"นี่ ศาตราจารย์โคริครับ" ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีที่เขินอายนิดหน่อย
"มีอะไรคะ?" แม้จะมีหางเสียง แต่ว่าใบหน้าของเธอกลับดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งสมชื่อ
"คะ...คุณมีคนรักหรือยังครับ?"
"นี่คิดจะจีบฉันหรือคะ งั้นเสียใจด้วยค่ะ" โคริรีบตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
"หา เอาจริงสิ แต่ผมก็แค่จะถามไม่ได้คิดจะจีบหรอกครับ" เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่โคริตอบมาตรงๆ เพราะปกติคนส่วนใหญ่มักจะปิดบังเรื่องพวกนี้เอาไว้ "แต่ว่า เขาคนนั้นเป็นคนยังไงหรือครับ?" ชายหนุ่มถามถึงคนรักของเธอบ้าง
"เขาเป็นคนที่ดีมากเลยค่ะ" โคริตอบอย่างตรงๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาถึงกับตัวค้าง
หากแต่ไม่ใช่ค้างเพราะตกใจ แต่เป็นค้างเพราะเขาเห็นรอยยิ้มของเธอ
ใช่ มันไม่ใช่สิ่งที่จะปรากฏบนใบหน้าของสาวผู้ได้ฉายาว่าน้ำแข็งคนนี้ได้เลย
แต่รอยยิ้มที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้น บอกได้ทันทีว่าเธอมีความสุขมากที่นึกถึงเขาคนนั้น
"อ้อ แล้วอีกอย่างนะคะ" โคริที่ยังยิ้มอยู่พูดขึ้น "เห็นอย่างนี้แต่ฉันกับเขาก็มีลูกด้วยกันแล้วค่ะ"
ถึงแม้โคริจะพูดมาอย่างปกติ แต่คนที่ฟังกลับรู้สึกตกใจราวกับฟ้าผ่ากลางตัว "ไม่จริงน่า!!!"
"จะไม่เชื่อก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเขายังอยู่กับฉัน เขาก็คงจะอายุประมาณ 15-16 แล้วมั้งคะ อืม คงเป็นหนุ่มหน้าตาดีแบบพ่อแน่เลยค่ะ"
"หา ลูกชายอายุเท่าๆกับผมหรือครับเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย" เขาพูดแต่เขาก็เชื่อสิ่งที่โคริพูดว่าเป็นความจริง
"แน่นอนว่าความรู้พวกนี้ ฉันก็ได้รับมาจากสามีของฉันค่ะ" โคริกล่าวพลางมองไปที่หุ่นยนต์ที่เธอได้สร้างไว้ เธอใช้มืออันนุ่มและอบอุ่นลูบไปที่ค็อกพิท
แต่ทว่า อาการแบบนี้นั้น มันอาจจะกล่าวได้ว่า เธอในตอนนี้คงจะไม่ได้อยู่กับสามีและลูกแล้ว แม้จะสงสัย แต่เขาก็คิดเกรงใจอยู่เหมือนกัน
"แล้วสามีกับลูกชายของคุณล่ะครับ?" ถึงอย่างนั้น พ่อหนุ่มช่างสงสัยคนนี้ก็ยังมีความสงสัยอยากรู้มากกว่าความเกรงใจ
"จะว่าไปแล้ว..." โคริเริ่มพูด "...