สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ในหัวข้อมูลเกี่ยวกับอีทเตอร์->ได้ที่นี่
“ขอให้ทุกท่านอยู่ในระเบียบและค่อยๆ อพยพตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วยครับ”
เสียงของทหารหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ขณะกำลังอพยพประชาชนออกจากดาว JP-103ภาพของกระสวยอวกาศรวมถึงยานอวกาศสำหรับเดินทางระยะไกลกำลังทะยอยบินขึ้นจากท่าจอดไม่หยุดหย่อน และที่พื้นที่ขาเข้าเองก็มียานและกระสวยลงจอดตลอดเวลาเช่นกัน โดยภาพนี้ดำเนินมานานกว่า 3 เดือน ตลอด 7 วัน และวันละ 24 ชั่วโมง
และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าในยามใกล้คำก็จะพบกับโคโลนี่ที่ใช้อยู่อาศัยสามแห่งที่ถูกดัดแปลงเป็นฐานทัพ ซึ่งเหล่าประชาชนที่อาศัยอยู่นั้นเป็นคนร้องขอให้นำโคโลนี่ของตนมาใช้ในการนี้ด้วย โดยโคโลนี่เหล่านั้นถูกติดตั้งเอาไว้ตั้งแต่ปืนกลอัตโนมัติไปจนถึงปืนใหญ่อนุภาคขนาดใหญ่หลายกระบอก และที่อยู่เลยเหล่าโคโลนี่ไปเล็กน้อยคือยานรบยักษ์ ฐานบัญชาการเคลื่อนที่อิซานางิ และกองยานร่วมระหว่างญี่ปุ่นและไทยกว่าห้าแสนลำและยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ญี่ปุ่นทุ่มทุกอย่างในสงครามครั้งนี้ หากเสียดาวให้อีทเตอร์ไปหนึ่งดวง หมายความว่าอีกไม่นานก็จะต้องเสียไปทั้งหมด ดังนั้นการรบครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยชะตาของทั้งประเทศ
ห้องบัญชาการยานอิซานางิที่กินพื้นที่กว้างกว่า 300 เมตร ความยาวของยาน 3 กิโลเมตร แบ่งพื้นที่ภายในยานเป็นเจ็ดส่วน รวมแปดชั้น ชั้นที่ 1 เป็นโรงจอดยานรบและห้องเครื่อง ชั้นที่ 2-3โรงเก็บ B.U. ที่สามารถจุได้หลายพันตัวในชั้นเดียว ชั้นที่ 4 พื้นที่พยาบาลห้องผ่าตัดฉุกเฉินและพื้นที่ที่ใช้ในการรักษาพยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ชั้นที่ 5-7 พื้นที่อยู่อาศัยและห้องอาวุธ ชั้นที่ 8 คือพื้นที่บัญชาการและห้องควบคุมยาน
ภายในหน้าจอระบุเวลาคือ 32 ชั่วโมง30 นาที นั่นคือเวลานับถอยหลังก่อนสงครามจะเริ่มต้นเจ้าหน้าที่ที่ห้องบัญชาการต่างทำงานกันอย่างหนักตลอดหลายวันมานี้ และที่จอภาพขนาดใหญ่ฉายภาพดาวหางที่กำลังมุ่งตรงมายังแนวรบแห่งนี้
ในกองยานทั้งหมดมียานอยู่จำนวนหนึ่งที่โดดเด่นกว่าเพื่อน เหล่ายานรบสีดำมีความยาวกว่าแปดร้อยเมตร ที่สองฝั่งของยานมีสัญลักษณ์รูปหัวหมาป่าสีขาวถูกติดเอาไว้
ณ โรงอาหารยานอิซานางิ
“คือว่า ได้โปรดแต่งงานกับผมด้วยเถอะครับ!!”
