ตอนต่อ และคิดว่าน่าจะจบแล้วล่ะนะ
หลังจากที่ผมตัดสินใจว่าจะเป็นผู้กล้า ผมก็เริ่มออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คน โดยมีฐานทัพเป็นบ้านของผมนั้นเอง
ดูเหมือนว่า เส้นทางผู้กล้านั้นมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคุณต้องทนต่อคำเสียดสีของคนอื่นๆ ที่หาว่าคุณบ้าบ้างล่ะ ปัญญาอ่อนบ้างล่ะ
ไม่ใช่ว่าผมไม่โกรธ แต่ผมโกรธมากเลยล่ะ โกรธจนบางทีอยากจะฆ่าคนพวกนั้นทิ้งเลย คนอะไรช่วยก็ไม่ช่วย ยังมาว่าเราอีก
จู่ๆก็รู้สึกว่าตัวผมจะเตือนผมเองว่า ถ้าเราทำแบบนั้นมันมีแต่จะแย่ สู้ไม่สนใจคนพวกนั้นแล้วทำความดีต่อไปยังจะดีกว่า
ผมก็เลยทำหน้าที่ผุ้กล้าต่อไป
ผมก็ทำไปเรื่อยๆ มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้าใจผม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ผมไปช่วยเขานั่นแหละ พวกเขาคอยเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ
วันหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือว่ามีคนถูกโจรปล้น ผมเลยรีบออกไปช่วยตามความสามารถ และผมก็สามารถจับคนร้ายได้และยึดของคืนมาและมอบให้เจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง
"นี่ครับ" ผมบอกแล้วยื่นกระเป๋าให้เธอ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ
เธอคือคนที่ผมชอบเมื่อตอนนั้นนั่นเอง
แม้จะตกใจ แต่ผมก็รวบรวมสติกลับมา แล้วยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรแทน
"ขอบคุณค่ะ" เธอขอบคุณผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นกัน
รอยยิ้มของเธอในตอนนี้ มันไม่ต่างจากรอยยิ้มของเธอในอดีตเลย ตรงที่มันทำให้ผมใจเต้นได้
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำผมไม่ได้เสียแล้วสิ ก็แน่ล่ะ ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นะ แล้วเราก็ดันใช้ชีวิตแบบโอตาคุอยู่ตั้งหลายปีด้วย
ไม่นาน ผู้ชายที่เป็นสามีของเธอก็รีบเข้ามาหาเธออย่างเป็นห่วง "ที่รักคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?" "ไม่เป็นไรค่ะ" เธอตอบ "เมื่อกี้คนนี้เขาช่วยฉันไว้ เอ๋ หายไปไหนแล้ว?" เธอได้แต่กวาดสายตาหาผมไปทั่วแต่ก็ไม่พบ แน่ล่ะ แถวนี้ผมรู้จักทุกซอกทุกมุมดี เอาเป็นว่า ถ้าผมเป็นโจร ผมสามารถแอบได้โดยที่ตำรวจหาผมไม่เจอทั้งๆที่อยู่ตรงหน้า
ที่ผมแอบไม่ใช่อะไรหรอก จะว่าผมรับไม่ได้ก็ไม่เชิงนะ แต่ผมแค่ไม่อยากให้เธอต้องมารื้อฟื้นวันเก่าๆกับคนอย่างผมแค่นั้นแหละ ตอนนี้เธอมีความสุขกับคนที่เธอรัก ถึงคนๆนั้นจะไม่ใช่ผมก็ตาม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว
ผมคิดอย่างนั้นแล้วเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายอีกครั้ง
"เป็นอย่างนั้นแหละดีแล้ว" ผมคิดอย่างนี้มาตลอดเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าคิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่อแล้ว แต่คงไม่ต่ำกว่าสามสิบรอบเป็นแน่