เขาจากฉันไปก็เพราะเหตุผลเหมือนกับท่านพี่ ส่วนลูก..." พูดถึงตอนนี้ ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขของเธอเมื่อครู่กลับมาเป็นเย็นชาอีกครั้ง "ไม่รู้สิ ตอนที่ฉันออกไปข้างนอก กลับมาอีกทีเขาก็หายไปแล้ว คงจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วหลงทางล่ะมั้งคะ" เธอพูดอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษที่ถามอะไรแบบนั้นนะครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ มนุษย์ส่วนใหญ่มีความอยากรู้เป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่คะ" เธอพูดอย่างเย็นชาราวกับว่าเธอเองนั้นไม่ใช่มนุษย์ "แล้วงานของพวกเราก็เสร็จหมดแล้วค่ะ ตอนนี้คุณจะกลับก็ได้นะคะ ควิซ" เธอบอก
"แต่ผมว่าคนที่ควรจะพักน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ ศาสตราจารย์โคริ" ควิซบอก เพราะหากว่ากันตามจริง นี่ก็กว่า 3 วันแล้วที่โคริยังไม่ได้พัก เอาแต่ให้เขาไปพักตามเวลาอย่างเดียว "เพราะว่าคนเราไม่ควรฝืนร่างกายนะครับ"
"ใช่ค่ะ มนุษย์ไม่ควรฝืนร่างกาย เพราะฉะนั้นคุณไปพักเถอะค่ะ นี่ก็ถึงเลยเวลาพักแล้วด้วย" เธอบอกให้เขาไปพัก
ควิซเห็นว่าไม่ว่าจะชวนยังไงก็เปล่าประโยชน์ จึงขอตัวลาไปพัก "งั้นผมไปก่อนนะครับ" แล้วเขาก็เดินออกจากที่ทำงานไป
"ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนยังไงนะ ทำให้ศาสตราจารย์โคริที่เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งคนนั้นยิ้มได้เนี่ย?" ควิซยังคงสงสัยต่อไป เพราะเขาเป็นหนุ่มช่างสงสัย
stage 21 ควิซ พ่อหนุ่มช่างสงสัย
หลังจากที่พักแล้ว ดูเหมือนว่าศาตราจารย์โคริจะเรียกผมเข้าไปหา
"มาแล้วหรือคะ" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาตามเคย "ครับ ว่าแต่มีอะไรหรือครับ?" ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งสำหรับผมแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมดา
เธอได้แต่มองมาที่ผมด้วยสายตาเย็นชา แต่มันก็มไม่ถึงขนาดว่าจะหนาวสั่นหรอก แค่เกือบๆ
"ได้ข่าวว่าจริงๆแล้วคุณเองก็เป็นพวกที่มีฝีมือดีนี่คะ" คำถามนี้มันทำใหผมนึกถึงตัวผมที่ไม่อยากให้เธอรู้ซักเท่าไหร่ "ครับ" แต่ผมกลับตอบไปตามตรง
เธอหันกลับไป เอ๊ะ หรือว่าเธอเกลียดผมแล้ว
นี่ล่ะคือเหตุผลที่่ผมไม่ชอบให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วเมื่อก่อนผมเป็นอันธพาลมาก่อน แบบว่า แถวบ้านผมไม่มีใครไม่รู้ถึงชื่อเสีย(ง)ของผม
แต่วันหนึ่ง ผมก็เปลี่ยนใจ
ผมเริ่มสงสัยว่า สิ่งที่ผมทำอยู่นี้มันดีแล้วหรือ? แล้วมันมีสาระหรือ? ฯลฯ สารพัดคำถามถาโถมเข้ามาหาผมเมื่อผมเริ่มคิดได้
แต่เมื่อผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยู่ในชุดแบบพวกคนมีความรู้ ผมก็คิดว่ามันเท่ดี
และผมก็ได้รู้ว่านั่นเรียกว่าศาสตราจารย์ แหม อะไรมันจะเท่ขนาดนั้น
ว่าแล้วผมก็เข้าไปถามตรงๆว่าเป็นศาสตราจารย์แบบคุณมันยากหรือเปล่า?