นายทหารหนุ่มยศร้อยตรีคนหนึ่งตะโกนขึ้นพลางก้มหัวลงต่อหน้ายูอิที่กำลังนั่งอ่านเอกสารและคู่มือการใช้งานของทาเคมิคาสึจิ
“ขอโทษนะคะ ฉันมีคู่หมั้นแล้วล่ะค่ะ แล้วอีกอย่างเวลาแบบนี้เอาเวลาที่มาขอฉันแต่งงานไปเตรียมตัวออกศึกดีกว่าค่ะ”
ณ โรงเก็บหุ่น
อาเธอร์ที่พอมีเวลาว่างก็รีบมาฝึกซ้อมการควบคุมยูกิคาเสะทันที โดยฝีมือของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะเริ่มชินกับการควบคุมแล้ว
“คู่หมั้นรุ่นพี่ค๊ะ~~!! กินอะไรหน่อยไหมคะ”
เสียงหวานๆของมานะดังเข้ามาในห้องควบคุมขณะอาเธอร์กำลังฝึกอยู่ ในช่วงเวลาหลายวันมานี้อาเธอร์เริ่มจะสนิทกับมานะ มิซึกะ และยูกิ มาขึ้นแล้ว
อาเธอร์หยุดการซ้อมลงทันทีและค่อยๆปีนออกมาจากห้องนักบิน โดยมานะถือตะกร้าติดมือมาด้วย โดยด้านในมีแซนวิชแบบง่ายๆใส่เอาไว้จนเต็ม
“จะว่ายังไงดีล่ะ ประเทศเธอทั้งๆที่สงครามจบแล้วแต่ก็ยังมียอดคนสมัครทหารกันเยอะอยู่เลยนะ”
อาเธอร์พูดพลางมองไปยังกลุ่มนักเรียนทหารชายและหญิงจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านล่างของโรงเก็บB.U. ซึ่งพวกนั้นกำลังฟังอาหารของคนพูดถึงภารกิจและหน้าที่อย่างเคร่งเครียด
“แน่นอนค่ะ เพราะว่าในกองทัพมีทั้งฉัน มิซึกิ แล้วก็ยูกิ อยู่ยังไงล่ะ”
“ยอดคนสมัครกับพวกเธอสามคนมันไปเกี่ยวอะไรกันล่ะ”
“หึหึหึหึหึ เพราะว่า พวกฉันเป็นไอดอลยังไงล่ะค่ะ เป็นทั้งนักร้อง นักแสดงและนางแบบเลยล่ะ”
เธอพูดพลางเอามืดทุบอกตัวเองเบาๆ ส่วนอาเธอร์พอได้ยินถึงกับปล่อยแซนวิชหลุดจากปาก
“ทีแรกพอจบสงครามยอดคนสมัครกองทัพนั้นน้อยมากค่ะ ทางกองทัพเลยหาวิธีกระตุ้นยอดคนสมัครเข้ากองทัพ ก็เลยทำการคัดเลือกทหารหญิงสวยหน้าตาดีทีเสน่ห์หุ่นดีอย่างพวกฉันออกมายังไงล่ะค่ะ”
เธอพูดพลางยิดอกส่วนอาเธอร์ได้แต่ยืนอ้าปาดค้าง ตั้งแต่เกิดมานอกจากแดนนี่แล้วเขาก็เพิ่งได้เจอคนที่กล้าชมตัวเองขนาดนี้
“เพิ่งฝึกเสร็จเหรอ เหนื่อยหน่อยนะ”
เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยของชายคนหนึ่งดังขึ้น และเมื่ออาเธอร์หันไปทางต้นเสียงก็พบกับชายผู้มีสภาพสุดโต่งคนหนึ่งเดินมาหาเขา ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลในสภาพกางเกงในตัวเดียว แต่ต้องบอกว่าชายคนนี้เป็นคนที่หุ่นดีมาก ถึงแม้ปีนี้จะ 43 แล้วแต่ยังดูหนุ่มแน่นอยู่ แต่น่าเสียดายที่ตาขวาของเขาเป็นตาเทียมรวมถึงปากส่วนล่าง และที่ใบหน้ายังมีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่อีก ตามตัวก็มีแผลเป็นจากกระสุดหลายที่ แขนซ้ายทั้งแขนเป็นแขนกลแขนขวาตั้งแต่ข้อศอกเองก็เช่นกัน ขาขวาทั้งข้างและขาซ้ายตั้งแต่หัวเข่าลงไปเองก็เป็นเครื่องกล
“คุณเฉลิมชัย”
“ว๊าว~!!”
มานะร้องขึ้นเมื่อเห็นเฉลิมชัยเดินเข้ามาหา
“ใกล้แล้วสินะ สงครามน่ะ”
“ครับ ว่าแต่คุณเดินสภาพนี้ไปทั่วยานเหรอ”
“ดูทุกคนจะเครียดกันมากเลยนะ”
“ฟังกันหน่อยสิครับ”
“ว่าแต่ในอวกาศเนี่ยหนาวเหมือนกัน ให้ตายสิฉันล่ะเกลียดการอยู่ในอวกาศซะจริง”
“ก้ใส่เสื้อสิครับ”
“หืม ใส่เสื้อ พูดอะไรของนาย ฉันก็ใส่อยู่”
“กางเกงในตัวเดียวไม่เรียกใส่เสื้อผ้าหรอกครับ”
“น่าอย่าคิดมาก!!”
