นิยายเรื่องนี้เป็นแนวตลกล่ะมั้ง ถ้าผมเขียนให้มันตลกได้นะ โดยคิดพอตได้ตอนนอนเบื่อที่โรงพยาบาล ด้วยอารมณ์ที่ว่า ฉันออยากมีเมดส่วนตัวจังเบย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ จะไม่เน้นฉากบู๊นัก เพราะเขียนเยอะละ มีคนสนับสนุนว่าเขียนแนวรักๆเถอะ เลยเอามั่ง มุ่งเน้นไปที่แนวรักตลกๆกับเรื่องนี้ ปนฉากซาดิสเลือด:Xของพวกที่ตายไม่เป็นทั้งหลายทั้งหลาย บวกกับตลกหืน่ๆ ซึ่งส่วนมากคนเป็นมุกแบบสำเร็จรูปมั้ง รึอาจคิดใหม่หมดก็ไม่รู้เหมือนกันฮ่าๆๆๆๆๆ
.....................................................................................................................
คุณเคยรู้สึกไหม ว่าบ้างครั้งความจริงที่กำลังเป็นอยู่มันก็เหมือนกับเป็นความฝันและบ้างครั้งความฝันมันก็เหมือนเป็นความจริง ใช่ค่ะ ตอนนี้ความจริงสำหรับฉันมันเป็นเหมือนความฝัน แถมเป็นฝันร้ายซะด้วยสิ เพราะอะไรเหรอ ก็ด้านหลังมันมีฝูงซอมบี้กว่าร้อยตัววิ่งไล่ฉันอยู่ยังไงล่ะ ในตอนแรกฉันถูกเจ้าหมอนั่นบอกว่า “ช่วงนี้ฉันเงินเหลือเยอะ งั้นเราไปเที่ยวเรือสำราญกันเหอะ”แต่ผลออกมาคือฉันต้องมาวิ่งเป็นเหยื่อล่อฝูงซอมบี้แทนซะนี่
“เอ้าๆ ยายเมดวิ่งให้ไวกว่านี้สามสิบเท่าซะ ไม่งั้นโดนจับกินนะเฟ้ย”
เสียงยียวนของเจ้าตัวการดังก้องในเครื่องมือสื่อสารที่ฉันสวมเอาไว้ ว่าแต่วิ่งไวกว่านี้สามสิบเท่านายเห็นฉันเป็นรถยนต์รึไง แถมให้ใส่ชุดเมดแบบนี้จะไปวิ่งก้าวยาวๆได้ยังไงกัน
“ฉันเป็นคนนะ จะไปวิ่งไวขนาดนั้นได้ยังไงกันเล่า!!”
“งั้นข้าขอออกคำสั่งแก่ภูติรับใช้ เจ้าจงวิ่งสู้ฟัดมายังที่ท้ายเรือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าของเจ้าก็จงอย่าหยุดวิ่ง ถ้าฉันไม่สั่ง”
เจ้าตัวการพูดจบร่างกายของฉันก็ไม่ฟังคำสั่งของสมองอีกต่อไป จู่ๆมือของฉันก็เอื้อมไปฉีกกระโปรงของชุดเมดที่ยาวจนคลุมข้อเท้าจนขาด และขาก็เริ่มวิ่งเร็วขึ้นๆจนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเราเองวิ่งได้ไวขนาดนี้ ทันใดนั้นจู่ๆก็มีฝูงซอมบี้โผล่ออกมาขวางทางราวกับฉันอยู่ในการ์ตูน ข้าทั้งสองข้างถีบพื้นอย่างแรง ร่างกายหมุนคว้างกลางอากาศผ่านข้ามหัวฝูงซอมบี้ไปได้ราวกับฉันเป็นนักยิมนาสติกเหรียญทองโอลิมปิก หลังจากนั้นไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางร่างกายของฉันก็กระโดข้ามผ่านได้หมด พระเจ้านี่ฉันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ!!
