ที่ราชวังของอาณาจักรแห่งดวงจันทร์
จริงๆแล้วอาณาจักรแห่งนี้มีมาแต่โบราณแล้ว
ว่าแต่ว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน บนดวงจันทร์ก็มีมนุษย์มาตั้งกองทัพอยู่ คอยสู้รบกับชาวโลกซึ่งเป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
แต่กองทัพที่ว่าได้สลายตัวไปพร้อมกับการปิดตัวของกองทัพโลกที่ประกาศยุติสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย แล้วมนุษย์เหล่านั้นก็ได้กลับมาอยู่บนโลกอย่างสงบสุขไปเมื่อสิบปีที่แล้ว
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะสถานที่ที่พวกมนุษย์พวกนั้นไปอาศัยคือด้านหน้าของดวงจันทร์ เพราะสะดวกต่อการติดต่อกับทางโลก
แต่ที่ด้านหลังนั้นกลับไม่มีใครเข้าไปย่างกราย เพราะยังไม่ได้สำรวจ
แต่หากจะกล่าวตามจริง ต่อให้ไปสำรวจที่หลังดวงจันทร์ก็จะพบแต่ความว่างเปล่่า เพราะอาณาจักรแห่งดวงจันทร์นั้นมีเงื่อนไขในการเข้าไป
นั่นทำให้อาณาจักรนี่ดูลึกลับและเป็นดินแดนตกสำรวจ และยังคงไม่มีใครรู้จัก
ราชินีแห่งอาณาจักรนี้ ว่ากันว่าต้องเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น เพราะการที่จะเป็นราชินีได้นั้น จะต้องมีสายเลือดของจอมเวทในตำนาน
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งใช้เวทย์ช่วยเหลือผู้คน จนในที่สุดเธอก็ได้สร้างอาณาจักรขึ้นมา และใช้เวทมนตร์ในการอำพรางอาณาจักรให้อยู่รอดปลอดภัยจากสงคราม
แต่ทว่าราชินีองค์ปัจจุบันกลับเป็นคนก่อสงครามขึ้นเอง เธอมีเหตุผลอะไรกันแน่?
เหตุผลนั้นดูเหมือนจะรู้อยู่แค่เจ้าตัวเท่านั้น
.................................................................................................................
นันน่าร์นั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งราชินีแห่งอาณาจักรจันทรา เธอใส่ชุดสีดำ ชุดของเธอนั้นให้ความรู้สึกถึงความมืดอันล้ำลึกและยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ปกติเวลาเธออยู่คนเดียว เธอก็มักจะนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่เป็นประจำ ดังนั้นตอนนี้เธอก็คงไม่คิดอะไรหรอก
แต่ปริศนาอีกอย่างหนึ่งของเธอคนนี้ก็คือ ภายใต้ผมที่ปิดตาซ้ายไว้นั้นซ่อนอะไรเอาไว้
หากจำกันได้ ลูน่าร์เห็นเข้าก็ถึงกับตกใจจนตัวค้าง แต่เฮลิออสกลับหยุดนิ่งทำอะไรไม่ถูก
แต่ทว่าทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งตกใจแบบเห็นอะไรน่ากลัว แต่อีกคนเห็นแล้วกลับคิดว่าไม่เคยเห็นอะไรสวยงามเช่นนี้มาก่อน
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?
................................................................................................................
