถูกใครจับไม่หรอก" เธอคิด แต่ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ทีโอดอร์ก็แอบหยิบบันทึกโบราณแล้วย่องออกไปข้างนอกห้องพักก่อนแล้ว "อ๊าาาาาา!!! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ!!!" ว่าแล้วลิซ่าก็รีบวิ่งตามทีโอดอร์ไป
จากห้องพักออกไปก็มีแต่ความมืด เพราะที่หอสมุดนี้นอกจากห้องพนักงานแล้ว พอถึงเวลาปิดห้องสมุดก็จะปิดไฟจนหมด ทีโอดอร์กับลิซ่าออกจากห้องพักแล้วเดินออกไปตามทางที่มืดสนิท ยังดีที่ทีโอดอร์ถือไฟฉายมาด้วย ทำให้มีแสงสว่างส่องให้เห็นทางบ้าง หากแต่โดยรวมแล้วก็ยังมืดดูน่าวังเวง โดยเฉพาะหนังสือที่เรียงตามชั้นต่างๆนั้นชวนให้คิดไปว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าเป็นอย่างนี้ก็เฉพาะกับลิซ่าเท่านั้น
เวลาผ่านไปชั่วต้มน้ำเดือด ทั้งสองก็เดินไปถึงหน้าห้องโถงกว้างที่มีบันไดเชื่อมไปชั้นสอง ทีโอดอร์เดินไปที่ประตูที่อยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวโดยมีลิซ่าตามมาติดๆ "นี่ไม่ต้องชิดมากก็ได้นะลิซ่า" "ช่างฉันเถอะน่า" แล้วทั้งสองคนก็หยุดชะงักที่รูปปั้นข้างหน้าประตู
มันเป็นรูปปั้นของมังกร มีหน้าตาดุร้ายน่ากลัว ตัวของมันมีขนาดใหญ่สูงพอๆกับความสูงของบันไดที่พาดจากชั้นล่างไปชั้นสอง ดวงตาสีแดงฉานราวกับโลหิตส่องประกายยามกระทบกับแสงไฟเพียงน้อยนิดที่ส่องกระทบ จนทำให้รู้สึกว่ามันเป็นปิศาจกระหายเลือดที่จ้องเอาชีวิตคนที่ย่างเข้ามาใกล้ ปีกของมันนั้นใหญ่โตขนาดปิดลำตัวของมันเองได้อย่างแนบสนิท ผิวของมันมีสีดำสนิทราวกับเทพีนิกซ์มาอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ทั้งนี้ มันยังให้ความรู้สึกราวกับว่ามันมีชีวิตและพร้อมที่จะขยับได้ทุกเมื่อ
"สมกับเป็นยามแห่งราตรีของหอสมุดเลยแฮะ" ทีโอดอร์กล่างขึ้นหลังจากที่เห็นรูปปั้นสีดำสนิทที่อยู่เบึ้องหน้า หากจะเข้าประตูที่อยู่เบื้องหน้าก็มีแต่จะต้องผ่านมันไปเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไปแน่ เพราะยังไงมันก็เป็นแค่รูปปั้นนี่นา
ทันทีที่เห็นรูปปั้นมังการทมิฬ เธอจนก้าวขาไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรูปปั้นมังกรมีมนต์สะกดหรือเป็นเพียงเพราะความกลัว แต่มีบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าอย่าเข้าไปในนั้น "ลิซ่า ถ้ามัวแต่ช้าจะทิ้งไว้นะ" ทีโอดอร์ส่งเสียงเรียกจากหน้าประตูที่ต้องผ่านรูปปั้นไป เสียงของเขาทำให้ลิซ่าได้สติ หากแต่เธอต้องตัดสินใจว่า ไม่เข้าไปแต่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมนอนธการ หรือว่าจะยอมเสี่ยงแบบมีเพื่อน แน่นอนว่าเธอเลือกอย่างที่สอง "รอด้วย ทีโอดอร์!!" ว่าแล้วเธอก็รีบวิ่งตามทีโอดอร์ที่กำลังเดินเข้าประตูไป
