ท่ามกลางอวกาศที่แสนมืดมิดกำลังสีแสงสีแดงที่เกิดจากการระเบิดเล็กๆวูบวาบขึ้นมา ซึ่งดูราวกับเป็นแสงจากพลุไฟในยามค่ำคืน แต่ถ้าหากว่าเข้าไปดูให้มันใกล้กว่านี้ก็จะพบกับการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างแบทเทิลยูนิตและอีทเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงราวสิบห้าเมตร พวกมันถูกเรียกว่าฮันเตอร์ อีทเตอร์ที่มีรูปร่างดูคล้ายตัวด้วงแต่มันมีส่วนแขนสองข้างที่ยาวลงมาจนเกือบถึงเท้าและส่วนขาที่ดูแล้วคล้ายขาของมนุษย์ที่มีเปลืองแข็งๆของพวกแมลงหุ้มอยู่ พวกฮันเตอร์อาจเป็นอีทเตอร์เพียงพวกเดียวที่รู้จักใช้สิ่งที่เรียกว่าสมอง พวกมันรู้จักการทำงานเป็นทีม ต่อสู้แบบมีแบบแผน
แบทเทิลยูนิตสีดำเงารูปร่างของมันค่อนข้างใหญ่โตเล็กน้อยเพราะมันถูกติดเกราะเพื่อเสริมความหนาให้กับตัวเครื่องและยังติดตั้งอาวุธหนักมาอีกเพียบ ซึ่งรุ่นของมันคือ US-T76UC เดสทรอยเยอร์ แบทเทิลยูนิตประจำกองทัพอเมริกา เป็นแบทเทิลยูนิตที่มีดีในเรื่องการติดอาวุธเสริม ถูกใช้ในหน่วยรบพิเศษของอเมริกา
เกราะของเดสทรอยเยอร์ในส่วนของเกราะไหล่ เกราะส่วนขา แขน และอกถูกเปิดออกเผยให้เห็นจรวดแบบติดตามคลื่นความร้อนหลายสิบลูกถ้านับรวมๆแล้วอาจเกือบร้อยลูก โดยปกติจรวดพวกนี้ใช้ยิงแบบเน้นจำนวนเพื่อถล่มหน่วยรบ กองรถถัง หรือยานรบให้เกิดความเสียหายไม่ใช่เพื่อทำลาย โดยเจ้าจรวดพวกนี้ถูกกระหน่ำยิ่งออกไปราวกับห่าฝนพุ่งเป้าเข้าใส่อีทเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า แต่เจ้าอีทเตอร์กลับบินหลบไปมาได้อย่างรวดเร็ว และในระหว่างที่บินหนีจรวดพวกนี้มันก็ปล่อยบางอย่างออกมามันดูคล้ายละอองบางอย่าง และเมื่อพวกจรวดเข้าไปในกลุ่มละอองพวกนั้นมันก็ระเบิดออกทันที
แต่บางลูกที่ยังเหลือก็ยังคงไล่ล่าเจ้าอีทเตอร์ตัวนั้นไม่ยอมหยุด และในระหว่างนั้นเจ้าเดสทรอยเยอร์สีดำก็กระหน่ำยิ่งปืนแกทลิ่งในมือเข้าใส่เป้าหมายไปด้วย แต่ในระหว่างนั้นเองที่มีอีทเตอร์อีกตัวพุ่งเข้าใส่จากด้านหลัง แรงกระแทกจากเจ้าอีทเตอร์ที่พุ่งเข้ามาเกาะติดจากด้านหลังทำให้เดสทรอยเยอร์หมุนคว้างไปอย่างไร้ทิศทาง