เขากลับตอบมาว่า "ของแบบนี้น่ะ ไม่ว่าใครก็เป็นได้ ถ้าคนนั้นมีใจรักและความพยายามมากพอ" เขาตอบทั้งรอยยิ้ม
นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเลิกเป็นอันธพาล และหันมาศึกษาอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ในที่สุดตอนนี้ ผมก็ได้เป็นผู้ช่วยของศาตราจารย์โคริ ใช่ ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ผมนี่แหละคือผู้ช่วยศาสตราจารย์ของจริง
ครับ ผมไม่ได้พูดเล่น ผมมีผลงานทางวิชาการมากมายเลยล่ะ แล้วที่สำคัญ ตอนนี้ผมก็ช่วยศาสตราจารย์ด้วย
ถ้าไม่เรียกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะครับ
และแล้ว ศาสตราจารย์โคริก็ได้ให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง
มันคือหุ่นยนต์แบบส่วนตัวรุ่นพิเศษ ที่เธอแอบสร้างเอาไว้
"ศาสตราจารย์ครับ นี่มัน..." ผมกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เธอยิ้ม จากนั้นก็บอกว่า "คุณช่วยฉันจนทำงานเสร็จลุล่วงไปด้วยดี ดังนั้นฉันจึงสร้างมันแทนคำขอบคุณค่ะ"
ที่ทำให้ผมตะลึงคือ มันคือหุ่นยนต์ที่ผมออกแบบไว้เมื่อตอนเด็กๆนั่นเอง
"ผมขอขึ้นไปดูได้มั้ยครับ?" ผมที่รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นถามเธอ เธอได้แต่ยิ้มแล้วตอบว่า "เชิญค่ะ"
เธอพูดแค่นั้น ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องควบคุมหุ่นยนต์ทันที
"ระบบงานนี่มัน แบบที่เราคิดไว้เลย" ผมมองไปที่ระบบที่ทำงานของหุ่น ซึ่งมีตัวเซนเซอร์ที่สามารถออกคำสั่งให้หุ่นได้ด้วยท่าทางของคนขับ และยังมีระบบที่ไว้บังคับแบบธรรมดาด้วยระบบออโต้กันคนขับเหนื่อยอีก
ผมจึงลองบังคับมันดู ซึ่งมันตอบสนองของผมได้ดีราวกับแขนขาของตัวเองด้วยซ้ำ หากให้เปรียบเทียบ ผมสามารถบังคับให้หุ่นตัวนี้หยิบของเล็กๆอย่างมดได้โดยไม่ให้มันเป็นอะไรเลย
แล้วผมก็เห็นหน้าจอขึ้นว่ามีอาวุธ ผมจึงดูไปที่มัน แต่ก็มีสายเข้ามา ภาพของศาสตราจารย์โคริปรากฏตรงหน้าผม "ได้ข่าวว่าคุณถนัดการใช้ร่างกายซะมากกว่า ฉันเลยออกแบบให้มันมีแขนขาเป็นอาวุธค่ะ ส่วนอาวุธระยะไกลก็มีจำพวกซัดก้อนหินแทน" เธอพูดทั้งๆที่หน้าตาเฉยชา ซึ่งมันก็จริง หุ่นตัวนี้มีอาวุธคือการต่อย เตะ ซึ่งมันก็เหมาะกับผม แต่ก้อนหินนี่มัน...
ช่างเถอะ แต่มันมีอาวุธพิเศษนี่นะ แล้วผมก็ตรวจดู "นี่มัน..."
"ศาสตราจารย์ครับ ผมขอเอาเจ้านี่วิ่งรอบเมืองสามรอบนะครับ"
"เชิญค่ะ"
"QU1-Z Quiz Man ควิซ ไปล่ะคร้าบบบบบ"
หลังจากที่วิ่งรอบเมืองสามรอบ ผมก็กลับมาที่ทำงาน
ผมดีใจมากที่ในที่สุดฝันของผมก็เป็นจริง นี่ต้องขอบคุณคนคนนั้นจริงๆ แต่แน่นอน ศาสตราจารย์โคริก็ด้วย
"จะว่าไปแล้ว มาถึงจุดนี้ได้ผมต้องขอบคุณเขาจริงๆนะครับ"
"ใครคะ?"
"คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจจากอันธพาลมาจนผมอยู่ตรงจุดนี้น่ะครับ"
"แล้วเขาเป็นคนยังไงคะ?"
"เป็นคนที่ดีมากเลยครับ"
"แล้วชื่อของเขาล่ะคะ?"
"นั่นสิ รู้สึกว่าเขาจะชื่อ เฟรเดริค อะไรนี่แหละครับ"
ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า แต่ใบหน้าของเธอหลังจากได้ยินผมพูดแล้ว เธอดูตกใจมาก
"แล้วลักษณะท่าทางเขาเป็นยังไงคะ?" เธอยังคงถามต่อ ด้วยท่าทีที่หวั่นเล็กน้อย
"นั่นสิครับ รูปร่างสูง ใส่แว่น ผมทองมัดผมไ้ว้ข้างหลังด้วย ยิ้มง่ายสุดๆ อัธยาสัยก็ดี..."
