ในเช้าวันอาทิตย์ที่แสนจะหม่นหมองของฤดูฝน ร่างของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีดำยาวในชุดวันพีชสีขาวกำลังนั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเศร้าหมอง เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่พ่อของเธอเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ ทำให้เธอต้องอยู่กับแม่ของเธอ โดยมีลุงคอยแวะเวียนมาเยี่ยมเป็นระยะๆ
“คุณหนูปิ่นคะ คุณลุงมาหาค่ะ” หญิงสาวในชุดเมดเดินเข้ามาหาเธอ ส่วนเด็กสาวที่พอได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินไปยังห้องรับแขกของคฤหาสน์หรูสไตล์ตะวันตก
“โย่ว!! ไงปิ่นหลานรัก ไม่เจอกันตั้งสามเดือน โตขึ้นเยอะเลย เหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อยด้วย ว่าแต่ผอมลงไปรึเปล่า แหม่สาวๆวัยกำลังโตมันต้องกินเยอะๆ ซี่” ชายวัยกลางคนในชุดสู้วิ่งเข้ามาจับบ่าของปิ่นเอาไว้
“ท่านลุงเองก็เหมือนกันสดใสร่าเริงตลอดนะคะ” เธอตอบ
“แน่ล่ะ ความลับของอายุที่ยืนยาวคือคิดบวกหลานรัก” เขาตอบพลางหัวเราะ “ว่าแต่แม่เราไปไหนซะละ”
“ถ้าคุณแม่ล่ะก็ ดูเหมือนว่าที่บริษัทจะมีประชุมด่วนน่ะค่ะเลยรีบออกไป”
“แย่เลยน้า แย่จริงๆ วันแห่งครอบครัวแท้ๆ”
“ว่าแต่ท่านลุงมีอะไรเหรอคะ ถึงได้มาวันนี้” เธอถามอย่างสงสัย
“อ่าว!! นี่ลืมวันเกิดตัวเองแล้วรึไงกันล่ะปิ่น วันนี้ลุงจะมาฉลองวันเกิดกับหลานรักยังไงล่ะ!!”
“จริงด้วยสินะคะ วันเกิดของหนู”
“อย่าเอาวันเกิดตัวเองไปรวมกับวันตายของพ่อเธอซี่ วันนี้น่ะเธอต้องยิ้ม ยิ้มให้มากๆ ใช้ชีวิตให้สดใส พ่อของเธอที่ตายไปแล้วจะได้มีความสุขและสบายใจไม่ต้องมาห่วงเธอ นั่นล่ะคือสิ่งที่เธอต้องทำ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าแทนส่วนของเขาที่จากไป” เขาพูดพลางส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้เธอ และหลังจากนั้นเหล่าสาวใช้ในบ้านก็ถึงกับหัวปั่นเธอต้องรีบเตรียมงานวันเกิดกันแบบไม่ได้ตั้งตัว
และแล้วช่วงเย็นก็มาถึง งานเลี้ยงวันเกิดของเธอเป็นไปอย่างสนุกสนาน โดยลุงของเธอถึงกับรีบขับรถไปลักพาตัวแม่ของเธอมาจากบริษัทเพื่อให้มางานวันเกิดของลูกสาว เหล่าสาวใช้ในบ้านเองก็เข้าร่วมงานนี้กันอย่างเท่าเทียม และก็ถึงเวลาเกิดห่อของขวัญ ซึ่งมาจากลุงของเธอและแม่ของเธอ แม่ของเธอซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์มาให้ ซึ่งดูเหมือนปิ่นจะชอบมันมาก แต่ของลุงเธอนี่สิ
เขาถือกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีรูปร่างดูคล้ายๆกับเคสของเครื่องคอมพิวเตอร์มาให้
“นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ลุงตั้งใจเอามาให้และแทนคำขอบคุณเล็กๆน้อยๆที่หลานคนเก่งของลุงได้เคยช่วยเหลือลุงเอาไว้”
“อะไรเหรอคะ นั่นน่ะ”
“แกะเลย เดี๋ยวรู้” ลุงของเธอพูด และเมื่อเธอแกะออก เธอก็พบกับเครื่องสำหรับเล่นเกมเสมือนจริงรุ่นใหม่ที่บริษัทของลุงเธอเป็นเจ้าของซึ่งเธอมีส่วนช่วยในการพัฒนามันด้วย ไม่ใช่ในฐานะผู้ทดสอบระบบ แต่เธอเป็นคนเขียนโปรแกรมของเหล่า AI ในเกมและระบบอื่นๆ อีกนิดหน่อย
