เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงอย่างใด จริงๆนะ เชื่อสิ!!!
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ทั้งๆที่วันๆเงินก็ไม่มีจะใช้อยู่แล้ว แต่กองหนังสือการ์ตูนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไปซื้อมาจากไหนนักหนากลับตั้งเกลื่อนกลาดเต็มห้องไปหมด ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย
ย้อนไปในอดีต ด้วยความที่ผมอยากเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม ผมจึงอยากเป็นตำรวจ แต่พอโตขึ้นผมก็เริ่มที่จะอ่านการ์ตูน ไม่ทันรู้สึกตัวผมก็ติดการอ่านการ์ตูนเสียแล้ว
จะด้วยเหตุใดไม่ทราบ แต่จู่ๆ ผมก็มีความคิดอยากจะเป็นฮีโร่ขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่า เออ เป็นฮีโร่มันเท่ดี
แต่นั่นแหละที่มันทำให้ผมมานั่งอยู่อย่างนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่า
เมื่อก่อน ผมก็ได้ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนผมเอง เธออายุมากกว่าผมประมาณเกือบปี แต่เราอยู่เรียนห้องเดียวกัน
ทีแรกที่เข้าโรงเรียนนั้น ผมก็ได้เธอคนนั้นนั่นแหละเป็นคนที่แนะนำหนังสือว่าใช้ยังไง ใช้เล่มไหน
จนเวลาผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกนี้มันก็ขึ้นมาตอนไหนไม่รู้สิ
แต่ผมมันขี้ขลาด ไม่ได้บอกความรู้สึกเธอไป
ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่าผมชอบเธอ และดูเหมือนว่าเธอก็จะรู้ด้วย แต่ผมก็ไม่กล้า ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกเธอไป
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดพวกเราก็เรียนกันจบ
แต่ความรู้สึกนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกเธอไป เอาล่ะ เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะบอกเธอวันนี้นี่ล่ะ
เมื่อตัดสินใจได้อย่างนั้น ผมจึงนัดเธอไปยังที่เงียบๆ เพื่อให้คุยกันได้สะดวก
แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมกลับไม่กล้าอีกตามเคย แต่ผมคิดว่า ครั้งนี้ถ้าพลาด ก็จะไม่มีครั้งต่อไปอีก เลยตัดสินใจว่า เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
ในที่สุด ผมก็บอกความรู้สึกของผมให้เธอรับฟัง และบอกเธอว่าผมชอบเธอมาตั้งนานแล้ว
เธอเงียบไปซักพัก และออกอาการเขิน แต่เธอก็บอกผมว่า ขอโทษนะ แต่ว่าเรามีคนที่ชอบแล้ว
ผมได้ยินก็ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกเธอว่า ไม่เป็นไร เพราะฉันแค่บอกความรู้สึกนี้ให้เธอเท่านั้น ส่วนเธอจะไปชอบใครนั้น ฉันไม่สน ฉันสนแค่ว่า ฉันชอบเธอ
ปากของผมพูดออกไปอย่างนั้น แต่ใจของผมนั้นแทบสลาย ผมแทบจะล้มทั้งยืนเอาตรงนั้นให้ได้ แต่ก็ยังยิ้มไว้ต่อหน้าเธอ ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เธอเห็น
แล้วเราสองคนก็แยกกันไป
ผมที่ถูกปฏิเสธมานั้น ก็ได้แต่เดินกลับบ้านอย่างไร้วิญญาณ แบบว่า รู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้แต่อยู่ในบ้าน อ่านการ์ตูนไปวันๆ เล่นเกมบ้าง เพื่อให้ลืมเหตุการณ์ในตอนนั้น
ผมเคยคิดว่าที่ผมเป็นเช่นนี้นั้นเป็นความผิดของเธอ แต่จริงๆไม่ใช่ การที่เธอปฏิเสธเรานั้นมันไม่ได้มีผลทำให้ผมเป็นอย่างนี้เลย
ที่ผมเป็นอยู่อย่างนี้ก็เพราะว่าผมทำของผมเอง เธอคนนั้นก็แค่สิ่งเร้าภายนอก หากภายในไม่สนใจแล้ว มันก็ไม่เป็นไรหรอก
ผมจึงได้แต่โทษตัวเองว่า เรามันไม่ได้เรื่อง ชอบเขาก็ไม่ยอมบอกซะตั้งแต่แรก ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปจนนานป่านนี้แล้วค่อยบอก ผลสุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไป
แต่ผมก็ไม่ได้โกรธเธอหรอก มิหนำซ้ำ ผมยังยินดีกับเธอด้วยซ้ำ
แต่ที่ผมโกรธนั้นเป็นตัวเอง ที่พาลไปทั่ว ไม่รู้จักแยกแยะ ถ้าเราชอบเขาจริงๆ เราจะโกรธเขาทำไม
ผมคิดว่านั่นแหละเป็นบาป บาปที่ไปคิดโทษคนอื่นทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดอะไร
บาปนั้นสักวันต้องได้รับการลงโทษ เขาว่าไว้อย่างนั้น
ใครไม่เชื่อ แต่ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่ผมคิดถึงบาปนั้น ผมก็รู้สึกผิดจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว
แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี แต่ผมก็ยังชอบคนๆนั้นอยู่
ถามว่า นายรู้ได้อย่างไร?