เขาพูดพลางเอามือตบหลังอาเธอร์อย่างแรง
วันต่อมา เสียงสัญญาณเตือนภัยพร้อมการประกาศสภาวะสงครามระดับ4 สภาวะสงครามพิเศษที่จะถูกประกาศขึ้นเมื่อต้องทำการรบกับพวกอีทเตอร์ หน้าจอแสดงเวลานับถอยหลังบอกเวลาว่าเหลือเวลาอีกเพียง 2 ชั่วโมงการรบก็จะเปิดฉาก ศัตรูเข้ามาในระยะสายตา กองยานที่เดินทางมาตอนนี้เริ่มจัดขบวนรบทันที โดยแนวหน้าเริ่มเดินเครื่องยานนำออกไปก่อนทันที พร้อมๆกับที่ระเบิดไฮโดรเจนถูกออกไปนับพันลูก
แสงจากการระเบิดเจิดจ้าขึ้นมาราวกับมีดวงอาทิตย์ดวงใหม่เกิดขึ้นกลางอวกาศแห่งนี้ เหล่า B.U. ถูกปล่อยออกจากยานรบและเริ่มบินมุ่งตรงเข้าสู่สนามรบ ห่ากระสุนปืนใหญ่อนุภาคและจรวดมิสไซล์จากยานรบเริ่มระดมยิงทันที และที่อยู่หน้าสุดของแนวหน้าก็คือทาเคมิคาสึจิของยูอินั่นเอง
ส่วนพวกอาเธอร์ต้องประจำอยู่ที่ยานอิซานางิเพื่อรอการเปิดฉากรบแล้วฉวยโอกาสที่มีน้อยนิดบุกเข้าไปในรัง โดยเครื่องของอาเธอร์ถูกติดตั้งปืนใหญ่อนุภาคเอาไว้ด้วย
หน้าจอบอกเวลาเปลี่ยนเป็น 0:00 หน่วย B.U.ทั้งหมดก็ได้รับคำสั่งให้เริ่มบุกเข้าโจมตีทันที ซึ่งมันเป้นเวลาเดียวกับที่มีแสงเรเซอร์สีขาวพุ่งตรงเข้ามาเหล่ายานรบและ B.U. หน้าจอบอกเวลาเริ่มนับถอยหลังอีกครั้ง นั่นคือ 10:00 นั่นคือเวลาของเส้นตายในการทำลายดาวหาง สิบชั่วโมงหากไม่สามารถทำได้ในเวลาที่กำหนด ดาวหางก็จะพุ่งลงไปที่ดาวสำหรับมนุษย์เป็นเรื่องใหญ่แต่สำหรับอีทเตอร์นั้นมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“อาเธอร์”
เสียงเรียกขอลอร่าดังขึ้นภายในห้องนักบินของยูกิคาเสะที่อาเธอร์นั่งอยู่
“ระวังตัวด้วยนะ ฉันเองก็จะออกไปแนวหน้า”
“ต้องรอดกลับมานะ ลอร่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ฉันสัญญาเอาไว้แล้วนี่ ว่าฉันจะอยู่ต่อแทนในส่วนของคนที่ฉันได้ฆ่าไป ดังนั้นฉันจะไม่ตายที่นี่ และอีกอย่างคนที่ให้ความหมายของคำว่าการมีชีวิตก็คือนายใช่ไหม ดังนั้นฉันจะกลับมา อย่างแน่นอน”
เมื่อเธอร์พูดจบก็ตัดสัญญาณไปทันที
ที่ยานวัลคิรี่
“ลอร่า จะติดแขนเสริมไหม”
“ไม่ ขอปืนสำรองสองกระบอก แล้วติดเบลดมอเตอร์ที่แขนให้ด้วย ขอเครื่องยิงจรวดด้วย”
ลอร่าพูดพลางปีนเข้าไปในห้องนักบิน พร้อมกับเหล่าทหารช่างของยานที่เริ่มติดอาวุธให้ทันที ด้านหลังมีปืนกลขนาด 35mm สองกระบอกติดเอาไว้ให้ ที่ไหล่ทั้งสองข้างถูกติดเครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง ที่เอวทั้งสองข้างถูกติดปืนกลขนาด 40 mm ให้อีกสองกระบอก ที่แขนติดเบลดมอเตอร์ซึ่งเรียกมันว่าเลื่อยยนต์ขนาดยักษ์ก็ได้ โดยมันสามารถพับเก็บได้
หลังจากที่อุปกรณ์ทุกอย่างถูกติดตั้งจนพร้อมแล้ว เธอก้เดินตรงออกไปยังช่องทางส่งออกทันที
“เบเฮมอธ เส้นทางส่งออกเคลียร์ เชิญออกตัวได้ค่ะ”
“ลอร่า เจนโนวาออกตัว!!”
