ตอนนี้อ่านก่อนค่อยคอมเมนท์ก็ดีครับอิอิอิ แอบเรื่องมาก
.................................................................................
ภายในโรงเก็บ B.U.ของยานวัลคีรี่เหล่าช่างที่ตอนนี้กำลังเร่งรีบติดตั้งอาวุธใหม่ให้กับ B.U.ของกองทัพญี่ปุ่นที่ได้รับเสียหายและขอลงจอดเพื่อซ่อมแซมแบบเร่งด่วนโดยตอนนี้มีราวสามเครื่องที่เข้ามาขอลงจอด และในขณะที่ทุกคนกำลังหัวปั่นกับการซ่อมแซมและติดตั้งอาวุธใหม่อยู่นั้นก็มีเสียงประกาศจากห้องบังคับการดังขึ้น
“ถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านตอนนี้เบเฮมอธกำลังจะทำการลงจอดฉุกเฉิน ขอให้เตรียมรับการลงจอดฉุกเฉินด้วย”
สิ้นเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ CIC ประจำยาน เจ้าหน้าที่บางส่วนรีบเตรียมรีบการลงจอดฉุกเฉินทันที ตาข่ายถูกขึงขึ้นในช่องทางลงจอดร่างของเบเฮมอธที่พุ่งเข้ามาแบบแทบไร้การควบคุมใดๆเพราะว่าบูสเตอร์ที่ติดตั้งเอาไวเหลือเพียงแค่ตัวเดียวและดูเหมือนว่าทรัสเตอร์ที่ติดตั้งเอาไว้ที่เท้าขวาก็เสียเหมือนกัน สภาพของมันดูย่ำแย่มาก
ร่างของเบเฮมอธค่อยๆเดินเข้าไปยังแท่นยึด โดยเหล่าช่างที่อยู่ในชุดอวกาศกำลังมองร่างของเบเฮมอธที่เหลือเพียงแขนขวาข้างเดียว เกราะส่วนหัวเสียหายหนัก เกราะที่ขาขวาพังยับไม่เหลือชิ้นดี และเกราะหลายส่วนตามลำตัวที่มีความเสียหาย
“โอ๊ยๆ คุณหนูไปทำอะไรมา แบบนี้พวกคุณลุงก็แย่สิแบบนี้จะซ่อมยังไงล่ะเนี่ย!!” เสียงของหัวหน้าช่างสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้น
“เอาแขนขวามาติดให้ใหม่ กับซ่อมทรัสเตอร์กับบูสเตอร์ก็พอค่ะ ส่วนอาวุธขอติดตั้งโล่และปืนแกทลิ่งที่แขนซ้าย แล้วก็เอามอเตอร์เบลดที่แขนขวาออกด้วยค่ะ ติดตั้งปืนใหญ่ที่หลังให้ด้วย และก็เครื่องยิงมิสไซล์แบบหลายลำกล้อง แล้วก็ปืนกล 35mm ให้ด้วย แล้วก็ช่วยเอามีดพกมาติดตั้งให้ด้วยค่ะ ขอปืนสำรองด้วยค่ะ” ลอร่าพูดพลางลอยตัวออกมาจากห้องนักบิน ส่วนพวกช่างเองก็รีบจดรายการที่เธอขอทันที
“จะไปถล่มโคโลนี่ที่ไหนเหรอคุณหนู” หัวหน้าช่างถามอย่างงงๆ
“ตอนนี้ยูอิกำลังนำหน่วยบุกทะลวงเข้าใกล้ดาวหางได้มากแล้ว เวลาเส้นตายเหลืออีก 5 ชั่วโมง ช่วยเร่งมือให้เสร็จในหนึ่งชั่วโมงด้วยค่ะ” ลอร่าอธิบายพลางมองร่างของยูกิคาเสะเครื่องหนึ่งกำลังออกตัวโดยมันติดชิ้นส่วนของเดสทรอยเยอร์ในหลายๆส่วน
“คุณหนูอย่าดูถูกกัน30 นาทีก็พร้อมออกไปลุยแล้ว”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“เธอเปลี่ยนไปนะ สมัยก่อนที่ขึ้นยานมาเธอนี่เหมือนก้อนน้ำแข็งเดินได้เลยล่ะ”
“งั้น เหรอคะ”
ในเวลาเดียวกันแนวหน้าสุดของสนามรบร่างของทาเคมิคาสึจิที่บินโฉบไปมาอย่างรวดเร็วกำลังใช้ดาบในมือฟาดฟันร่างเหล่าฮันเตอร์และพวกเลเซอร์อย่างรวดเร็ว หยดเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากร่างเปรอะเปื้อนไปทั่วเกราะสีทอง ส่วนเหล่าคามิคาเสะที่บินตามมาต่างก็พยายามต่อสู้อย่างยากลำบากแตกต่างจากทาเคมิคาสึจิที่เป็นรุ่นใหม่ถึงแม้จะเป็นรุ่นทดสอบก็ตามที
โดยทุกเครื่องจะพยายามบินเป็นกลุ่มเพื่อช่วยกันคุ้มกันเหล่าแท่นขุดเจาะที่กำลังลำเลียงไปยังดาวหาง หลายเครื่องถูกทำลายหลายเครื่องเลือกระเบิดตัวเองไปพร้อมกับศัตรู และในตอนนั้นเองที่มีคามิคาเสะเครื่องหนึ่งที่โดนรุกเข้าถึงตัว และในตอนนั้นเองที่มีฉันเตอร์อีกสองตัวที่เข้ามาช่วยกันรุมทำลายคามิคาเสะเครื่องนั้น
“มารากาตะ!! จะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ!!!” เสียงของหัวหน้าหน่วยวัยกลางคนดังขึ้นในคลื่นวิทยุ และนั่นทำให้ทหารคนอื่นๆเพ่งความสนใจไปที่จุดเดียวกันหมด
“อย่าเข้ามา!!!” เสียงตะโกนปนสะอื้นที่แฝงเอาไว้ด้วยความกลัวดังขึ้น
“คุ้มกันแท่นขุดเจาะเอาไว้!!!” เสียงตะโกนออกคำสั่งของยูอิดังขึ้น โดยเธอกำลังพยายามกำจัดพวกฮันเตอร์ที่เริ่มพุ่งเป้าเข้าใส่เธอหนักขึ้น
“ผม ผมน่ะผมน่ะ!! วันนี้ได้เป็นพ่อคนแล้วครับ!!” เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับสัญญาณภาพที่ฉายภาพของนักบินหนุ่ม ใบหน้าของเขาฉายถึงความกลัวอย่างชัดเจนน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดกลายเป็นหยดน้ำลอยอยู่ทั่วไปหมด ในมือของเขาถือปุ่มระเบิดตัวเองเอาไว้แน่น ระหว่างนั้นเสียงของเหล็กที่เริ่มหักงอดังขึ้น “ผมน่ะ ได้ลูกชายครับหัวหน้า!! วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด และนี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ผมทำได้เพื่อลูกที่เพิ่งเกิดมา!!” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วกดปุ่มระเบิดตัวเองแล้วตะโกนขึ้น “ญี่ปุ่นจงเจริญ!!!” สิ้นเสียงของเขาแสงจากการระเบิดก็เริ่ม:Xส่อง ร่างของฮันเตอร์ทั้งสามโดนกลืนหายเข้าไปในแสงนั้น แต่ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“อย่าให้การตายของเขาต้องเสียเปล่า กองทหารราชองครักษ์ตามฉันมา!!!” เสียงของหัวหน้าทีมราชองครักษ์หนุ่มดังขึ้น ร่างของยูกิคาเสะสีดำ 2 เครื่อง และเครื่องอื่นๆก็มี สีทอง 4 เครื่อง สีแดง 2 เครื่อง สีม่วง 6 เครื่อง สีเงิน 7 เครื่อง และสีขาว 12 เครื่อง เหล่าทหารที่เห็นกองทหารราชองครักษ์ที่มาถึงแต่สงเสียงโห่ร้องอย่างดีใจ