แต่ผมต้องหยุดเงียบไว้ เพราะศาสตราจารย์ในตอนนี้ เธอดูแปลกๆ
ที่ว่าแปลกนี่ เพราะหน้าของเธอนั้นดูดีใจมาก "แล้วคุณเจอเขาที่ไหนคะ?" เธอคะยั้นคะยอถามผม "ผมก็จำไม่ได้ครับ มันนานมากแล้ว" แต่ผมก็จำไม่ได้
"นั่นสิคะ ขอโทษด้วยค่ะที่ถามอย่างไม่เกรงใจแบบนั้น" แล้วสีหน้าของเธอก็กลับมาเย็นชาตามเดิม
ไม่รู้สิ แต่ที่เธอบอกขอโทษที่ถามอะไรแบบนั้นนี่ ผมรู้สึกจุกแบบแปลกนะ
แต่ผมรู้สึกสงสัยกับท่าทีนั้น ผมจึงถามว่า "แล้วเขา...แล้วคุณรู้จักเขาหรือครับ?" นิสัยช่างสงสัยของผมเริ่มทำงาน
จากสีหน้าเย็นชา กลับมาเป็นสีหน้าที่มีความสุขอีกครั้ง "ค่ะ เขาคือสามีของฉันเอง" เธอตอบพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความสุข
นั่นเป็นรอยยิ้มที่ยากจะลืม แน่นอน ในหลายความหมาย
นี่สินะ ที่ว่าความสงสัยมักนำผู้ที่สงสัยมาสู่หายนะน่ะ
........................................................................................................................
เรื่องนี้ปริศนาที่ค้างคาไว้ใกล้จะเฉลยแล้วสินะ เฮ้อ รู้สึกโล่งยังไงก็ไม่รู้
"มีอะไรคะ?" แม้จะมีหางเสียง แต่ว่าใบหน้าของเธอกลับดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งสมชื่อ
"คะ...คุณมีคนรักหรือยังครับ?"
"นี่คิดจะจีบฉันหรือคะ งั้นเสียใจด้วยค่ะ" โคริรีบตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
"หา เอาจริงสิ แต่ผมก็แค่จะถามไม่ได้คิดจะจีบหรอกครับ" เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่โคริตอบมาตรงๆ เพราะปกติคนส่วนใหญ่มักจะปิดบังเรื่องพวกนี้เอาไว้ "แต่ว่า เขาคนนั้นเป็นคนยังไงหรือครับ?" ชายหนุ่มถามถึงคนรักของเธอบ้าง
"เขาเป็นคนที่ดีมากเลยค่ะ" โคริตอบอย่างตรงๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาถึงกับตัวค้าง
หากแต่ไม่ใช่ค้างเพราะตกใจ แต่เป็นค้างเพราะเขาเห็นรอยยิ้มของเธอ
ใช่ มันไม่ใช่สิ่งที่จะปรากฏบนใบหน้าของสาวผู้ได้ฉายาว่าน้ำแข็งคนนี้ได้เลย
แต่รอยยิ้มที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้น บอกได้ทันทีว่าเธอมีความสุขมากที่นึกถึงเขาคนนั้น
"อ้อ แล้วอีกอย่างนะคะ" โคริที่ยังยิ้มอยู่พูดขึ้น "เห็นอย่างนี้แต่ฉันกับเขาก็มีลูกด้วยกันแล้วค่ะ"
ถึงแม้โคริจะพูดมาอย่างปกติ แต่คนที่ฟังกลับรู้สึกตกใจราวกับฟ้าผ่ากลางตัว "ไม่จริงน่า!!!"