เมื่อสิ้นเสียงของเธอ เครื่องส่งปล่อยตัวก็เริ่มทำงานทันที โดยมันทำงานด้วยระบบเดียวกับปืนเรลกัน นั้นทำให้เบเฮมอธพุ่งออกไปด้วยความเร็วเริ่มต้นที่สูงมาก
“เอาล่ะทุกคน ยานของเราจะเข้าร่วมกับการรบแนวหน้า ยานวัลคิรี่ออกตัว ปืนหลัก ปืนใหญ่อนุภาคเตรียมพร้อม ท่อยิงจรวดมิสไซล์ทั้งหมดเตรียมพร้อมยิง ขอให้พระเจ้าอยู่ข้างเรา วัลคิรี่ออกตัว!!”
กัปตันสาวออกคำสั่งหลังจากที่เบเฮมอธถูกปล่อยออกไปแล้ว
ที่จุดปะทะ ร่างของ B.U. สีทองที่ตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีของเลือดสีแดงของเหล่าอีทเตอร์ กำลังบุกถล่มฝูงอีทเตอร์รูปแบบฮันเตอร์ที่คอยคุ้มกันพวกรูปแบบเลเซอร์อย่างรวดเร็ว โดยมีทหารกลุ่มหนึ่งคอยตามไปติดๆถึงแม้จะเทียบความเร็วไม่ได้เลยก็ตาม
ทาเคมิคาสึจิพุ่งตรงเข้าไปกลางกลุ่มของพวกอีทเตอร์แล้วใช้ดาบเล่มยาวเกือบเท่าตัวฟันใส่เจ้าฮันเตอร์ผู้เคราะห์ร้ายจนร่างขาดครึ่ง ส่วนเจ้าพวกที่เหลือพอเห็นว่าพวกตัวเองถูกฆ่าจึงเริ่มหันมารุมเล่นงานแทน และปล่อยรูปแบบเลเซอร์ไร้การป้องกัน นั่นทำให้พวกหน่วย B.U. ที่ตามมารุมยิงใส่มันได้อย่างสบาย และหลังจากนั้นห่ากระสุนก็เปลี่ยนไปยิงใส่เจ้าพวกฮันเตอร์ที่กำลังพยายามจะเข้ารุมโจมตีทาเคมิคาสึจิที่กำลังบินหลบไปมาได้อย่างรวดเร็วแทน
“พันตรี ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“อืม เอาล่ะ รีบไปถล่มกลุ่มต่อไปเลย”
ยูอิที่ตอนนี้กลายเป็นนายทหารระดับสูงเริ่มออกคำสั่งกับลูกน้องของตัวเอง โดยหน้าที่ของเธอและลูกน้องคือทำลายพวกรูปแบบเลเซอร์เพื่อลดความเสียหายที่เกิดกับกองยานรบ และเปิดเส้นทางให้หน่วยกล้าตายลงไปเจาะดาว
และที่อีกด้านหนึ่ง ลอร่าที่เข้าร่วมสงครามนั้นสร้างกำลังใจให้พวกทหารใหม่ได้อย่างมาก จากกายิงถล่มด้วยจรวดหลายสิบลูก ถึงแม้จะไม่มากแต่พวกฮันเตอร์บางตัวก็พลาดโดนยิงตายไปอยู่เหมือนกัน
“มัวดูอะไรกันอยู่รีบไปได้แล้ว นี่อยู่ระหว่างการรบนะ!!”