แต่ลิซ่านั้นสัมผัสได้ว่า พวกเธอนั้นมีใครบางคนกำลังติตตามอยู่ "คิดไปเองน่า" เธอพยายามคิดว่าบรรยากาศนั้นพาไปให้คิดอย่างนั้น ก็เลยไม่สนใจอะไร หากแต่เธอหันกลับมาข้างหลังก็พบว่ามีเงาคนลางๆเดินแวบหายไป "!!!" ลิซ่าตกใจจนไม่สามารถร้องเป็นคำพูดออกมาได้ เธอได้แต่ดึงแขนของทีโอดอร์อย่างแรง ทีโอดอร์จึงสงสัยและหันมาถามว่า "มีอะไรลิซ่า?" แทนที่จะใช้คำพูด เธอกลับชึ้นิ้วที่สั่นเทาด้วยความกลัวไปที่ที่เธอเห็นเงาเมื่อครู่ ทีโอดอร์จึงส่องไฟตาม ก็ไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติอะไร เขาจึงส่องไปรอบๆเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอม จึงพูดว่า "ไม่เห็นมีอะไรเลยลิซ่า ตาฝาดไปเองล่ะมั้ง" แล้วเขาก็เดินต่อไป แน่นอนว่าลิซ่าก็วิ่งตามประชิดยิ่งกว่าเก่าอีก แต่ทีโอดอร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นลิซ่าที่กลัวมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร "ช่างเถอะ อย่างน้อยก็คงสบายใจขึ้นบ้างล่ะ" ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ดี
แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ลิซ่ากลับมีความรู้สึกว่ามีคนตามอยู่ตลอดเวลา ตลอดระยะทาง เธอพยายามให้ทีโอดอร์ส่องดูตลอดแต่ก็ไม่มีอะไร "ลิซ่า เธอก็แค่คิดไปเองแหละน่า!!!" ทีโอดอร์เริ่มรำคาญกับความพะวงของลิซ่า "แต่ฉันเห็นจริงๆนะ!!!" ทีโอดอร์เห็นท่าทางแล้วก็รู้ดีว่า ลิซ่านั้นไม่มีทางโกหกแน่ แต่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆตามที่เขาเห็น เขาเลยยื่นมือไปหาลิซ่า "เอ้า ถ้ากลัวก็จับไว้สิ" เขาเอ่ยขึ้น ลิซ่าก็รู้สึกเขินๆ แต่ด้วยความกลัวนั้นมีมากจนทำให้ต้องทิ้งความอายไป เธอจับมือเขาทันที แล้วทั้งสองคนก็เดินต่อไปอย่างเงียบงัน
ผ่านไปชั่วน้ำเดือด ทั้งสองคนเดินจับมือไปโดยไม่คุยอะไรกันเลย ในที่สุดก็มาถึงประตูที่มีสภาพเก่าแต่ยังแข็งแรงอยู่บานหนึ่ง
"ถึงแล้ว" ทีโอดอร์พูดขึ้น แล้วเขาก็ผลักประตูเข้าไป
ข้างในบานประตูที่ดูเก่าแก่นั้น กลับเป็นห้องโถงกว้างมีของที่ดูสวยหรูประดับอยู่เต็มไปหมด ทั้งนี้ยังมีไฟสีทอง:Xส่องทั่วทั้งห้อง ใช่แล้ว ที่นี่คือคลังหนังสือของวังนั่นเอง
เมื่อพบแสงสว่าง ลิซ่ารู้สึกสบายใจขึ้นและทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน
"อ๊ะ!" ทั้งสองคนอุทาน ก่อนจะปล่อยมือออกจากกันอย่างรวดเร็ว หากสังเกต ใบหน้าของลิซ่านั้นปรากฏสีแดงขึ้น จากนั้นทั้งสองก็หันหน้าไปกันคนละทาง
"อะ...เอ่อ งั้นฉันเอาของไปเก็บก่อนนะ" ทีโอดอร์พูดขึ้นแล้วเดินจากไป
"ดะ...เดี๋ยว" ลิซ่าพูดขึ้นจนทีโอดอร์หันมาถาม "มีอะไรเหรอ? ลิซ่า" "ปะ...เปล่า" "เหรอ งั้นรออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนะ" แล้วเขาก็เดินหายไปข้างหน้าที่มีแต่ตู้หนังสือเรียงรายเต็มไปหมด