ที่โลก ดูเหมือนว่าแม่ทัพดูนอร์จะออกทัพต่อแล้ว
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด ผู้คนต่างก็หลบเข้าไปในบ้านเพราะเกรงกลัวต่อกองกำลังอันเกรียงไกรที่สามารถยึดพื้นที่ 1 ใน 4 ของโลกภายในไม่กี่ชั่วโมง
พวกเขารู้เพียงอย่างเดียวว่าถ้าหากไม่ต่อต้านก็จะไม่ได้รับอันตราย
ดังนั้นแล้ว พวกที่มีกำลังน้อยจึงเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อแม่ทัพทันทีที่เคลื่อนทัพผ่าน
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่าย
เพราะบางเมืองเองก็ต่อต้านโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ทำให้แม่ทัพต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับพวกเขานานพอดู
"ดูเหมือนว่าเมืองนี้จะไม่ยอมง่ายๆนะครับ" ลูกน้องที่ขับหุ่นอยู่ข้างๆดูสถานการณ์แล้วรายงาน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่แม่ทัพดูนอร์เห็นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบ
เมืองที่พวกเขากำลังตีอยู่นี้เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมาก เพราะมีกำแพงที่หนา และยากต่อการตีเมืองเพราะมีแม่น้ำล้อมรอบ
"ทุกคน ถอยกลับมาเดี๋ยวนี้!!" เสียงของแม่ทัพตะโกนดังขึ้นหลังจากที่เขาเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ
สิ่งที่เขาเห็นคือแม่น้ำรอบเมืองที่จู่ๆก็เดือดขึ้น แม้จะขับหุ่นอยู่แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนได้
แต่ดูเหมือนว่าบางคนไม่ทันได้ยิน เพราะอยู่ในแม่น้ำนั้น ทำให้หุ่นของพวกเขาถูกความร้อนระดับเมกม่าละลาย ไปหลายตัว
นี่เป็นการเสียหายครั้งแรกตั้งแต่รบมาในครั้งนี้ของแม่ทัพดูนอร์
"หึ ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้จนได้นะ พวกนี้" แม่ทัพดูนอร์พูดขึ้นเสียงออกจากไรฟันอย่างโกรธแค้น
ทหารที่อยู่ข้างๆได้ยินถึุงกับต้องถอยห่างอย่างหวาดกลัว
แม่ทัพดูนอร์ขับหุ่นขึ้นไปข้างหน้าของทุกคนแล้วประกาศว่า "ถอยไป ฉันจะจัดการมันเอง!!!"
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ถอยไปไกลเท่าที่จะไกลได้ เพราะไม่รู้ว่าแม่ทัพคนนี้จะทำอะไร
ทันใดนั้นเอง หุ่นยนต์ที่แม่ทัพก็เริ่มเคลื่อนไหว มือของมันหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากข้างหลัง
สิ่งที่มันหยิบมาทั้งสองมือคือดาบคมเดียวแบบตะวันออกทั้งสองเล่ม ความยาวของมันประมาณ 10 เมตร ซึ่งก็ยาวพอๆกับความสูงของตัวหุ่น
ว่าแล้วหุ่นตัวนั้นก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับพายุ
วินาทีนั้นดาบทั้งสองได้กลายเป็นสีแดงเพลิงราวกับถูกหุ้มด้วยไฟ ว่าแล้วหุ่นก็กระโดดสูงขึ้น จนสามารถข้ามไปอีกฝั่งได้
"เฮอะ แค่ข้ามมาได้ก็เท่านั้น ยังไงก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งอยู่ดี ยิงมันเข้าไป!!" เสียงผู้บัญชาการทหารของกำแพงสั่งการ เพราะเห็นศัตรูมาแค่ตัวเดียว
"หึ!!" แม่ทัพดูนอร์พูดขึ้น จากนั้นก็บังคับหุ่นหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามาราวห่~าฝนได้หมด
"เฮ้ย !! มันบ้าอะไรเนี่ย?!" แม่ทัพของศัตรูกล่าวอย่างตกใจ และสั่งให้ยิงต่อไปไม่ยั้ง
เมื่อหุ่นวิ่งมาถึงหน้ากำแพง ซึ่งพ้นระยะยิงที่จำกัดของปืนต่างๆ หุ่นก็หยุดยืนนิ่ง
"มันหยุดแล้ว" มีคนพูดขึ้น "หึ หมดฤทธิ์แล้วสินะ คิดว่าจะแน่สักแค่ไหน" แม่ทัพพูดขึ้นมาอย่างดูถูก แล้วสั่งว่า "ยิงมัน!"