เหล่ายูกิคาเสะเริ่มแยกย้าย และจับกลุ่มรุมโจมตีพวกฮันเตอร์อย่างรวดเร็ว จำนวนพวกฮันเตอร์ลดลงอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นยูกิคาเสะเครื่องสีดำเครื่องหนึ่งกำลังลอยเข้าใกล้ทาเคมิคาสึจิออย่างช้าๆ และตามมาด้วยเสียงที่แสนจะโหยหาและคิดถึง
“ไม่เจอกันนานนะ ยูอิ” เสียงเรียบๆไร้อารมณ์ที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น
“ฮารุโกะ!!!” ยูอิร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงนั้น น้ำตาของเธอค่อยๆซึ่มไหลออกมา แต่ในตอนนั้นสัญญาณเตือนจากเซ็นเซอร์ก็ดังขึ้น ยูอิบังคับทาเคมิคาสึจิของเธอไปในทิศทางที่แจ้งเตือนและใช้ดาบฟันร่างของฮันเตอร์ที่เข้ามาโจมตีจนขาดครึ่ง
“คุยกันทีหลังแล้วกัน รีบไปเจาะดาวนั่นกันเถอะ ลูกสาวฉันรออยู่” เธอตอบเสียงเรียบๆ แต่ยูอิได้แต่นิ่งเงียบอย่างงงๆ เพื่อนร่วมรุ่นของเธอถ้าจะให้พูดก็เหลือเธอคนนี้แค่คนเดียว แถมมีลูกแล้วด้วยงั้นเหรอ หน่วยขุดเจาะที่ตอนนี้มีกำลังเสริมใหม่แล้วจึงรีบลำเลียงแท่นขุดเจาะตรงไปยังดาวตามเป้าหมาย
ในเวลาเดียวกัน ยานวัลคีรี่ที่ห้องบังคับการเองก็กำลังวุ่นวายอย่างมากเช่นกัน
“กัปตัน ปืนหลักหมายเลข 2 ตอนนี้ระบบหล่อเย็นหยุดทำงานครับ ตอนนี้ปืนหลักความร้อนกำลังเพิ่มสูงขึ้น” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น
“ทำการสลับยิงกับปืนหมายเลขหนึ่ง!!” กัปตันสาวพูด
“ปืนกลหมายเลข2 4 6 8 ถูกทำลาย!!!” เสียงของเจ้าหน้าที่อีกคนดังขึ้นพร้อมกับแรงสะเทือนอันมหาศาล
“ห้องเครื่องรายงานมาว่าเครื่องกำเนิดพลังงานหมายเลข2 เสียหาย!!”
“ทำการปรับลดหลังงานในส่วนที่ไม่จำเป็นซะ!! แล้วก็ลดพลังงานปืนหลักลงแล้วสลับยิงต่อไป” กัปตันสาวรีบสั่งการ
“เครื่องยนต์หมายเลข 1 3 และ 4 เสียหาย หยุดทำงานแล้วครับ ตอนนี้ยานเรากลายเป็นเป้านิ่งแล้วครับกัปตัน!!!”
“อย่าแตกตื่นไป!!!”
“กัปตันสกาเล็ต!!” สัญญาณติดต่อจากยานรบลำหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่นติดต่อเข้ามา โดยเขาเรียกนามสกุลของเธอแทนชื่อ “ผมว่ายานของคุณออกจากแนวรบก่อนเถอะครับ สภาพแบบนั้นยานคุณคงไม่ไหวแล้วล่ะครับ!!”
“ก็อยากทำค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยานของเราเหลือเครื่องยนต์เดียวกับทรัสเตอร์เท่านั้น” กัปตันสาวพูดพลางยิ้มฝืดๆ
“พวกเราจะทำการคุ้มกันเอง!!” เสียงของพรพรตดังขึ้น พร้อมกับยานรบสีเทาหม่นที่ลอยเข้ามาใกล้พร้อมกับทำการยิงคุ้มกัน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณพรพรต เอาไว้ฉันจะเลี้ยงเหล้าคุณตอบแทนนะคะ ถ้าสงครามนี้จบลง” กัปตันสาวตอบ
“คุณโรซ่า อย่าหาว่าผมมองโลกในแง่รบเลยนะครับ คุณยังเห็นแววชนะอีกเหรอครับ”
“แน่นอนค่ะ” เธอตอบเสียงเข้ม
“กัปตัน พบการบิดเบี้ยวของอวกาศค่ะ นี่มันการวาร์ประยะไกล ตำแหน่งคือ ตรงกลางระหว่างเรากับดาวหางพอดีเลยค่ะ!!”
“ตรวจพบสัญญาณความร้อนหลายจุด นี่มันพวกเลเซอร์กำลังจะยิงมาครับ ขืนเป็นแบบนี้ล่ะก็เราหลบไม่พ้นแน่!!!”
ในเวลาเดียวกันภายในหลุดมิติที่ใช้ในการวาร์ป ภาพของยานรบสีเทาหม่นที่ติดธงชาติจีนเอาไว้หลายลำกำลังเดินทางเพื่อตรงออกไปยังสถานที่เป้าหมาย
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าพวกโจรสลัดโง่ ยานเสียแต่ดันไม่หยุดซ่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้พวกเราตาม โง่จริงๆ!!” เสียงของหลิน เฟิงดังขึ้น พวกเจ้าหน้าที่บนยานส่วนมากเป็นทหารชุดกำลังสับเปลี่ยนทั้งหมด หลายๆคนไม่เคยแม้แต่จะออกสนามรบด้วยซ้ำ
“พันเอก เราใกล้จะออกจากการวาร์ปแล้วครับ”
“ดี ประกาศสภาวะพร้อมรบระดับ1 แล้วก็เตรียมติดต่อไปยังคณะรัฐบาลบนดาวใกล้เคียงของญี่ปุ่นด้วยล่ะ” เธอพูดอย่างด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ในตอนนั้นเองเมื่อของยานออกจากการวาร์ป หัวใจทุกคนในห้องบังคับการก็แทบหยุดเต้น ภาพเบื่องหน้าคือเหล่าฮันเตอร์จำนวนมากกำลังต่อสู้กับB.U. จากญี่ปุ่น หลิน เฟิงค่อยๆอ้าปากกว้างขึ้นอย่างช้า แล้วตามมาด้วยคำสั่ง “ประกาศสภาวะพร้อมรบระดับ 4 ส่ง B.U.ออกไปเดี๋ยวนี้ ระบบอาวุธทั้งหมดออนไลน์ กัปตันดูแลที่เหลือด้วยฉันจะออกไปด้วย แจ้งพวกช่างให้เตรียมหวงหลงให้ฉันด้วย!!”
“กัปตันครับ ถีหู่ จมแล้วครับ!!!”
“อะไรนะ!! กองยานของเราที่หนนี้ขนมากว่า 8 อยู่ดีๆก็จมไป 1 แล้วงั้นเหรอ!! หนอยแน่เจ้าพวกโจรสลัด!!!!!”
ในเวลาเดียวกันยานวัลคีรี่
“เยี่ยม!! มาได้เวลามากเลย!! ฮ่าๆๆๆๆ มันต้องแบบนี้สิ ขอบคุณมากของยานจีน!!!” กัปตันสาวโห่ร้องอย่างดีใจ ส่วนกองทัพของญี่ปุ่นได้แต่งงกันเป็นไก่ตาแตก จู่ๆทำไมกองยานจีนถึงมาช่วยเราล่ะ นั่นคือคำถามที่หลายๆคนพูด
ส่วนกองยานจีนเองก็เปิดช่องสัญญาณติดต่อไปยังยานรบทุกลำที่อยู่ที่นั่นด้วย
“ฉันพันเอกแห่งกองยานจีน หลิน เฟิง เราเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าแทรกในสงครามของพวกคุรนักหรอกนะ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพาไป พวกเขาจะขอร่วมมือกับคุณด้วยแล้วกัน รีบจัดกำลังรบใหม่เร็วเข้า พวกเราจะต้านเอาไว้ให้เอง แล้วก็รีบส่งแผนการของพวกคุณมาซะ เราจะร่วมด้วย!!”