หลังจากที่ทีโอดอร์หายไป ลิซ่าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันยังดีกว่าตอนขามา เพราะเธอไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เธอพยายามหาเรื่องคิดให้ตัวเองหายกลัว จู่ๆเธอก็คิดว่า "เมื่อกี้ เราจะพูดอะไรนะ?" คิดแล้วเธอก็นึกขึ้นได้ "ดะ...เดี๋ยว อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ อยู่กับฉันหน่อยได้ไหม" ทันทีที่นึกออก เธอก็รู้สึกอายจนหน้าแดงขึ้นมา "นี่เราคิดอะไรของเราเนี่ย? อย่างนั้นมันเหมือนกับขอความรักจากเขาเลยนะเนี่ย" แน่นอนว่าหญิงสาววัยนี้ก็คงต้องคิดฟุ้งซ่านกันเป็นธรรมดา งั้นก็ปล่อยให้เธอคิดต่อไปเถอะ
ไม่นานนัก ทีโอดอร์ก็กลับมา เขาเรียกลิซ่าที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ "ลิซ่า" เสียงเรียกทำให้ได้สติ เธอรีบตอบทันทีว่า "คะ" ทีโอดอร์ได้ยินคำอุทานก็รู้สึกแปลกใจว่า "ปกติแล้ว ลิซ่าจะไม่รับคำเราด้วย 'คะ' แต่ไหงยัยนี่มารับคำเราแบบนี้นะ" เขาเห็นอาการของเธอ แล้วเขาก็คิดว่า "แต่เห็นแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบแฮะ" จากนั้นทั้งสองคนก็ตัดสินใจพากันกลับไปที่ห้องพักของบรรณารักษ์ แน่นอนว่ากลับทางเดิม "นี่ ทีโอดอร์" ลิซ่าเรียก "มีอะไรเหรอ?" "คือฉัน...อยากจะขอจับมือแบบเมื่อกี้ได้รึเปล่า? แบบว่ามันกลัวน่ะ" เธอถามด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเขินอาย ทีโอดอร์เห็นก็ยิ้มแล้วตอบว่า "ได้สิ" แล้วเขาก็ยื่นมือส่งไปให้ ลิซ่าก็ยื่นมือมาจับ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขา อย่างน้อยความอบอุ่นนี้ก็ทำให้เธอหายกลัวไปได้ตราบเท่าที่เธอยังจับอยู่ แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องคลังกลับไปที่ห้องสมุด
ระหว่างทางเดินกลับ ทีโอดอร์สังเกตว่ามีรูปปั้นดินแปลกตั้งอยู่ระหว่างทาง "ทางนี้ ถ้าจำไม่ผิด มันไม่มีของพวกนี้นี่นา แล้วทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้?" เขาเกิดสงสัย เพราะตอนขามามันไม่มีอะไรตั้งอยู่ตรงจุดที่เขาเห็นรูปปั้นดินตั้งอยู่ ทั้งนี้ เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว เขาจึงจับมือของลิซ่าไว้แน่น แล้วบอกเธอว่า "ลิซ่า วิ่งเร็ว!!!" ลิซ่าที่ได้ยินก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามว่า "มีอะ...ว้าย!!!" ดูเหมือนว่าจะไม่ทันได้ถาม เธอก็โดนทีโอดอร์ลากให้วิ่ง ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เธอก็เร่งฝีเท้าตามไปอย่างไม่ขัดขืน
ขณะที่วิ่ง ลิซ่าหันกลับไปดูข้างหลัง และเธอต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
รูปปั้นดินรูปร่างขนาดตัวใหญ่เท่าๆคนกำลังเดินตามมาอย่างช้าๆ!!!