เธอพูดขึ้นพร้อมกับดีดเครื่องยิงจรวดทิ้งแล้วพุ่งตัวไปด้านหน้าทันที ถึงแม้จะไม่เร็วนักเพราะเล่นถอดอุปกรณ์หลายอย่างออกไปแล้วเลือกหิ้วอาวุธมา แต่เบเฮมอธก็ยังแสดงความน่าหวาดกลัวให้ศัตรูได้เห็นอยู่ เบลดมอเตอร์แทงทะลุร่างของเจ้าฮันเตอร์เข้าไป แต่ด้วยความที่ดาบนั้นสั้นทำให้ไม่สามารถฆ่ามันได้ แต่ในตอนนั้นเองที่มีคามิคาเสะเครื่องรุ่นมาตรฐานของญี่ปุ่นอีกสามเครื่องพุ่งเข้ามาและใช้ดาบรุมแทงใส่มัน
“ไม่เป็นอะไรนะครับ คุณนักบินจากรัสเซีย”
“ขอบคุณมาก”
แต่ในตอนนั้นเองที่มีฮันเตอร์อีกตัวพุ่งเข้าใส่หนึ่งในคามิคาเสะที่เข้ามาช่วย มันพยายามฉีกทึ้งฝาของห้องนักบินออก แต่ในตอนนั้นกลับมีเสียงร้องตะโกนขึ้นในคลื่นวิทยุซึ่งทุกคนที่อยู่ใกล้ๆต่างก็ได้ยินหมด
“อย่ามาดูถูกมนุษย์ให้มากนักนะว้อย!!!”
และเมื่อสิ้นเสียงคามิคาเสะตัวนั้นก็ระเบิดตัวเองพร้อมกับเอาเจ้าฮันเตอร์ตัวนั้นร่วมทางไปด้วย
ในระหว่างที่กำลังรบกันอย่างดุเดือดอยู่นั้นร่างของอีทเตอร์รูปแบบเทรนพุ่งฝ่าแนวรบไปอย่างรวดเร็ว มันพุ่งตรงหมายจะลงไปยังดาวโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ในตอนนั้นเองที่มียานรบลำหนึ่งเข้าพุ่งเข้ามาขวางมันเอาไว้
“กัปตันคะ รูปแบบเทรนเข้ามาในส่วนของพื้นที่พักอาศัยค่ะ”
“ส่งตำแหน่งไปให้พวกทหารในยานรีบไปยังที่นั่นเร็ว”
เสียงกรีดร้องของเหล่าทหารทั้งชายและหญิงที่กำลังถูกอีทเตอร์รูปแบบโซลเยอร์กำลังฉีดกัดทึ้งร่างของตนดังระงมไปทั่วพื้นที่อยู่อาศัย ทหารหลายคนกำลังวิ่งหนีตายกันสุดชีวิต
“กรี๊ด ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!!”
ทหารหญิงคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือขณะกำลังถูกพวกโซลเยอร์คว้าตัวเอาไว้ มันค่อยใช้ปากกัดฉีดแขนของเธอออก เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น และในตอนนั้นมีอีกหลายตัวที่เข้ามาร่วมกัดทึ้งและฉีกร่างของเธอ
“ไม่!! เจ็บ!! ใครก็ได้ช่วยด้วย ไม่!! ม่าย~~!!”
ปั้ง!!
เสียงปืนนักหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับกระสุนที่พุ่งทะลุหัวของเธอไป เหล่าทหารติดเกราะแบทเทิลสูท หรือ B.S. และปืนกล .50เริ่มกระหน่ำยิงใส่พวกรูปแบบโซลเยอร์อย่างไร้ความปราณี เสียงปืนและเสียงกรีดร้องเริ่มดังระงมไปทั้งยาน
“ยิงที่ขา ตัดขาของมันออกไปก่อน!!”