สรุปแล้ว ในใจของผมก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นที่มีความสุขกับเธอคนที่ผมชอบ แต่ผมก็พยายามหาเหตุผลมาลบล้างความคิดนั้นโดยเร็ว
ผมทำอยู่อย่างนี้จนเดินกลับไปถึงบ้าน
ผมมองขึ้นไปบนบ้าน ตรงหน้าต่างของห้องผม
แน่นอนว่าเมื่อก่อนรกอย่างไร มันก็ยังคงรกอย่างนั้น ผมเห็นแล้วก็ส่ายหน้า
แทนที่จะมาเสียเวลาใช้ความคิดตีกันเอง ผมว่าเอาเวลามาเก็บห้องดีกว่า
ผมจึงใช้เวลาวันนั้นที่เหลือทั้งวันในการจัดห้อง พวกหนังสือผมก็จัดวางในชั้นอย่างเป็นระเบียบ พวกฟิกเกอร์ผมก็วางไว้บนชั้นอย่างสวยงาม จนผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นห้องของผมที่เมื่อก่อนเคยรกจนแมลงสาบสามารถมาสร้างกองทัพได้ครึ่งโลก
ไม่ทันรู้ตัว พอจัดห้องเสร็จ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นแล้ว ทั้งยังรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ ที่เขาโชคดีได้แต่งงานกับเธอ
ผมคิดอย่างนั้นผมก็รู้สึกสบายใจ ผมจึงเอนตัวลงกับเตียงที่ปูผ้าอย่างเรียบร้อย และนุ่มสบาย
แล้วผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว...
ตื่นมาอีกทีก็ตอนเช้าแล้ว ผมจึงรีบลุกขึ้นแล้วจัดการทำกิจวัตรส่วนตัวจนเสร็จสรรพ
แน่นอน วันนี้ผมก็ยังคงเป็นฮีโร่อีกตามเคย
ผมเดินไปโรงเรียนเก่าของผม ผมเดินไปยังอาคารที่ผมเคยเรียน แล้วผมก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อที่จะไประลึกถึงวันเก่าๆที่เคยแอบโดดเรียนมานอนอยู่บ่อยๆ ผมเห็นแล้วก็ยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องดีๆเหล่านี้
แล้ววันเลี้ยงรุ่นก็มาถึง
ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากไปเลยนะงานพบปะสังสรรค์แบบนี้น่ะ แต่ในเมื่อเพื่อนมันชวนบ่อยๆเข้า ผมก็เลยต้องยอมใจอ่อนตามมันไป
แน่นอนว่าสถานที่จัดก็ต้องเป็นโรงเรียนที่ผมเคยเรียนนั่นแหละ ผมเลยคิดในใจว่าถ้ารำคาญก็แอบไปนอนงีบสักตื่นสองตื่นได้ เพราะโรงเรียนนี้ผมรู้ทุกซอกทุกมุม
และมันก็เป็นไปตามคาด ผมก็เริ่มเบื่อจริงๆ ผมเลยขอปลีกวิเวกไปคนเดียวแล้วกัน
ที่ๆผมกำลังจะไปนั้น มันต้องเป็นที่ๆงีบได้ ซึ่งก็คงมีอยู่ที่เดียวก็คือดาดฟ้าอาคารเรียนนั่นเอง
แต่ผมต้องแปลกใจเมื่อมาถึง เพราะผมเห็นผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ที่นั่นก่อนผม ซึ่งผมก็ถามเธอไปเลยว่าเธอเป็นใคร
ก็ได้ทราบว่า เธอจบรุ่นเดียวกับผมนั่นแหละ แต่คนละห้อง ทำให้เราไม่เคยเห็นหน้ากัน แน่นอนล่ะ ผมนอกจากเพื่อนในห้องกับอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์สอนวิชาต่างๆนี่ไม่รู้จักเลย เพราะอยู่แต่ในห้องเรียนไง
จากที่ผมฟังเธอพูด การพูดของเธอนั้นทำให้ผมรู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนฉลาดมาก จึงทำให้ไม่ค่อยมีคนเข้าใจ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะพอผมสอบถามเธอแล้วก็ได้รับคำตอบว่า เธอไม่ค่อยมีเพื่อน