"กรี๊ดดดดด!!!" ลิซ่าร้องขึ้นหลังจากที่หันไปเห็น "ทีโอดอร์ ข้างหลังๆ!!!" เธอบอกทีโอดอร์ขณะที่เธอเองก็เร่งฝีเท้าเต็มที่
ทีโอดอร์แม้จะไม่ได้หันกลับไปแต่ก็รู้ได้จากสัญชาตญาณว่า ลิซ่าต้องเห็นสิ่งที่เขาคิดแน่นอน นั่นเป็นประสบการณ์จากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับตำนานมาอย่างช่ำชองนั่นเอง
ทั้งสองคนต่างเร่งฝีเท้าเต็มที่ อย่างน้อยถ้าออกไปได้ก็คงปลอดภัย ทั้งสองคิดเช่นนั้น จากนั้นก็จับมือกันวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อให้ถึงประตูให้เร็วที่สุด
"ประตูอยู่ข้างหน้าแล้วลิซ่า" ทีโอตอร์บอกลิซ่าด้วยเสียงที่ค่อนข้างหอกเพราะวิ่งมาชั่วเวลาหนึ่ง ลิซ่าเห็นทางออกแล้วก็คิดในใจว่า "รอดแล้ว" ความคิดนั้นทำให้เธอไม่ระวัง จึงสะดุดขาตัวเองล้มลงและไถลไปกับพื้น "ลิซ่า!!!" ทีโอดอร์ที่จับมือกับลิซ่าก็ล้มลงไปกับพื้นตามแรงกระชากของลิซ่า ทั้งสองยันกายขึ้นหลังจากที่ล้มไป ดูเหมือนว่ารูปปั้นดินประหลาดนั้นจะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทีโอดอร์หลับตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็พูดขึ้น "ลิซ่า เธอเชื่อใจฉันมั้ย?"
ลิซ่าที่ได้ยินแม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่าความหมายที่เขาพูดมันมีความหมายยังไง แต่ในสถานการณ์นี้ เธอได้แต่พยักหน้าและตอบไปว่า "อื้อ!!!"
"ฟังนะลิซ่า ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องสู้กับมัน" เขาพูดอย่างหนักแน่น แต่ลิซ่าแย้งขึ้นมาทันทีว่า "จะให้สู้ยังไงล่ะ กับตัวประหลา..." แต่เธอก็หยุดไป เพราะนึกถึงคำที่เขาพูดก่อนหน้านี้ได้ เธอยิ้มแล้วตอบว่า "ได้สิ" ที่เธอตอบไปแบบนั้นเพราะเชื่อในอีกฝ่ายว่าต้องมีแผนอะไรที่จะชนะเจ้าตัวประหลาดแน่ๆ
ทีโอดอร์เห็นว่าไม่มีเวลาที่จะอธิบายเกี่ยวกับวิธีจัดการกับตัวประหลาดที่ไล่ตามมา เขาพูดสั้นๆเพียงว่า "ใช้เวทย์มนต์ซะ" แล้วเขาก็โยนยื่นอะไรบางอย่างให้ลิซ่า ก่อนจะผลักเธอออกไปและกลิ้งหลบหมัดที่ตัวประหลาดฟาดมา
ทั้งสองรอดจากการโจมตีไปได้ แต่แรงจากหมัดของมันนั้นส่งผลให้พื้นยุบเป็นรอยมือที่ทุบลง นั่นหมายความว่า ถ้าหากพวกเขาโดนการโจมตีเมื่อครู่อาจถึงแก่ชีวิตได้เลย ทำให้ทั้งสองระวังการโจมตีมากขึ้น
ลิซ่าดูของที่อยู่ในมือของเธอ พบว่ามันเป็นการ์ดอะไรซักอย่างสีฟ้า มีรูปมังกรสีดำติดอยู่บนการ์ด แม้จะไม่ทราบวิธีการใช้มาก่อน แต่เธอกลับมีความรู้สึกว่าสามารถใช้มันได้ เธอหลับตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายของเธอเบาหวิวจนรู้สึกว่าตัวเองลอยได้
ลิซ่าลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเธออยู่ในห้วงอวกาศในสภาพที่เปลือยเปล่า เธอเห็นกาแล็คซี่ต่างๆอยู่เบึ้องล่าง ซึ่งมันให้ความรู้สึกถึงความไร้ขอบเขตในตัวตนของเธอ เธอรู้สึกถึงทุกสิ่งในจักรวาลที่กำลังเคลื่อนไหว รู้แม้กระทั่งการเกิดดับของดวงดาว
