ในที่แห่งหนึ่งที่มีบรรยากาศหนักอึ้ง เหล่าคนที่นั่งบนที่นั่งที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังประชุมอะไรบางอย่างอยู่
แต่กลับมีอยู่ที่หนึ่งที่ว่างไว้ และดูเหมือนว่ามันจะเป็นที่พิเศษกว่าใครอื่น และมันตั้งอยู่ท่ามกลางของหัวแถว
ชายวัยกลางคนใบหน้าดูโหดเ:X้ยม นั่งอยู่ถัดจากที่ว่างทางด้านขวา เขาแต่งชุดใส่ผ้าคลุมหนาจนไม่เห็นภายใน แต่ดูจากภายนอกแล้วเขาคงจะมีอำนาจพอตัว
"เรื่องที่พวกเราเตรียมกำลังไว้นั้นก็พร้อมแล้ว ขอแค่มีคำสั่งเราก็ออกรบได้" เขาพูด "แต่ปัญหามันอยู่ที่..." เขาหลับตาลง พลางส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
ผู้หญิงที่ค่อนข้างสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เธอใส่ชุดที่ดูโปร่งสบายกว่าและดูเรียบร้อย เธอใส่หมวกที่ใส่แล้วดูมีความรู้ความสามารถ แต่ดูเหมือนว่ายศของเธอก็ใหญ่อยู่เหมือนกัน "ก็พอเข้าใจล่ะนะท่านแม่ทัพใหญ่" เธอพูด แล้วมองไปที่เก้าอี้ที่ว่างไว้ที่ดูพิเศษกว่าคนอื่น
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอกล่าวขึ้น คนอื่นๆในที่ประชุมก็มองไปยังที่ว่างนั้นด้วยสายตาที่เซ็งๆ
"อ้อ ใช่ ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะตรัสว่า จะไปดูลาดเลาอะไรนี่แหละ แต่ก็นะ มีที่ไหนที่ผู้นำเอาตัวเองลงไปเสี่ยงแบบนั้นน่ะ ใช้ไม่ได้เลยนะ ราชินีองค์นี้เนี่ย" เธอคนนั้นกล่าวอย่างประชดประชัน เพราะแม้เธอจะใช้ราชาศัพท์ แต่เธอกลับกล่าวเสียดสีคนที่เธอเรียกว่าราชินีได้อย่างเจ็บแสบ
คำพูดของเธอเล่นเอาทุกคนในที่นั้นเงียบไปทันที จะมีก็แค่แม่ทัพที่มองเธอด้วยสายตาทีโกรธแค้นเท่านั้น
"ท่านเสนาบดีใหญ่ ถึงแม้เวลาฝ่าบาทไม่อยู่ท่านจะมีอำนาจใหญ่ที่สุด แต่ท่านก็ไม่ควรกล่าววาจาเช่นนั้นนะ" แม่ทัพพูดอย่างราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความดุดันกดดันอีกฝ่ายที่ไม่ให้ความเคารพต่อประมุข
แต่หล่อนได้ยินแล้วกลับยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้
หลายคนเห็นอย่างนั้นแล้วก็แทบอยากจะประเคนบาทาใส่เธอทันที แต่ทว่าทำไม่ได้ เพราะเธอคนนั้นยิ่งใหญ่กดทุกคนไว้ให้ระงับไว้ได้
เสนาบดีใหญ่เห็นสถานการณ์แบบนี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอก็พูดขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่า "เฮ้อ มัวแต่หาเรื่องทะเลาะกันอยู่ได้ แค่หยอกนิดหยอกหน่อยเอง แล้วอีกอย่างที่พวกเรามาวันนี้น่ะมันใช่เรื่องที่จะมาทะเลาะกันแบบนี้เหรอ?" แล้วเธอก็มองไปยังทุกคน
ทุกคนในที่ประชุมได้ยินก็คิดตาม ซึ่งมันก็จริงตามนั้น
"เอาล่ะ พวกเรามาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า" เธอเริ่มพูด "เรื่องที่ว่าตัดสินใจที่จะทำสงครามกับกองทัพโลกน่ะ สรุปแล้วจะเอายังไงดี ตอนนี้ทั้งๆที่ไพร่พลกับเสบียงอะไรก็เตรียมพร้อมไว้แล้วด้วย แต่ปัญหาคือไม่มีคนสั่งการ ไม่สิ อนุมัติการออกศึก ซึ่งตามกฎแล้วคนที่จะอนุมัติได้ก็มีแค่คนเดียวคือองค์ราชินี แต่ตอนนี้พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าพระองค์จะเสด็จไปที่โลกเพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง ซึ่งพระองค์ก็ไม่ได้ตรัสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยน่ะนะ"
ว่าแล้วเธอก็หลับตาลงถอนหายใจ "คิดอะไรของยัยนั่นกัน" เธอคิดจากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า
"แต่ทั้งนี้ หากไม่มีคนอนุมัติซึ่งก็คือประมุข ก็สามารถออกคำสั่งได้โดยทางด้านเรื่องทั่วไปในอาณาจักรก็เป็นหน้าที่ของเสนาบดีใหญ่ซึ่งก็คือฉันเรดียน
ส่วนถ้าเรื่องการทหาร การศึก ยุทโธปกรณ์ต่างๆนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของแม่ทัพใหญ่อย่างท่านบาเรียน" เธอพูดแล้วมองไปที่แม่ทัพใหญ่
"ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้คนที่ตัดสินใจก็ควรเป็นท่านแม่ทัพใหญ่อยู่แล้วนี่"
"ใช่ๆ แล้วพวกเราจะมาประชุมกันทำไมกันน้อ?"