“Avalon” เธออ่านตัวอักฤษที่ติดอยู่ข้างๆเครื่องเกมเบาๆ“ถูกต้องแล้ว นั่นคือชื่อของเกมๆนี้ยังไงล่ะ” ลุงของเธอพูดพลางยิ้มซน
และในคืนนั่นเอง หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกเธอก็เตรียมตัวเข้านอนทันที แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะจ้องเจ้าเครื่องเกมนั้น และสุดท้ายเธอก็เดินเข้าไปจัดการเปิดเครื่องของมันทันที โดยที่ด้านข้างฝั่งหนึ่งจะมีหน้าจอแบบระบบสัมผัสอยู่ เธอค่อยๆตั้งค่าต่างๆของเครื่องอย่างรวดเร็ว และที่ด้านนอกห้องของเธอ มีร่างของลุงและแม่ของเธอที่กำลังแอบดูเธอจากนอกห้องจากทางประตู
“เหมือนพ่อไม่มีผิดนะเด็กคนนี้”“อัจฉะริยะด้านนี้นี่นะ”
หลังจากที่เธอจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเธอก็เอาอุปกรณ์ที่มีหน้าตาดูคล้ายกับหูฟังที่ติดแว่นเอาไว้ ที่มาพร้อมกับเครื่องต่อเข้ากับตัวเครื่องด้วยสายเชื่อมต่อ เธอสวมมันและค่อยๆเอนตัวลงกับเตียงช้าๆ และเมื่อเธอหลับตาลงความรู้สึกทั้งหมดที่ร่างกายของเธอสัมผัสก็เปลี่ยนไป
ความรู้สึกที่กำลังบอกว่าตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ทั้งๆที่เธอควรจะนอนอยู่แท้ๆ และเมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นก็พบกับห้องสีขาว ซึ่งมีคนมากมายกำลังต่อแถวเข้าไปในห้องเล็กๆที่เขียนเอาไว้ว่าจุดบริการณ์
“ที่นี่มัน ที่ไหน”“ยินดีต้อนรับสู่ประตูบ้านแรกสูงการผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่แห่งAvalon!!” เสียงร่าเริงของเจ้าห้าที่สาวคนหนึ่งดังขึ้น แต่ที่ทำให้ปิ่นต้องยืนงงคือเธออยู่ในชุดบันนี่เกิลสุดเย้ายวน
“เอ่อ.....”
“กำลังสับสนและกำลังงงสินะคะ ไม่ต้องงงค่ะ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่คอยดูแลผู้เล่นอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าคุณเพิ่งเคยเล่นเกมเสมือนจริงครั้งแรกสินะคะ”
“ค่ะ” เธอตอบแบบงงๆ
“ได้เลยค่ะ งั้นไปกันโลด สู่ขั้นตอนการสร้างตัวละคร!!!” เจ้าหน้าที่สาวร้องขึ้นพร้อมกับคว้าแขนของเธอและพาวิ่งหายเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
“ที่นี่คือ จุดบริการณ์พิเศษค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวพูดพลางเดินไปที่กำแพงด้านหนึ่งแล้ววาดนิ้วเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าตัวคน และทันใดนั้นก็มีกระจกปรากฏขึ้นมา “เชิญด้านนี้ค่ะ”
“เอ่อ แล้วฉันต้องทำยังไงมั่งเหรอคะ”“ง่ายมากค่ะ เพียงแค่พูดว่าอยากให้เพิ่มส่วนไหนลดส่วนไหนปรับรูปหน้ารึเปล่า เปลี่ยนทรงผมก็ได้นะคะ” ปิ่นที่หอได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วก็ได้แต่จ้องตัวเองในกระจกแล้วคิดกับตัวเองว่า‘ฉันพอใจกับที่เป็นอยู่แล้ว จะเปลี่ยนอะไรดีล่ะ’
“สีผมแล้วกัน เปลี่ยนเป็นสีทอง อื้ม สีทองแล้วกัน” เมื่อสิ้นเสียงของเธอปุ๊บผมสีดำยาวของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีทองทันที
“อย่างอื่นล่ะคะ” เจ้าหน้าที่สาวถาม
“เอ่อ พอแล้วล่ะ” เธอตอบ“ชื่อล่ะคะ”
“ปิ่น ใช้ชื่อว่าปิ่น”
“จะดีเหรอคะ สาวงามผมทองชื่อปิ่น”
“ยุ่งน่า!!!”
