"นี่ฝ่าบาทตัดสินพระทัยจริงๆแล้วหรือพะยะค่ะ!!!" หนึ่งในผู้ประชุมท้วงขึ้น
"นั่นสิเพคะ เรื่องนี้ส่งผลถึงทั้งประเทศเลยนะเพคะ" เสนาบดีใหญ่สนับสนุนความเห็นข้างต้น
"ฉันจะขอบอกอีกครั้ง ฉันจะทำสงครามเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรุกรานในอนาคต"
"แต่ว่าแบบนั้นมันมีแต่จะทำให้ทั่วอาณาจักรเราไม่สงบไม่ใช่หรือเพคะ" เสนาบดีใหญ่ท้วง
"เพื่อให้ได้ความสงบสุขที่แท้จริงมา มันก็ต้องมีการเสียสละบ้างไม่ใช่หรือ? ท่านเสนาบดี"
"..." ทุกคนในที่ประชุมไม่ตอบ เพราะที่ราชินีพูดมามันก็มีเหตุผลจริงๆ
"ในเมื่อไม่มีใครค้านแล้ว ก็เป็นอันตกลง" ราชินีกล่าว จากนั้นเธอก็ประกาศว่า "จากนี้ไปเราจะทำการแต่งตั้งให้แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำในด้านการทหารอย่างเป็นทางการ" เธอหยิบดาบเล่มหนึ่งที่เตรียมไว้ขึ้นมาชูขึ้นต่อหน้าทุกคน "ดาบนี้จะเป็นดั่งตัวแทนเรา ขอพวกท่านจงเชื่อฟังแม่ทัพใหญ่ดูนอร์ด้วย"
แม่ทัพใหญ่ลุกขึ้น จากนั้นเดินไปที่บัลลังก์ของราชินี แล้วคุกเข่าลง
ราชินีตรัสว่า "แม่ทัพใหญ่รับบัญชา" แม่ทัพใหญ่คลานเข่าเข้าไปใกล้ จากนั้นชูมือขึ้นเหนือหัวเพื่อรับดาบอาญาสิทธิ์ "จากนี้ไปขอท่านแม่ทัพใหญ่จงนำพาพวกเราสู่ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ด้วย..." "พะยะค่ะ" แม่ทัพใหญ่รับบัญชาพร้อมกับลุกขึ้นยืน โดยที่ยังชูดาบอยู่บนศีรษะ
"อะไรกัน แม่ทัพใหญ่คนนั้นยอมก้มหัวให้กับผู้หญิงคนนี้งั้นหรือนี่?"
"นั่นเป็นราชินีนะ ระวังปากหน่อยสิ!"
"แต่ว่าจริงๆแล้วเหตุผลครั้งนี้มันยังไงกันนะ?"
"นั่นสิ ได้ข่าวว่า ราชินีกับแม่ทัพใหญ่ไม่ถูกกันด้วยนี่นา"
เสียงเหล่านี้ดังขึ้นจากในที่ประชุม ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนี้ไปได้
จากราชินีที่ใจดี แต่กลับมาประกาศสงครามอย่างกระทันหัน ทั้งยังแต่งตั้งคนที่ไม่ถูกกับตนให้มามีอำนาจพอๆกับตนอีก
เรื่องนี้แม้แต่เสนาบดีใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่อาจเข้าใจได้เลย
.........................................................................................................
"ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสินะทางนั้นน่ะ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
"แทนที่จะพูดอย่างนี้ ฉันว่าเรามาเร่งมือทำงานกันเถอะค่ะ" เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูเย็นชาราวกับสายลมหนาวพูดขึ้น
"อ๊ะ ครับๆ " แล้วชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป แต่ปากก็ยังคงพูดต่อไปว่า "แหม แต่สุดยอดเลยนะครับ แค่คนเดียวแต่กลับสร้างหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ให้กับกองทัพเราได้มากมายขนาดนี้น่ะ" ว่าแล้วเขาก็มองไปรอบๆ ที่มีแต่หุ่นยนต์ขนาดความสูง 10 เมตรนับร้อยตัว
แต่เดี๋ยว เขาบอกว่า ทั้งหมดนั้นสร้างด้วยคนคนเดียว?!
"แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอกค่ะกับสิ่งที่มันจะต้องเจอ" หญิงสาวตอบ "หา? หุ่นยนต์เยอะขนาดนี้นี่สามารถชนะกองทัพโลกได้สบายๆนะครับ อ๊ะ ไม่สิ ยังมีตัวประหลาดตัวนึงนี่นะที่ทำเอาฝ่ายนี้หนาวไปทั้งๆที่มีแค่ตัวเดียว" เขาพูดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อสิบปีก่อน "แล้วว่ากันว่าคนขับก็เป็นผู้หญิงด้วยอีกนี่นะ" "อย่าพูดมากค่ะ รีบเร่งมือเข้าเถอะค่ะ" หญิงสาวเตือนให้ชายหนุ่มที่พูดจนมือไม่ทำอะไรทำงาน "แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้ว่าผมจะไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าพูดให้ถูกคือช่วยอะไรไม่ได้มากกว่า แต่คุณก็ทำคนเดียวก็ได้นี่ครับ ศาสตราจารย์โคริ" แล้วเขาก็ยิ้มให้
หญิงสาวได้แต่หันหน้ามามองด้วยใบหน้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า "แต่นะครับ ทั้งๆที่คุณก็สวยขนาดนี แต่กลับทำหน้าเย็นชาจนไม่มีใครเข้าใกล้ แม้แต่ผมยังตกใจเลย" เขาพูดตามความเห็นจริงๆ "นั่นแหละค่ะคือเหตุผลที่ฉันให้คุณเป็นผู้ช่วยไงคะ" เธอก็ตอบไปตรงๆ
"ว่าแต่ไอ้ตัวนี้นี่มันพิเศษยังไงครับ?" เขาถาม ศจ.โคริก็ตอบว่า "เป็นเครื่องเฉพาะตัวค่ะ ส่วนเป็นใครนั้นเป็นความลับ อ๊ะ เสร็จแล้ว" เธอพูดขึ้นหลังจากที่เธอปรับปรุงระบบเสร็จ "แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่คุณถามเมื่อครู่นี่ก็อย่างที่บอกค่ะ ว่าเป็นเครื่องส่วนตัว" "แล้วขับได้คนเดียวหรือครับ?" เขาถามเช่นนี้ เพราะส่วนตัวนั้นมันหมายถึง ใช้ได้แต่คนเดียวเท่านั้นนี่นะ
"ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ว่าหากเป็นคนที่จะขับหุ่นตัวนี้ได้นอกจากคนคนนั้นแล้วก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นหุ่นส่วนตัวนั่นแหละค่ะ"
"แล้วคนที่จะขับหุ่นตัวนี้ได้นี่มีความพิเศษยังไงครับ?"
"ไม่บอกแล้วกันค่ะ เพราะอีกไม่นานคุณก็จะรู้เอง"
"งั้นเปลี่ยนคำถามครับ?"
"อะไรคะ?"
"กับอีกตัวที่บอกว่าเป็นส่วนตัวเหมือนกันล่ะครับ?"
"นั่นก็ต่างกันตรงที่ตัวนั้นเป็นหุ่นที่เหมาะกับการทำสงครามทุกรูปแบบค่ะ โดยเฉพาะเมกาบีมแคนน่อนที่สามารถยิงได้ถึงโลกนั้น อานุภาพนี่น่ากลัวมาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับสิ่งที่จะต้องเจอหรอกค่ะ"
"ชักจะสงสัยแล้วสิครับว่าไอ้ที่ศาตราจารย์บอกว่าสิ่งที่จะเจอนี่มันคืออะไรกัน แล้วมันน่ากลัวขนาดไหน?"