โรซ่าพอได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะอย่างสะใจในความซวยซ้ำซากของเธอคนนี้
ในเวลาเดียวกันภายในรังของอีทเตอร์ พวกอาเธอร์ที่เข้ามาถึงด้านในได้แล้วก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ เมื่อเส้นทางมันกลายเป็นทางแยกสองทาง แถมที่แย่ยิ่งกว่าคือพวกทหารจากญี่ปุ่นหลายคนโดนจัดการไปแล้วระหว่างทาง ทำให้ตอนนี้เหลือพวกของเฉลิมชัย อาเธอร์ พวกมานะ และทหารที่ใช้เครื่องยูกิคาเสะรุ่นสีขาวสามคนเท่านั้นแต่พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมาเจอทางแยกตรงหน้า
“ซ้ายหรือขวาดี” มานะพูดพลางใช้มือกุมขมับอย่างคิดไม่ตก
“แยกกันดีไหม แบบนั้นจะได้ง่ายกว่า” เฉลิมชัยเสนอขึ้นมาแต่จู่ๆอาเธอร์ก็บังคับยูกิคาเสะไปทางซ้ายมือแล้วจึงพูดขึ้น
“จะมามัวหยุดอยู่ตรงนี้มันก็ไม่มีความหมายขึ้นมาหรอก เราต้องไปซักทางถ้าไม่ใช่ก็แค่ย้อนกลับ หรือไม่ก็ใช้ปืนอนุภาคนี่ยิงถล่มกำแพงสร้างทางไปต่อกันเองเลย” อาเธอร์พูดและดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วย เพราะยิ่งอยู่ตรงนี้นานก็เสียเวลาเปล่าๆ แถมเผลอๆพวกอีทเตอร์อาจจะแห่กันมาต้อนรับกันอีกรอบ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงสุด โดยยูกิคาเสะนั้นพุ่งนำไปไกลส่วนไวเปอร์นั้นกลับต้องบินตามหลังต้อยๆ และแล้วพวกเขาก็มาถึงสุดทางของเส้นทางนี้ ที่สุดทางนี้มีส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อสีขาวปิดเส้นทางเอาไว้
“ที่นั่นล่ะ เข้าไปเลย ระวังด้วยล่ะ ตัวราชินีมันอาจจะโจมตีสวนกลับมาก็ได้!!” เฉลิมชัยพูดขึ้น ด้วยประสบการณ์บุกรังมาแล้วรอบหนึ่งทำให้เขารู้เรื่องนี้ดี แต่ถึงจะบอกว่ารู้ดี แต่ต้องบอกว่าทุกรังสภาพภายในแตกต่างกันล่ะนะ ถ้าตอนสมัยของเฉลิมชัยนั้นไม่ใช่สองแยกแต่มันเป็นโพรงขนาดใหญ่ยักษ์หลงแล้วหลงอีก ส่งทหารเข้าไปเท่าไหร่ก็ตายหมด ถือว่าพวกเขาโชคดีมากที่รอดมาได้
พวกมานะที่ได้ยินแล้วจึงรีบตรงเข้าไปฟันทำลายเนื้อเยื่อพวกนั้น และเมื่อยูกิคาเสะเครื่องสีขาวทั้งสีบินเข้าไปก็พบกับรยางค์จำนวนมากพุ่งเข้าใส่อย่างไร้ความปราณี รยางค์เหล่านั้นแทงทะลุร่าง B.U. ได้อย่างสบายๆ สามเครื่องแหลกเป็นชิ้นๆรวมถึงห้องนักบินที่โดนทำลายจนไม่เหลือซาก ส่วนอีกเครื่องนั้นถูกรยางค์เพียงเส้นเดียวแทงเข้าไป และเครื่องนั้นก็ถูกดึงกลับเข้าไปหาอีทเตอร์ที่อยู่ด้านในสุดของห้อง
พวกมานะที่กำลังจะตามเข้ามาได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับและมองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตกใจ แต่แล้วในตอนนั้นเองที่มีเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาในช่องสัญญาณ ใช่มันคือเสียงของนักบินประจำยูกิคาเสะที่ถูกดึงเข้าไป เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังเข้ามาตามคลื่นสัญญาณและตามมาด้วยสัญญาณภาพที่ส่งตรงมาให้ทุกเครื่องที่อยู่ที่นี่ได้เห็น
ภาพของเด็กสาวผมดำยาวคนหนึ่งในชุดสูทนักบินสำหรับใช้ในอวกาศ มันเป็นชุดสูทแนบเนื้อที่ค่อนข้างหนากว่าชุดสูทที่ใช้บนโลก แต่ถ้ามองไปที่ชุดของเธอก็จะพบว่าด้านในชุดราวกับมีอะไรบางอย่างแทรกอยู่ระหว่างร่างของเธอละชุด มันมีลักษณะดูคล้ายรยางค์ที่ใช้โจมตีใส่ B.U. แต่มีขนาดเล็กกว่า มันค่อยๆเลื้อยไปตามร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน เธอค่อยๆอ้าปากพูดขึ้น
“ได้โปรด..... ยิง ..... ยิงฉันที ...... ได้โปรด ......” เธอพูดขอร้องทั้งน้ำตา
“อะ อะไรน่ะมันทำอะไร” มิซึกิพูดขึ้นพลางกัดฟันเอาไว้แน่น
“ควบคุมร่างกาย!! อีกเดี๋ยวเด็กนั่นก็คงถูกพวกอีทเตอร์เอาไปแยกสมองต่อนั่นล่ะ” อักษรพูดพลางพุ่งเข้ามารวมกลุ่ม
“ช่วยไม่ทันแล้ว อาเธอร์ลงไปบนพื้นแล้วเตรียมยิงปืนใหญ่อนุภาคซะ ยิงเด็กคนนั้นไปพร้อมๆกันเลย ตอนนี้ถึงจะไปช่วยเธอออกมาก็ไม่มีความหมายแล้ว” เฉลิมชัยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดผิดกับทุกที
“ครับ” อาเธอร์ตอบกลับพร้อมกับค่อยๆลดระดับความสูงลงไปยืนบนพื้นด้านล่าง โดยพื้นที่ว่านั้นมันไม่ใช่พื้นดินแต่เป็นเนื้อนิ่มๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลงก็ที่นี่มันอยู่ภายในท้องสิ่งมีชีวิตอื่นอีกที ยูกิคาเสะยืนตั้งท่าพร้อมยิงและเริ่มชาร์จพลังงานปืนใหญ่อนุภาคทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงของมานะดังขึ้น ยูกิคาเสะของเธอทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าราชินีจึงใช้รยางค์โจมตีใส่เธอทันที มานะบินหลบไปมาพร้อมกับใช้ดาบฟันรยางค์เหล่านั้น
“โธ่เว้ย!! เด็กบ้า!! กลับมานี่!!” เสียงของเจริมชัยดังขึ้นพร้อมกับที่ไวเปอร์ของเขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง โดยไวเปอร์ของเฉลิมชัยนั้นเป็นรุ่นมาตรฐานแตกต่างกับสมาชิกหน่วยของเขาที่เป็นรุ่นดัดแปลง
ยูกิคาเสะของมานะที่เริ่มโดนโจมตีหนักขึ้นเรื่อยๆเริ่มต้านการโจมตีทั้งหมดไม่ได้ รยางค์หลายเส้นเริ่มพุ่งเข้าไปทำลายโดนส่วนขา แขนของยูกิคาเสะคนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างของยูกิคาเสะปลิวออกไปตามแรงกระแทกที่ถูกโจมตีอย่างไร้ทิศทางพร้อมกับเสียงร้องของมานะ แต่ตอนนั้นเองที่ไวเปอร์ของเฉลิมชัยเข้ามารับร่างของยูกิคาเสะเอาไว้และรีบพาหลบออกมารวมกับคนอื่น