ด้วยความเห็นใจ ผมจึงคิดอยากจะช่วยเธอ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะผมเป็นผู้กล้านี่นะ
ในที่สุด เราก็ตกลงที่จะเป็นเพื่อนกันทั้งที่พึ่งคุยกันได้ไม่นาน
ว่ากันว่าการเป็นเพื่อนนั้น หากเป็นเพื่อนกันเร็ว ความสัมพันธ์ก็มักจะจบลงเร็วเช่นกัน
แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันใช้กับเราสองคนไม่ได้
จากวันนั้น เราก็สนิทมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพื่อนก็เป็นเพื่อนสนิท
เหตุการณ์นั้นมันกลับมาอีกครั้ง เพราะผมรู้ว่าผมชอบเธอเข้าเสียแล้ว
แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ตราบาปแบบนั้นผมจะไม่ให้มีอีกแล้ว
ผมจึงตัดสินใจบอกความรู้สึกเธอไปในที่สุด
ผมลุ้นอยู่ในใจว่าเธอจะว่าอย่างไร ในใจก็อดคิดถึงเหตุการณ์เก่าๆไม่ได้ จึงทำให้ผมกลัวมาก
เธอมีสีหน้าเฉยๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร แต่เธอบอกกับผมว่า "เหรอ? อืม ฉันเองก็ชอบนายเหมือนกัน"
ผมได้ยินนี่แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง เลยถามเธออีกครั้ง แต่เธอกลับบอกว่า "ของดีมีแค่ครั้งเดียว" แล้วเธอก็ยิ้มให้
แน่นอนผมดีใจมาก หลังจากนั้น เราสองคนก็คบกันเป็นแฟนกันในที่สุด...
ดูเหมือนว่า บทลงโทษนั้นจะถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีตราบาปอะไรที่คอยหลอกหลอนอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเป็นผู้กล้าต่อ แต่ตอนนี้มันเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง
นั่นก็คือ ปกป้องคนที่ผมรัก และทำให้เธอมีความสุขนั้นเอง...
.....................................................................................................................................
หลังจากที่ผมตัดสินใจว่าจะเป็นผู้กล้า ผมก็เริ่มออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คน โดยมีฐานทัพเป็นบ้านของผมนั้นเอง
ดูเหมือนว่า เส้นทางผู้กล้านั้นมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะคุณต้องทนต่อคำเสียดสีของคนอื่นๆ ที่หาว่าคุณบ้าบ้างล่ะ ปัญญาอ่อนบ้างล่ะ
ไม่ใช่ว่าผมไม่โกรธ แต่ผมโกรธมากเลยล่ะ โกรธจนบางทีอยากจะฆ่าคนพวกนั้นทิ้งเลย คนอะไรช่วยก็ไม่ช่วย ยังมาว่าเราอีก
จู่ๆก็รู้สึกว่าตัวผมจะเตือนผมเองว่า ถ้าเราทำแบบนั้นมันมีแต่จะแย่ สู้ไม่สนใจคนพวกนั้นแล้วทำความดีต่อไปยังจะดีกว่า
ผมก็เลยทำหน้าที่ผุ้กล้าต่อไป
ผมก็ทำไปเรื่อยๆ มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้าใจผม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ผมไปช่วยเขานั่นแหละ พวกเขาคอยเป็นกำลังใจให้ผมเสมอ
วันหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงเรียกขอความช่วยเหลือว่ามีคนถูกโจรปล้น ผมเลยรีบออกไปช่วยตามความสามารถ และผมก็สามารถจับคนร้ายได้และยึดของคืนมาและมอบให้เจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง
"นี่ครับ" ผมบอกแล้วยื่นกระเป๋าให้เธอ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ
เธอคือคนที่ผมชอบเมื่อตอนนั้นนั่นเอง
แม้จะตกใจ แต่ผมก็รวบรวมสติกลับมา แล้วยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรแทน
"ขอบคุณค่ะ" เธอขอบคุณผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นกัน
รอยยิ้มของเธอในตอนนี้ มันไม่ต่างจากรอยยิ้มของเธอในอดีตเลย ตรงที่มันทำให้ผมใจเต้นได้
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำผมไม่ได้เสียแล้วสิ ก็แน่ล่ะ ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นะ แล้วเราก็ดันใช้ชีวิตแบบโอตาคุอยู่ตั้งหลายปีด้วย
ไม่นาน ผู้ชายที่เป็นสามีของเธอก็รีบเข้ามาหาเธออย่างเป็นห่วง "ที่รักคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?" "ไม่เป็นไรค่ะ" เธอตอบ "เมื่อกี้คนนี้เขาช่วยฉันไว้ เอ๋ หายไปไหนแล้ว?" เธอได้แต่กวาดสายตาหาผมไปทั่วแต่ก็ไม่พบ แน่ล่ะ แถวนี้ผมรู้จักทุกซอกทุกมุมดี เอาเป็นว่า ถ้าผมเป็นโจร ผมสามารถแอบได้โดยที่ตำรวจหาผมไม่เจอทั้งๆที่อยู่ตรงหน้า
ที่ผมแอบไม่ใช่อะไรหรอก จะว่าผมรับไม่ได้ก็ไม่เชิงนะ แต่ผมแค่ไม่อยากให้เธอต้องมารื้อฟื้นวันเก่าๆกับคนอย่างผมแค่นั้นแหละ ตอนนี้เธอมีความสุขกับคนที่เธอรัก ถึงคนๆนั้นจะไม่ใช่ผมก็ตาม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว
ผมคิดอย่างนั้นแล้วเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายอีกครั้ง
"เป็นอย่างนั้นแหละดีแล้ว" ผมคิดอย่างนี้มาตลอดเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าคิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่อแล้ว แต่คงไม่ต่ำกว่าสามสิบรอบเป็นแน่
สรุปแล้ว ในใจของผมก็ยังรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นที่มีความสุขกับเธอคนที่ผมชอบ แต่ผมก็พยายามหาเหตุผลมาลบล้างความคิดนั้นโดยเร็ว
ผมทำอยู่อย่างนี้จนเดินกลับไปถึงบ้าน
ผมมองขึ้นไปบนบ้าน ตรงหน้าต่างของห้องผม
แน่นอนว่าเมื่อก่อนรกอย่างไร มันก็ยังคงรกอย่างนั้น ผมเห็นแล้วก็ส่ายหน้า
แทนที่จะมาเสียเวลาใช้ความคิดตีกันเอง ผมว่าเอาเวลามาเก็บห้องดีกว่า
ผมจึงใช้เวลาวันนั้นที่เหลือทั้งวันในการจัดห้อง พวกหนังสือผมก็จัดวางในชั้นอย่างเป็นระเบียบ พวกฟิกเกอร์ผมก็วางไว้บนชั้นอย่างสวยงาม จนผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นห้องของผมที่เมื่อก่อนเคยรกจนแมลงสาบสามารถมาสร้างกองทัพได้ครึ่งโลก
ไม่ทันรู้ตัว พอจัดห้องเสร็จ ผมก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นแล้ว ทั้งยังรู้สึกยินดีด้วยซ้ำ ที่เขาโชคดีได้แต่งงานกับเธอ
ผมคิดอย่างนั้นผมก็รู้สึกสบายใจ ผมจึงเอนตัวลงกับเตียงที่ปูผ้าอย่างเรียบร้อย และนุ่มสบาย
แล้วผมก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว...