ผมก็ขอบอกเลยว่า ผมนั้นเสพย์สาว 2D มามากมาย แต่ละคนสวยๆทั้งนั้นด้วย แน่นอนว่า สาว 2D นั้นน่ารักกว่า สวยกว่า ดูดีกว่าสาว 3D เป็นไหนๆ และผมก็ชอบเธอเหล่านั้นมากด้วย
แต่เธอเหล่านั้นก็ยังทำให้ผมลืมเธอคนนั้นไม่ได้เลย ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ยังชอบเธอคนนั้นอยู่
ผมเคยคิดเล่นๆว่า เธอคนนั้นอาจจะมีครอบครัวแล้วก็ได้เพื่อทำใจ แต่ไม่ว่าคิดในแนวไหน ผมก็ยังชอบเธออยู่ดี
สรุปแล้ว คำที่ว่า ในชีวิตมีคนที่เราชอบคนเดียวก็เกินพอ มั้นเป็นอย่างนี้เองสินะ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็จะมามัวแต่นั่งอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ผมมีสิ่งที่ต้องทำ
ใช่แล้ว ความฝันของผม ผมอยากเป็นฮีโร่
ถ้างั้นนายก็ทำมันให้ได้สิ ผมคิดแล้วลุกขึ้นกำหมัดแน่น เหมือนกับว่าจะให้หมัดนั้นเป็นพยานว่าผมจะต้องทำให้ได้
หลายคนอาจจะหาว่าผมบ้าที่ฝันอะไรแบบนั้น แต่สำหรับผมที่เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนของผมกลับไม่ได้ว่า แต่เขาบอกว่า
"อยากเป็นผู้กล้าเหรอ? ถ้านายอยากเป็น สมัยนี้มันไม่จำเป็นต้องสู้รบหรือสู้กับปีศาจแบบในวีดิโอเกมหรือในหนังอะไรแบบนั้น แต่นายก็ยังเป็นได้"
"เป็นได้ยังไง?" ผมถาม
"ก็เป็นคนดีของสังคมไง เห็นคนถือของหนักก็ไปช่วยเขาถือ เห็นคนแก่ข้ามถนนก็ช่วยพาท่านข้าม เป็นคนช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อตกทุกข์ได้ยากตามความสามารถของตน แค่นี้นายก็เป็นผู้กล้าได้แล้ว" เขายิ้มแล้วตอบมา
นั่นทำให้ผมคิดได้ว่า ผู้กล้านั้น ไม่จำเป็นต้องหาดาบโล่ในตำนานมาถือให้เท่ แต่ผู้กล้าเป็นง่ายกว่านั้น
แค่มีน้ำใจให้แก่กัน ไม่ว่าใครก็เป็นผู้กล้าได้
ดังนั้นแล้วผมจะขอทำตามความฝัน ผมจะเป็นผู้กล้า
ถึงแม้บาปที่ทำไปจะไม่สามารถลบไปได้เหมือนรอยสักติดตัว แต่ผมก็ขอเป็นผู้กล้าเพื่อชดใช้บาปโดยการช่วยเหลือผู้คนที่สามารถช่วยได้แทน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ทั้งๆที่วันๆเงินก็ไม่มีจะใช้อยู่แล้ว แต่กองหนังสือการ์ตูนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไปซื้อมาจากไหนนักหนากลับตั้งเกลื่อนกลาดเต็มห้องไปหมด ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย
ย้อนไปในอดีต ด้วยความที่ผมอยากเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม ผมจึงอยากเป็นตำรวจ แต่พอโตขึ้นผมก็เริ่มที่จะอ่านการ์ตูน ไม่ทันรู้สึกตัวผมก็ติดการอ่านการ์ตูนเสียแล้ว
จะด้วยเหตุใดไม่ทราบ แต่จู่ๆ ผมก็มีความคิดอยากจะเป็นฮีโร่ขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่า เออ เป็นฮีโร่มันเท่ดี
แต่นั่นแหละที่มันทำให้ผมมานั่งอยู่อย่างนี้
เรื่องมันมีอยู่ว่า
เมื่อก่อน ผมก็ได้ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นเพื่อนผมเอง เธออายุมากกว่าผมประมาณเกือบปี แต่เราอยู่เรียนห้องเดียวกัน
ทีแรกที่เข้าโรงเรียนนั้น ผมก็ได้เธอคนนั้นนั่นแหละเป็นคนที่แนะนำหนังสือว่าใช้ยังไง ใช้เล่มไหน
จนเวลาผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกนี้มันก็ขึ้นมาตอนไหนไม่รู้สิ
แต่ผมมันขี้ขลาด ไม่ได้บอกความรู้สึกเธอไป
ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่าผมชอบเธอ และดูเหมือนว่าเธอก็จะรู้ด้วย แต่ผมก็ไม่กล้า ไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกเธอไป
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดพวกเราก็เรียนกันจบ
แต่ความรู้สึกนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกเธอไป เอาล่ะ เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะบอกเธอวันนี้นี่ล่ะ
เมื่อตัดสินใจได้อย่างนั้น ผมจึงนัดเธอไปยังที่เงียบๆ เพื่อให้คุยกันได้สะดวก
แต่พอถึงเวลาจริงๆ ผมกลับไม่กล้าอีกตามเคย แต่ผมคิดว่า ครั้งนี้ถ้าพลาด ก็จะไม่มีครั้งต่อไปอีก เลยตัดสินใจว่า เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
ในที่สุด ผมก็บอกความรู้สึกของผมให้เธอรับฟัง และบอกเธอว่าผมชอบเธอมาตั้งนานแล้ว
เธอเงียบไปซักพัก และออกอาการเขิน แต่เธอก็บอกผมว่า ขอโทษนะ แต่ว่าเรามีคนที่ชอบแล้ว
ผมได้ยินก็ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกเธอว่า ไม่เป็นไร เพราะฉันแค่บอกความรู้สึกนี้ให้เธอเท่านั้น ส่วนเธอจะไปชอบใครนั้น ฉันไม่สน ฉันสนแค่ว่า ฉันชอบเธอ
ปากของผมพูดออกไปอย่างนั้น แต่ใจของผมนั้นแทบสลาย ผมแทบจะล้มทั้งยืนเอาตรงนั้นให้ได้ แต่ก็ยังยิ้มไว้ต่อหน้าเธอ ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เธอเห็น
แล้วเราสองคนก็แยกกันไป
ผมที่ถูกปฏิเสธมานั้น ก็ได้แต่เดินกลับบ้านอย่างไร้วิญญาณ แบบว่า รู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้แต่อยู่ในบ้าน อ่านการ์ตูนไปวันๆ เล่นเกมบ้าง เพื่อให้ลืมเหตุการณ์ในตอนนั้น
ผมเคยคิดว่าที่ผมเป็นเช่นนี้นั้นเป็นความผิดของเธอ แต่จริงๆไม่ใช่ การที่เธอปฏิเสธเรานั้นมันไม่ได้มีผลทำให้ผมเป็นอย่างนี้เลย
ที่ผมเป็นอยู่อย่างนี้ก็เพราะว่าผมทำของผมเอง เธอคนนั้นก็แค่สิ่งเร้าภายนอก หากภายในไม่สนใจแล้ว มันก็ไม่เป็นไรหรอก
ผมจึงได้แต่โทษตัวเองว่า เรามันไม่ได้เรื่อง ชอบเขาก็ไม่ยอมบอกซะตั้งแต่แรก ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปจนนานป่านนี้แล้วค่อยบอก ผลสุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไป
แต่ผมก็ไม่ได้โกรธเธอหรอก มิหนำซ้ำ ผมยังยินดีกับเธอด้วยซ้ำ
แต่ที่ผมโกรธนั้นเป็นตัวเอง ที่พาลไปทั่ว ไม่รู้จักแยกแยะ ถ้าเราชอบเขาจริงๆ เราจะโกรธเขาทำไม
ผมคิดว่านั่นแหละเป็นบาป บาปที่ไปคิดโทษคนอื่นทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดอะไร
บาปนั้นสักวันต้องได้รับการลงโทษ เขาว่าไว้อย่างนั้น
ใครไม่เชื่อ แต่ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่ผมคิดถึงบาปนั้น ผมก็รู้สึกผิดจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว
แม้ว่าจะผ่านมาหลายปี แต่ผมก็ยังชอบคนๆนั้นอยู่
ถามว่า นายรู้ได้อย่างไร?