“เด็กบ้า อยากหาที่ตายงั้นเหรอ!!” เฉลิมชัยพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“ขอโทษค่ะ” เสียงขอโทษเบาๆของมานะดังขึ้น พร้อมกับเสียงสัญญาณเตือนที่ดังอยู่ในห้องนักบิน
“ที่เหลือฝากพวกเราเองนะมานะ” ยูกิพูดพร้อมกับเข้ามาขวางหน้าเธอเอาไว้และใช้ปืนกลยิงกระหน่ำใส่เป้าหมายต่อไป
“พวกเราจะสู้แทนเอง พักก่อนแล้วกัน” มิซึกิเสริม
แต่ในตอนนั้นเองรยางค์จำนวนมากเริ่มรวมตัวและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ทุกคนรีบหลบการโจมตีพวกนั้นอย่างรวดเร็ว โดยยูกิคาเสะของมานะนั้นถูกยูกิคาเสะของยูกิดังหลบออกมาส่วนอาเธอร์ที่ยินชาร์จหลังงานปืนใหญ่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ
“มานะไม่เป็นอะไรนะ” ยูกิถามเพื่อนสนิทของเธออย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรอะไรจ๊ะ ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณมาก” มานะตอบ
“ไม่เป็นอะไรจ๊ะ แค่นี้เอ ......” ก่อนที่เสียงยูกิจะพูดจบสัญญาณภาพที่ฉายเข้ามาก็ตัดขาดไปและเหลือไว้เพียงเสียงซ่า มานะใช้ทรัสเตอร์ของยูกิคาเสะเปลี่ยนทิศทางเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ก็พบกับร่างของยูกิคาเสะของเธอรักตัวเองโดนรยางค์หลายเส้นแทงทะลุเข้าไปในห้องนักบิน มันค่อยๆถอนรยางค์ออกมาพร้อมกับหยดเลือดน้อยใหญ่ที่ลอยตามออกมา
มานะที่เห็นภาพนั้นหยุดหายในไปช่วงระยะหนึ่ง และจึงตามาด้วยเสียงกรีดร้องของเธอ “ยูกิ~~~!! ไม่นะ!!” ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นต่างก็ตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น
“โธ่โว๊ย!!! ไอ้ปืนบ้าชาร์จพลังงานเราๆสิโว๊ย!!!” อาเธอร์ที่เห็นภาพนั้นแผดเสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ถึงตัวเขาจะไม่ค่อยสนิทกับยูกิมากนักแต่เธอก็เข้ามาคุยด้วยตลอด เธอเป็นคนดีเรียบร้อยอ่อนโยนและเอาใจใส่คนอื่น เธอจะพูดสุภาพเสมอไว้ว่าจะเป็นคนแก่กว่าหรือกับคนรุ่นเดียวกัน หรืออ่อนกว่า
“ยูกิ!!” เสียงเรียกชื่อสั้นๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความโกรธของมิซึกิดังขึ้นตามมา
“สงบใจไว้ อย่าสติแตกทำอะไรโง่ๆนะเฮ้ย!!!” อนันต์พูดดักพวกเธอเอาไว้
“ไอ้ปืนบ้านั่นทำไมมันชาร์จพลังงานนักฟร๊ะ!!” อักษรสบถ
“เออ ยิงได้ซะที!! ทุกคนเปิดทางด้วย!!” อาเธอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นพวกหน่วยเขี้ยวขาวจากไทยก็รีบถอยหนีออกมา โดยมีเอาเครื่องของมานะและยูกิออกมาจากที่นั่นด้วย ส่วนมิซึกิถึงจะได้สติช้าก็แต่ก็รีบตามทุกคนไปอย่างรวดเร็ว
“เอาไปนี่ไปกิน ไอ้.บ้าเอ้ย!!!” อาเธอร์สบถพร้อมกับยิงปืนใหญ่อนุภาคออกไป ลำแสงสีแดงเข้มพุ่งเข้ากลืนร่างของราชินี และในตอนนั้นเองที่ตัวรังเริ่มสั่นไหวไปมาๆ ตามหลักแล้วราชินีสำหรับรังก็เหมือนกับเป็นทั้งหัวใจและสมอง หากราชินีตายรังก็ตายเช่นกัน
พวกอาเธอร์รีบตรงดิ่งออกมาจากรังทันที แต่แน่นอนว่าเมื่อพวกเจาเอาตัวรอดออกมาจากรังได้ก็พบกับฝูงอีทเตอร์จำนวนมากมารอต้อนรับ ซึ่งจำนวนของมันบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดไปจากที่นี่ได้เลย แต่ในตอนนั้นเองที่ทีลำแสงสีแดงของปืนใหญ่อนุภาคพุ่งเข้าโจมตีใส่พกอีทเตอร์ และตามมาด้วยห่ากระสุนจำนวนมาก
“ใช้เวลานานเอาเรื่องเลยนะเจ้าบ้าอาเธอร์ นึกว่าโดนฆ่าตายไปแล้วซะอีก!!” เสียงของแดนนี่ดังขึ้นในคลืนวิทยุพร้อมกับหน่วยผสมของกองทัพไทยและญี่ปุ่น รวมถึงยานอีก 1 ลำที่มารับ
“มานะ เรารอดแล้วล่ะ แข็งใจเอาไว้นะ” อาเธอร์ใช้ช่องสัญญาณส่วนตัวติดต่อหาเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก
ณ ดาวดวงใดดวงหนึ่ง
“แหมๆ ดูเหมือนว่าการทดสอบครั้งที่สองจะเป็นไปได้ด้วยดีนะคะนายท่าน” เสียงของหญิงสาวในชุดราตรีสีแดงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนที่วางแขนของโซฟาสีแดง ดวงตาของเธอจ้องมองภาพการรบที่กำลังเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น
“แน่นอนอยู่แล้ว แผนการของพวกเราเองก็มาไกลจนย้อนกลับไปไม่ได้แล้วซะด้วย” เสียงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตผ่าอกพูดพลางยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาดื่ม
“สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะกองทัพของอิตาลี กองกำลังผสมของอังกฤษและอเมริกา หรือกองทัพญี่ปุ่นในตอนนี้ต่างก็เป็นแค่หนูในการทดลองของเราทั้งนั้น แล้วยังแผน G เองก็ดำเนินไปกว่า 80% แล้วด้วย” สาวชุดแดงพูดพลางใช้มือลูบที่หน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ แล้วค่อยๆใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อของเขาแล้วจึงค่อยๆโน้มตัวลงไปซุกไซ้ที่ต้นคอของชายหนุ่ม “ฉันว่าเราเลิกดูภาพน่าเบื่อนั่น แล้วมาทำอะไรสนุกๆกันดีกว่านะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเพียงน้อยๆ แล้วจึงหันมาประกบปากจูบกับเธออย่างร้อนแรง
เหลืออีก 3 ชั่วโมง 15 นาทีก่อนถึงเส้นตาย
สิบหน้า A4 โพสออกมาในเว็บเหลือนิดเดียวทำไมดูสั้นๆเนี่ย สงสัยต้องเพิ่มจำนวนหน้าในแต่ละตอนละมั้ง
แถมรูปซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ
.................................................................................
