ก็...ใกล้สอบละเนอะ เขียนวันละนิดๆ เสร็จช้าไม่ว่ากัน ฮาๆ
ชื่อของผมคือ “โอ” ผมอายุ 17 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร…แต่ตอนนี้
“เราจะมีแฟนแล้ว!! เย้!!”ผมกระโดดโลดเต้นด้วยความคึกคะนองจนทำให้เพื่อนของผมที่นั่งอยู่ข้างๆต้องยกมือมากุมขมับอย่างเหนื่อยใจ
“จะเป็นรอบที่ 1,000อยู่แล้ว—จะตะโกนก็ให้ดูสถานที่หน่อยสิ…เพื่อน!!?”เขาว่าพลางกระแทกไหลผมจนสั่นเอนไปทั้งตัวสติเริ่มกลับมาทำให้รู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในโรงอาหารที่คนเดินชุลมุนพลุ่งพล่านไปหมดจนได้รับความอับอายจากการจ้องมองเลยต้องนั่งลง“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะน่า นายจะคลั่งไปแล้วมั้งกับนังน้ำห้อง 4 นะ!”
“โธ่!! อัยฟ้า!เป็นถึงดาวโรงเรียนเลยนะเฮ้ย! ธรรมดาที่ไหนกัน!?”ผมว่าด้วยความลุ้นระทึก
“ได้เจอ ได้คุย ได้เรื่อง…แล้วเรื่องกระเป๋าใบนั้นละ?”ฟ้าถามขึ้นทำเอาผมหงิดหย่อนตัวลงนั่งด้วยความตึงเครียดผมเงยหน้ามองเพดานพร้อมกับนึกถึง3 วันก่อน
วันนั้นผมกับเพื่อนฟ้านัดกันเจอที่ห้างเพื่อไปซื้อข้าวของเข้าห้องหอผมเพราะสิ่งจำเป็นในบ้านทั้งแปรงฟันยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน อาหารทุกอย่างดันหมดลงจนน่าประหลาดเหมือนมันนัดกันหมดเสียกระนั้น! แล้วผมก็ได้เจอเธอ… น้ำ เด็กเรียนหน้าตาดีฐานะที่บ้านปานกลาง อายุ 17 เรียนห้อง 4 เลขที่ 26 เกรดเฉลี่ยที่ได้เทอมก่อน 3.88 สูง172 น้ำหนัก 62 กิโล ขาวสูง สัดส่วนกระชับจากการเล่นกีฬา เอ่อ! เธอเล่นบาสเกตบอลด้วยถึงแม้จะไม่ได้ลงแข่ง สู้ตัวจริงไม่ได้แต่ก็นับว่าเล่นเก่งทีเดียวอยู่บ้านช่วยครอบครัวทำกับข้าว ทำงานบ้านล้างจานต่างๆนาๆตกดึกทำการบ้านภาษาเด็กขยัน ทำเช่นนี้ทุกๆวันจนเป็นกิจนิสัย ผมรู้ได้ไงนะหรอ!?สโตกเกอร์ตัวพ่อเลยละ ผมนะ! รูปถ่ายเธอเต็มแฟ้มลับผมเลยทีเดียวก็แหม ใครๆก็มีงานอดิเรกกันทั้งนั้นผมเคยติดตามดูเธอตั้งแต่เข้าโรงเรียนจนเธอเข้านอน ลำบากขึ้นตึกอีกฝั่งนึ่งนิดหน่อยแต่ที่ได้มามันก็คุ้มค่าการเห็นเธอเพียรพยายาม ทำการบ้านงานบ้านแล้วก็เข้านอนตอนเวลาประมาณ 21:00 น. แค่นั้นผมก็ประทับใจแล้วไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขยันขนาดนี้… เล่าเรื่องของเธอมามากแล้วเรากลับมาเข้าเรื่องเลยดีกว่า!
วันนั้นเราเจอเธอเช่นกันดูเหมือนเธอจะมาซื้อของใช้อะไรบางอย่าง แต่มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วใครจะเข้าห้างมาเพื่อกินข้าวกันละ!? ความเป็นสโตกเกอร์ก็บังเกิดผมสะกิดบอกฟ้าว่าผมจะตามเธอไปซึ่งเรื่องงานอดิเรกของผมมันก็รู้ดีอยู่แล้วมันถอนหายใจลากยาวมือเท้าเอวกุมขมับดูสังเวชในวิถีชีวิตผมมาก
“นายจะตามเธอไปทำไมวะ?สู้นายเดินไปคุยกับเธอเลยจะไม่ดีกว่าหรอ?”ฟ้าเสนอความคิดเห็นพลางใช้อีกมือมาบีบไหล่ผม
“นายจะบ้าหรอ!!? เกิดเธอปฏิเสธขึ้นมาความหวังกุก็พังทลายลงหมดสิ!”