“ให้ช่วยคิดชื่อไหมคะ”
“ไม่ล่ะขอบคุณ”
“ค่ะๆ งั้นชื่อตัวละครก็คือ สเตลล่านะคะ”
“เดี๋ยว!!!! ฉันบอกว่าชื่อปิ่น!!”
“อาชีพล่ะคะ”“เอ๋ เอ่อ เกมนี้มีอาชีพอะไรมั่งเหรอ”
“ค่ะ เกมนี้ประกอบไปด้วย นักรบ อัศวิน เบอร์เซิกเกอร์ นักเวท โจร นักฆ่า นักสู้ นักธนู และนักบวชค่ะ โดยแต่ละอาชีพจะต่างกันที่โบนัสเท่านั้นค่ะ สรุปคือระหว่างอยู่ในเกมคุณจะใช้อาวุธอะไรก็ได้ไม่มีใครขัดข้องค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสดใส
“แล้วมีมันต่างกันตรงไหนเหรอโบนัส”“นักรบจะมีค่าพลังกายที่สูงมากเมื่อใช้อาวุธที่ถือด้วยสองมือ
อัศวินโบนัสคือเมื่อสวมเกราะหนักหรือใช้โล่จะเพิ่มค่าพลังป้องกันและค่าHP และค่า Stamina ให้สูงขึ้นค่ะ
เบอร์เซิกเกอร์ เมื่อพลังชีวิตลดต่ำกว่า 50% จะทำให้พลังโจมตีทั้งกายภาพและพลังป้องกันทั้งหมดเพิ่มขึ้นสองเท่าค่ะนักเวท เมื่อใช้เวทมนตร์จะสามารถร่ายเวทมนตร์ได้ไวขึ้นค่ะ แล้วก็ใช้ค่า MP ในการใช้เวทมนตร์ที่น้อยลง
โจรมีความสามารถในการเปิดกล่องสมบัติและค้นหากัปดักตามดันเจียนได้ค่ะ
นักฆ่า มีโบนัสคือเมื่ออยู่ในที่มืดจะสามารถซ่อนตัวจากการมองเห็นได้ค่ะ และเมื่อใส่ชุดประเภทชุดเบาเมื่อเคลื่อนที่จะไม่มีเสียงใดๆ
นักสู้ เมื่อใส่ชุดเบาจะเพิ่มค่า Stamina ขึ้นและเมื่อใช้มือเปล่าหรือสนับมือในการโจมตีจะทำให้ไม่เสียค่า Stamina
นักธนู สามารถตรวจจับการซ่อนตัวได้ค่ะ และเมื่อใช้ธนูจะสามารถมองได้ไกลขึ้นจากอาชีพปกติ
นักบวช เมื่อใช้เวทมนตร์ในการรักษาหรือเวทมนตร์ธาตุแสงจะทำให้เวทมนตร์นั้นๆสงผลมากขึ้นกว่าปกติค่ะ”
“เอ่อ เอา เอาอะไรดีล่ะ”
“ค่ะสร้างตัวละครเสร็จแล้วค่ะ”“เอ๋ เดี๋ยว ฉันยังไม่ได้เลือกอะไรเลยนะ”
“ไม่มีการปรับอะไรนอกจากสีผม ชื่อตัวละครคือสเตลล่า อาชีพอัศวิน ขอให้สนุกนะคะ บ๊ายบาย” เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่สาว พื้นใต้เท้าปิ่นก็หายไปทันทีร่างของเธอกำลังหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว และในวินาทีต่อมาภาพเบื้องหน้าของเธอคือแสงไฟสวยงามของยามราตรีของเมืองที่อยู่ด้านล่าง ใช่ด้านล่างเพราะตอนนี้เธอกำลังหม่งโลกอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด~~~~~~~~~!!!!”ตูม!!!