"แต่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสินะ?"
เหล่าคนในที่ประชุมเริ่มตั้งคำถามกันจนเริ่มส่งเสียงดัง
เสนาบดีเห็นดังนั้นก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า "ทุกคน โปรดเงียบด้วย" เธอพูดแกมบังคับ
ซึ่งก็ได้ผล ทุกคนเงียบกริบกันในทันที
"แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า..." เธอเริ่มพูดต่อ "...เรื่องนี้มันเป็นผลกระทบใหญ่ต่ออาณาจักรของเรา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้สิทธิ์การตัดสินใจว่าจะออกรบหรือไม่ออกรบนั้นเป็นของท่านแม่ทัพใหญ่ แต่ฉันในฐานะเสนาบดีใหญ่ผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในอาณาจักรนั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะร่วมตัดสินใจกับท่านแม่ทัพด้วย"
มันก็จริง การทำสงครามนั้นเป็นปัญหาระดับประเทศ ถ้าหากผู้นำไม่อยู่ คนอื่นก็จำเป็นต้องปรึกษาหารือกันให้ดีเสียก่อน เพราะความเสียหายนั้นอาจทำให้พวกเขา ไม่สิ ทั้งประเทศของเขาล่มจมได้
แต่ในกรณีนี้ผู้นำไม่อยู่ พวกเขาจะทำยังไงกันดีนะ?
การประชุมผ่านไปนาน จนกระทั่งเห็นว่าสมควรที่จะหยุดการประชุมได้แล้ว ทุกคนจึงทำการเลิกประชุม
ดูเหมือนว่าผลการตัดสินใจนั้นจะยังไม่ได้ชี้ชัดว่าจะต้องออกรบหรือไม่
ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ในกรณีที่ประมุขไม่อยู่ คนที่เป็นใหญ่ด้านการรบก็มีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจ แต่กลับถูกแทรกแซงด้วยคนที่เป็นใหญ่รองจากประมุข ถึงแม้สิทธิ์ขาดจะอยู่ที่แม่ทัพ แต่อีกฝ่ายก็ใหญ่ไม่แพ้กัน จึงยากแก่การตัดสินใจ
โลกจึงสงบสุขต่อไปล่ะนะ
หลังประชุมเสร็จ
เสนาบดีใหญ่กลับมาที่สำนักงานของตน เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่หมุมได้ แล้วถอนหายใจดังฟู่
"รอดไปที อย่างน้อยเราต้องยื้อเวลาการรบนี้ออกไปให้ได้" เธอคิด
"ยัยนั่นทิ้งเรื่องยุ่งยากหนีออกไปประจำ ไม่รู้รึไงว่าลำบากคนอื่นเขาน่ะ" เธอพูดขึ้นพร้อมกับเอามือทุบโต๊ะอย่างไม่พอใจ "อีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่มีอำนาจมากนะ กว่าจะโน้มน้าวคนได้แทบแย่แน่ะ" จากนั้นเธอก็หมุนเก้าอี้ไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ทำให้ขาของเธอไปชนกับด้านในโต๊ะอย่างจัง "อ๊าาา เจ็บๆๆๆ" เธออุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วเธอก็เอามือทั้งสองกุมที่ขาแล้วก้มพ้นลมลงไปตรงส่วนที่เจ็บเพื่อบรรเทาอาการ
ทันใดนั้นเอง ประตูก็เปิดขึ้น
จากนั้นปรากฏสองสาวเดินเข้ามา
"ท่านพี่เรียกเรามามีอะไรคะ?" หนึ่งในนั้นที่ใส่ชุดเกราะแบบนักรบ พูดขึ้น
เรเดียนเลิกเป่าขา แล้วมองไปที่สองคนที่ยืนอยู่เบึ้องหน้าของเธอ "มาแล้วเหรอ อาลี่ โฮลี่"