“แล้วนายจะตามดูเธอไปแบบนี้ตลอดชีวิจหรือยังไง?”ฟ้าพูดถูก…หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ต่างจากการไม่รู้จักกันแต่จะให้เด็กติดเกมส์ติดเที่ยวไปจีบเด็กเรียนเนี้ย…มันก็ยังไงอยู่ใช่ไมละ!?
ผมตัดสินใจเดินตามน้ำไปก่อนที่เธอจะหลุดจากสายตาผมแต่ฟ้ามันดันมาด้วยเนี้ยก็นับเป็นเรื่องแปลกจริงๆ ปกติหมอนี้มันจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครเสียเท่าไรเห็นมันบอกว่ามีลางสังหรณ์แปลกๆเลยอยากจะมาตามดู
เมื่อเดินตามกันมาได้สักพักหนึ่งน้ำก็โค้งเข้าร้านหนังสือทำเอาพวกผมนิ่งดูด้วยความสงสัยเพราะร้านหนังสือที่เธอเข้าไปเป็นร้านหนังสือการ์ตูนนับเป็นแจ็คพ็อตทีเดียวเพราะผมไม่เคยรู้รายละเอียดด้านงานอดิเรกเธอมาก่อนไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนติดการ์ตูนเหมือนกัน แล้ว…มันเป็นการ์ตูนประเภทอะไรละ!?เริ่มอยากรู้แล้วละสิ งั้นก็ต้องตามไปดู!
หมับ!! เพื่อนฟ้ามันกระชากคอเสื้อผมอย่างไวเมื่อเห็นผมออกเดินมันทำหน้าเหมือนจะจับผิดพลางพูดด้วยน้ำเสียงเบาเงียบ
“มันจะก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นไปหน่อยมั้ง?”
“นายเนี้ยไม่รู้อะไรซะแล้วการเป็นสโตกเกอร์นะเรื่องแบบนั้นเราไม่เอามาคิดให้รู้สึกผิดหรอก”ว่าแล้วผมก็หันกลับไปจะเดินเข้าร้านก็ถูกฟ้าดึงคอเสื้อไว้อีก
“กุว่า…เรากลับดีกว่า”ฟ้าพยายามดึงผมออกจากโลกส่วนตัวแต่ด้วยนิสัยดื้อรั้งบวกกับข้อมูลที่หายากยิ่งจึงทำให้ผมสะบัดตัวออกแล้วหันมามองเขาด้วยความขุ่นเขือง
“มืงจะกลับก็กลับไปเลย!”ผมพูดกระแทกอย่างลืมตัวทำเอาฟ้าผงะตกใจจากแรงสะบัด
“อ่อ! นี้มืงพูดกับเพื่อนแบบนี้หรอ!?”
“กุไม่ได้ขอให้มืงตามมาสักหน่อย!!? อยากกลับก็กลับไปเล๊ย!”น้ำเสียงจากกระซิบเริ่มเปลี่ยนเป็นถากถางและดังขึ้นจนคนรอบๆเริ่มหันมอง
“หรอ!? ใครละที่ขอให้กุมาซื้อของเป็นเพื่อนน่ะ!!?มืงไม่ใช่หรือไง!!”ว่าแล้วมันก็กระชากคอเสื้อผมจนร่างลอยตามแรงดึงผมเถียงไม่ออกแต่กลับอยากชนะเพื่อนของผม
“แล้วยังไงเล่า!!?”ว่าแล้วผมก็กระชากคือเสื้อมันมาและง้างหมัดซึ่งฟ้าที่เห็นก็ง้างหมัดจะสวนกับผม
“หยุดนะ!!?”