ร่างของปิ่นตกกระแทกลงพื้นอย่างแรงแต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ค่า HPก็ไม่ลดลงซักนิด หรือว่านี่เป็นรูปแบบการส่งเพลย์เยอร์เข้าสู่เกมเกมนี้
“อ๊าก~~~~~~~~!!!”และในตอนนั้นเองปิ่นก็ได้คำตอบเมื่อเธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังดิ่งลงมาจากท้องฟ้าแบบเดียวกับเธอ
“แบบนี้นี่เอง ส่งเข้าเกมกันแบบนี้สินะ ว่าแต่เราจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย” ปิ่นพูดกับตัวเองพลางปัดผฝุ่นที่ติดตามชุดของเหล่านักผจญภัยเริ่มต้นออก โดยชุดของเธอเป็นชุดเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลและกางเกงขาดสั้นและมีดาบไม้เก่าๆคาดที่เอว
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงที่ฟังดูสบายหูดังขึ้นในหัวเธอพร้อมกับไอคอนรูปกล่องของขวัญเล็กๆที่มีตัวหนังสือด้านด้านบนว่า กดสิอยู่ และเมื่อเธอกดมันก็ระเบิดออกพร้อมกับตัวหนังสือใหญ่ยักษ์คือ
“ยินดีด้วยปิ่นหลานรัก สุดท้ายก็เข้ามาเล่นจนได้ นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆจากคุณลุง” แสดงขึ้นมา และเมื่อปิ่นเห็นรายการของขวัญเล็กๆน้อยๆก็ทำเอาเธอถอนหายใน ยานฟื้นค่า HP ระดับสูง 9999 ขวด สมุนไพรต่างๆ และรายการอาวุธแรร์รวมถึงชุดเกราะยาวเหยียด
“ท่านลุง กะจะให้เราเพิ่มเกมยังไงกันล่ะเนี่ย เล่นส่งของพวกนี้มาให้” ปิ่นพูดพลางเดินไปตามถนนพร้อมกับคิดว่าตัวเองเข้าเกมมาแล้วจะทำอะไรต่อดี เพราะเธอไม่เคยเล่นเกมพวกนี้มากก่อน และเธอต้องหยุดเท้าอยู่หน้าร้านขายของแห่งหนึ่ง เธอมองไปในกระจกหน้าร้าน เงาร่างของเธอที่ฉายอยู่บนกระจกทำให้เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย แต่เมื่อเธอมองดูชุดของตัวเองก็ถึงกับต้องเบ้หน้าเธอเลยรีบวิ่งไปยังมุมตึกที่ใกล้ที่สุด และเรียกเอารายการไอเทมขึ้นมาอีกครั้ง และเลือกคำสั่งโชว์โมเดลของไอเทมเหล่านั้นทันที และเธอก็ต้องมาหยุดอยู่กับชุดชุดหนึ่ง มันเป็นชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งมันเป็นเสื้อใส่ด้านในไม่บวกอะไรเป็นพิเศษ และต่อด้วยชุดเกราะซึ่งมันแสดงขึ้นเป็นเซทแต่เธอเลือดของส่วนลำตัวมาใส่ทับด้านบนเอาไว้เท่านั้น ส่วนอาวุธที่เธอเลือกเป็นดาบแรร์ระดับต่ำๆเล่มหนึ่งแต่เงื่อนไขการใส่คือต้องมีช่องสกิลว่างอย่างน้อยหนึ่งช่อง และเมื่อเธอเปิดเมนูสกิลขึ้นมาก็พบว่าตัวเธอมีสกิลอยู่ก่อนแล้วหนึ่งสกิล และอีกหนึ่งสกิลมาจากอาวุธ อันแรกคือ มนตราแห่งมหาเทพ และอย่างที่สองคือ ศาสตราแห่งการลบล้าง