"อื้ม ก็มาอยู่นี่แล้วไง มีไรว่ามา" หญิงสาวตัวเล็กใส่ชุดสีขาวพูดขึ้นอย่างรวบรัด หรือเรียกง่ายๆว่า ห้วนๆนั่นแหละนะ
"ระวังหน่อยโฮลี่ ตอนนี้เราอยู่ในหน้าที่นะ!!!" หญิงสาวที่ตัวสูงกว่าและใส่ชุดเกราะกล่าวเตือนพร้อมทั้งจ้องไปที่่โฮลี่ โฮลี่ได้ยินก็ได้แต่อมลมไว้อย่างไม่พอใจ
เรเดียนมองทั้งสองคนแล้วก็พูดขึ้นมาว่า "เอาน่า อาลี่ ตอนนี้จะเป็นกันเองก็ได้ ไม่มีใครอยู่ซักหน่อย" "แต่ว่า..." "เฮ้อ...ทำไมถึงพูดยากพูดเย็นอย่างนี้นะ น้องสาวทั้งสองคนเนี้ย" เธอพูดพลางถอนหายใจ
อาลี่เห็นดังนั้นก็รีบบอกอย่างลนลานว่า "กะ...ก็ได้ท่านพี่" จากนั้นเธอก็ถามต่อว่า "แล้วเรื่องที่เรียกพวกเรามาล่ะคะ?"
เรเดียนนึกขึ้นได้ก็บอกว่า "อ้อ เรื่องนั้น..."
"ให้หนูเดา เรื่องของนันน่าร์แน่นอน" โฮลี่ชิงพูดขึ้นก่อน
เรเดียนก็ได้แต่พยักหน้า พร้อมกับบอกว่า "ก็นึกอยู่แล้วล่ะว่าพวกเธอต้องรู้อยู่แล้วน่ะ"
"เอ๋??? นันน่าร์ทำไมหรือคะ?" อาลี่ถาม
เรเดียนจึงเล่าเรื่องราวที่ประชุมมาให้ทั้งสองฟัง
"ก็เพราะอย่างนี้แหละ ฉันถึงต้องขอให้พวกเธอช่วยหน่อย"
"ช่วย?" อาลี่ถาม
เรเดียนพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า"ก็แน่นอน ช่วยไปพานันน่าร์กลับมาที"
"ว้าว งานนี้น่าสนุกแฮะ" โฮลี่ร้องขึ้นมา
อาลี่ก็พูดว่า"เธอก็คิดแต่เรื่องสนุกนะ" แล้วก็ส่ายหัวอย่างหน่าย
"ใครมันจะไปจริงจังตลอดเหมือนอาลี่ล่ะ" โฮลี่ตวาดพร้อมท่าทีที่ขึงขังพร้อมจะมีเรื่อง
"นี่เธอ!!" อาลี่เองก็ชักจะทนไม่ได้เมื่อเห็นอาการของโฮลี่
"พอเลยๆ ทั้งสองคน" เรเดียนรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปห้ามระหว่างทั้งสองคน
"ขอโทษค่ะท่านพี่" อาลี่กล่าวขอโทษพร้อมกับก้มลงอย่างสำนึกผิด
โฮลี่รู้ตัวก็ยิ้มนิดหน่อย แล้วก็กล่าวว่า "อ๊ะ โทษทีจ้า"
"เฮ้อ พี่งเตือนไปตะกี้เอง ช่างเถอะ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ พานันน่าร์กลับมาให้ได้ล่ะ ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม" เรเดียนเน้นย้ำคำสั่งกับทั้งสองคน
"รับทราบ" อาลี่
"เยส เซอร์" โฮลี่รับคำพร้อมกับวันทยาหัตถ์
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปเพื่อปฎิบัติภารกิจให้สำเร็จ
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว
"ฉันจะไว้ใจสองคนนี้ได้รึเปล่าเนี่ย" เรเดียนกล่าวขึ้นพร้อมทั้งถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ "ที่เธอไม่อยู่ที่นี่โดยการหนีไปโดยอ้างว่าไปสำรวจ จริงๆเธอคิดอะไรอยู่กันแน่นะ? นันน่าร์" แล้วเธอก็มองไปที่รูปของราชินีที่อยู่ตรงผนังของห้องทำงาน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่ไหนซักแห่งบนโลก
ลูน่าร์ที่เข้าร่วมศึกชิงเจ้าชายหาดกำลังเจอกับศึกหนักในรอบตัดสิน
คนที่เธอเจอด้วยนั้นก็ใส่ชุดคล้ายกับเธอ
ใช่แล้ว นันน่าร์นั่นเอง!!!