"แต่ว่า ท่านแม่ทัพ..." ลูกน้องรายงาน "มีอะไร?" เขาถาม "คือว่า...ตรงนั้นระยะเรายิงไม่ถึงครับ" "อะไรนะ?!" ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน
"แย่ล่ะสิ เมืองนี้ไม่เคยป้องกันผิดพลาด หรือพูดง่ายๆก็คือภาคภูมิใจในการป้องกันเมืองมาก เพราะมีแม่น้ำกั้น และถ้ามีศัตรูมาแม่น้ำก็จะกลายเป็นเมกม่ากั้นไว้ทำให้เข้าไกล้ไม่ได้ ส่วนทางนี้ก็ยิงแต่อาวุธระยะไกล เมื่อเข้าไม่ได้ก็ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว จนต้องยอมจำนนกลับไป จึงทำให้เมืองนี้ไม่ได้ติดอาวุธหรือหน่วยรบระยะประชิดเลย..." เขาคิดแล้วมองดูสถานการณ์ก็ต้องตกใจ "...หรือว่ามันตั้งใจทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!!!" ว่าแล้วเขาก็รีบสั่งการว่า "รีบเตรียมหน่วยรบระยะประชิดลงไปรบเดี๋ยวนี้!!!" ทหารที่ได้ยินต่างรีบกันลงไปข้างล่าง ซึ่งต้องใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึง
"บอกแล้วว่าให้เตรียมการเผื่อไว้ด้วยก็ไม่เชื่อ เจ้าพวกบ้านั่น!!!" แม่ทัพพูดแล้วเอามือทุบโต๊ะอย่างเจ็บแค้น เขากัดฟันกรอดเมื่อรู้ถึงชะตากรรมของเมือง
ขณะนั้นเอง หุ่นของแม่ทัพดูนอร์ที่หยุดนิ่งก็ขยับอีกครั้ง
"ปลดปล่อย!!!" เขาพูดขึ้นแล้วดาบทั้งสองของหุ่นก็กลายเป็นดาบไฟขนาดใหญ่ ความยาวของมันสูงเกือบเท่ากำแพงเมือง
"บ้าน่า!!" ทหารฝ่ายศัตรูกล่าวอย่างตกใจ แม้แต่กองทัพของแม่ทัพดูนอร์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
จากนั้นหุ่นก็กระโดดขึ้นไปด้วยความสูงพอๆกับกำแพงที่สูงราวๆ 50 เมตร "ย่าห์!!!" แม่ทัพดูนอร์ตวาดขึ้นแล้วฟาดดาบทั้งสองที่อยู่ติดกันลงใส่ป้อมปราการ
แรงฟันนั้นทำให้ปราการที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งทีสุดเกิดรอยแยกขนาดใหญ่เป็นทางยาวลงมาตั้งแต่จุดที่ถูกฟันจนถึงพื้น
สร้างความตกตะลึงให้กับทหารทั้งสองฝ่าย!!!
...............................................................................................................................
จริงๆแล้วอาณาจักรแห่งนี้มีมาแต่โบราณแล้ว
ว่าแต่ว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน บนดวงจันทร์ก็มีมนุษย์มาตั้งกองทัพอยู่ คอยสู้รบกับชาวโลกซึ่งเป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
แต่กองทัพที่ว่าได้สลายตัวไปพร้อมกับการปิดตัวของกองทัพโลกที่ประกาศยุติสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย แล้วมนุษย์เหล่านั้นก็ได้กลับมาอยู่บนโลกอย่างสงบสุขไปเมื่อสิบปีที่แล้ว
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะสถานที่ที่พวกมนุษย์พวกนั้นไปอาศัยคือด้านหน้าของดวงจันทร์ เพราะสะดวกต่อการติดต่อกับทางโลก
แต่ที่ด้านหลังนั้นกลับไม่มีใครเข้าไปย่างกราย เพราะยังไม่ได้สำรวจ
แต่หากจะกล่าวตามจริง ต่อให้ไปสำรวจที่หลังดวงจันทร์ก็จะพบแต่ความว่างเปล่่า เพราะอาณาจักรแห่งดวงจันทร์นั้นมีเงื่อนไขในการเข้าไป
นั่นทำให้อาณาจักรนี่ดูลึกลับและเป็นดินแดนตกสำรวจ และยังคงไม่มีใครรู้จัก
ราชินีแห่งอาณาจักรนี้ ว่ากันว่าต้องเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น เพราะการที่จะเป็นราชินีได้นั้น จะต้องมีสายเลือดของจอมเวทในตำนาน
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งใช้เวทย์ช่วยเหลือผู้คน จนในที่สุดเธอก็ได้สร้างอาณาจักรขึ้นมา และใช้เวทมนตร์ในการอำพรางอาณาจักรให้อยู่รอดปลอดภัยจากสงคราม
แต่ทว่าราชินีองค์ปัจจุบันกลับเป็นคนก่อสงครามขึ้นเอง เธอมีเหตุผลอะไรกันแน่?
เหตุผลนั้นดูเหมือนจะรู้อยู่แค่เจ้าตัวเท่านั้น
.................................................................................................................