แต่ในตอนนั้นเองที่มีแบทเทิลยูนิตสีขาวพุ่งเข้ามาฟันใส่เจ้าอีทเตอร์ที่เข้ามาเกาะเดสทรอยเยอร์ แต่มันก็ดันหนีไปได้ก่อนที่จะโดนฟัน โดยเจ้าแบทเทิลยูนิตสีขาวนั่นก็คือ JP-001EX360 ยูกิคาเสะเครื่องที่มีใช้เฉพาะกองกำลังองครักษ์องค์จักรพรรดิของญี่ปุ่นเท่านั้น เป็นเครื่องที่ทุกประเทศต่างก็ไม่กล้าแหยมถ้าสู้ในระยะประชิดตัว เป็นเครื่องที่มีความคล่องตัวสูงมากในการรบประชิดตัว แต่มีข้อเสียคือบูสเตอร์ของยูกิคาเสะไม่สามารถเร่งเป็นเวลานานๆได้ มันจึงต้องใช้การพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย และหากเป้าหมายหนีก็ยากที่จะไล่ล่าเพราะบูสเตอร์เร่งเครื่องเป็นเวลานานไม่ได้
ในระหว่างนั้นเจ้าอีทเตอร์ที่กำลังบินหนีจรวดจับความร้อนอยู่นั้นก็บินดิ่งเข้ามาใส่ยูกิคาเสะและเดสทรอยเยอร์โดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว แถมมันยังเอาจรวดจับความร้อนหลายสิบลูกตามมาด้วย แต่ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาก็มีแสงสีแดงพุ่งเข้าไปทำลายจรวดจับความร้อนทั้งหมดด้วยการยิงแค่ครั้งเดียว โดยเจ้าแสงสีแดงนี้คือแสงจากปืนไรเฟิดโฟตอน โดยเจ้าอีทเตอร์ที่เสียฝูงจรวดที่ตามท้ายมาไปแล้วมันจึงรีบบินขึ้นเพื่อหนียูกิคาเสะที่เริ่มพุ่งเข้าใส่มันแทน ส่วนเดสทรอยเยอร์ที่เริ่มตั้งหลักได้จึงรีบไปไล่ล่าเจ้าตัวแสบที่มากระโดดเกาะใส่ตัวเองต่อทันที
ส่วนเจ้าของไรเฟิดโฟตอนนั่นก็คือแบทเทิลยูนิต(ต่อไปนี้ขอเรียกB.U.แทนละนะ)สีเงิน EN-SP3309EX โกสท์ B.U.สำหรับซุ่มยิงระยะไกลของอังกฤษ เป็นรุ่นที่นิยมใช้เป็นอย่างมากในการโจมตีศัตรูในระยะไกลมากๆตั้แต่สามกิโลเมตรถึงหกกิโลเมตร และยังมีอุปกรณ์เสริมช่วยเล็งเป้าขยายระยะยิงเป็นสิบสองกิโลเมตรได้อีกด้วย
และที่อีกด้านหนึ่งนั้นมีร่างของB.U.สีควันบุหรี่มีรูปร่างดูใหญ่โตเกราะหนา แต่ที่ทำให้มันโดดเด่นสุดๆก็คือ มันมีส่วนที่เรียกว่าแขนเสริมที่อยู่ด้านหลัง จนดูราวกับมันมีสี่แขนก็ไม่ปาน โดยเจ้าB.U.นี้คือ RS-P376SX260 เบฮามอธ B.U.ที่สุดจะภาคภูมิใจของรัสเซีย ที่สร้างมาแล้วดันใช้งานจริงไม่ได้จนแทบจะกลายเป็นตัวตลกไปในช่วงก่อนเริ่มสงครามเพราะทั้งความเร็วและแรงขับที่สูงเกินไปจนนักบินรับไม่ไหว แต่แล้วเจ้าเบเฮมอธก็ถูกนำมาใช้จริงโดยทหารจากโครงการซูเปอร์โซลเยอร์ แต่สุดท้ายก็มีใช้งานได้แค่ไม่ถึงสิบตัวเพราะต้นทุนสูงเกินไปไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