นายทหารคนหนึ่งสั่งลูกน้องของตน
ถึงแม้ยานหลายลำพยายามจะขวางมันเอาไว้แต่ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ฝ่าแนวหน้าไปได้ กองยานแนวหลังเริ่มระดมยิงเข้าใส่พวกมันพร้อมกับหน่วยB.U.อีกจำนวนหนึ่งที่พุ่งเข้าไปเพื่อที่จะหยุดมันเอาไว้ได้ บ้างตัวโดนปืนใหญ่อนุภาคยิงตายบางตัวพุ่งเข้าชนกับยานรบ แต่ยังมีอีกตัวหนึ่งที่ฝ่าแนวไปได้และพุ่งลงไปยังดาว แต่ว่าก็ยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ไล่ตามมันไปติดๆ พร้อมกับฝ่าชั้นบรรยากาศลงไปพร้อมกับมันกระสุนปืนระดิมยิงใส่มัน หลายเครื่องเริ่มระเบิดเพราะไม่สามารถทานความร้อนของชั้นบรรยากาสได้ แต่ในวินาทีสุดท้ายยูกิคาเสะตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่อีทเตอร์ตรงหน้าและใช้ดาบในมือแทงเข้าใส่มันก่อนที่เครื่องของตัวเองจะระเบิด ส่วนเจ้ารูปแบบเทรนที่เปลือกนอกถูกทำลายไปส่วนหนึ่งก็เริ่มถูกชั้นบรรยากาศเผาไหม้จนไม่เหลือซากทันที
ห่างจากแนวรบออกไปเล็กน้อย มีรังขนาดใหญ่สองรังที่หลบอยู่ด้านข้างของดาวหาง และที่ตรงนี้เองที่เป็นเป้าหมายของพวกอาเธอร์
กลุ่มก้อนดาวเคราะห์น้อยหลายก้อนกำลังพุ่งเข้าไปหารังอย่างช้าๆ ดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นคือเครื่องกำบังที่ทำแบบง่ายๆ โดยด้านในนั้นมีเหล่า B.U. ซ่อนอยู่ พวกอีทเตอร์ที่อยู่แถวนั้นต่างก็บินผ่านไปมาโดยไม่สนใจ แต่แล้วก็มีตัวหนึ่งที่บินมาชนเข้ากับดาวเคราะห์น้อยปลอมเข้า ผลที่เกิดขึ้นก็คือเปลือกนอกแตกออกและเผยให้เห็น B.U. ที่อยู่ด้านใน นั้นทำให้คนอื่นๆตัดสินใจระเบิดเจ้าเครื่องกำบังนี้ออกแล้วพุ่งเข้าไปด้านในรังทันที โดยส่วนหัวของเจ้ารังนี้นั้นมีรูปร่างดูเหมือนปากของพวกหนอน แต่ในตอนนี้มันกำลังปิดลงอย่างช้าๆ เหล่าทหารทั้งชายและหญิงต่างก็ใช้กำลังทั้งหมดในการฝ่าฝูงอีทเตอร์เข้าไปภายในรังก่อนที่ปากของมันจะปิด โดยพวกยูกิคาเสะที่มีปัญหาเรื่องบูสเตอร์เร่งความเร็วนานๆไม่ได้นั้นแก้ปัญหาด้วยกาติดบูสเตอร์เสริมเข้ามา
“เอาล่ะคู่หมั้นของรุ่นพี่ ฉันจะปกป้องคุณจนภารกิจนี้สำเร็จเองค่ะ ไม่ต้องกลัว!!”
“เอาเวลาห่วงฉันไปห่วงตัวเองก่อนดีกว่าน่า”
“เครื่องแดงไม่ต้องมาห่วงคนขับเครื่องทองหรอกค่ะ!!”
“หน่วยเขี้ยวขาว ขอให้โชคดี อย่าตายล่ะ แล้วเจอกันที่จุดวมพล!!”
เสียงของเฉลิมชัยดังขึ้น ในขณะที่หลายๆเครื่องกำลังบินเข้าไปภายในรัง เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้วก็พบกับอีทเตอร์รูปแบบโซลเยอร์มากมายที่เกาะอยู่ตามผนังและเพดาน เส้นทางค่อยๆแคบลงๆและเริ่มมีเส้นทางน้อยใหญ่มากมายให้เห็น
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าราชินีอยู่ที่ไหน”
เสียงของอักษรดังขึ้น
“ตามหลักก็ตรงไว้ก่อน เจอทางแยกค่อยว่ากันทีหลัง”
อนันต์พูดแทรกเข้ามา
“เป็นอะไรไปมานะ กลัวเหรอ เงียบไปเลยนะ เพิ่งเคยเข้ามาในรังครั้งแรกล่ะสิ”
“ใครกลัวกันคะ เรื่องแบบนี้น่ะมันสบายๆ ฮ่าๆๆๆๆ สบาย!!!”
“น่าแปลกแฮะ ทำไมมีแต่พวกโซลเยอร์ หรือเพราะนี่เป็นรังที่ยังไม่สมบูรณ์”
ทัศนีย์พูดพลางกวาดตามองไปตามจุดต่างๆ
“ต่างจากรังที่ลงไปบนดาวได้แล้วจริงๆนั่นล่ะ แถมเส้นทางยังแคบกว่ามากด้วย”
อาเธอร์ตอบด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล
เหลือเวลาอีก 6 ชั่วโมง 30นาทีก่อนถึงเส้นตาย
Valkyrie ตอนที่4 วันแห่งสงคราม