"ยัยนี่เป็นใครกัน เรื่องฝีมือดาบนั่นไปเรียนมาจากไหนกันนะ?" เธอคิด แล้วก็หลบดาบที่แทงตรงเข้ามาได้อย่างหวุดหวิด
"ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องของคนอื่นนะคะ คุณลูน่าร์" นันน่าร์กล่าวพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างใจดี แต่การกระทำของเธอกลับตรงกันข้าม เพราะเธอรัวดาบใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง ซึ่งลูน่าร์ก็หลบได้อย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง
หลังจากลูน่าร์ตั้งหลักได้ เธอก็ตวัดดาบใส่ดาบของนันน่าร์ แรงนั้นส่งให้ดาบที่พุ่งเข้ามาผิดวิถีแทงไปที่อากาศธาตุ
"โห เก่งดีนี่คะ" นันน่าร์กล่าวแล้วก็ชักดาบกลับมา ส่วนลูน่าร์เห็นว่าเป็นโอกาสจึงฟันดาบไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
เคร้ง เสียงดาบประทะกันดังสนั่นไปทั่วสนามประลอง คนดูก็มองด้วยความสนใจ
แต่ใบหน้าของลูน่าร์กลับดูเหมือนว่าเธอตกใจมาก "ไม่จริงน่า ช่วงจังหวะเมื่อกี้ เธอไม่มีทาง..." เธอกล่าว
นันน่าร์ที่รับดาบของลูน่าร์ได้ก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ไม่รู้สิคะ อยู่ๆมันก็ทันเองน่ะค่ะ"
"โกหกสินะ" ลูน่าร์กล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจระคนกับตกใจ
แน่นอน นันน่าร์ต้องโกหกแน่นอน
เพราะตอนที่ลูน่าร์ฟันปัดไปนั้น ในจังหวะที่นันน่าร์ชักดาบกลับ เธอก็ฟันดาบเข้าไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายไม่มีทางรับหรือหลบได้
แต่ทว่านันน่าร์กลับรับดาบของเธอได้อย่างง่ายดาย!!!
"นี่เธอ...เป็นใครกันแน่...?" ลูน่าร์จ้องมองนันน่าร์อย่างสงสัยและหวาดระแวงเนื่องจากฝีมือของเธอนั้นเข้าขั้นร้ายกาจ
แต่ทางนันน่าร์กลับยิ้มแล้วตอบมาว่า "ฉันก็เป็นแค่สาวใช้ของเฮลิออสแค่นั้นแหละค่ะ"
จากนั้นทั้งสองก็ถอยไปตั้งหลัก ดูเหมือนว่าศึกนี้ยังคงอีกยาวไกล ใครจะเป็นฝ่ายชนะกันนะ?
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูเหมือนว่าทางเฮลิเบลที่ก็เข้าการต่อสู้ด้วยจะเก็บแต้มไปเรื่อยๆจนเพลินซะแล้วสิ แน่นอนว่าเธอยังไม่เคยแพ้ใครเลยซักครั้งเดียวน่ะนะ
อามาร่าเอาน้ำซึ่งใช้แต้มในการซื้อมาให้เฮลิเบลซึ่งกำลังนั่งพักอยู่ "เอ้านี่ น้ำ" "ขอบใจจ้า" เฮลิเบลกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งรับน้ำมาดื่ม
"เฮลิเบล..." "มีอะไรเหรอ?" "...นี่เธอไปเรียนการต่อสู้มาจากไหนกันเนี่ย?" "ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ?" "ก็สาวน้อยบอบบางอย่างเธอกลับสามารถเอาชนะศัตรูตัวใหญ่ๆที่เป็นตัวเก็งของสนามได้อย่างสบายๆเลยนะ เธอต้องได้เรียนมาจากปรมาจารย์ด้านการต่อสู้แน่เลย" เฮลิเบลซึ่งไม่รู้ว่าตนเรียนมาจากใครก็ได้แต่เออออไปตาม "นั่นสิ ฉันคงไม่ได้เรียนรู้เองหรอก คงจะมีปรมาจารย์มาสอนฉันแน่เลยล่ะ"
เฮลิเบลหรือเทพธิดาแห่งความโกลาหลยังคงเรียกความโกลาหลต่อไป โดยหารู้ไม่ว่า แต้มที่เธอเก็บได้นั้นมีพอที่จะซื้อดาบที่แพงที่สุดได้ซักสองสามเล่มแล้ว
........................................................................................................................................