ภายในโรงเก็บ B.U.ของยานวัลคีรี่เหล่าช่างที่ตอนนี้กำลังเร่งรีบติดตั้งอาวุธใหม่ให้กับ B.U.ของกองทัพญี่ปุ่นที่ได้รับเสียหายและขอลงจอดเพื่อซ่อมแซมแบบเร่งด่วนโดยตอนนี้มีราวสามเครื่องที่เข้ามาขอลงจอด และในขณะที่ทุกคนกำลังหัวปั่นกับการซ่อมแซมและติดตั้งอาวุธใหม่อยู่นั้นก็มีเสียงประกาศจากห้องบังคับการดังขึ้น
“ถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านตอนนี้เบเฮมอธกำลังจะทำการลงจอดฉุกเฉิน ขอให้เตรียมรับการลงจอดฉุกเฉินด้วย”
สิ้นเสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ CIC ประจำยาน เจ้าหน้าที่บางส่วนรีบเตรียมรีบการลงจอดฉุกเฉินทันที ตาข่ายถูกขึงขึ้นในช่องทางลงจอดร่างของเบเฮมอธที่พุ่งเข้ามาแบบแทบไร้การควบคุมใดๆเพราะว่าบูสเตอร์ที่ติดตั้งเอาไวเหลือเพียงแค่ตัวเดียวและดูเหมือนว่าทรัสเตอร์ที่ติดตั้งเอาไว้ที่เท้าขวาก็เสียเหมือนกัน สภาพของมันดูย่ำแย่มาก
ร่างของเบเฮมอธค่อยๆเดินเข้าไปยังแท่นยึด โดยเหล่าช่างที่อยู่ในชุดอวกาศกำลังมองร่างของเบเฮมอธที่เหลือเพียงแขนขวาข้างเดียว เกราะส่วนหัวเสียหายหนัก เกราะที่ขาขวาพังยับไม่เหลือชิ้นดี และเกราะหลายส่วนตามลำตัวที่มีความเสียหาย
“โอ๊ยๆ คุณหนูไปทำอะไรมา แบบนี้พวกคุณลุงก็แย่สิแบบนี้จะซ่อมยังไงล่ะเนี่ย!!” เสียงของหัวหน้าช่างสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้น
“เอาแขนขวามาติดให้ใหม่ กับซ่อมทรัสเตอร์กับบูสเตอร์ก็พอค่ะ ส่วนอาวุธขอติดตั้งโล่และปืนแกทลิ่งที่แขนซ้าย แล้วก็เอามอเตอร์เบลดที่แขนขวาออกด้วยค่ะ ติดตั้งปืนใหญ่ที่หลังให้ด้วย และก็เครื่องยิงมิสไซล์แบบหลายลำกล้อง แล้วก็ปืนกล 35mm ให้ด้วย แล้วก็ช่วยเอามีดพกมาติดตั้งให้ด้วยค่ะ ขอปืนสำรองด้วยค่ะ” ลอร่าพูดพลางลอยตัวออกมาจากห้องนักบิน ส่วนพวกช่างเองก็รีบจดรายการที่เธอขอทันที
“จะไปถล่มโคโลนี่ที่ไหนเหรอคุณหนู” หัวหน้าช่างถามอย่างงงๆ
“ตอนนี้ยูอิกำลังนำหน่วยบุกทะลวงเข้าใกล้ดาวหางได้มากแล้ว เวลาเส้นตายเหลืออีก 5 ชั่วโมง ช่วยเร่งมือให้เสร็จในหนึ่งชั่วโมงด้วยค่ะ” ลอร่าอธิบายพลางมองร่างของยูกิคาเสะเครื่องหนึ่งกำลังออกตัวโดยมันติดชิ้นส่วนของเดสทรอยเยอร์ในหลายๆส่วน
“คุณหนูอย่าดูถูกกัน30 นาทีก็พร้อมออกไปลุยแล้ว”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“เธอเปลี่ยนไปนะ สมัยก่อนที่ขึ้นยานมาเธอนี่เหมือนก้อนน้ำแข็งเดินได้เลยล่ะ”
“งั้น เหรอคะ”
ในเวลาเดียวกันแนวหน้าสุดของสนามรบร่างของทาเคมิคาสึจิที่บินโฉบไปมาอย่างรวดเร็วกำลังใช้ดาบในมือฟาดฟันร่างเหล่าฮันเตอร์และพวกเลเซอร์อย่างรวดเร็ว หยดเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากร่างเปรอะเปื้อนไปทั่วเกราะสีทอง ส่วนเหล่าคามิคาเสะที่บินตามมาต่างก็พยายามต่อสู้อย่างยากลำบากแตกต่างจากทาเคมิคาสึจิที่เป็นรุ่นใหม่ถึงแม้จะเป็นรุ่นทดสอบก็ตามที
โดยทุกเครื่องจะพยายามบินเป็นกลุ่มเพื่อช่วยกันคุ้มกันเหล่าแท่นขุดเจาะที่กำลังลำเลียงไปยังดาวหาง หลายเครื่องถูกทำลายหลายเครื่องเลือกระเบิดตัวเองไปพร้อมกับศัตรู และในตอนนั้นเองที่มีคามิคาเสะเครื่องหนึ่งที่โดนรุกเข้าถึงตัว และในตอนนั้นเองที่มีฉันเตอร์อีกสองตัวที่เข้ามาช่วยกันรุมทำลายคามิคาเสะเครื่องนั้น
“มารากาตะ!! จะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ!!!” เสียงของหัวหน้าหน่วยวัยกลางคนดังขึ้นในคลื่นวิทยุ และนั่นทำให้ทหารคนอื่นๆเพ่งความสนใจไปที่จุดเดียวกันหมด
“อย่าเข้ามา!!!” เสียงตะโกนปนสะอื้นที่แฝงเอาไว้ด้วยความกลัวดังขึ้น
“คุ้มกันแท่นขุดเจาะเอาไว้!!!” เสียงตะโกนออกคำสั่งของยูอิดังขึ้น โดยเธอกำลังพยายามกำจัดพวกฮันเตอร์ที่เริ่มพุ่งเป้าเข้าใส่เธอหนักขึ้น
“ผม ผมน่ะผมน่ะ!! วันนี้ได้เป็นพ่อคนแล้วครับ!!” เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับสัญญาณภาพที่ฉายภาพของนักบินหนุ่ม ใบหน้าของเขาฉายถึงความกลัวอย่างชัดเจนน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดกลายเป็นหยดน้ำลอยอยู่ทั่วไปหมด ในมือของเขาถือปุ่มระเบิดตัวเองเอาไว้แน่น ระหว่างนั้นเสียงของเหล็กที่เริ่มหักงอดังขึ้น “ผมน่ะ ได้ลูกชายครับหัวหน้า!! วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด และนี่ก็เป็นสิ่งนึงที่ผมทำได้เพื่อลูกที่เพิ่งเกิดมา!!” เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วกดปุ่มระเบิดตัวเองแล้วตะโกนขึ้น “ญี่ปุ่นจงเจริญ!!!” สิ้นเสียงของเขาแสงจากการระเบิดก็เริ่ม:Xส่อง ร่างของฮันเตอร์ทั้งสามโดนกลืนหายเข้าไปในแสงนั้น แต่ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“อย่าให้การตายของเขาต้องเสียเปล่า กองทหารราชองครักษ์ตามฉันมา!!!” เสียงของหัวหน้าทีมราชองครักษ์หนุ่มดังขึ้น ร่างของยูกิคาเสะสีดำ 2 เครื่อง และเครื่องอื่นๆก็มี สีทอง 4 เครื่อง สีแดง 2 เครื่อง สีม่วง 6 เครื่อง สีเงิน 7 เครื่อง และสีขาว 12 เครื่อง เหล่าทหารที่เห็นกองทหารราชองครักษ์ที่มาถึงแต่สงเสียงโห่ร้องอย่างดีใจ