พลันบัดนั้น ก็มีมังกรสีดำทมิฬมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
ทันทีที่เธอเห็น เธอก็รู้ว่ามันเป็นมังกรตัวเดียวกันกับในภาพบนการ์ดที่เธอถือเมื่อครู่
มังกรที่มีสีดำสนิทราวรัตติกาลนั้น กลับเอื้อนเอ่ยวาจาขึ้นมาว่า "เธอเป็นคนเรียกฉันมาสินะ สาวน้อย" เสียงของมันช่างดูหนักแน่น และกังวาน ดูน่าเกรงขาม และมันก็ดูมีอำนาจข่มทุกสิ่งที่ได้ยินได้ หากแต่เธอในตอนนี้กลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆต่อรูปลักษณ์หรือแม้แต่เสียงของมัน เธอตอบกลับไปเพียงว่า "ใช่ ฉันเป็นคนเรียกท่านมาเอง" มังกรได้ยินดังนั้น ก็นึกชมอยู่ในใจว่า "สาวน้อยนางนี้ แม้จะเป็นผู้เรียกเรามา แต่กลับให้เกียรติเราดุจดั่งแขกผู้มาเยือน" แล้วมันก็กล่าวว่า "สาวน้อย เจ้าเรียกข้ามามีเหตุอันใดฤๅ?" วาจาที่มันกล่าวนั้น บ่งบอกว่ามันมีอายุมานานมากแล้ว เพราะวาจาที่มันใช้นั้นเป็นวาจาของคนสมัยก่อน ลิซ่าได้ยิน ทั้งๆที่เธอเองก็สงสัย แต่จู่ๆ เธอกลับไร้ความสงสัยอันใด และตอบกลับไปว่า "ฉันต้องการให้ท่านช่วยค่ะ" เธอตอบไปอย่างที่ใจสั่ง มังกรทมิฬได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยถามว่า "เจ้ามีเหตุอันใด จึงต้องการให้ข้าช่วยรึ สาวน้อย?" ลิซ่าจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มังกรทมิฬฟัง มังกรทมิฬจึงพูดขึ้นว่า "ข้าเห็นแล้ว เพราะข้าดูอยู่ตลอด..." มันเว้นระยะนิดหน่อย ชำเลืองสายตามองลิซ่าที่อยู่ต่อหน้ามัน
ลิซ่าที่อยู่ต่อหน้ามังกรทมิฬ เธอดูไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟันเล็กๆที่อยู่ต่อหน้าตึกเลย หากแต่เธอกลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อรูปลักษณ์อันน่ากลัวของมัน ทั้งยังให้เกียรติมันอีกต่างหาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น มังกรทมิฬก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้าให้เกียรติข้า ข้าก็ยินดีทำตามที่เจ้าสั่ง หากเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกข้าได้ ข้ายินดีทำให้ทุกอย่างหากข้าทำได้ สาวน้อย" จากนั้นร่างของมันค่อยๆหายไป จากนั้นก็ปรากฏการ์ดใบที่ลิซ่ารับมาจากทีโอดอร์เมื่อครู่แทน
ลิซ่าเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมา แล้วเอามาแนบอก
ทันทีที่การ์ดนั้นสัมผัสกับร่างของเธอ เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของมังกรทมิฬ "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดกับการ์ด แล้วความรู้สึกของเธอก็เหมือนถูกกระชากให้ลงไปเบื้องล่างอย่างแรง
บัดนี้ ลิซ่ารู้สึกตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกถึงพลังที่เอ่อล้นในตัวของเธอ "มังกรทมิฬ!!!" เธอเอ่ยชื่อเรียกพลังจากภายในตัวของเธอ
บัดดลพลันมีมังกรสีดำทมิฬออกมา ร่างของมันสูงพอๆกับรูปปั้นมังกรที่หอสมุดเลยทีเดียว!!!