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเรียนมาจากใครก็ลองไปอ่านตอนแรกดูแล้วกัน
แต่กลับมีอยู่ที่หนึ่งที่ว่างไว้ และดูเหมือนว่ามันจะเป็นที่พิเศษกว่าใครอื่น และมันตั้งอยู่ท่ามกลางของหัวแถว
ชายวัยกลางคนใบหน้าดูโหดเ:X้ยม นั่งอยู่ถัดจากที่ว่างทางด้านขวา เขาแต่งชุดใส่ผ้าคลุมหนาจนไม่เห็นภายใน แต่ดูจากภายนอกแล้วเขาคงจะมีอำนาจพอตัว
"เรื่องที่พวกเราเตรียมกำลังไว้นั้นก็พร้อมแล้ว ขอแค่มีคำสั่งเราก็ออกรบได้" เขาพูด "แต่ปัญหามันอยู่ที่..." เขาหลับตาลง พลางส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
ผู้หญิงที่ค่อนข้างสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เธอใส่ชุดที่ดูโปร่งสบายกว่าและดูเรียบร้อย เธอใส่หมวกที่ใส่แล้วดูมีความรู้ความสามารถ แต่ดูเหมือนว่ายศของเธอก็ใหญ่อยู่เหมือนกัน "ก็พอเข้าใจล่ะนะท่านแม่ทัพใหญ่" เธอพูด แล้วมองไปที่เก้าอี้ที่ว่างไว้ที่ดูพิเศษกว่าคนอื่น
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอกล่าวขึ้น คนอื่นๆในที่ประชุมก็มองไปยังที่ว่างนั้นด้วยสายตาที่เซ็งๆ
"อ้อ ใช่ ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะตรัสว่า จะไปดูลาดเลาอะไรนี่แหละ แต่ก็นะ มีที่ไหนที่ผู้นำเอาตัวเองลงไปเสี่ยงแบบนั้นน่ะ ใช้ไม่ได้เลยนะ ราชินีองค์นี้เนี่ย" เธอคนนั้นกล่าวอย่างประชดประชัน เพราะแม้เธอจะใช้ราชาศัพท์ แต่เธอกลับกล่าวเสียดสีคนที่เธอเรียกว่าราชินีได้อย่างเจ็บแสบ
คำพูดของเธอเล่นเอาทุกคนในที่นั้นเงียบไปทันที จะมีก็แค่แม่ทัพที่มองเธอด้วยสายตาทีโกรธแค้นเท่านั้น
"ท่านเสนาบดีใหญ่ ถึงแม้เวลาฝ่าบาทไม่อยู่ท่านจะมีอำนาจใหญ่ที่สุด แต่ท่านก็ไม่ควรกล่าววาจาเช่นนั้นนะ" แม่ทัพพูดอย่างราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความดุดันกดดันอีกฝ่ายที่ไม่ให้ความเคารพต่อประมุข
แต่หล่อนได้ยินแล้วกลับยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้
หลายคนเห็นอย่างนั้นแล้วก็แทบอยากจะประเคนบาทาใส่เธอทันที แต่ทว่าทำไม่ได้ เพราะเธอคนนั้นยิ่งใหญ่กดทุกคนไว้ให้ระงับไว้ได้
เสนาบดีใหญ่เห็นสถานการณ์แบบนี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอก็พูดขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่า "เฮ้อ มัวแต่หาเรื่องทะเลาะกันอยู่ได้ แค่หยอกนิดหยอกหน่อยเอง แล้วอีกอย่างที่พวกเรามาวันนี้น่ะมันใช่เรื่องที่จะมาทะเลาะกันแบบนี้เหรอ?" แล้วเธอก็มองไปยังทุกคน
ทุกคนในที่ประชุมได้ยินก็คิดตาม ซึ่งมันก็จริงตามนั้น
"เอาล่ะ พวกเรามาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า" เธอเริ่มพูด "เรื่องที่ว่าตัดสินใจที่จะทำสงครามกับกองทัพโลกน่ะ สรุปแล้วจะเอายังไงดี ตอนนี้ทั้งๆที่ไพร่พลกับเสบียงอะไรก็เตรียมพร้อมไว้แล้วด้วย แต่ปัญหาคือไม่มีคนสั่งการ ไม่สิ อนุมัติการออกศึก ซึ่งตามกฎแล้วคนที่จะอนุมัติได้ก็มีแค่คนเดียวคือองค์ราชินี แต่ตอนนี้พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าพระองค์จะเสด็จไปที่โลกเพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง ซึ่งพระองค์ก็ไม่ได้ตรัสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยน่ะนะ"
ว่าแล้วเธอก็หลับตาลงถอนหายใจ "คิดอะไรของยัยนั่นกัน" เธอคิดจากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า
"แต่ทั้งนี้ หากไม่มีคนอนุมัติซึ่งก็คือประมุข ก็สามารถออกคำสั่งได้โดยทางด้านเรื่องทั่วไปในอาณาจักรก็เป็นหน้าที่ของเสนาบดีใหญ่ซึ่งก็คือฉันเรดียน
ส่วนถ้าเรื่องการทหาร การศึก ยุทโธปกรณ์ต่างๆนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของแม่ทัพใหญ่อย่างท่านบาเรียน" เธอพูดแล้วมองไปที่แม่ทัพใหญ่
"ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรื่องนี้คนที่ตัดสินใจก็ควรเป็นท่านแม่ทัพใหญ่อยู่แล้วนี่"
"ใช่ๆ แล้วพวกเราจะมาประชุมกันทำไมกันน้อ?"