ผมก็ขอบอกเลยว่า ผมนั้นเสพย์สาว 2D มามากมาย แต่ละคนสวยๆทั้งนั้นด้วย แน่นอนว่า สาว 2D นั้นน่ารักกว่า สวยกว่า ดูดีกว่าสาว 3D เป็นไหนๆ และผมก็ชอบเธอเหล่านั้นมากด้วย
แต่เธอเหล่านั้นก็ยังทำให้ผมลืมเธอคนนั้นไม่ได้เลย ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ยังชอบเธอคนนั้นอยู่
ผมเคยคิดเล่นๆว่า เธอคนนั้นอาจจะมีครอบครัวแล้วก็ได้เพื่อทำใจ แต่ไม่ว่าคิดในแนวไหน ผมก็ยังชอบเธออยู่ดี
สรุปแล้ว คำที่ว่า ในชีวิตมีคนที่เราชอบคนเดียวก็เกินพอ มั้นเป็นอย่างนี้เองสินะ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็จะมามัวแต่นั่งอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ผมมีสิ่งที่ต้องทำ
ใช่แล้ว ความฝันของผม ผมอยากเป็นฮีโร่
ถ้างั้นนายก็ทำมันให้ได้สิ ผมคิดแล้วลุกขึ้นกำหมัดแน่น เหมือนกับว่าจะให้หมัดนั้นเป็นพยานว่าผมจะต้องทำให้ได้
หลายคนอาจจะหาว่าผมบ้าที่ฝันอะไรแบบนั้น แต่สำหรับผมที่เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนของผมกลับไม่ได้ว่า แต่เขาบอกว่า
"อยากเป็นผู้กล้าเหรอ? ถ้านายอยากเป็น สมัยนี้มันไม่จำเป็นต้องสู้รบหรือสู้กับปีศาจแบบในวีดิโอเกมหรือในหนังอะไรแบบนั้น แต่นายก็ยังเป็นได้"
"เป็นได้ยังไง?" ผมถาม
"ก็เป็นคนดีของสังคมไง เห็นคนถือของหนักก็ไปช่วยเขาถือ เห็นคนแก่ข้ามถนนก็ช่วยพาท่านข้าม เป็นคนช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อตกทุกข์ได้ยากตามความสามารถของตน แค่นี้นายก็เป็นผู้กล้าได้แล้ว" เขายิ้มแล้วตอบมา
นั่นทำให้ผมคิดได้ว่า ผู้กล้านั้น ไม่จำเป็นต้องหาดาบโล่ในตำนานมาถือให้เท่ แต่ผู้กล้าเป็นง่ายกว่านั้น
แค่มีน้ำใจให้แก่กัน ไม่ว่าใครก็เป็นผู้กล้าได้
ดังนั้นแล้วผมจะขอทำตามความฝัน ผมจะเป็นผู้กล้า
ถึงแม้บาปที่ทำไปจะไม่สามารถลบไปได้เหมือนรอยสักติดตัว แต่ผมก็ขอเป็นผู้กล้าเพื่อชดใช้บาปโดยการช่วยเหลือผู้คนที่สามารถช่วยได้แทน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้กล้า 1
[IMG]