ทันทีที่มันออกมา ลิซ่าก็ออกคำสั่งว่า "จัดการเผามันซะ" สิ้นสุดคำสั่ง มังกรก็ทำตามที่เธอบอก
เปลวเพลงสีเขียวที่มังกรพ่นออกมาแผดเผาไปที่รูปปั้นดินประหลาดที่คอยไล่ตามพวกเธอจนมันแตกสลายไปเพราะความร้อน
มังกรหยุดพ่นไฟ ลิซ่าก็จ้องมาที่ทีโอดอร์ "ลิซ่า?" ทีโอดอร์เรียกเธอว่านั่นใช่ลิซ่าหรือเปล่า
แทนคำตอบ ลิซ่าสั่งให้มังกรทมิฬจู่โจมใส่เขาทันที
ทีโอดอร์ตกใจมาก เพราะเขาเห็นฤทธิ์ของมังกรทมิฬแล้ว ซึ่งไม่มีทางที่เขาจะต่อกรได้เลย เขาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมังกรฟาดมาที่เขา "ลาก่อนลิซ่า" เขาคิดแล้วหลับตาลงรอความตาย
หากแต่เวลาผ่านไปนานพอควร ทีโอดอร์ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไร "นี่เราตายแล้วเหรอ?" เขาคิด จากนั้นลืมตาขึ้นช้าๆ
สิ่งที่เขาเห็นคืออุ้งเท้าของมังกรทมิฬที่อยู่ตรงหน้าของเขา แต่มันไม่สามารถเข้ามาหาเขาได้ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้แก่เขาอยู่ แต่แล้วเขาก็ต้องอุทานว่า "นี่มัน...บาเรีย!!!" แล้วเขาก็สงสัยประการต่อมา "แล้วมาจากไหนกัน? หรือว่า!!!" แล้วเขาก็หันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มชุดบรรณารักษ์คนหนื่ง เขาใส่เสื้อคลุมสีเทาทับอีกที ทั้งนี้ เขายังสวมแว่นที่ไม่ใช่แว่นสายตา หากแต่เป็นแว่นที่เอาไว้เพื่อใส่เท่ๆ
"หัวหน้า!!!" ทีโอดอร์อุทาน "ทำไมถึง..." เขาถามชายที่อยู่ตรงหน้า หากแต่ไร้ซึ่งคำตอบที่เป็นคำพูด เขากลับชี้ไปที่ลิซ่า
หากสังเกตดีๆ ดวงตาของลิซ่านั้นกลับเป็นสีเขียวดุจดั่งแววตาของเปลวเพลิงของมังกรทมิฬ
แน่นอนว่ามังกรทมิฬพยายามที่จะทำลายบาเรีย หากแต่ไร้ผล เพราะไม่ว่ามันจะทุบ จะกระแทก หรือแม้แต่พ่นไฟใส่ บาเรียก็ไม่ระคายแม้แต่น้อย
ไวปานสายลม ชายคนนั้นก็วิ่งไปที่มังกรทมิฬ แล้วชกมันทีหนึ่ง
จากแรงชกของเขา ส่งผลให้มังกรทมิฬกระเด็นไปไกลและแน่นิ่งไป และ มันก็หายไปในที่สุด
ลิซ่าที่โดนอะไรบางอย่างควบคุม เมื่อเธอใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกมากเกินไป ทำให้เธอสลบไปในที่สุด "ลิซ่า" ทันทีที่พูดจบ ทีโอดอร์ก็วิ่งเข้าไปรับร่างของลิซ่าไว้ก่อนจะร่วงถึงพื้น "ลิซ่าๆๆ" เขาร้องเรียกลิซ่าพยายามจะปลุกเธอ หากแต่ชายหนุ่มเมื่อครู่ก็มาแตะที่ไหล่ของเขา แล้วส่ายหน้า "ทำยังไงก็ไม่ตื่นหรอก" เขาบอก "ต้องใช้เวลาซักพักเธอถึงจะฟื้น" "เอ๋ อะไรกัน?" "เอาเป็นว่าเรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังแล้วกัน แต่ต้องพาลิซ่ากลับไปพักก่อน" แล้วเขาก็อุ้มลิซ่าที่ทีโอดอร์ประคองอยู่เดินไปที่ห้องพักของเธอ โดยมีทีโอดอร์ตามมาติดๆด้วยความเป็นห่วง
หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการจัดที่นอนให้ลิซ่าพักแล้ว เขาก็ยืนคุยกับทีโอดอร์ "ลิซ่าคงไม่ตื่นซักระยะ อย่างเร็วก็พรุ่งนี้ แต่อย่างช้าก็สิบวันเป็นอย่างต่ำ..." เขาพูดแล้วมองไปที่ลิซ่าที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง จากนั้นก็หันมามองที่ทีโอดอร์ "ทีโอดอร์ นายไปขโมยหนังสือมาอีกแล้วสินะ" "ครับ" ทีโอดอร์ตอบอย่างไม่ลังเล แม้ว่าเขาจะถูกลงโทษร้ายแรงเพียงใดเขาก็ยอมรับได้ ขอเพียงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น ชายหนุ่มเห็นท่าทีของเขาแล้วก็พูดว่า "ฉันก็ไม่ได้จะถึอโทษอะไรหรอก แต่ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ ถ้าถูกจับได้เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้หรอกนะ" "แต่หนังสือพวกนั้นผมอยากอ่านนี่" "แล้วทำไมไม่บอกฉัน" "บอกคุณไปก็แค่นั้นแหละ ผมก็ไม่ได้อ่านอยู่ดี" ชายหนุ่มฟังคำตอบแล้วก็นิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"อ้าว เฮลิออส มีอะไรคะถึงเรียกฉันมา?" หญิงสาวในชุดเมดอีกนัยก็คือสาวใช้เดินมาถามชายหนุ่มถึงเหตุที่เรียกตนมา เฮลิออสตอบกลับไปว่า "ลิซ่าไม่ค่อยสบายน่ะ อยากจะให้เธอมาช่วยดูแลซักพักนึงจนกว่าเธอจะหายไข้น่ะ ได้หรือเปล่า?" "แหม...เรียกฉันมาถึงนี่แล้วจะให้ปฏิเสธได้ไงคะ ว่าแต่เป็นอะไรคะเนี่ย ดูท่าอาการหนักเชียว?" หญิงผมยาวสวมชุดเมดถาม ผมของเธอบนหัวที่แหลมยื่นออกมาส่ายไปมาด้วยความสงสัย "เอ่อ...ก็คงไข้ธรรมดานั่นแหละ ยังไงก็ฝากด้วยละกัน"และเขาก็เดินออกไปจากห้อง ทีโอดอร์เองก็เดินตามออกไป
ทันทีที่ออกไปข้างนอก เฮลิออสก็พูดขึ้นว่า "การ์ดที่นายส่งให้ลิซ่าน่ะ มันอันตรายมากนะ" ทีโอดอร์นิ่งเงียบ หากแต่เขาคิดดูแล้วมันก็เป็นจริงตามที่เฮลิออสบอก เขาจึงได้แต่ก้มมองพื้นอย่างสำนึกผิด เฮลิออสเห็นเช่นนั้นก็บอกว่า "มันไม่ใช่ความผิดนายหรอกน่า เป็นฉันก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกันนั่นล่ะ" "ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่นั่นได้?"ทีโอดอร์ถามบ้างพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด เฮลิออสก็เลื่อนแว่นให้เข้าที่แล้วกล่าวว่า "ก็แค่สงสัยว่าตอนค่ำๆมืดๆ ใครจะมาทำอะไรลับๆล่อๆก็เลยตามมาน่ะ" "..." "แล้วลิซ่านี่ก็สุดยอดนะ เธอรู้สึกตัวเร็วมากเลยว่ามีคนตามน่ะ แล้วนายรู้หรือเปล่าว่ามังกรที่ประตูนั่นมีความหมายว่าอะไร" ทีโอดอร์ไม่ทราบจึงส่ายหน้า "นั่นสินะ จริงๆแล้วรูปปั้นมังกรตัวนั้นน่ะ มีต้นแบบมาจากความกลัวของคนๆหนึ่ง ซึ่งมันน่ากลัวมาก เขาก็ลยสร้างมันไว้แทนยามตอนกลางคืน นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครผ่านห้องสมุดนั้นไงล่ะ" พูดถึงตรงนี้ทีโอดอร์ก็ถามว่า "แล้วไอ้ตัวที่ไล่ตามพวกผมล่ะ มันคืออะไร?"