“เฮ่อ เรานี่โกงผู้เล่นใหม่คนอื่นรึเปล่านะ ถึงจะเลือกๆมาแต่ของแรร์ระดับ 2 ดาวก็เถอะ” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินคอตกไปตามถนนในเมืองเริ่มต้น โดยเธอถูกหนุ่มๆแถวนั้นจ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมดูเหมือนบางคนอยากจะเข้ามาคุยกับเธอด้วยเหมือนกัน
“กรี๊ด!!” เสียงร้องของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งมันดึงความสนใจของทุกคนไปจนหมดแม้แต่ตัวปิ่นเองภาพตรงหน้าของเธอคือเพลเยอร์ชายสามคนกำลังแกล้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งด้านบนของแต่ละครจะแสดงขึ้นและเลเวลเอาไว้ พวกนั้นเลเวล 89 80 85 ซึ่งแสดงว่าเล่นเกมนี้กันมานานพอสมควรแล้ว
“นี่หยุดนะ อย่าแกล้งเธอแบบนั้นสิ” ปิ่นพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปแทรกกลางระหว่างพวกนั้นเอาไว้
“อะไรกันพี่สาว อยากลองดีรึไง เลเวล 1 แท้ๆ หรือว่าอยากจะไปเล่นกับพวกเราล่ะ” หมอนั่นพูดพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมา
“เอาล่ะถอยไปหน่อยพี่สาว ตอนนี้เรากำลังให้ยัยนี่จ่ายค่าเสียหายอยู่ เพราะมันทำน้ำองุ่นหกใส่ฉันอยู่” เจ้าคนเลเวล 89พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับตรงหน้าอกของปิ่นพลางแสยะยิ้ม
“พะ พี่สาว”“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ เจ้าพวกเกรียน!!!!” ปิ่นร้องขึ้นพร้อมกับเสยหมัดเข้าที่คางต้องเจ้าปั่นจนล้มหงายหลังลงไป “จะเกรียนก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถอะ แกล้งเด็กมันสนุกนักเหรอ ถ้าพวกแกคิดว่าแน่จริงก็มาเลย แม่จะสั่งสอนให้เองว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมมันควรจะทำตัวยังไง!!!” ปิ่นพูดขึ้นพร้อมกับมีเสียงเฮสนับสนุนจากคนรอบๆ แต่ไม่มีใครแสดงว่าทีจะเข้ามาช่วยแม้แต่น้อย
“นังนี่ อยากลองดีนักใช่ไหม” เจ้าคนเลเวล 89พูดขึ้นพร้อมกับเปิดเมนูไอเทมและเอาดาบเล่มใหญ่ยักษ์สีดำออกมา
“นะ นั่นมันดาบมารบาโอนี่นา ดาบแรร์ 6ดาว!!” ชายคนหนึ่งร้องขึ้น ส่วนปิ่นชักดาบที่คาดอยู่ที่เอวออกมา มันเป็นดาบเลล่มสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งแต่ละคนเริ่มคุยกันว่านั่นมันดาบอะไร เพราะไม่มีชื่อมันอยู่ในฐานข้อมูลมีบอกแต่ว่ามันเป็นดาบแรร์ระดับสองดาว
“ไอ้ดาบกระจอกสองดาวจะทำอะไรได้ ดาบนี้ล่ะจะผ่าแกเป็นสองซีก แล้วแกจะต้องนึกเสียใจภายหลัง” เมื่อสิ้นเสียงของเจ้านั่นแล้วก็มีเมนูแสดงขึ้นมาตรงหน้าของปิ่น มันคือรูปแบบการท้าสู้ โดยมันเขียนเอาไว้ว่า หากแพ้ต้องเสียไอเทมทั้งหมด และมีให้เลือกระหว่าง yes กับ no ซึ่งปิ่นตอบตกลงแบบไม่รอช้าแม้แต่น้อย