โดยเจ้าเบเฮมอธนี้ยิงถล่มอีทเตอร์สองตัวแบบไม่หยุดมือ แต่ในระหว่างที่มันกำลังยิ่งถล่มเป้าหมายอยู่นั้นก็มีอีทเตอร์ตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าเบเฮมอธเองก็ไม่น้อยหน้ามันโยนปืนกระบอกหนึ่งทิ้งแล้วหยิบอาวุธที่เก็บอยู่ในช่องเก็บอาวุธในส่วนขาออกมา มันมีลักษณะดูเหมือนสนับมือแต่ติดใบมีดเอาไว้ที่ด้านข้างด้วย มันใช้สนับมือนั้นชกเข้าใส่เจ้าอีทเตอร์จนปลิว แถมยังทำให้เปลือกตรงส่วนหน้าของเจ้าอีทเตอร์แตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“เฮ่อาเธอร์ แบบนี้มีหวังพลังงานพวกเราหมดก่อนแน่ อีทเตอร์ห้าตัวแต่เรามีแค่สี่คนเอามันไม่อยู่แน่เลย”
เสียงของแดนนี่นักบินหนุ่มจากอังกฤษดังแทรกเข้ามาในคลื่นสัญญาณ โดยเขากำลังบังคับให้B.U.ของตัวเองบินกลับไปที่ยานวัลคีรี่เพื่อทำการยิงคุ้มกัน เพราะอีทเตอร์ตัวหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางนั้น
“ยูอิ เธอกลับไปคุ้มกันยานที ลอร่าสองตัวตรงนั้นเธอเอาอยู่ไหม”
อาเธอร์ถามแฟนสาวของตนเสียงเรียบ
“สบายมาก แค่นี้ไม่นักหนาอะไร”
เสียงเรียบๆฟังดูสบายๆของอีกฝ่ายดังขึ้น
“เข้าใจแล้วจะรีบกลับไปทำการคุ้มกันเดี๋ยวนี้”
เสียงของหญิงสาวอีกคนดังแทรกเข้ามา
“ถึงทุกคน ตอนนี้เราพบสัญญาณของยานจีนที่ไล่ล่าพวกเรา และกำลังจะเข้าระยะยิงของพวกนั้นในอีกยี่สิบนาที”
เสียงจากเจ้าหน้าที่กลยุทธ์หรือเจ้าหน้าที่CICสาวดังขึ้น
“นี่กัปตันถึงเจ้าพวกบ้า ฉันมีแผนแล้ว ลอร่า อาเธอร์ ขอแรงพวกเธอหน่อย”
กัปตันสาวที่นั่งอยู่ที่หอบังคับการยานพูดพลางดูดน้ำจากขวดใส่น้ำ แต่พูดให้ถูกเธอกินเหล้ามากกว่า โดยเธอแสยะยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นกองยานจีนในจอภาพขนาดใหญ่
“พวกแกจงลากคอเจ้าพวกอีทเตอร์ทั้งห้าตัวไปส่งให้กองยานจีน แล้วรีบกลับมาเราจะหนีกันแล้ว!!”
แผนการที่ฟังดูง่ายๆ และปฏิบัติตามง่ายสุดๆดังจากปากกัปตัน เพราะอีทเตอร์ 5 ตัวซึ่งเป็นรูปแบบฮันเตอร์นั้นค่อนข้างวุ่นวายสำหรับการรบเพราะมันว่องไวและฉลาด ดังนั้นห้าตัวจึงมากพอจะถ่วงเวลากองยานจีนได้สักระยะ
อาเธอร์กับลอร่าจึงรีบทำตามทันที พวกเขาทำการบนตัดหน้าพวกมันไปมาเพื่อให้มันไล่ตาม และดูเหมือนว่าจะได้ผล
“พันเอกครับ!! เราพบสัญญาณความร้อน 7จุดกำลังมุ่งเข้ามาหาเราครับ ยืนยันข้อมูลไม่ได้ 5 จุด ส่วนอีก 2 จุดเป็นเครื่องของพวกโจรสลัดแน่นอนครับ”
เจ้าหน้าที่ประจำเรือธงของกองยานจีนรายงานข้อมูลให้กับพันเอกหลินเฟิงฟัง ส่วนเธอได้แต่ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไร้เหตุผล แต่เมื่อภาพแสดงขึ้นจอแล้วเธอแทบจะหยุดหายใจและรีบออกคำสั่งทันที