และเมื่อฉันวิ่งมาถึงท้ายเรือก็พบกับเจ้าหมอนั่น ชายในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำเรือผมสีเงินและดวงตาสีฟ้ากำลังยืนมองฉันจากบนเฮลิคอปเตอร์:X้ภัยที่มาช่วยคนที่รอดชีวิต
“ยายภูติรับใช้ กระโดดขึ้นมาเลย!!!”
สิ้นเสียงของเจ้าหมอนั่น ฉันก็กระโดดได้สูงกว่าสามเมตรขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้จริงๆ โอ๊ย~ ถ้านี่เป็นฝันใครก็ได้มาปลุกฉันทีเถอะ
“เอ้านี่”
เจ้าหมอนั่นพูดพลางยื่นเครื่องยิงจรวดที่พวกทหารใช้กันมาให้ฉัน ส่วนตัวฉันเองก็รับอย่างงงๆ แกจะเอามาให้ฉันทำไมยะ
“จงยิงระเบิดที่อยู่ที่ท้ายเรือ”
ที่ท้ายเรือถ้าจำไม่ผิดมีพวกถังน้ำมันที่ติดระเบิดเอาไว้เต็มไปหมดนี่นะ แต่นี่มันไกลออกจากเรือทุกทีฉันจะไปยิงโดนได้ยังไงกัน ฉันยังเป็นคนนะ!!
“ยิเรือมันเลย!! เอาให้โดนจังๆเลยเข้าใจไหม!!”
สิ้นเสียงของเจ้าตัวแสบร่างกายของฉันก็ขยับไปเองทันที แถมยังยิงโดนเป้าหมายเต็มๆอย่างที่ไอ้หมอนี่สั่งด้วย ให้ตายสิชักกลัวร่างกายตัวเองขึ้นทุกทีแล้วนะ
“ตูม!! ทำได้ดีมากยายภูติรับใช้ เอาไว้กลับไปบ้านแล้วฉันจะให้มันฝรั่งทอดหนึ่งถุงเป็นรางวัล”
“ใครอยากได้กันยะ!!!”
ส่วนใครที่สงสัยเรื่องความเป็นมาฉันจะเล่าให้ฟัง เมื่อราวสี่เดือนก่อนฉันเป็นเด็กสาวมัธยมปลายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนคนทั่วๆไป ที่ไปโรงเรียน คุยกับเพื่อน แล้วก็คอยมองหาความรักแสนหวาน จนวันหนึ่งความซวยก็มาเยือน วันหนึ่งมีโจรบุกเข้ามาที่บ้าน ฉันและทุกคนในครอบครัวถูกมันฆ่าหมด ในจังหวะที่ฉันกำลังจะหมดลมนั้นฉันก็เห็นร่างของชายหนุ่มผมเงินเข้ามาในบ้าน เขาพูดอะไรบางอย่างแล้วแสยะยิ้มพร้อมกับใช้ผลึกแก้วสีแดงแทงเข้ามาในร่างของฉัน หลังจากนั้นสถานะทางสั่งคมของฉันก็ลดต่ำลง จากมนุษย์กลายเป็นภูติรับใช้สภาวะใกล้เคียงพวกทาสก็ไม่ผิดนักล่ะนะ แต่ก็ยังดี ถ้าหากว่าหมอนี่ไม่ได้ออกคำสั่งบังคับร่างกายของฉันก็จะเคลื่อนไหวได้เองแต่เมื่อคำสั่งบังคับภูติออกมาจากปาก นั่นหมายความว่าถึงจะไม่อยากฉันก็ต้องทำตามโดยไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าจะไม่อยากขนาดไหนก็ตาม