เหล่ายูกิคาเสะเริ่มแยกย้าย และจับกลุ่มรุมโจมตีพวกฮันเตอร์อย่างรวดเร็ว จำนวนพวกฮันเตอร์ลดลงอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นยูกิคาเสะเครื่องสีดำเครื่องหนึ่งกำลังลอยเข้าใกล้ทาเคมิคาสึจิออย่างช้าๆ และตามมาด้วยเสียงที่แสนจะโหยหาและคิดถึง
“ไม่เจอกันนานนะ ยูอิ” เสียงเรียบๆไร้อารมณ์ที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น
“ฮารุโกะ!!!” ยูอิร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินเสียงนั้น น้ำตาของเธอค่อยๆซึ่มไหลออกมา แต่ในตอนนั้นสัญญาณเตือนจากเซ็นเซอร์ก็ดังขึ้น ยูอิบังคับทาเคมิคาสึจิของเธอไปในทิศทางที่แจ้งเตือนและใช้ดาบฟันร่างของฮันเตอร์ที่เข้ามาโจมตีจนขาดครึ่ง
“คุยกันทีหลังแล้วกัน รีบไปเจาะดาวนั่นกันเถอะ ลูกสาวฉันรออยู่” เธอตอบเสียงเรียบๆ แต่ยูอิได้แต่นิ่งเงียบอย่างงงๆ เพื่อนร่วมรุ่นของเธอถ้าจะให้พูดก็เหลือเธอคนนี้แค่คนเดียว แถมมีลูกแล้วด้วยงั้นเหรอ หน่วยขุดเจาะที่ตอนนี้มีกำลังเสริมใหม่แล้วจึงรีบลำเลียงแท่นขุดเจาะตรงไปยังดาวตามเป้าหมาย
ในเวลาเดียวกัน ยานวัลคีรี่ที่ห้องบังคับการเองก็กำลังวุ่นวายอย่างมากเช่นกัน
“กัปตัน ปืนหลักหมายเลข 2 ตอนนี้ระบบหล่อเย็นหยุดทำงานครับ ตอนนี้ปืนหลักความร้อนกำลังเพิ่มสูงขึ้น” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น
“ทำการสลับยิงกับปืนหมายเลขหนึ่ง!!” กัปตันสาวพูด
“ปืนกลหมายเลข2 4 6 8 ถูกทำลาย!!!” เสียงของเจ้าหน้าที่อีกคนดังขึ้นพร้อมกับแรงสะเทือนอันมหาศาล
“ห้องเครื่องรายงานมาว่าเครื่องกำเนิดพลังงานหมายเลข2 เสียหาย!!”
“ทำการปรับลดหลังงานในส่วนที่ไม่จำเป็นซะ!! แล้วก็ลดพลังงานปืนหลักลงแล้วสลับยิงต่อไป” กัปตันสาวรีบสั่งการ
“เครื่องยนต์หมายเลข 1 3 และ 4 เสียหาย หยุดทำงานแล้วครับ ตอนนี้ยานเรากลายเป็นเป้านิ่งแล้วครับกัปตัน!!!”
“อย่าแตกตื่นไป!!!”
“กัปตันสกาเล็ต!!” สัญญาณติดต่อจากยานรบลำหนึ่งของกองทัพญี่ปุ่นติดต่อเข้ามา โดยเขาเรียกนามสกุลของเธอแทนชื่อ “ผมว่ายานของคุณออกจากแนวรบก่อนเถอะครับ สภาพแบบนั้นยานคุณคงไม่ไหวแล้วล่ะครับ!!”
“ก็อยากทำค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยานของเราเหลือเครื่องยนต์เดียวกับทรัสเตอร์เท่านั้น” กัปตันสาวพูดพลางยิ้มฝืดๆ
“พวกเราจะทำการคุ้มกันเอง!!” เสียงของพรพรตดังขึ้น พร้อมกับยานรบสีเทาหม่นที่ลอยเข้ามาใกล้พร้อมกับทำการยิงคุ้มกัน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณพรพรต เอาไว้ฉันจะเลี้ยงเหล้าคุณตอบแทนนะคะ ถ้าสงครามนี้จบลง” กัปตันสาวตอบ
“คุณโรซ่า อย่าหาว่าผมมองโลกในแง่รบเลยนะครับ คุณยังเห็นแววชนะอีกเหรอครับ”
“แน่นอนค่ะ” เธอตอบเสียงเข้ม
“กัปตัน พบการบิดเบี้ยวของอวกาศค่ะ นี่มันการวาร์ประยะไกล ตำแหน่งคือ ตรงกลางระหว่างเรากับดาวหางพอดีเลยค่ะ!!”
“ตรวจพบสัญญาณความร้อนหลายจุด นี่มันพวกเลเซอร์กำลังจะยิงมาครับ ขืนเป็นแบบนี้ล่ะก็เราหลบไม่พ้นแน่!!!”
ในเวลาเดียวกันภายในหลุดมิติที่ใช้ในการวาร์ป ภาพของยานรบสีเทาหม่นที่ติดธงชาติจีนเอาไว้หลายลำกำลังเดินทางเพื่อตรงออกไปยังสถานที่เป้าหมาย
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าพวกโจรสลัดโง่ ยานเสียแต่ดันไม่หยุดซ่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้พวกเราตาม โง่จริงๆ!!” เสียงของหลิน เฟิงดังขึ้น พวกเจ้าหน้าที่บนยานส่วนมากเป็นทหารชุดกำลังสับเปลี่ยนทั้งหมด หลายๆคนไม่เคยแม้แต่จะออกสนามรบด้วยซ้ำ
“พันเอก เราใกล้จะออกจากการวาร์ปแล้วครับ”
“ดี ประกาศสภาวะพร้อมรบระดับ1 แล้วก็เตรียมติดต่อไปยังคณะรัฐบาลบนดาวใกล้เคียงของญี่ปุ่นด้วยล่ะ” เธอพูดอย่างด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ในตอนนั้นเองเมื่อของยานออกจากการวาร์ป หัวใจทุกคนในห้องบังคับการก็แทบหยุดเต้น ภาพเบื่องหน้าคือเหล่าฮันเตอร์จำนวนมากกำลังต่อสู้กับB.U. จากญี่ปุ่น หลิน เฟิงค่อยๆอ้าปากกว้างขึ้นอย่างช้า แล้วตามมาด้วยคำสั่ง “ประกาศสภาวะพร้อมรบระดับ 4 ส่ง B.U.ออกไปเดี๋ยวนี้ ระบบอาวุธทั้งหมดออนไลน์ กัปตันดูแลที่เหลือด้วยฉันจะออกไปด้วย แจ้งพวกช่างให้เตรียมหวงหลงให้ฉันด้วย!!”
“กัปตันครับ ถีหู่ จมแล้วครับ!!!”
“อะไรนะ!! กองยานของเราที่หนนี้ขนมากว่า 8 อยู่ดีๆก็จมไป 1 แล้วงั้นเหรอ!! หนอยแน่เจ้าพวกโจรสลัด!!!!!”
ในเวลาเดียวกันยานวัลคีรี่
“เยี่ยม!! มาได้เวลามากเลย!! ฮ่าๆๆๆๆ มันต้องแบบนี้สิ ขอบคุณมากของยานจีน!!!” กัปตันสาวโห่ร้องอย่างดีใจ ส่วนกองทัพของญี่ปุ่นได้แต่งงกันเป็นไก่ตาแตก จู่ๆทำไมกองยานจีนถึงมาช่วยเราล่ะ นั่นคือคำถามที่หลายๆคนพูด
ส่วนกองยานจีนเองก็เปิดช่องสัญญาณติดต่อไปยังยานรบทุกลำที่อยู่ที่นั่นด้วย
“ฉันพันเอกแห่งกองยานจีน หลิน เฟิง เราเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าแทรกในสงครามของพวกคุรนักหรอกนะ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพาไป พวกเขาจะขอร่วมมือกับคุณด้วยแล้วกัน รีบจัดกำลังรบใหม่เร็วเข้า พวกเราจะต้านเอาไว้ให้เอง แล้วก็รีบส่งแผนการของพวกคุณมาซะ เราจะร่วมด้วย!!”