ตื่นมาอีกทีก็ตอนเช้าแล้ว ผมจึงรีบลุกขึ้นแล้วจัดการทำกิจวัตรส่วนตัวจนเสร็จสรรพ
แน่นอน วันนี้ผมก็ยังคงเป็นฮีโร่อีกตามเคย
ผมเดินไปโรงเรียนเก่าของผม ผมเดินไปยังอาคารที่ผมเคยเรียน แล้วผมก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อที่จะไประลึกถึงวันเก่าๆที่เคยแอบโดดเรียนมานอนอยู่บ่อยๆ ผมเห็นแล้วก็ยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องดีๆเหล่านี้
แล้ววันเลี้ยงรุ่นก็มาถึง
ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากไปเลยนะงานพบปะสังสรรค์แบบนี้น่ะ แต่ในเมื่อเพื่อนมันชวนบ่อยๆเข้า ผมก็เลยต้องยอมใจอ่อนตามมันไป
แน่นอนว่าสถานที่จัดก็ต้องเป็นโรงเรียนที่ผมเคยเรียนนั่นแหละ ผมเลยคิดในใจว่าถ้ารำคาญก็แอบไปนอนงีบสักตื่นสองตื่นได้ เพราะโรงเรียนนี้ผมรู้ทุกซอกทุกมุม
และมันก็เป็นไปตามคาด ผมก็เริ่มเบื่อจริงๆ ผมเลยขอปลีกวิเวกไปคนเดียวแล้วกัน
ที่ๆผมกำลังจะไปนั้น มันต้องเป็นที่ๆงีบได้ ซึ่งก็คงมีอยู่ที่เดียวก็คือดาดฟ้าอาคารเรียนนั่นเอง
แต่ผมต้องแปลกใจเมื่อมาถึง เพราะผมเห็นผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ที่นั่นก่อนผม ซึ่งผมก็ถามเธอไปเลยว่าเธอเป็นใคร
ก็ได้ทราบว่า เธอจบรุ่นเดียวกับผมนั่นแหละ แต่คนละห้อง ทำให้เราไม่เคยเห็นหน้ากัน แน่นอนล่ะ ผมนอกจากเพื่อนในห้องกับอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์สอนวิชาต่างๆนี่ไม่รู้จักเลย เพราะอยู่แต่ในห้องเรียนไง
จากที่ผมฟังเธอพูด การพูดของเธอนั้นทำให้ผมรู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนฉลาดมาก จึงทำให้ไม่ค่อยมีคนเข้าใจ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะพอผมสอบถามเธอแล้วก็ได้รับคำตอบว่า เธอไม่ค่อยมีเพื่อน
ด้วยความเห็นใจ ผมจึงคิดอยากจะช่วยเธอ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะผมเป็นผู้กล้านี่นะ
ในที่สุด เราก็ตกลงที่จะเป็นเพื่อนกันทั้งที่พึ่งคุยกันได้ไม่นาน
ว่ากันว่าการเป็นเพื่อนนั้น หากเป็นเพื่อนกันเร็ว ความสัมพันธ์ก็มักจะจบลงเร็วเช่นกัน
แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันใช้กับเราสองคนไม่ได้
จากวันนั้น เราก็สนิทมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพื่อนก็เป็นเพื่อนสนิท
เหตุการณ์นั้นมันกลับมาอีกครั้ง เพราะผมรู้ว่าผมชอบเธอเข้าเสียแล้ว
แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ตราบาปแบบนั้นผมจะไม่ให้มีอีกแล้ว
ผมจึงตัดสินใจบอกความรู้สึกเธอไปในที่สุด
ผมลุ้นอยู่ในใจว่าเธอจะว่าอย่างไร ในใจก็อดคิดถึงเหตุการณ์เก่าๆไม่ได้ จึงทำให้ผมกลัวมาก
เธอมีสีหน้าเฉยๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร แต่เธอบอกกับผมว่า "เหรอ? อืม ฉันเองก็ชอบนายเหมือนกัน"
ผมได้ยินนี่แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง เลยถามเธออีกครั้ง แต่เธอกลับบอกว่า "ของดีมีแค่ครั้งเดียว" แล้วเธอก็ยิ้มให้
แน่นอนผมดีใจมาก หลังจากนั้น เราสองคนก็คบกันเป็นแฟนกันในที่สุด...
ดูเหมือนว่า บทลงโทษนั้นจะถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีตราบาปอะไรที่คอยหลอกหลอนอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเป็นผู้กล้าต่อ แต่ตอนนี้มันเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง
นั่นก็คือ ปกป้องคนที่ผมรัก และทำให้เธอมีความสุขนั้นเอง...
.....................................................................................................................................
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-1-21 05:37
ผู้กล้า 2
[IMG]