เสียงทีดังลอยออกมาทำเอาผมกับฟ้าตกใจแว๊บแรกเราก็คิดว่าเป็นรปพ. หรืออะไรประมาณนั้นแต่ที่วิ่งเข้ามาคือน้ำที่เดินถือถุงร้านหนังสือออกมาพร้อมด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“อย่าทำร้ายกันสิคะคุณสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ?”น้ำพูดจาเกลี้ยกล่อมจนผมต้องเอามือลงเมื่อฟ้าเห็นผมเอามือลงก็จึงเอาลงตามเพราะตัวชวนทะเลาะคือผม ฟ้าคงเพียงแค่จะสวนกลับตามภาษาคนไม่ยอมให้โดนฝ่ายเดียว
“…ส…สวัสดี…”ด้วยความกระวนกระวายผมจึงเอ๊ยทักทายน้ำออกไปจนทำให้สถานการณ์ดูตลกขึ้นมาทันตาแล้วฝูงไทยมุงก็แตกสลายจะให้ไม่ขำได้ยังไงละ ก็ผมกับฟ้ายังจับคอเสื้อจะซัดกันอยู่เลยบวกกับสีหน้าที่ดูเออๆของผมด้วยกระมัง
“…อุ๊บ! คะ…สวัสดี”น้ำยกมือปิดปากหัวเราะดูตลกขบขันแต่ผมกลับดีใจอย่างเป็นปิติการที่ทำให้คนที่เราชอบหัวเราะได้เนี้ยมันมีความสุขจริงๆนะ
นั้นเป็นการพูดคุยครั้งแรกของเราฟ้าหลังจากที่ดูน้ำหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งก็ปล่อยคอเสื้อผมออกพลางเดินถอยออกมาเหมือนเข้าใจสถานการณ์และจะปล่อยให้ผมกับน้ำได้อยู่กันสองต่อสองแต่กลับถูกน้ำดึงตัวรั้งไว้
“ไม่ได้นะคะต้องมาคุยให้คืนดีกันก่อนคุณทั้งสองคนน่ะ!”ว่าแล้วเราสามคนก็เดินออกมาจากจุดนั้นเราเดินไปที่จุดจอดรถที่อยู่บนชั้น 3 ของห้างเมื่อมาถึงน้ำที่เดินนำก็หันหลังมาพร้อมกับยืนมือไขว่หลังรอคอยการกระทำของผมกับฟ้า
“…ผมว่าผู้ชายเขาไม่…ทำเรื่องแบบนี้กันหรอกนะ”ผมแอบเสนอความคิดเห็นแต่ดูเหมือนน้ำจะไม่พอใจทำสีหน้าจริงจังขึ้นจนผมต้องหันกลับมามองฟ้าที่มองเหม่อลอยไปมาซ้ายขวา
“เร็วๆ!”น้ำว่าขึ้นจนทำให้ผมสะดุ้งและก้มหน้าเธอน่ากลัวว่าที่เราคิดอีกแฮะ
“…ขอโทษ!”
“อืม…ขอโทษ”ฟ้าพูดด้วยสีหน้าตายพลางเดินมากอดคอผม“ต่อไปก็เป็นทีของนายละนะ”ฟ้ากระสิบข้างหูผมก่อนมันจะยิ้มที่มุมปากแล้วเดินจากไปพลางโบกมือ
แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินลับตาก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อมีคนวิ่งพรวดอออกมาจากประตูอัตโนมัติที่เรากำลังยืนล่ำลากันอยู่พร้อมกับฝูงคนนับสิบที่วิ่งตามออกมาพวกผมรวมทั้งฟ้ายืนนิ่งมองดูด้วยความมึนงงก่อนที่จะมีผู้หญิงดูอายุราวๆเดียวกับผมตาสีน้ำตาล ผิวขาวอมชมพู หน้าตาน่ารัก รวบผมหางม้าสีดำยาวสลวย สูงพอๆกับน้ำเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบหนึ่ง
“นี่…”เขาเรียกผมทั้งๆที่ผมก็กำลังจ้องเขาอยู่ “ฉันขอฝากกระเป๋าใบนี้ให้หน่อยนะเสร็จแล้วก็…ถ้าฉันไม่กลับมาหาพวกเธอใน1ชม.หรือ2ชม. พวกเธอก็เอากระเป๋านี้ไปเผาหรืออะไรก็ได้ แต่ห้ามให้พวกตำรวจ เด็ดขาด!” เธอกำชับแน่นก่อนจะดึงหนังยางที่มัดผมไว้ออกพลางเริ่มออกวิ่งตามเส้นทางที่คนเมื่อครู่เดินไป“อ่อ!! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามเปิดกระเป๋านะ!!”เธอตะโกนทิ้งทายก่อนจะวิ่งจากไป
ฟ้าที่เมื่อครู่จะวิ่งจากไปกลับเดิมกลับมาพร้อมกับคำถาม“ผู้หญิงนั้นใครนะ!? แล้วกระเป๋านี้มันคืออะไร?” เล่นยิงคำถามที่ตัวผมเองยังไม่รู้แบบนี้มันจะให้ตอบยังไงละนอกจาก…
“เราก็ไม่รู้แต่ดูเหมือนจะไม่ดีซะแล้…”
ตูม!!! อาคารสั่นสะเทือนไปทั่วพร้อมกับเพลิวไฟที่ลุกท่วมออกมาจากระเบียงชั้นล่างจนทำให้จุดที่พวกผมอยู่ร้อนวูบ
พวกเราที่ก้มตัวหมอบต่ำจากความร้อนของไฟที่ปะทะเข้ากับตัวก็ค่อยๆยืนขึ้นก่อนจะมองจุดที่พวกเขาเหล่านั้นวิ่งหายลงไปที่บันไดชั้นล่างด้วยสีหน้าตกตะลึง
“…นี้มัน…เรื่องอะไรกัน…”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย satano666o เมื่อ 2013-2-15 01:17
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-3-28 17:13
[Soul Evil] ตอนที่1 ปฐมบทแห่งความหายนะ
[IMG]