นันน่าร์นั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งราชินีแห่งอาณาจักรจันทรา เธอใส่ชุดสีดำ ชุดของเธอนั้นให้ความรู้สึกถึงความมืดอันล้ำลึกและยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ปกติเวลาเธออยู่คนเดียว เธอก็มักจะนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่เป็นประจำ ดังนั้นตอนนี้เธอก็คงไม่คิดอะไรหรอก
แต่ปริศนาอีกอย่างหนึ่งของเธอคนนี้ก็คือ ภายใต้ผมที่ปิดตาซ้ายไว้นั้นซ่อนอะไรเอาไว้
หากจำกันได้ ลูน่าร์เห็นเข้าก็ถึงกับตกใจจนตัวค้าง แต่เฮลิออสกลับหยุดนิ่งทำอะไรไม่ถูก
แต่ทว่าทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งตกใจแบบเห็นอะไรน่ากลัว แต่อีกคนเห็นแล้วกลับคิดว่าไม่เคยเห็นอะไรสวยงามเช่นนี้มาก่อน
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ?
................................................................................................................
ที่โลก ดูเหมือนว่าแม่ทัพดูนอร์จะออกทัพต่อแล้ว
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด ผู้คนต่างก็หลบเข้าไปในบ้านเพราะเกรงกลัวต่อกองกำลังอันเกรียงไกรที่สามารถยึดพื้นที่ 1 ใน 4 ของโลกภายในไม่กี่ชั่วโมง
พวกเขารู้เพียงอย่างเดียวว่าถ้าหากไม่ต่อต้านก็จะไม่ได้รับอันตราย
ดังนั้นแล้ว พวกที่มีกำลังน้อยจึงเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อแม่ทัพทันทีที่เคลื่อนทัพผ่าน
แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่าย
เพราะบางเมืองเองก็ต่อต้านโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ทำให้แม่ทัพต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับพวกเขานานพอดู
"ดูเหมือนว่าเมืองนี้จะไม่ยอมง่ายๆนะครับ" ลูกน้องที่ขับหุ่นอยู่ข้างๆดูสถานการณ์แล้วรายงาน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่แม่ทัพดูนอร์เห็นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบ
เมืองที่พวกเขากำลังตีอยู่นี้เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมาก เพราะมีกำแพงที่หนา และยากต่อการตีเมืองเพราะมีแม่น้ำล้อมรอบ
"ทุกคน ถอยกลับมาเดี๋ยวนี้!!" เสียงของแม่ทัพตะโกนดังขึ้นหลังจากที่เขาเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ
สิ่งที่เขาเห็นคือแม่น้ำรอบเมืองที่จู่ๆก็เดือดขึ้น แม้จะขับหุ่นอยู่แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนได้
แต่ดูเหมือนว่าบางคนไม่ทันได้ยิน เพราะอยู่ในแม่น้ำนั้น ทำให้หุ่นของพวกเขาถูกความร้อนระดับเมกม่าละลาย ไปหลายตัว
นี่เป็นการเสียหายครั้งแรกตั้งแต่รบมาในครั้งนี้ของแม่ทัพดูนอร์
"หึ ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้จนได้นะ พวกนี้" แม่ทัพดูนอร์พูดขึ้นเสียงออกจากไรฟันอย่างโกรธแค้น
ทหารที่อยู่ข้างๆได้ยินถึุงกับต้องถอยห่างอย่างหวาดกลัว
แม่ทัพดูนอร์ขับหุ่นขึ้นไปข้างหน้าของทุกคนแล้วประกาศว่า "ถอยไป ฉันจะจัดการมันเอง!!!"