โรซ่าพอได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะอย่างสะใจในความซวยซ้ำซากของเธอคนนี้
ในเวลาเดียวกันภายในรังของอีทเตอร์ พวกอาเธอร์ที่เข้ามาถึงด้านในได้แล้วก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ เมื่อเส้นทางมันกลายเป็นทางแยกสองทาง แถมที่แย่ยิ่งกว่าคือพวกทหารจากญี่ปุ่นหลายคนโดนจัดการไปแล้วระหว่างทาง ทำให้ตอนนี้เหลือพวกของเฉลิมชัย อาเธอร์ พวกมานะ และทหารที่ใช้เครื่องยูกิคาเสะรุ่นสีขาวสามคนเท่านั้นแต่พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมาเจอทางแยกตรงหน้า
“ซ้ายหรือขวาดี” มานะพูดพลางใช้มือกุมขมับอย่างคิดไม่ตก
“แยกกันดีไหม แบบนั้นจะได้ง่ายกว่า” เฉลิมชัยเสนอขึ้นมาแต่จู่ๆอาเธอร์ก็บังคับยูกิคาเสะไปทางซ้ายมือแล้วจึงพูดขึ้น
“จะมามัวหยุดอยู่ตรงนี้มันก็ไม่มีความหมายขึ้นมาหรอก เราต้องไปซักทางถ้าไม่ใช่ก็แค่ย้อนกลับ หรือไม่ก็ใช้ปืนอนุภาคนี่ยิงถล่มกำแพงสร้างทางไปต่อกันเองเลย” อาเธอร์พูดและดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วย เพราะยิ่งอยู่ตรงนี้นานก็เสียเวลาเปล่าๆ แถมเผลอๆพวกอีทเตอร์อาจจะแห่กันมาต้อนรับกันอีกรอบ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงสุด โดยยูกิคาเสะนั้นพุ่งนำไปไกลส่วนไวเปอร์นั้นกลับต้องบินตามหลังต้อยๆ และแล้วพวกเขาก็มาถึงสุดทางของเส้นทางนี้ ที่สุดทางนี้มีส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อสีขาวปิดเส้นทางเอาไว้
“ที่นั่นล่ะ เข้าไปเลย ระวังด้วยล่ะ ตัวราชินีมันอาจจะโจมตีสวนกลับมาก็ได้!!” เฉลิมชัยพูดขึ้น ด้วยประสบการณ์บุกรังมาแล้วรอบหนึ่งทำให้เขารู้เรื่องนี้ดี แต่ถึงจะบอกว่ารู้ดี แต่ต้องบอกว่าทุกรังสภาพภายในแตกต่างกันล่ะนะ ถ้าตอนสมัยของเฉลิมชัยนั้นไม่ใช่สองแยกแต่มันเป็นโพรงขนาดใหญ่ยักษ์หลงแล้วหลงอีก ส่งทหารเข้าไปเท่าไหร่ก็ตายหมด ถือว่าพวกเขาโชคดีมากที่รอดมาได้
พวกมานะที่ได้ยินแล้วจึงรีบตรงเข้าไปฟันทำลายเนื้อเยื่อพวกนั้น และเมื่อยูกิคาเสะเครื่องสีขาวทั้งสีบินเข้าไปก็พบกับรยางค์จำนวนมากพุ่งเข้าใส่อย่างไร้ความปราณี รยางค์เหล่านั้นแทงทะลุร่าง B.U. ได้อย่างสบายๆ สามเครื่องแหลกเป็นชิ้นๆรวมถึงห้องนักบินที่โดนทำลายจนไม่เหลือซาก ส่วนอีกเครื่องนั้นถูกรยางค์เพียงเส้นเดียวแทงเข้าไป และเครื่องนั้นก็ถูกดึงกลับเข้าไปหาอีทเตอร์ที่อยู่ด้านในสุดของห้อง
พวกมานะที่กำลังจะตามเข้ามาได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับและมองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตกใจ แต่แล้วในตอนนั้นเองที่มีเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาในช่องสัญญาณ ใช่มันคือเสียงของนักบินประจำยูกิคาเสะที่ถูกดึงเข้าไป เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังเข้ามาตามคลื่นสัญญาณและตามมาด้วยสัญญาณภาพที่ส่งตรงมาให้ทุกเครื่องที่อยู่ที่นี่ได้เห็น
ภาพของเด็กสาวผมดำยาวคนหนึ่งในชุดสูทนักบินสำหรับใช้ในอวกาศ มันเป็นชุดสูทแนบเนื้อที่ค่อนข้างหนากว่าชุดสูทที่ใช้บนโลก แต่ถ้ามองไปที่ชุดของเธอก็จะพบว่าด้านในชุดราวกับมีอะไรบางอย่างแทรกอยู่ระหว่างร่างของเธอละชุด มันมีลักษณะดูคล้ายรยางค์ที่ใช้โจมตีใส่ B.U. แต่มีขนาดเล็กกว่า มันค่อยๆเลื้อยไปตามร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน เธอค่อยๆอ้าปากพูดขึ้น
“ได้โปรด..... ยิง ..... ยิงฉันที ...... ได้โปรด ......” เธอพูดขอร้องทั้งน้ำตา
“อะ อะไรน่ะมันทำอะไร” มิซึกิพูดขึ้นพลางกัดฟันเอาไว้แน่น
“ควบคุมร่างกาย!! อีกเดี๋ยวเด็กนั่นก็คงถูกพวกอีทเตอร์เอาไปแยกสมองต่อนั่นล่ะ” อักษรพูดพลางพุ่งเข้ามารวมกลุ่ม
“ช่วยไม่ทันแล้ว อาเธอร์ลงไปบนพื้นแล้วเตรียมยิงปืนใหญ่อนุภาคซะ ยิงเด็กคนนั้นไปพร้อมๆกันเลย ตอนนี้ถึงจะไปช่วยเธอออกมาก็ไม่มีความหมายแล้ว” เฉลิมชัยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดผิดกับทุกที
“ครับ” อาเธอร์ตอบกลับพร้อมกับค่อยๆลดระดับความสูงลงไปยืนบนพื้นด้านล่าง โดยพื้นที่ว่านั้นมันไม่ใช่พื้นดินแต่เป็นเนื้อนิ่มๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลงก็ที่นี่มันอยู่ภายในท้องสิ่งมีชีวิตอื่นอีกที ยูกิคาเสะยืนตั้งท่าพร้อมยิงและเริ่มชาร์จพลังงานปืนใหญ่อนุภาคทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงของมานะดังขึ้น ยูกิคาเสะของเธอทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าราชินีจึงใช้รยางค์โจมตีใส่เธอทันที มานะบินหลบไปมาพร้อมกับใช้ดาบฟันรยางค์เหล่านั้น
“โธ่เว้ย!! เด็กบ้า!! กลับมานี่!!” เสียงของเจริมชัยดังขึ้นพร้อมกับที่ไวเปอร์ของเขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง โดยไวเปอร์ของเฉลิมชัยนั้นเป็นรุ่นมาตรฐานแตกต่างกับสมาชิกหน่วยของเขาที่เป็นรุ่นดัดแปลง
ยูกิคาเสะของมานะที่เริ่มโดนโจมตีหนักขึ้นเรื่อยๆเริ่มต้านการโจมตีทั้งหมดไม่ได้ รยางค์หลายเส้นเริ่มพุ่งเข้าไปทำลายโดนส่วนขา แขนของยูกิคาเสะคนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างของยูกิคาเสะปลิวออกไปตามแรงกระแทกที่ถูกโจมตีอย่างไร้ทิศทางพร้อมกับเสียงร้องของมานะ แต่ตอนนั้นเองที่ไวเปอร์ของเฉลิมชัยเข้ามารับร่างของยูกิคาเสะเอาไว้และรีบพาหลบออกมารวมกับคนอื่น