"จะไม่เชื่อก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเขายังอยู่กับฉัน เขาก็คงจะอายุประมาณ 15-16 แล้วมั้งคะ อืม คงเป็นหนุ่มหน้าตาดีแบบพ่อแน่เลยค่ะ"
"หา ลูกชายอายุเท่าๆกับผมหรือครับเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย" เขาพูดแต่เขาก็เชื่อสิ่งที่โคริพูดว่าเป็นความจริง
"แน่นอนว่าความรู้พวกนี้ ฉันก็ได้รับมาจากสามีของฉันค่ะ" โคริกล่าวพลางมองไปที่หุ่นยนต์ที่เธอได้สร้างไว้ เธอใช้มืออันนุ่มและอบอุ่นลูบไปที่ค็อกพิท
แต่ทว่า อาการแบบนี้นั้น มันอาจจะกล่าวได้ว่า เธอในตอนนี้คงจะไม่ได้อยู่กับสามีและลูกแล้ว แม้จะสงสัย แต่เขาก็คิดเกรงใจอยู่เหมือนกัน
"แล้วสามีกับลูกชายของคุณล่ะครับ?" ถึงอย่างนั้น พ่อหนุ่มช่างสงสัยคนนี้ก็ยังมีความสงสัยอยากรู้มากกว่าความเกรงใจ
"จะว่าไปแล้ว..." โคริเริ่มพูด "...เขาจากฉันไปก็เพราะเหตุผลเหมือนกับท่านพี่ ส่วนลูก..." พูดถึงตอนนี้ ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขของเธอเมื่อครู่กลับมาเป็นเย็นชาอีกครั้ง "ไม่รู้สิ ตอนที่ฉันออกไปข้างนอก กลับมาอีกทีเขาก็หายไปแล้ว คงจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วหลงทางล่ะมั้งคะ" เธอพูดอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษที่ถามอะไรแบบนั้นนะครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ มนุษย์ส่วนใหญ่มีความอยากรู้เป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่คะ" เธอพูดอย่างเย็นชาราวกับว่าเธอเองนั้นไม่ใช่มนุษย์ "แล้วงานของพวกเราก็เสร็จหมดแล้วค่ะ ตอนนี้คุณจะกลับก็ได้นะคะ ควิซ" เธอบอก
"แต่ผมว่าคนที่ควรจะพักน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับ ศาสตราจารย์โคริ" ควิซบอก เพราะหากว่ากันตามจริง นี่ก็กว่า 3 วันแล้วที่โคริยังไม่ได้พัก เอาแต่ให้เขาไปพักตามเวลาอย่างเดียว "เพราะว่าคนเราไม่ควรฝืนร่างกายนะครับ"
"ใช่ค่ะ มนุษย์ไม่ควรฝืนร่างกาย เพราะฉะนั้นคุณไปพักเถอะค่ะ นี่ก็ถึงเลยเวลาพักแล้วด้วย" เธอบอกให้เขาไปพัก
ควิซเห็นว่าไม่ว่าจะชวนยังไงก็เปล่าประโยชน์ จึงขอตัวลาไปพัก "งั้นผมไปก่อนนะครับ" แล้วเขาก็เดินออกจากที่ทำงานไป
"ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนยังไงนะ ทำให้ศาสตราจารย์โคริที่เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งคนนั้นยิ้มได้เนี่ย?" ควิซยังคงสงสัยต่อไป เพราะเขาเป็นหนุ่มช่างสงสัย
stage 21 ควิซ พ่อหนุ่มช่างสงสัย
หลังจากที่พักแล้ว ดูเหมือนว่าศาตราจารย์โคริจะเรียกผมเข้าไปหา
"มาแล้วหรือคะ" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาตามเคย "ครับ ว่าแต่มีอะไรหรือครับ?" ผมถามอย่างสงสัย ซึ่งสำหรับผมแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมดา
เธอได้แต่มองมาที่ผมด้วยสายตาเย็นชา แต่มันก็มไม่ถึงขนาดว่าจะหนาวสั่นหรอก แค่เกือบๆ
"ได้ข่าวว่าจริงๆแล้วคุณเองก็เป็นพวกที่มีฝีมือดีนี่คะ" คำถามนี้มันทำใหผมนึกถึงตัวผมที่ไม่อยากให้เธอรู้ซักเท่าไหร่ "ครับ" แต่ผมกลับตอบไปตามตรง
เธอหันกลับไป เอ๊ะ หรือว่าเธอเกลียดผมแล้ว
นี่ล่ะคือเหตุผลที่่ผมไม่ชอบให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วเมื่อก่อนผมเป็นอันธพาลมาก่อน แบบว่า แถวบ้านผมไม่มีใครไม่รู้ถึงชื่อเสีย(ง)ของผม
แต่วันหนึ่ง ผมก็เปลี่ยนใจ
ผมเริ่มสงสัยว่า สิ่งที่ผมทำอยู่นี้มันดีแล้วหรือ? แล้วมันมีสาระหรือ? ฯลฯ สารพัดคำถามถาโถมเข้ามาหาผมเมื่อผมเริ่มคิดได้
แต่เมื่อผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เขาอยู่ในชุดแบบพวกคนมีความรู้ ผมก็คิดว่ามันเท่ดี
และผมก็ได้รู้ว่านั่นเรียกว่าศาสตราจารย์ แหม อะไรมันจะเท่ขนาดนั้น
ว่าแล้วผมก็เข้าไปถามตรงๆว่าเป็นศาสตราจารย์แบบคุณมันยากหรือเปล่า?