“ให้สัญญาณพร้อมรบระดับสี่ เรียกนักบินทุกคนเข้าประจำที่ ปืนใหญ่ทุกกระบอกพร้อมยิง ท่อยิงจรวดบรรจุเต็มอัตรา”
เธอรีบออกคำสั่งเมื่อเห็นสิ่งที่ไล่ตามเบเฮมอธและเดสทรอยเยอร์มาติดๆ เพราะพวกมันนั้นแทบจะต้องบอกว่ามันคือฝันร้ายของสนามรบกับพวกอีทเตอร์เลยก็ว่าได้ เพราะถ้านักบินฝีมือไม่ถึงขั้นอาจตายได้แบบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำถ้าต้องเจอกับพวกฮันเตอร์
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังบินตรงดิ่งเข้าหากองยานจีนอยู่นั้นพวกเขาก็พบกับห่ากระสุนปืนใหญ่แบบหัวระเบิดและปืนใหญ่ลำแสงรวมถึงปืนใหญ่โฟตอนยิงต้อนรับ ทั้งสองจึงรีบบินหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดและปล่อยให้พวกอีทเตอร์โดนไล่ยิงแทน และพอพวกกระสุนพุ่งเฉี่ยวพวกอีทเตอร์ไป พวกมันจึงเบนไปหาเป้าหมายใหม่คือกองยานจีนทันที
“ทั้งสองคนกลับมาได้แล้ว”
กัปตันสาวพูดพลางมีหยาดน้ำตาไหลออกมา
“กองทัพจีนเราขอขอบคุณพวกท่านมาก การเสียสละของพวกท่านในครั้งนี้จะต้องทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้แน่ และถ้าหากเป็นไปได้ฉันก็อยากพบพวกคุณอีกในที่ไหนซักแห่งที่ไม่ใช่ในสนามรบ”
กัปตันสาวพูดพลางทำความเคารพแบบทหารพลางจ้องมองภาพการต่อสู้ของกองยานจีนที่สุดจะดุเดือด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือB.U.ของกองยานจีนโดนถล่มเป็นว่าเล่น แถมตอนนี้ยานรบจากห้าลำเหลือแค่สี่ลำแล้ว
“เดสทรอยเยอร์และเบเฮมอธเข้ามายังโรงเก็บยานแล้วค่ะกัปตัน”
“ดีมาก งั้นออกยานได้”
เธอออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่ในยาน แต่แล้วจู่ๆเธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“ไปดีเถอะนะยะ พวกกองยานจีน อยากไล่ล่าพวกเราดีนัก ฮ่าๆๆๆๆ”
หอบังคับการเรือธงกองยานจีน
“ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าพวกโจรสลัด หนี้แค้นวันนี้ฉันจะเอาคืนแน่คอยดูเถอะ!!”
หลิน เฟิง ระเบิดความโมโหออกมาพลางทุบที่วางแขนของเก้าอี้กัปตันเสียงดังสนั่น
โรงเก็บB.U.ยานวัลคีรี่
ร่างของชายหนุ่มเรือนผมสีทองในชุดสูทนักบินสีฟ้ารัดรูปกำลังออกมาจากห้องนั่งบินของเดสทรอยเยอร์ซึ่งอยู่บริเวณหน้าอกของเครื่องพอดี
“อาเธอร์!!”