อาคารพาณิชย์สูงสี่ชั้นเก่าซอมซ่อใกล้พังเต็มทีในนิวยอร์กถูกใช้เป็นทางเข้าที่ทำการของสำนักงานรับปราบผี+ปีศาจ ผู้อยู่อาศัยสามคน คนแรกคือฉันเองทาคามุระ อากิโกะ เด็กสาวสุดซวยรวยความอึดผู้ต้องถูกใช้เยี่ยงทาส คนที่สองคือนีน่า สิ่งมีชีวิตต่างโลก เธออยู่ที่นี่ในฐานะเมด ไม่สิตัวทำลายข้าวของในบ้าน ถ้ามองๆแล้วเธอเป็นสาวสวยอกโตผมทองคนหนึ่ง ถ้าไม่นับบนหัวที่มีหูแหลมๆของจิ้งจอก แต่ในฤดูหนาวนีน่าก็จัดว่าเป็นผ้าห่มชั้นดีเลยล่ะเพราะหางของเธออุ่นมากเลย คนสุดท้ายคือเทพพระเจ้าผู้นำพาความซวยมาให้ฉัน นามของมันคือ ลอช T. วิคเตอร์ ชายผู้ชื่นชอบการใช้งานฉันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีรสนิยมแปลกๆคือเป็นพวกชอบดนตรีเฮฟวี่เมทัล แต่ในเวลาเดียวกันก็บ้าของน่ารักๆเอามากๆ ให้ตายสิช่างเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองจริงๆ
“ทำยังไงดีๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูจะกังวลมากดังขึ้นจากชั้นสามดังขึ้นในยามเช้าพร้อมเสียงดังโครมครามฉันเลยต้องรีบออกมาจากห้องในสภาพชุดนอนก็พบกับเมดสาวนีน่าผู้ยืนห้อยหัวลงมาจากเพดานราวกับยืนอยู่บนพื้นปกติกำลังมองซ้ายมอขวาอย่างหวาดกลัว และในตำแหน่งนั้นมันก็น่าจะเคยมีสิ่งที่ควรจะมีแต่ไม่มีนั้นคือแชนเดอเรียที่แขวนอยู่มันหายไป และเมื่อฉันชะโงกหน้าลงไปชั้นหนึ่งซึ่งถูกทำเป็นออฟฟิศก็พบกับผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน นั่นคือนายลอช T. วิคเตอร์ ผู้ถูกแชนเดอเรียตกใส่หัวนอนค่าที่แต่คาดว่าไม่ตายหรอก เพราะคนบ้าน่ะตายยาก
ฉันกวักมือเรียกให้นีน่ามาหาและเธอเองก็รีบมาทันที ฉันได้แต่หรี่ตาแสยะยิ้มอย่างสะใจที่ไอ้หมอนี่มันโดนซะบ้าง
“ว๊ากกกกกกก ใครเป็นคนทำกัน!!”
“ก็เคยบอกแล้วไง ว่าโซ่ของแชนเดอเรียมันผุหมดแล้วน่ะ มันจะตกลงไปก็ไม่แปลกหรอก!! ก็นายเป็นคนบอกเองว่าให้แขวนมันเอาไว้อย่างเดิมเองน่ะ จำไม่ได้รึยังไงกัน!!”
ฉันตะโกนสวนลงไปเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ฉันเคยพูดแบบนั้นเหรอ งั้นช่างเถอะ!!”
เคยพูดที่ไหนล่ะ เจ้าบ้า แถมแชนเดอเรียเพิ่งซื้อมาได้แค่เดือนเดียวมันจะผุได้ไง ฉันได้แต่แสยะยิ้มอย่างสะใจ
หลังจากนั้นฉันกับนีน่าก็ต้องมาช่วยกันเก็บกวาดซากแชนเดอเรียกันต่อทันที ส่วนเจ้าหมอนั่นก็ได้แต่นั่งเอาขาสองข้างวางเอาไว้บนโต๊ะพลางฟังเพลงจากเครื่องเล่นMP3 สบายอารมณ์ให้ตายสิ ซักวันฉันจะต้องฆ่านายให้ได้เลย!!
ฉันน่ะเหรอภูติรับใช้ ปฐมบทของภูติรับใช้