เขากลับตอบมาว่า "ของแบบนี้น่ะ ไม่ว่าใครก็เป็นได้ ถ้าคนนั้นมีใจรักและความพยายามมากพอ" เขาตอบทั้งรอยยิ้ม
นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเลิกเป็นอันธพาล และหันมาศึกษาอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ในที่สุดตอนนี้ ผมก็ได้เป็นผู้ช่วยของศาตราจารย์โคริ ใช่ ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ผมนี่แหละคือผู้ช่วยศาสตราจารย์ของจริง
ครับ ผมไม่ได้พูดเล่น ผมมีผลงานทางวิชาการมากมายเลยล่ะ แล้วที่สำคัญ ตอนนี้ผมก็ช่วยศาสตราจารย์ด้วย
ถ้าไม่เรียกว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะครับ
และแล้ว ศาสตราจารย์โคริก็ได้ให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง
มันคือหุ่นยนต์แบบส่วนตัวรุ่นพิเศษ ที่เธอแอบสร้างเอาไว้
"ศาสตราจารย์ครับ นี่มัน..." ผมกล่าวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เธอยิ้ม จากนั้นก็บอกว่า "คุณช่วยฉันจนทำงานเสร็จลุล่วงไปด้วยดี ดังนั้นฉันจึงสร้างมันแทนคำขอบคุณค่ะ"
ที่ทำให้ผมตะลึงคือ มันคือหุ่นยนต์ที่ผมออกแบบไว้เมื่อตอนเด็กๆนั่นเอง
"ผมขอขึ้นไปดูได้มั้ยครับ?" ผมที่รู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นถามเธอ เธอได้แต่ยิ้มแล้วตอบว่า "เชิญค่ะ"
เธอพูดแค่นั้น ผมก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องควบคุมหุ่นยนต์ทันที
"ระบบงานนี่มัน แบบที่เราคิดไว้เลย" ผมมองไปที่ระบบที่ทำงานของหุ่น ซึ่งมีตัวเซนเซอร์ที่สามารถออกคำสั่งให้หุ่นได้ด้วยท่าทางของคนขับ และยังมีระบบที่ไว้บังคับแบบธรรมดาด้วยระบบออโต้กันคนขับเหนื่อยอีก
ผมจึงลองบังคับมันดู ซึ่งมันตอบสนองของผมได้ดีราวกับแขนขาของตัวเองด้วยซ้ำ หากให้เปรียบเทียบ ผมสามารถบังคับให้หุ่นตัวนี้หยิบของเล็กๆอย่างมดได้โดยไม่ให้มันเป็นอะไรเลย
แล้วผมก็เห็นหน้าจอขึ้นว่ามีอาวุธ ผมจึงดูไปที่มัน แต่ก็มีสายเข้ามา ภาพของศาสตราจารย์โคริปรากฏตรงหน้าผม "ได้ข่าวว่าคุณถนัดการใช้ร่างกายซะมากกว่า ฉันเลยออกแบบให้มันมีแขนขาเป็นอาวุธค่ะ ส่วนอาวุธระยะไกลก็มีจำพวกซัดก้อนหินแทน" เธอพูดทั้งๆที่หน้าตาเฉยชา ซึ่งมันก็จริง หุ่นตัวนี้มีอาวุธคือการต่อย เตะ ซึ่งมันก็เหมาะกับผม แต่ก้อนหินนี่มัน...