เสียงร้องของหญิงสาวที่คุ้นหูดังขึ้น ร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำยาวในชุดสูทนักบินสีแดงเพลิงโผเข้ามากอดเขา และด้วยสภาพไร้น้ำหนักทำให้ร่างของทั้งสองลอยคว้างแบบไร้ทิศทาง เธอซบใบหน้าเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่ม
“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฉันเป็นห่วงนายมากนะ” เธอพูดพลางตรวจดูตามจุดต่างๆอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เพราะว่ามีฉันคอยดูแลอยู่ด้วยยังไงล่ะ”
เสียงของลอร่าดังขึ้น โดยเธอลอยเข้ามาหาทั้งสองแล้วโอบร่างทั้งสองเอาไว้ในวงแขน
“ครับๆ พอแค่นั้นล่ะสามผัวเมียตรงนั้น จะทำอะไรก็ช่วยย้ายไปที่ห้องด้วย คนโสดตรงนี้อิจฉานะเฟ้ย”
แดนนี่พูดขึ้นพลางนั่งดูดน้ำเกลือแร่อยู่ที่พื้นด้านล่าง ส่วนพวกทีมช่างกลับหัวเราะกันเบาๆ แต่ภาพแบบนี้มันก็เห็นกันจนชินแล้วเพราะทั้งสามคนหมั้นกันมาปีเศษแล้วมันจึงเป็นภาพที่ชินตา ส่วนเหตุผลที่ทั้งสองมาอยู่บนยานลำนี้รวมถึงความสัมพันธ์สองหญิงหนึ่งชายนี้เราจะยังไม่พูดถึง
“ทุกคนเหนื่อยหน่อยนะ เอาล่ะไปพักกันได้แล้วล่ะนะ ส่วนเรื่องการซ่อมบำรุงB.U.ทั้งสี่เครื่อง ขอให้เริ่มในวันพรุ่งนี้เวลา 9.00 น. ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราจะเดินทางไปยังเขตปกครองของไทยกัน ดูเหมือนว่าผู้ให้การสนับสนุนเราที่อยู่ที่นั่นอยากให้เราไปพักที่โคโลนี่ขนาดเล็กของเขาซักหน่อย”
เสียงของกัปตันดังขึ้นจากเครื่องกระจายเสียงในยาน และทุกคนดูจะดีใจมากเมื่อได้ยินข้อความในช่วงหลัง
เวลาสามทุ่มตรงเวลามาตรฐานจักรวาลที่ห้องนอนของอาเธอร์
ตี๊ด!! ตี๊ด!!
เสียงจากเครื่องมือสื่อสารของเขาที่วางเอาไว้ที่หัวเตียงดังขึ้น มันทำให้เขาต้องตื่นขึ้นจากการนอนหลับพักผ่อน เขาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่มีรูปทรงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาวๆขึ้นมาและกดปุ่มสีแดงเล็กๆ ทันใดนั้นมันก็ปรากฏหน้าจอสามมิติกึ่งโปร่งใสขึ้น ในหน้าจอนั้นมีใบหน้าของกัปตันสาวผมแดงฉายอยู่
“อาเธอร์ ฉันมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”
เธอถามขึ้น ส่วนเหตุที่เธอต้องถามแบบนั้นเพราะในจอของเธอมันติดภาพของยูอิที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆอาเธอร์และยังมีแขนของหญิงสาวอีกซักคนวางพาดอยู่บนอกของเขา เจ้าของแขนนี้คงจะเป็นลอร่าไม่ผิดแน่
“ไม่ครับกัปตัน”
เขาตอบสั้นๆ
“งั้นเดี๋ยวเธอมาที่ห้องประชุดนิดนะ ส่วนสองคนนั้นให้นอนไปก่อนแล้วกัน เธอค่อยไปแจ้งให้พวกเธอทราบทีหลังก็ได้”
กัปตันสาวพูดพลางอมยิ้ม
“ครับ”
“เฮ่อพวกยี่สิบต้นๆนี่ดีจังน้า ฉันอายุจะเลขสามแล้วยังหาสามีไม่ได้ซักคน”
เธอพูดจบก็ตัดสัญญาณไปทันที
