สายลมพัดเชี่ยวกระหน่ำดังวาบหวิวชวนสยอง อสนีบาตแลบแปลบปลาบแลบลาบท่ามกลางความมืดยามสนธยา กิ่งไม้สูงของเหล่ามวลพฤกษ์โยกไหวตามลมพายุ ยามแสงอสนีบาตแลบก็เห็นต้นไม้แลดูเหมือนกับปีศาจยืนคำรามอยู่และโยกตัวไปมาท่ามกลางความมืด
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปตรงบ้านหลังหนึ่ง
เป็นบ้านกลางป่า
ตัวบ้านทั้งหลังทำด้วยไม้ ยกตัวเรือนสูงขึ้นจากพื้นเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย และดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างยังไม่นานนัก
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปเพื่อหลบฝนและลมพายุ
เสียงปิดประตูดังสนั่นหลังจากที่เขาเข้ามาได้เพียงไม่กีอึดใจเพราะแรงลม ซึ่งเสียงอันดังนั้นทำเอาเขาตกใจจนต้องหันไปมอง แต่ก็ถอนลมหายใจดังฟู่เมื่อเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่ลม
เมื่อรู้สึกโล่งใจแล้ว ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปข้างใน
ภายในบ้านนั้นโล่งกว้างราวกับเป็นบ้านร้าง แต่ว่ามันคงไม่ใช่ เพราะยังมีร่องรอยการใช้สอยอยู่
ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นตะเกียงไฟ เขายกมันขึ้นก็รู้สึกว่ามันหนักอยู่จึงลองเขย่า ซึ่งมันก็เป็นดังที่เขาคิด
เขาหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุด แสงไฟจากตะเกียงน้อยส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
ตรงที่วางตะเกียงนั้นเมื่อเห็นถนัดตาแล้วมันเป็นโต๊ะตัวไม่ใหญ่ แต่ก็มีขนาดพอที่ให้คนนั่งเก้าอี้เขียนหนังสือได้ บนโต๊ะมีกระดาษวางกองเอาไว้ และเขียนอะไรบางอย่าง
เขาหยิบแผ่นบนสุดขึ้นมาดู
"ไม่อยู่สองสามวัน"
จากความหมายของข้อความนั้นบ่งบอกว่าบ้านหลังนี้มีเจ้าของ และตอนนี้เจ้าของก็ไม่อยู่ น่าจะไปทำธุระอะไรบางอย่างสองสามวัน
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่าง แต่เขาต้องรีบปิดมันทันทีเพราะแรงลมนั้นจะทำให้ไฟในตะเกียงน้อยดับ
ดูเหมือนว่าจะต้องพักที่นี่สักคืน เขาคิดเช่นนั้น
แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น
เขารู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเขามาจากด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปมองอย่างตื่นตระหนก
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาเขานั้นคือหญิงสาวสวยงามในชุดกระโปรงยาวสีดำสนิท เสื้อแขนยาวตรงปลายแขนหลวมโพรกสีเดียวกัน ปล่อยผมยาวสลวยให้ลงมาถึงกลางหลัง ใบหน้างดงามหมดจดนั้นกำลังจ้องมาที่เข้าอย่างตกใจ แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มปริศนาปรากฏที่มุมปากแทน
แต่ชายหนุ่มมัวแต่สังเกตใบหน้าของหล่อนว่ามีที่คาดตาปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง ช่างขัดกับความงามนั้นเสียกระไรนี่ แววตาสีดำประกายของหล่อนนั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจนทำให้เขาได้สติ
แต่ยังไม่ทันเอื่อนเอ่ยอันใด สาวเจ้าก็เดินเข้ามาซบหน้าอกชายหนุ่มสวมกอดเขาไว้ แววตาทอประกายความดีใจปนเศร้า
ชายหนุ่มก้มลงมองหญิงสาวด้วยทั้งที่ทำอะไรไม่ถูก แม้อยากจะถามว่าเธอเป็นใครก็ไม่สามารถถามได้ มันราวกับว่าเขานั้นรู้จักเธออยู่แล้ว แต่ไม่ว่าคิดเท่าไหร่ก็ไม่อาจนึกออก
หญิงสาวมองหน้าของเขาด้วยสายตาวิงวอนกล่าวว่า "ไม่ต้องนึกหรอก เพราะมันไม่มีประโยชน์" แล้วแววตาของเธอฉายประกายเศร้าเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ผลักเขาลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆ
ชายหนุ่มตกใจพยายามลุกขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะถูกร่างหญิงสาวนั่งคร่อมเอาไว้ รอยยิ้มปริศนาที่มุมปากปรากฏชัด นิ้วเรียวงามนั้นลูบไล้ไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างพิศวาท
ชายหนุ่มที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับกลองศึกกลางสงครามที่ดุเดือด เลือดสูบฉีดราวกับฝนธนูที่พุ่งมาปักพื้นท่ามกลางสมรภูมิ สายตาจดจ้องอยู่กับร่างอันงดงามที่อยู่เบื้องบนอย่างตกใจ