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ถอยไปไกลเท่าที่จะไกลได้ เพราะไม่รู้ว่าแม่ทัพคนนี้จะทำอะไร
ทันใดนั้นเอง หุ่นยนต์ที่แม่ทัพก็เริ่มเคลื่อนไหว มือของมันหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากข้างหลัง
สิ่งที่มันหยิบมาทั้งสองมือคือดาบคมเดียวแบบตะวันออกทั้งสองเล่ม ความยาวของมันประมาณ 10 เมตร ซึ่งก็ยาวพอๆกับความสูงของตัวหุ่น
ว่าแล้วหุ่นตัวนั้นก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับพายุ
วินาทีนั้นดาบทั้งสองได้กลายเป็นสีแดงเพลิงราวกับถูกหุ้มด้วยไฟ ว่าแล้วหุ่นก็กระโดดสูงขึ้น จนสามารถข้ามไปอีกฝั่งได้
"เฮอะ แค่ข้ามมาได้ก็เท่านั้น ยังไงก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งอยู่ดี ยิงมันเข้าไป!!" เสียงผู้บัญชาการทหารของกำแพงสั่งการ เพราะเห็นศัตรูมาแค่ตัวเดียว
"หึ!!" แม่ทัพดูนอร์พูดขึ้น จากนั้นก็บังคับหุ่นหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามาราวห่~าฝนได้หมด
"เฮ้ย !! มันบ้าอะไรเนี่ย?!" แม่ทัพของศัตรูกล่าวอย่างตกใจ และสั่งให้ยิงต่อไปไม่ยั้ง
เมื่อหุ่นวิ่งมาถึงหน้ากำแพง ซึ่งพ้นระยะยิงที่จำกัดของปืนต่างๆ หุ่นก็หยุดยืนนิ่ง
"มันหยุดแล้ว" มีคนพูดขึ้น "หึ หมดฤทธิ์แล้วสินะ คิดว่าจะแน่สักแค่ไหน" แม่ทัพพูดขึ้นมาอย่างดูถูก แล้วสั่งว่า "ยิงมัน!"
"แต่ว่า ท่านแม่ทัพ..." ลูกน้องรายงาน "มีอะไร?" เขาถาม "คือว่า...ตรงนั้นระยะเรายิงไม่ถึงครับ" "อะไรนะ?!" ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน
"แย่ล่ะสิ เมืองนี้ไม่เคยป้องกันผิดพลาด หรือพูดง่ายๆก็คือภาคภูมิใจในการป้องกันเมืองมาก เพราะมีแม่น้ำกั้น และถ้ามีศัตรูมาแม่น้ำก็จะกลายเป็นเมกม่ากั้นไว้ทำให้เข้าไกล้ไม่ได้ ส่วนทางนี้ก็ยิงแต่อาวุธระยะไกล เมื่อเข้าไม่ได้ก็ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว จนต้องยอมจำนนกลับไป จึงทำให้เมืองนี้ไม่ได้ติดอาวุธหรือหน่วยรบระยะประชิดเลย..." เขาคิดแล้วมองดูสถานการณ์ก็ต้องตกใจ "...หรือว่ามันตั้งใจทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!!!" ว่าแล้วเขาก็รีบสั่งการว่า "รีบเตรียมหน่วยรบระยะประชิดลงไปรบเดี๋ยวนี้!!!" ทหารที่ได้ยินต่างรีบกันลงไปข้างล่าง ซึ่งต้องใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึง
"บอกแล้วว่าให้เตรียมการเผื่อไว้ด้วยก็ไม่เชื่อ เจ้าพวกบ้านั่น!!!" แม่ทัพพูดแล้วเอามือทุบโต๊ะอย่างเจ็บแค้น เขากัดฟันกรอดเมื่อรู้ถึงชะตากรรมของเมือง
ขณะนั้นเอง หุ่นของแม่ทัพดูนอร์ที่หยุดนิ่งก็ขยับอีกครั้ง
"ปลดปล่อย!!!" เขาพูดขึ้นแล้วดาบทั้งสองของหุ่นก็กลายเป็นดาบไฟขนาดใหญ่ ความยาวของมันสูงเกือบเท่ากำแพงเมือง
"บ้าน่า!!" ทหารฝ่ายศัตรูกล่าวอย่างตกใจ แม้แต่กองทัพของแม่ทัพดูนอร์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
จากนั้นหุ่นก็กระโดดขึ้นไปด้วยความสูงพอๆกับกำแพงที่สูงราวๆ 50 เมตร "ย่าห์!!!" แม่ทัพดูนอร์ตวาดขึ้นแล้วฟาดดาบทั้งสองที่อยู่ติดกันลงใส่ป้อมปราการ
แรงฟันนั้นทำให้ปราการที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งทีสุดเกิดรอยแยกขนาดใหญ่เป็นทางยาวลงมาตั้งแต่จุดที่ถูกฟันจนถึงพื้น
สร้างความตกตะลึงให้กับทหารทั้งสองฝ่าย!!!
...............................................................................................................................
Wing of Destiny ตอนที่ 25 ทำได้ไง?!
[IMG]