เฮลิออสได้ยินคำถามนี้แล้ว เขาเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงเป็นจริงจัง "สมัยก่อนเคยมีปิศาจอาละวาด มันเป็นปิศาจที่สร้างจากก้อนดิน มีความแข็งแกร่ง ทนทานยิ่งนัก ผู้คนต่างเรียกกันว่า 'โกเล็ม*' มันเข้าทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
แต่แล้วก็มีผู้กล้าผู้หนึ่งออกเดินทางปราบมัน และจัดการต้นกำเนิดของมันได้สำเร็จ
จนเมื่อหลายปีก่อน มันกลับมาอีกครั้ง และก็มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ออกเดินทางปราบมัน และในที่สุด เธอกับเพื่อนๆก็ได้จัดการพวกมันได้สำเร็จ"
ทีโอดอร์ที่ตั้งใจฟังก็พอจับใจความได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า "และในตอนนี้ มันก็กลับมาอีกครั้ง และลิซ่าก็..." ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อ เฮลิออสก็ชิงตัดหน้าก่อน "ถูกที่ว่ามันกลับมาอีกครั้ง แต่ลิซ่าไม่ใช่ผู้ถูกเลือก อีกนัยหนึ่ง เธอถูกเลื่อก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก"
คำพูดของเฮลิออสยิ่งทำให้ทีโอดอร์งงเข้าไปอีก "หมายความว่ายังไง?"
เฮลิออสจึงอธิบายว่า "หมายความว่า ลิซ่าไม่ใช่ผู้กล้าที่ถูกเลือก แต่ก็เป็นผู้ที่ถูกเลือก แต่ถูกเลือกโดยมังกรทมิฬยังไงล่ะ" เขาคิดว่าหากอธิบายอย่างนี้คงจะอธิบายให้เข้าใจได้ดีที่สุด และก็จริงตามนั้น เพราะทีโอดอร์นั้นมีสีหน้าที่บ่งบอกว่า อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัย "แล้วทำไมลิซ่าถึง..." เฮลิออสรู้ว่า ทีโอดอร์ต้องถามถึงเหตุที่ลิซ่าควบคุมตนเองไม่ได้แน่ เขาบอกว่า "ไม่ใช่เพราะถูกมังกรทมิฬบังคับหรอก แต่เป็นเพราะพลังของมังกรทมิฬนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ลิซ่าในตอนนี้จะรับได้ และด้วยการที่ใช้พลังครั้งแรก ทำให้เธอไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ และกลับกลายเป็นว่าเธอถูกพลังนั้นควบคุมเสียเอง" เฮลิออสพูดจบ ทีโอดอร์ก็ก้มหน้า อย่างสำนึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะตนส่งการ์ดนั้นให้กับลิซ่า ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เฮลิออสเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ เขาจับที่ไหล่ของทีโอดอร์เบาๆ แล้วพูดให้ว่า "ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างจะดีเอง"
*โกเล็มในที่นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับโกเล็มในเรื่อง Independence ทั้งสิ้น จริงๆนะ!!! เชื่อสิ!!!
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-1-8 15:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-1-8 15:21
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-1-9 04:32
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-1-9 06:10
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-1-17 15:43
Wing of Destiny ตอนที่ 2 หญิงสาวผู้ถูกเลือก
[IMG]