อาเธอร์ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนที่นอนอยู่บนเตียงต้องตื่นขึ้นมา และจริงอย่างที่ว่าไป บนเตียงมีร่างของลอร่าและยูอิที่นอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เมื่ออาเธอร์ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วก็ปรากฏว่าลอร่าที่ทีแรกนอนโอบร่างของเขาอยู่นั้นเริ่มใช้มือควานหาร่างของคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่เมื่อครู่และทำท่าเหมือนจะตื่น อาเธอร์จึงเอามือเธอไปวางเอาไว้บนตัวของยูอิและเหมือนมันจะได้ผลเธอค่อยๆขยับเข้าไปนอนกอดยูอิแทน เขาค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างทั้งสองและปรับเครื่องทำความอุ่นในห้องในอุ่นขึ้นอีกนิดเพราะในอวกาศนั้นมันหนาวมากจริงๆ
เมื่อเขาสวมกางเกงได้แล้วก็เดินออกไปจากห้องทันที และเมื่อท้าวพ้นประตูห้องออกมาเขาก็พบกับสภาพไร้แสงดึงดูดทันที
“ไงพ่อคุณ สนุกดีไหม”
แดนนี่ที่มายืนรออยู่หน้าห้องพูดทัก
“ลูกผู้ชายเขาไม่กินในที่ลับแล้วคายในที่แจ้งกันหรอกนะ”
อาเธอร์ตอบพลางอมยิ้ม ส่วนแดนนี่ได้แต่หัวเราะชอบใจ ทั้งสองคุยกันพลางตรงดิ่งไปที่ห้องประชุมทันที
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องประชุมก็พบว่ากัปตันกำลังติดต่อกับใครบางคนผ่านจอภาพขนาดใหญ่ในห้อง และเมื่ออาเธอร์หันไปมองชัดๆมันแทบจะทำให้เขาต้องรีบดิ่งกลับไปเอาเสื้อที่ห้อง
ร่างของเด็กสาวในชุดกิโมโนดูหรูหรา เรือนผมสีดำยาวถึงเอวถูกปล่อยให้พริ้วไหวตามสายลมที่พัดเอื่อยๆ เธอดูจะตกใจมากกับการที่มีชายเปลือยท่อนบนเข้ามาในจอ เธอใช้มือทั้งสองปิดตาตัวเองเอาไว้จนสนิท
“กะ กะ กัปตัน นะ นะ นี่มันเจ้าหญิงของจักรววรดิญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ทำให้คนใหญ่โตถึงติดต่อมาหาเราล่ะ”
แดนนี่พูดพลางชี้นิ้วไปทางจอหน้า
“อย่าชี้สิ แล้วก็ถึงจะไม่เป็นทางการแต่จักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่สุดของเรานะ”
กัปตันสาวพูดเสียงดุใส่แดนนี่
“กัปตัน ผมขอไปใส่เสื้อก่อนนะครับ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ”
เจ้าหญิงพูดพลางหน้าแดง
“ไม่ทราบว่าเข้าใจว่ายังไงเหรอครับ”
อาเธอร์ถามพลางเหงื่อตก
“พวกคุณเป็นโจรสลัดนี่คะ จะมีการแต่งตัวที่ไม่เหมือนคนทั่วไปก็ไม่แปลกอะไร”
อาเธอร์ที่ได้ยินคำนี้แล้วถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก ส่วนแดนนี่กำลังหัวเราะสะใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“อาเธอร์ สุดยอดเลย แกโดนมองเป็นพวกโรคจิตไปแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“แดนนี่ สงบสติอารมณ์นายหน่อยสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือค่ะ”
“งั้นเรามาคุยเรื่องเมื่อครู่กันต่อเลยแล้วกันค่ะ”
“ค่ะ คือทางเราอยากให้คุณมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือของกำลังของทางเราซักเล็กน้อย เพราะทางเราได้ตรวจพบดาวหางขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามายังดาว J-103 ซึ่งเป็นดาวด่านหน้า โดยบนดาวดางนั้นเราตรวจพบคลื่นความร้อนที่ยืนยันว่ามีพวกอีทเตอร์อยู่บนนั้นด้วย ทางเราต้องการคนที่มีประสมการณ์ที่เคยสู้รบกับพวกมันมาก่อนอย่างพวกคุณ ถึงเราจะติดต่อไปยังหลายๆประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ ดิฉันอยากให้พวกคุณมายังดาวแม่ของเราเพื่อเข้าประชุมครั้งสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการการอพยพและแผนการรบกับพวกอีทเตอร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”