“เหอะ เลเวล 1แท้ๆ ช่างกล้าจริงนะ” เจ้านั่นพูดพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ปิ่นทันที ส่วนเธอคอยจับจ้องไปที่ดาบของเจ้านั่นไม่ว่างตา และเมื่อมันโจมตีเข้าใส่เธอเธอเพียงแค่เบี่ยงตัวหลบไปมาอย่างว่องไว ถือเป็นโชคดีของเธอที่ในโลกจริงโดนเธอบังคับเรียนศิลปะป้องกันตัวมาหลายแบบรวมถึงการฟันดาบด้วย
“เลิกหลบไปหลบมาซักทีนังบ้า!!” หนนี้ปิ่นจึงเปลี่ยนเป็นเอาดาบของเธอมาการ์ดแทน แต่ทันใดนั้นใบดาบของอีกฝ่ายกลับฟันทะลุผ่านดาบของเธอเข้ามาราวกับว่าเธอไม่ได้ป้องกันใดๆเอาไว เธอรีบเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไวในช่วงเสี่ยววินาทีสุดท้ายได้ทันเวลา
“ฮ่าๆๆๆ เป็นอะไรไป ทำได้แค่นั้นรึไง หลบไปหลบมา ฝีมือแกนี่มันกระจอกจริงๆ”
“แล้วแกจะเอาอะไรจากคนเลเวล 1 ล่ะ!!” เพลเยอร์คนหนึ่งตะโกนสวนกลับไปแทนปิ่นและตามด้วยคนอื่น
ปิ่นใช้มือแตะที่ใบดาบเบาๆแล้วค่อยๆลูบมันช้าๆ และทันใดนั้นก็มีแสงสีทองห่อหุ้มดาบแล้วจึงพูดขึ้น “ศาสตราแห่งการลบล้าง”
“เหอะ แกจะงัดเอาอะไรออกมาก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบมารบาโออันนี้!!” มันพูดขึ้นพร้อมกับฟาดดาบลงมาใส่เธอแต่หนนี้ปิ่นใช้ดาบของเธอการ์ดอีกครั้ง และครั้งตัวดาบบาโอก็ถูกหยุดเอาไว้ได้พร้อมกับคลื่นลมอันรุนแรงที่ออกมาจากจุดที่ดาบทั้งสองปะทะกัน
“อะไรกัน ดาบของฉันโดนหยุดเอาไว้ได้!!”ปิ่นปัดดาบนั้นออกไปอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าโจมตีต่อทันที
“เดี๋ยวๆ ขอเวลานอก เดี๋ยวๆ!!” มันพยายามจะตั้งหลักใหม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ในช่วงเวลาหนึ่งที่มันกำลังตั้งรับมีหินก้อนหนึ่งถูกปาเข้าใส่หน้าของปิ่นอย่างแรง มันทำให้เธอเสียหลักลมลงกับพื้น และในตอนนั้นเองที่มันฟาดดาบลงมาใส่เธออย่างไม่รอช้า
แต่ดาบนั้นกลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยโซ่แสงสีทองเส้นหนึ่ง โดยเจ้าของของโซ่นั้นเป็นชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีดำและดวงตาสีฟ้าครามในชุดเสื้อรวดรูปสีดำ
“อัศวินเลเวลหนึ่งตรงนั้นสู้ได้ดีมากเลยล่ะ แต่พอแค่นั้นล่ะนะ เจ้าหมอนี่ฉันจะจัดการต่อเอง ตามล่าหัวพวกแกมาตั้งนานนะ”
“เดี๋ยวฉันยังไหวนะ อย่าเพิ่งมาขัด” ปิ่นพูดพลางค่อยยืนขึ้น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองจะไม่อยากมีปัญหาภายหลังเลยปลดโซ่แสงนั่นออกทันที
“งั้นตามสบายเลย แต่ถ้าเห็นว่าเธอพลาดท่าเมื่อไหร่ฉันจะขอจัดการหมอนั่นทันทีok”
“ได้เลย” เธอตอบ “เจ้าเกรียน!! มาตัดสินกันต่อเลย!!”