"แต่ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสินะ?"
เหล่าคนในที่ประชุมเริ่มตั้งคำถามกันจนเริ่มส่งเสียงดัง
เสนาบดีเห็นดังนั้นก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า "ทุกคน โปรดเงียบด้วย" เธอพูดแกมบังคับ
ซึ่งก็ได้ผล ทุกคนเงียบกริบกันในทันที
"แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า..." เธอเริ่มพูดต่อ "...เรื่องนี้มันเป็นผลกระทบใหญ่ต่ออาณาจักรของเรา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้สิทธิ์การตัดสินใจว่าจะออกรบหรือไม่ออกรบนั้นเป็นของท่านแม่ทัพใหญ่ แต่ฉันในฐานะเสนาบดีใหญ่ผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในอาณาจักรนั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะร่วมตัดสินใจกับท่านแม่ทัพด้วย"
มันก็จริง การทำสงครามนั้นเป็นปัญหาระดับประเทศ ถ้าหากผู้นำไม่อยู่ คนอื่นก็จำเป็นต้องปรึกษาหารือกันให้ดีเสียก่อน เพราะความเสียหายนั้นอาจทำให้พวกเขา ไม่สิ ทั้งประเทศของเขาล่มจมได้
แต่ในกรณีนี้ผู้นำไม่อยู่ พวกเขาจะทำยังไงกันดีนะ?
การประชุมผ่านไปนาน จนกระทั่งเห็นว่าสมควรที่จะหยุดการประชุมได้แล้ว ทุกคนจึงทำการเลิกประชุม
ดูเหมือนว่าผลการตัดสินใจนั้นจะยังไม่ได้ชี้ชัดว่าจะต้องออกรบหรือไม่
ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ในกรณีที่ประมุขไม่อยู่ คนที่เป็นใหญ่ด้านการรบก็มีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจ แต่กลับถูกแทรกแซงด้วยคนที่เป็นใหญ่รองจากประมุข ถึงแม้สิทธิ์ขาดจะอยู่ที่แม่ทัพ แต่อีกฝ่ายก็ใหญ่ไม่แพ้กัน จึงยากแก่การตัดสินใจ
โลกจึงสงบสุขต่อไปล่ะนะ
หลังประชุมเสร็จ
เสนาบดีใหญ่กลับมาที่สำนักงานของตน เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่หมุมได้ แล้วถอนหายใจดังฟู่
"รอดไปที อย่างน้อยเราต้องยื้อเวลาการรบนี้ออกไปให้ได้" เธอคิด
"ยัยนั่นทิ้งเรื่องยุ่งยากหนีออกไปประจำ ไม่รู้รึไงว่าลำบากคนอื่นเขาน่ะ" เธอพูดขึ้นพร้อมกับเอามือทุบโต๊ะอย่างไม่พอใจ "อีกฝ่ายเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่มีอำนาจมากนะ กว่าจะโน้มน้าวคนได้แทบแย่แน่ะ" จากนั้นเธอก็หมุนเก้าอี้ไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ทำให้ขาของเธอไปชนกับด้านในโต๊ะอย่างจัง "อ๊าาา เจ็บๆๆๆ" เธออุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วเธอก็เอามือทั้งสองกุมที่ขาแล้วก้มพ้นลมลงไปตรงส่วนที่เจ็บเพื่อบรรเทาอาการ
ทันใดนั้นเอง ประตูก็เปิดขึ้น
จากนั้นปรากฏสองสาวเดินเข้ามา
"ท่านพี่เรียกเรามามีอะไรคะ?" หนึ่งในนั้นที่ใส่ชุดเกราะแบบนักรบ พูดขึ้น
เรเดียนเลิกเป่าขา แล้วมองไปที่สองคนที่ยืนอยู่เบึ้องหน้าของเธอ "มาแล้วเหรอ อาลี่ โฮลี่"