ช่างเถอะ แต่มันมีอาวุธพิเศษนี่นะ แล้วผมก็ตรวจดู "นี่มัน..."
"ศาสตราจารย์ครับ ผมขอเอาเจ้านี่วิ่งรอบเมืองสามรอบนะครับ"
"เชิญค่ะ"
"QU1-Z Quiz Man ควิซ ไปล่ะคร้าบบบบบ"
หลังจากที่วิ่งรอบเมืองสามรอบ ผมก็กลับมาที่ทำงาน
ผมดีใจมากที่ในที่สุดฝันของผมก็เป็นจริง นี่ต้องขอบคุณคนคนนั้นจริงๆ แต่แน่นอน ศาสตราจารย์โคริก็ด้วย
"จะว่าไปแล้ว มาถึงจุดนี้ได้ผมต้องขอบคุณเขาจริงๆนะครับ"
"ใครคะ?"
"คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจจากอันธพาลมาจนผมอยู่ตรงจุดนี้น่ะครับ"
"แล้วเขาเป็นคนยังไงคะ?"
"เป็นคนที่ดีมากเลยครับ"
"แล้วชื่อของเขาล่ะคะ?"
"นั่นสิ รู้สึกว่าเขาจะชื่อ เฟรเดริค อะไรนี่แหละครับ"
ในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า แต่ใบหน้าของเธอหลังจากได้ยินผมพูดแล้ว เธอดูตกใจมาก
"แล้วลักษณะท่าทางเขาเป็นยังไงคะ?" เธอยังคงถามต่อ ด้วยท่าทีที่หวั่นเล็กน้อย
"นั่นสิครับ รูปร่างสูง ใส่แว่น ผมทองมัดผมไ้ว้ข้างหลังด้วย ยิ้มง่ายสุดๆ อัธยาสัยก็ดี..."
แต่ผมต้องหยุดเงียบไว้ เพราะศาสตราจารย์ในตอนนี้ เธอดูแปลกๆ
ที่ว่าแปลกนี่ เพราะหน้าของเธอนั้นดูดีใจมาก "แล้วคุณเจอเขาที่ไหนคะ?" เธอคะยั้นคะยอถามผม "ผมก็จำไม่ได้ครับ มันนานมากแล้ว" แต่ผมก็จำไม่ได้
"นั่นสิคะ ขอโทษด้วยค่ะที่ถามอย่างไม่เกรงใจแบบนั้น" แล้วสีหน้าของเธอก็กลับมาเย็นชาตามเดิม
ไม่รู้สิ แต่ที่เธอบอกขอโทษที่ถามอะไรแบบนั้นนี่ ผมรู้สึกจุกแบบแปลกนะ
แต่ผมรู้สึกสงสัยกับท่าทีนั้น ผมจึงถามว่า "แล้วเขา...แล้วคุณรู้จักเขาหรือครับ?" นิสัยช่างสงสัยของผมเริ่มทำงาน
จากสีหน้าเย็นชา กลับมาเป็นสีหน้าที่มีความสุขอีกครั้ง "ค่ะ เขาคือสามีของฉันเอง" เธอตอบพร้อมทั้งยิ้มอย่างมีความสุข
นั่นเป็นรอยยิ้มที่ยากจะลืม แน่นอน ในหลายความหมาย
นี่สินะ ที่ว่าความสงสัยมักนำผู้ที่สงสัยมาสู่หายนะน่ะ
........................................................................................................................
เรื่องนี้ปริศนาที่ค้างคาไว้ใกล้จะเฉลยแล้วสินะ เฮ้อ รู้สึกโล่งยังไงก็ไม่รู้
Wing of Destiny ตอนที่ 21 QU1-Z Quiz Man อิกิมัส!!!
[IMG]