“ย่อมได้ค่ะ แต่ทางเราต้องขอบอกให้ทราบก่อนว่าทางเราเป็นกลุ่มโจรสลัดและทหารรับจ้างด้วย ดังนั้นงานนี้ทางเราต้องการค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อด้วยค่ะ”
“ค่ะ ทางเราจะจัดเตรียมเรื่องนั้นให้ไม่ต้องห่วงค่ะ เราต้องการพวกคุณดังนั้นโปรดรีบเดินทางมาด้วยค่ะ”
“จากจุดที่เราอยู่คงใช้เวลาราวสองอาทิตย์เป็นอย่างน้อยค่ะ ไม่ทราบว่าเวลาในการเข้าปะทะเมื่อไหร่คะ”
“สองเดือนหลังจากนี้ค่ะ โดยตอนนี้เราได้เตรียมพร้อมกองยานจำนวนหนึ่งเอาไว้ที่ J-103เพื่อรับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเอาไว้ก่อนแล้ว”
“ค่ะเราจะรีบเดินทางไปทันที ถ้าเช่นนั้นขอให้ทางนั้นโชคดีค่ะ”
กัปตันสาวพูดพลางตัดสัญญาณการสื่อสาร
“ก็อย่างที่ได้ยินไปนั่นแหละ เรื่องใหญ่มาก”
“แต่เดิมเราก็มีตัวตนเพื่อไล่ฟัดกับพวกมันอยู่แล้วนี่ครับกัปตัน”
แดนนี่พูดพลางแสยะยิ้ม
“ผมจะไปแจ้งให้สองคนนั้นรู้”
“รองกัปตัน เดินทางแบบทิ้งร่องรอยให้กองยานจีนหาเราเจอด้วยล่ะ หลังจากเข้าเขตของญี่ปุ่นให้สร้างเน้นทางลวงไปยังดาวJ-103” กัปตันสาวติดต่อไปหารองกัปตันที่อยู่บนหอบังคับการเรือ
“งานนี้กองยานจีนคงบ้าตาย เพราะได้แต่เต้นไปตามจังหวะของพวกเราตลอด”
แดนนี่พูดพลางส่ายหัว
“ก็ถ้ายังไม่โดนทำลายหมดล่ะก็นะ”
อาเธอร์พูดพลางคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆวันนี้
สิบนาทีต่อมาหลังจากการประชุมจบลง
“อะแฮ่ม ลูกเรือทุกคนโปรดทราบ ประกาศสถานการณ์พร้อมรบระดับหนึ่ง ขอให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง เราจะรีบมุ่งหน้าไปยังดาวแม่ของญี่ปุ่น และนี่ไม่ใช่การซ้อมใดๆ ตอนนี้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น ทางเจ้าหญิงของจักรวรรดิญี่ปุ่นออกปากขอร้องเราเองเลยด้วย ดังนั้นได้เวลาแสดงพลังของพวกเราให้ไอ้เจ้าพวกอีทเตอร์บ้าได้เห็นพลังของพวกเดนตายอย่างพวกเราแล้ว!! เอาล่ะเจ้าพวกลูกลิงแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่เลย!!”
เสี่ยงโห่ร้องของเหล่าลูกเรือดังก้องไปทั่วยาน แต่ภายในห้องของอาเธอร์มีบรรยากาศตึงเครียดแทน เมื่อยูอิรู้ถึงเรื่องนี้เข้า เธอถึงกับนั่งซึมเอาผ้าห่มคลุมโปงอยู่แบบนั้น โดยลอร่าคอยนั่งอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา ส่วนอาเธอร์ได้แต่นั่งเครียดอยู่ที่ขอบเตียงพลางมองแหวนเงินที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งมันเป็นแหวนที่เหมือนๆกับที่ลอร่าและยูอิใส่ ใช่มันคือแหวนหมั้นที่เขาซื้อมา ซึ่งตอนไปซื้อเล่นเอาเจ้าของร้านถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
Valkyrie ตอนที่2 การติดต่อจากเจ้าหญิง