"อื้ม ก็มาอยู่นี่แล้วไง มีไรว่ามา" หญิงสาวตัวเล็กใส่ชุดสีขาวพูดขึ้นอย่างรวบรัด หรือเรียกง่ายๆว่า ห้วนๆนั่นแหละนะ
"ระวังหน่อยโฮลี่ ตอนนี้เราอยู่ในหน้าที่นะ!!!" หญิงสาวที่ตัวสูงกว่าและใส่ชุดเกราะกล่าวเตือนพร้อมทั้งจ้องไปที่่โฮลี่ โฮลี่ได้ยินก็ได้แต่อมลมไว้อย่างไม่พอใจ
เรเดียนมองทั้งสองคนแล้วก็พูดขึ้นมาว่า "เอาน่า อาลี่ ตอนนี้จะเป็นกันเองก็ได้ ไม่มีใครอยู่ซักหน่อย" "แต่ว่า..." "เฮ้อ...ทำไมถึงพูดยากพูดเย็นอย่างนี้นะ น้องสาวทั้งสองคนเนี้ย" เธอพูดพลางถอนหายใจ
อาลี่เห็นดังนั้นก็รีบบอกอย่างลนลานว่า "กะ...ก็ได้ท่านพี่" จากนั้นเธอก็ถามต่อว่า "แล้วเรื่องที่เรียกพวกเรามาล่ะคะ?"
เรเดียนนึกขึ้นได้ก็บอกว่า "อ้อ เรื่องนั้น..."
"ให้หนูเดา เรื่องของนันน่าร์แน่นอน" โฮลี่ชิงพูดขึ้นก่อน
เรเดียนก็ได้แต่พยักหน้า พร้อมกับบอกว่า "ก็นึกอยู่แล้วล่ะว่าพวกเธอต้องรู้อยู่แล้วน่ะ"
"เอ๋??? นันน่าร์ทำไมหรือคะ?" อาลี่ถาม
เรเดียนจึงเล่าเรื่องราวที่ประชุมมาให้ทั้งสองฟัง
"ก็เพราะอย่างนี้แหละ ฉันถึงต้องขอให้พวกเธอช่วยหน่อย"
"ช่วย?" อาลี่ถาม
เรเดียนพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า"ก็แน่นอน ช่วยไปพานันน่าร์กลับมาที"
"ว้าว งานนี้น่าสนุกแฮะ" โฮลี่ร้องขึ้นมา
อาลี่ก็พูดว่า"เธอก็คิดแต่เรื่องสนุกนะ" แล้วก็ส่ายหัวอย่างหน่าย
"ใครมันจะไปจริงจังตลอดเหมือนอาลี่ล่ะ" โฮลี่ตวาดพร้อมท่าทีที่ขึงขังพร้อมจะมีเรื่อง
"นี่เธอ!!" อาลี่เองก็ชักจะทนไม่ได้เมื่อเห็นอาการของโฮลี่
"พอเลยๆ ทั้งสองคน" เรเดียนรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปห้ามระหว่างทั้งสองคน
"ขอโทษค่ะท่านพี่" อาลี่กล่าวขอโทษพร้อมกับก้มลงอย่างสำนึกผิด
โฮลี่รู้ตัวก็ยิ้มนิดหน่อย แล้วก็กล่าวว่า "อ๊ะ โทษทีจ้า"
"เฮ้อ พี่งเตือนไปตะกี้เอง ช่างเถอะ ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ พานันน่าร์กลับมาให้ได้ล่ะ ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม" เรเดียนเน้นย้ำคำสั่งกับทั้งสองคน
"รับทราบ" อาลี่
"เยส เซอร์" โฮลี่รับคำพร้อมกับวันทยาหัตถ์
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปเพื่อปฎิบัติภารกิจให้สำเร็จ
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว
"ฉันจะไว้ใจสองคนนี้ได้รึเปล่าเนี่ย" เรเดียนกล่าวขึ้นพร้อมทั้งถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ "ที่เธอไม่อยู่ที่นี่โดยการหนีไปโดยอ้างว่าไปสำรวจ จริงๆเธอคิดอะไรอยู่กันแน่นะ? นันน่าร์" แล้วเธอก็มองไปที่รูปของราชินีที่อยู่ตรงผนังของห้องทำงาน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่ไหนซักแห่งบนโลก
ลูน่าร์ที่เข้าร่วมศึกชิงเจ้าชายหาดกำลังเจอกับศึกหนักในรอบตัดสิน
คนที่เธอเจอด้วยนั้นก็ใส่ชุดคล้ายกับเธอ
ใช่แล้ว นันน่าร์นั่นเอง!!!