“งั้นฉันจะให้มันจบในดาบเดียวเลยยัยบ้า!!” มันเริ่มยกดาบขึ้นเหนือหัวและในตอนนั้นเองที่มีออร่าสีดำเข้าปกคลุมใบดาบเอาไว้ ส่วนปิ่นที่เห็นว่าอีกฝ่ายใช้สกิลตัวเองเลยเอาอีกสกิลมาลองดูเหมือนกัน โดยเธอเองก็ตั้งท่าแบบเดียวกับมัน แต่ของเธอนั้นเป็นออร่าสีทองแทน
“รับไปเลย แล้วก็หายไปซะ คลื่นดาบพยามาร!!!”
“มนตรามหาเทพ ดาบแห่งการพิพากษา!!”
คลื่นดาบสีดำที่เจ้านั่นปล่อยออกมาถูกคลื่นแสงสีทองกลืนหายไป และตามด้วยตัวของเจ้านั่นเองแต่คลื่นแสงนั้นไม่ได้หยุดแค่นั้น มันกวาดเอาเพลย์เยอร์ที่อยู่ด้านหลังเจ้านั่นทั้งๆรวมถึงถนนยาวไปจนถึงกำแพงเมืองพังราบ ส่วนตัวเลขที่บอกถึงค่าความเสียหายคือของเจ้านั่นคือสี่แสน
ปิ่นที่เห็นการโจมตีของตัวเองถึงกับยืนอึ้งอ้าปากค้าง เพราะเธอไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ส่วนชายชุดรัดรูปที่หลบออกมาเกือบไม่ทันเองก็ได้แต่ยืนอึ้งไม่แพ้เธอ
“พะ พี่สาวสุดยอด แต่แบบนี้แย่แน่” เด็กสาวที่ปิ่นเข้ามาช่วยพูดเสียงสั่น
“เพลย์ชื่อสเตลล่าถูกประกาศให้เป็นอาชญากรระดับA หากมีผู้เล่นท่านได้ตรวจพบโปรดระวัง” เสียงประกาศจากระบบดังขึ้นพร้อมภาพของตัวเธอที่ฉายอยู่บนท้องฟ้า มันเป็นใบประกาศจับ พร้อมค่าหัว 85 ล้านกิล
“เอ๋ เดี๋ยวนะ ก็ฉันช่วยเด็กคนนี้ไว้นะ” ปิ่นพูดขึ้นแบบงงๆ แต่ชายในชุดรัดรูปเดินเข้ามาจับบ่าเธอแล้วชี้ไปทางที่เธอเพิ่งโจมตีไปแล้วพูดขึ้น
“เพลย์เยอร์คนโดนไปไม่ต่ำกว่าร้อยคน ไม่นับรวม NPC สิ่งก่อสร้างต่างๆ” หมอนั่นพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ
“พี่สาววิ่งค่ะวิ่ง!!” เด็กสาวผมน้ำตาลรวบเป็นผมหางม้า ซึ่งก็คือเด็กสาวที่ปิ่นเข้ามาช่วยเอาไว้วิ่งเข้ามาดึงมือเธอวิ่งหนีทันที
“ฮ่าๆๆๆๆ งั้นฉันขอไปกับเธอด้วยแล้วกัน ท่าทางจะมีเรื่องน่าสนุกให้ดูอีกเยอะถ้าไปกับเธอ ฉันชื่ออเล็กซ์ยินดีที่ได้รู้จัก!!!”
“หนะ หนูชื่อลูน่าค่ะยินดีที่ได้รู้จักพี่สาวนะคะ”
“เอ๋ ...... เอ๋ ..... เอ๋ ....... เอ๋~~~~~~~~~~~~!!!!!!!!”