"เอาเป็นว่าสิ่งนั้นน่ากลัวมากค่ะ"
"ก็คงจะน่ากลัวจริงๆนั่นแหละครับ ถ้าอาวุธที่สามารถยิงจากดวงจันทร์ไปถึงโลกได้ยังไม่เท่าน่ะ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ผลมันก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือครับ?"
"ผลเรื่องอะไรคะ?"
"ก็เรื่องสงครามที่จะเกิดขึ้นไงครับ"
"ก็ไม่แน่หรอกค่ะ ตราบใดที่ทางโลกยังมีคนคนนั้นอยู่"
"คนคนนั้นที่ว่านี่คงไม่ใช่..."
"ค่ะ เธอคือปิศาจแห่งสงคราม สเตลล่า ผู้ได้รับฉายาว่า ดาวตกสีน้ำเงินจากสงครามเมื่อสิบปีก่อน"
"หา!! ดาวตกสีน้ำเงินคนนั้นเนี่ยนะ!!! แต่ว่ากองทัพโลกตอนนี้สลายตัวแล้วนี่ครับ แล้วได้ข่าวว่าเธอก็หายตัวไปแล้วด้วย"
"นั่นสิคะ แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริงๆ เธอต้องปรากฏตัวมาอีกแน่"
.........................................................................................................................
โดยที่ไม่มีใครรู้ บัดนี้ ทางอาณาจักรแห่งดวงจันทร์ได้เริ่มเตรียมกองทหาร การจะออกรบนั้นแค่รอคำสั่งจากคนคนนั้นเท่านั้น
"ออกรบได้" แม่ทัพใหญ่สั่งการ
"เฮๆๆๆๆ" เสียงโห่ร้องเรียกกำลังใจของเหล่าทหารดังกระหึ่มไปทั่วอาณาจักร
สงครามเริ่มขึ้นแล้ว!!!
......................................................................................................................
"นั่นสิเพคะ เรื่องนี้ส่งผลถึงทั้งประเทศเลยนะเพคะ" เสนาบดีใหญ่สนับสนุนความเห็นข้างต้น
"ฉันจะขอบอกอีกครั้ง ฉันจะทำสงครามเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรุกรานในอนาคต"
"แต่ว่าแบบนั้นมันมีแต่จะทำให้ทั่วอาณาจักรเราไม่สงบไม่ใช่หรือเพคะ" เสนาบดีใหญ่ท้วง
"เพื่อให้ได้ความสงบสุขที่แท้จริงมา มันก็ต้องมีการเสียสละบ้างไม่ใช่หรือ? ท่านเสนาบดี"
"..." ทุกคนในที่ประชุมไม่ตอบ เพราะที่ราชินีพูดมามันก็มีเหตุผลจริงๆ
"ในเมื่อไม่มีใครค้านแล้ว ก็เป็นอันตกลง" ราชินีกล่าว จากนั้นเธอก็ประกาศว่า "จากนี้ไปเราจะทำการแต่งตั้งให้แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำในด้านการทหารอย่างเป็นทางการ" เธอหยิบดาบเล่มหนึ่งที่เตรียมไว้ขึ้นมาชูขึ้นต่อหน้าทุกคน "ดาบนี้จะเป็นดั่งตัวแทนเรา ขอพวกท่านจงเชื่อฟังแม่ทัพใหญ่ดูนอร์ด้วย"
แม่ทัพใหญ่ลุกขึ้น จากนั้นเดินไปที่บัลลังก์ของราชินี แล้วคุกเข่าลง
ราชินีตรัสว่า "แม่ทัพใหญ่รับบัญชา" แม่ทัพใหญ่คลานเข่าเข้าไปใกล้ จากนั้นชูมือขึ้นเหนือหัวเพื่อรับดาบอาญาสิทธิ์ "จากนี้ไปขอท่านแม่ทัพใหญ่จงนำพาพวกเราสู่ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ด้วย..." "พะยะค่ะ" แม่ทัพใหญ่รับบัญชาพร้อมกับลุกขึ้นยืน โดยที่ยังชูดาบอยู่บนศีรษะ
"อะไรกัน แม่ทัพใหญ่คนนั้นยอมก้มหัวให้กับผู้หญิงคนนี้งั้นหรือนี่?"