"ยัยนี่เป็นใครกัน เรื่องฝีมือดาบนั่นไปเรียนมาจากไหนกันนะ?" เธอคิด แล้วก็หลบดาบที่แทงตรงเข้ามาได้อย่างหวุดหวิด
"ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องของคนอื่นนะคะ คุณลูน่าร์" นันน่าร์กล่าวพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างใจดี แต่การกระทำของเธอกลับตรงกันข้าม เพราะเธอรัวดาบใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง ซึ่งลูน่าร์ก็หลบได้อย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง
หลังจากลูน่าร์ตั้งหลักได้ เธอก็ตวัดดาบใส่ดาบของนันน่าร์ แรงนั้นส่งให้ดาบที่พุ่งเข้ามาผิดวิถีแทงไปที่อากาศธาตุ
"โห เก่งดีนี่คะ" นันน่าร์กล่าวแล้วก็ชักดาบกลับมา ส่วนลูน่าร์เห็นว่าเป็นโอกาสจึงฟันดาบไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
เคร้ง เสียงดาบประทะกันดังสนั่นไปทั่วสนามประลอง คนดูก็มองด้วยความสนใจ
แต่ใบหน้าของลูน่าร์กลับดูเหมือนว่าเธอตกใจมาก "ไม่จริงน่า ช่วงจังหวะเมื่อกี้ เธอไม่มีทาง..." เธอกล่าว
นันน่าร์ที่รับดาบของลูน่าร์ได้ก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ไม่รู้สิคะ อยู่ๆมันก็ทันเองน่ะค่ะ"
"โกหกสินะ" ลูน่าร์กล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจระคนกับตกใจ
แน่นอน นันน่าร์ต้องโกหกแน่นอน
เพราะตอนที่ลูน่าร์ฟันปัดไปนั้น ในจังหวะที่นันน่าร์ชักดาบกลับ เธอก็ฟันดาบเข้าไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายไม่มีทางรับหรือหลบได้
แต่ทว่านันน่าร์กลับรับดาบของเธอได้อย่างง่ายดาย!!!
"นี่เธอ...เป็นใครกันแน่...?" ลูน่าร์จ้องมองนันน่าร์อย่างสงสัยและหวาดระแวงเนื่องจากฝีมือของเธอนั้นเข้าขั้นร้ายกาจ
แต่ทางนันน่าร์กลับยิ้มแล้วตอบมาว่า "ฉันก็เป็นแค่สาวใช้ของเฮลิออสแค่นั้นแหละค่ะ"
จากนั้นทั้งสองก็ถอยไปตั้งหลัก ดูเหมือนว่าศึกนี้ยังคงอีกยาวไกล ใครจะเป็นฝ่ายชนะกันนะ?
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูเหมือนว่าทางเฮลิเบลที่ก็เข้าการต่อสู้ด้วยจะเก็บแต้มไปเรื่อยๆจนเพลินซะแล้วสิ แน่นอนว่าเธอยังไม่เคยแพ้ใครเลยซักครั้งเดียวน่ะนะ
อามาร่าเอาน้ำซึ่งใช้แต้มในการซื้อมาให้เฮลิเบลซึ่งกำลังนั่งพักอยู่ "เอ้านี่ น้ำ" "ขอบใจจ้า" เฮลิเบลกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งรับน้ำมาดื่ม
"เฮลิเบล..." "มีอะไรเหรอ?" "...นี่เธอไปเรียนการต่อสู้มาจากไหนกันเนี่ย?" "ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ?" "ก็สาวน้อยบอบบางอย่างเธอกลับสามารถเอาชนะศัตรูตัวใหญ่ๆที่เป็นตัวเก็งของสนามได้อย่างสบายๆเลยนะ เธอต้องได้เรียนมาจากปรมาจารย์ด้านการต่อสู้แน่เลย" เฮลิเบลซึ่งไม่รู้ว่าตนเรียนมาจากใครก็ได้แต่เออออไปตาม "นั่นสิ ฉันคงไม่ได้เรียนรู้เองหรอก คงจะมีปรมาจารย์มาสอนฉันแน่เลยล่ะ"
เฮลิเบลหรือเทพธิดาแห่งความโกลาหลยังคงเรียกความโกลาหลต่อไป โดยหารู้ไม่ว่า แต้มที่เธอเก็บได้นั้นมีพอที่จะซื้อดาบที่แพงที่สุดได้ซักสองสามเล่มแล้ว
........................................................................................................................................
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าเรียนมาจากใครก็ลองไปอ่านตอนแรกดูแล้วกัน
Wing of Destiny ตอนที่ 17 ราชินีอยู่หนใด?
[IMG]