“เด็กบ้า อยากหาที่ตายงั้นเหรอ!!” เฉลิมชัยพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“ขอโทษค่ะ” เสียงขอโทษเบาๆของมานะดังขึ้น พร้อมกับเสียงสัญญาณเตือนที่ดังอยู่ในห้องนักบิน
“ที่เหลือฝากพวกเราเองนะมานะ” ยูกิพูดพร้อมกับเข้ามาขวางหน้าเธอเอาไว้และใช้ปืนกลยิงกระหน่ำใส่เป้าหมายต่อไป
“พวกเราจะสู้แทนเอง พักก่อนแล้วกัน” มิซึกิเสริม
แต่ในตอนนั้นเองรยางค์จำนวนมากเริ่มรวมตัวและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ทุกคนรีบหลบการโจมตีพวกนั้นอย่างรวดเร็ว โดยยูกิคาเสะของมานะนั้นถูกยูกิคาเสะของยูกิดังหลบออกมาส่วนอาเธอร์ที่ยินชาร์จหลังงานปืนใหญ่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ
“มานะไม่เป็นอะไรนะ” ยูกิถามเพื่อนสนิทของเธออย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรอะไรจ๊ะ ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณมาก” มานะตอบ
“ไม่เป็นอะไรจ๊ะ แค่นี้เอ ......” ก่อนที่เสียงยูกิจะพูดจบสัญญาณภาพที่ฉายเข้ามาก็ตัดขาดไปและเหลือไว้เพียงเสียงซ่า มานะใช้ทรัสเตอร์ของยูกิคาเสะเปลี่ยนทิศทางเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ก็พบกับร่างของยูกิคาเสะของเธอรักตัวเองโดนรยางค์หลายเส้นแทงทะลุเข้าไปในห้องนักบิน มันค่อยๆถอนรยางค์ออกมาพร้อมกับหยดเลือดน้อยใหญ่ที่ลอยตามออกมา
มานะที่เห็นภาพนั้นหยุดหายในไปช่วงระยะหนึ่ง และจึงตามาด้วยเสียงกรีดร้องของเธอ “ยูกิ~~~!! ไม่นะ!!” ทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้นต่างก็ตกใจเมื่อเห็นภาพนั้น
“โธ่โว๊ย!!! ไอ้ปืนบ้าชาร์จพลังงานเราๆสิโว๊ย!!!” อาเธอร์ที่เห็นภาพนั้นแผดเสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ถึงตัวเขาจะไม่ค่อยสนิทกับยูกิมากนักแต่เธอก็เข้ามาคุยด้วยตลอด เธอเป็นคนดีเรียบร้อยอ่อนโยนและเอาใจใส่คนอื่น เธอจะพูดสุภาพเสมอไว้ว่าจะเป็นคนแก่กว่าหรือกับคนรุ่นเดียวกัน หรืออ่อนกว่า
“ยูกิ!!” เสียงเรียกชื่อสั้นๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความโกรธของมิซึกิดังขึ้นตามมา
“สงบใจไว้ อย่าสติแตกทำอะไรโง่ๆนะเฮ้ย!!!” อนันต์พูดดักพวกเธอเอาไว้
“ไอ้ปืนบ้านั่นทำไมมันชาร์จพลังงานนักฟร๊ะ!!” อักษรสบถ
“เออ ยิงได้ซะที!! ทุกคนเปิดทางด้วย!!” อาเธอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นพวกหน่วยเขี้ยวขาวจากไทยก็รีบถอยหนีออกมา โดยมีเอาเครื่องของมานะและยูกิออกมาจากที่นั่นด้วย ส่วนมิซึกิถึงจะได้สติช้าก็แต่ก็รีบตามทุกคนไปอย่างรวดเร็ว
“เอาไปนี่ไปกิน ไอ้.บ้าเอ้ย!!!” อาเธอร์สบถพร้อมกับยิงปืนใหญ่อนุภาคออกไป ลำแสงสีแดงเข้มพุ่งเข้ากลืนร่างของราชินี และในตอนนั้นเองที่ตัวรังเริ่มสั่นไหวไปมาๆ ตามหลักแล้วราชินีสำหรับรังก็เหมือนกับเป็นทั้งหัวใจและสมอง หากราชินีตายรังก็ตายเช่นกัน
พวกอาเธอร์รีบตรงดิ่งออกมาจากรังทันที แต่แน่นอนว่าเมื่อพวกเจาเอาตัวรอดออกมาจากรังได้ก็พบกับฝูงอีทเตอร์จำนวนมากมารอต้อนรับ ซึ่งจำนวนของมันบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดไปจากที่นี่ได้เลย แต่ในตอนนั้นเองที่ทีลำแสงสีแดงของปืนใหญ่อนุภาคพุ่งเข้าโจมตีใส่พกอีทเตอร์ และตามมาด้วยห่ากระสุนจำนวนมาก
“ใช้เวลานานเอาเรื่องเลยนะเจ้าบ้าอาเธอร์ นึกว่าโดนฆ่าตายไปแล้วซะอีก!!” เสียงของแดนนี่ดังขึ้นในคลืนวิทยุพร้อมกับหน่วยผสมของกองทัพไทยและญี่ปุ่น รวมถึงยานอีก 1 ลำที่มารับ
“มานะ เรารอดแล้วล่ะ แข็งใจเอาไว้นะ” อาเธอร์ใช้ช่องสัญญาณส่วนตัวติดต่อหาเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก
ณ ดาวดวงใดดวงหนึ่ง
“แหมๆ ดูเหมือนว่าการทดสอบครั้งที่สองจะเป็นไปได้ด้วยดีนะคะนายท่าน” เสียงของหญิงสาวในชุดราตรีสีแดงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนที่วางแขนของโซฟาสีแดง ดวงตาของเธอจ้องมองภาพการรบที่กำลังเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น
“แน่นอนอยู่แล้ว แผนการของพวกเราเองก็มาไกลจนย้อนกลับไปไม่ได้แล้วซะด้วย” เสียงของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตผ่าอกพูดพลางยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาดื่ม
“สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะกองทัพของอิตาลี กองกำลังผสมของอังกฤษและอเมริกา หรือกองทัพญี่ปุ่นในตอนนี้ต่างก็เป็นแค่หนูในการทดลองของเราทั้งนั้น แล้วยังแผน G เองก็ดำเนินไปกว่า 80% แล้วด้วย” สาวชุดแดงพูดพลางใช้มือลูบที่หน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ แล้วค่อยๆใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อของเขาแล้วจึงค่อยๆโน้มตัวลงไปซุกไซ้ที่ต้นคอของชายหนุ่ม “ฉันว่าเราเลิกดูภาพน่าเบื่อนั่น แล้วมาทำอะไรสนุกๆกันดีกว่านะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเพียงน้อยๆ แล้วจึงหันมาประกบปากจูบกับเธออย่างร้อนแรง
เหลืออีก 3 ชั่วโมง 15 นาทีก่อนถึงเส้นตาย
สิบหน้า A4 โพสออกมาในเว็บเหลือนิดเดียวทำไมดูสั้นๆเนี่ย สงสัยต้องเพิ่มจำนวนหน้าในแต่ละตอนละมั้ง
แถมรูปซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-4-20 12:28
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-4-20 12:59
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-4-20 13:10
Valkyrie ตอนที่5 สนามรบของแต่ละคน