"นั่นเป็นราชินีนะ ระวังปากหน่อยสิ!"
"แต่ว่าจริงๆแล้วเหตุผลครั้งนี้มันยังไงกันนะ?"
"นั่นสิ ได้ข่าวว่า ราชินีกับแม่ทัพใหญ่ไม่ถูกกันด้วยนี่นา"
เสียงเหล่านี้ดังขึ้นจากในที่ประชุม ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนี้ไปได้
จากราชินีที่ใจดี แต่กลับมาประกาศสงครามอย่างกระทันหัน ทั้งยังแต่งตั้งคนที่ไม่ถูกกับตนให้มามีอำนาจพอๆกับตนอีก
เรื่องนี้แม้แต่เสนาบดีใหญ่ที่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่อาจเข้าใจได้เลย
.........................................................................................................
"ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นสินะทางนั้นน่ะ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
"แทนที่จะพูดอย่างนี้ ฉันว่าเรามาเร่งมือทำงานกันเถอะค่ะ" เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูเย็นชาราวกับสายลมหนาวพูดขึ้น
"อ๊ะ ครับๆ " แล้วชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป แต่ปากก็ยังคงพูดต่อไปว่า "แหม แต่สุดยอดเลยนะครับ แค่คนเดียวแต่กลับสร้างหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ให้กับกองทัพเราได้มากมายขนาดนี้น่ะ" ว่าแล้วเขาก็มองไปรอบๆ ที่มีแต่หุ่นยนต์ขนาดความสูง 10 เมตรนับร้อยตัว
แต่เดี๋ยว เขาบอกว่า ทั้งหมดนั้นสร้างด้วยคนคนเดียว?!
"แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอกค่ะกับสิ่งที่มันจะต้องเจอ" หญิงสาวตอบ "หา? หุ่นยนต์เยอะขนาดนี้นี่สามารถชนะกองทัพโลกได้สบายๆนะครับ อ๊ะ ไม่สิ ยังมีตัวประหลาดตัวนึงนี่นะที่ทำเอาฝ่ายนี้หนาวไปทั้งๆที่มีแค่ตัวเดียว" เขาพูดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อสิบปีก่อน "แล้วว่ากันว่าคนขับก็เป็นผู้หญิงด้วยอีกนี่นะ" "อย่าพูดมากค่ะ รีบเร่งมือเข้าเถอะค่ะ" หญิงสาวเตือนให้ชายหนุ่มที่พูดจนมือไม่ทำอะไรทำงาน "แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้ว่าผมจะไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าพูดให้ถูกคือช่วยอะไรไม่ได้มากกว่า แต่คุณก็ทำคนเดียวก็ได้นี่ครับ ศาสตราจารย์โคริ" แล้วเขาก็ยิ้มให้
หญิงสาวได้แต่หันหน้ามามองด้วยใบหน้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็พูดว่า "แต่นะครับ ทั้งๆที่คุณก็สวยขนาดนี แต่กลับทำหน้าเย็นชาจนไม่มีใครเข้าใกล้ แม้แต่ผมยังตกใจเลย" เขาพูดตามความเห็นจริงๆ "นั่นแหละค่ะคือเหตุผลที่ฉันให้คุณเป็นผู้ช่วยไงคะ" เธอก็ตอบไปตรงๆ
"ว่าแต่ไอ้ตัวนี้นี่มันพิเศษยังไงครับ?" เขาถาม ศจ.โคริก็ตอบว่า "เป็นเครื่องเฉพาะตัวค่ะ ส่วนเป็นใครนั้นเป็นความลับ อ๊ะ เสร็จแล้ว" เธอพูดขึ้นหลังจากที่เธอปรับปรุงระบบเสร็จ "แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่คุณถามเมื่อครู่นี่ก็อย่างที่บอกค่ะ ว่าเป็นเครื่องส่วนตัว" "แล้วขับได้คนเดียวหรือครับ?" เขาถามเช่นนี้ เพราะส่วนตัวนั้นมันหมายถึง ใช้ได้แต่คนเดียวเท่านั้นนี่นะ
"ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ว่าหากเป็นคนที่จะขับหุ่นตัวนี้ได้นอกจากคนคนนั้นแล้วก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นหุ่นส่วนตัวนั่นแหละค่ะ"
"แล้วคนที่จะขับหุ่นตัวนี้ได้นี่มีความพิเศษยังไงครับ?"
"ไม่บอกแล้วกันค่ะ เพราะอีกไม่นานคุณก็จะรู้เอง"
"งั้นเปลี่ยนคำถามครับ?"
"อะไรคะ?"
"กับอีกตัวที่บอกว่าเป็นส่วนตัวเหมือนกันล่ะครับ?"
"นั่นก็ต่างกันตรงที่ตัวนั้นเป็นหุ่นที่เหมาะกับการทำสงครามทุกรูปแบบค่ะ โดยเฉพาะเมกาบีมแคนน่อนที่สามารถยิงได้ถึงโลกนั้น อานุภาพนี่น่ากลัวมาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับสิ่งที่จะต้องเจอหรอกค่ะ"
"ชักจะสงสัยแล้วสิครับว่าไอ้ที่ศาตราจารย์บอกว่าสิ่งที่จะเจอนี่มันคืออะไรกัน แล้วมันน่ากลัวขนาดไหน?"
"เอาเป็นว่าสิ่งนั้นน่ากลัวมากค่ะ"
"ก็คงจะน่ากลัวจริงๆนั่นแหละครับ ถ้าอาวุธที่สามารถยิงจากดวงจันทร์ไปถึงโลกได้ยังไม่เท่าน่ะ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ผลมันก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือครับ?"
"ผลเรื่องอะไรคะ?"
"ก็เรื่องสงครามที่จะเกิดขึ้นไงครับ"
"ก็ไม่แน่หรอกค่ะ ตราบใดที่ทางโลกยังมีคนคนนั้นอยู่"
"คนคนนั้นที่ว่านี่คงไม่ใช่..."
"ค่ะ เธอคือปิศาจแห่งสงคราม สเตลล่า ผู้ได้รับฉายาว่า ดาวตกสีน้ำเงินจากสงครามเมื่อสิบปีก่อน"
"หา!! ดาวตกสีน้ำเงินคนนั้นเนี่ยนะ!!! แต่ว่ากองทัพโลกตอนนี้สลายตัวแล้วนี่ครับ แล้วได้ข่าวว่าเธอก็หายตัวไปแล้วด้วย"
"นั่นสิคะ แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริงๆ เธอต้องปรากฏตัวมาอีกแน่"
.........................................................................................................................
โดยที่ไม่มีใครรู้ บัดนี้ ทางอาณาจักรแห่งดวงจันทร์ได้เริ่มเตรียมกองทหาร การจะออกรบนั้นแค่รอคำสั่งจากคนคนนั้นเท่านั้น
"ออกรบได้" แม่ทัพใหญ่สั่งการ
"เฮๆๆๆๆ" เสียงโห่ร้องเรียกกำลังใจของเหล่าทหารดังกระหึ่มไปทั่วอาณาจักร
สงครามเริ่มขึ้นแล้ว!!!
......................................................................................................................
Wing of Destiny ตอนที่ 20 สงครามเริ่มขึ้นแล้ว!!!
[IMG]