แต่แล้วเมื่อเธอหยิบที่คาดตานั้นออก เขาก็นึกได้ว่าเคยเจอเธอมาครั้งหนึ่ง "เธอ..." เขาอุทาน สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาสีแดงราวกับโลหิตทีถูกปกปิดไว้เมื่อครู่ สำหรับชายหนุ่มแล้วมันช่างงดงามราวกับทับทิมอันมีมูลค่ามาก
ชายหนุ่มลุกขึ้นราวกับถูกมนต์สะกด จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวที่ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนาน มือของเขาจับที่มุมปากของหล่อนอย่างละมุน
จิตใจที่เคยลุกลี้ลุกลน บัดนี้กลับมาจดจ่ออยู่ที่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าราวถูกมนต์เสน่หา หน้าของเขายื่นเข้าใกล้ใบหน้าอันงดงาม กระกบกับริมฝีปากอันอ่อนนุ่มและอบอุ่นของหญิงสาว เธอใช้มือทั้งสองโอบกอดเขาไว้ปราศจากแววต่อต้าน
ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก สายฟ้าฟาดส่องสว่างเห็นทิวทัศน์ท่ามกลางราตรี ตามด้วยเสียงครางครืนจนแผ่นดินสะเทือน สายลมพัดกรรโชกหนักจนไม้ใหญ่โยกไหวน่าหวาดหวั่น
..........................................................................................................................................................................
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปตรงบ้านหลังหนึ่ง
เป็นบ้านกลางป่า
ตัวบ้านทั้งหลังทำด้วยไม้ ยกตัวเรือนสูงขึ้นจากพื้นเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย และดูเหมือนว่ามันจะถูกสร้างยังไม่นานนัก
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปเพื่อหลบฝนและลมพายุ
เสียงปิดประตูดังสนั่นหลังจากที่เขาเข้ามาได้เพียงไม่กีอึดใจเพราะแรงลม ซึ่งเสียงอันดังนั้นทำเอาเขาตกใจจนต้องหันไปมอง แต่ก็ถอนลมหายใจดังฟู่เมื่อเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่ลม
เมื่อรู้สึกโล่งใจแล้ว ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปข้างใน
ภายในบ้านนั้นโล่งกว้างราวกับเป็นบ้านร้าง แต่ว่ามันคงไม่ใช่ เพราะยังมีร่องรอยการใช้สอยอยู่
ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นตะเกียงไฟ เขายกมันขึ้นก็รู้สึกว่ามันหนักอยู่จึงลองเขย่า ซึ่งมันก็เป็นดังที่เขาคิด
เขาหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุด แสงไฟจากตะเกียงน้อยส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
ตรงที่วางตะเกียงนั้นเมื่อเห็นถนัดตาแล้วมันเป็นโต๊ะตัวไม่ใหญ่ แต่ก็มีขนาดพอที่ให้คนนั่งเก้าอี้เขียนหนังสือได้ บนโต๊ะมีกระดาษวางกองเอาไว้ และเขียนอะไรบางอย่าง
เขาหยิบแผ่นบนสุดขึ้นมาดู
"ไม่อยู่สองสามวัน"
จากความหมายของข้อความนั้นบ่งบอกว่าบ้านหลังนี้มีเจ้าของ และตอนนี้เจ้าของก็ไม่อยู่ น่าจะไปทำธุระอะไรบางอย่างสองสามวัน
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่าง แต่เขาต้องรีบปิดมันทันทีเพราะแรงลมนั้นจะทำให้ไฟในตะเกียงน้อยดับ
ดูเหมือนว่าจะต้องพักที่นี่สักคืน เขาคิดเช่นนั้น
แต่แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น
เขารู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเขามาจากด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปมองอย่างตื่นตระหนก
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาเขานั้นคือหญิงสาวสวยงามในชุดกระโปรงยาวสีดำสนิท เสื้อแขนยาวตรงปลายแขนหลวมโพรกสีเดียวกัน ปล่อยผมยาวสลวยให้ลงมาถึงกลางหลัง ใบหน้างดงามหมดจดนั้นกำลังจ้องมาที่เข้าอย่างตกใจ แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มปริศนาปรากฏที่มุมปากแทน
แต่ชายหนุ่มมัวแต่สังเกตใบหน้าของหล่อนว่ามีที่คาดตาปิดตาอยู่ข้างหนึ่ง ช่างขัดกับความงามนั้นเสียกระไรนี่ แววตาสีดำประกายของหล่อนนั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจนทำให้เขาได้สติ
แต่ยังไม่ทันเอื่อนเอ่ยอันใด สาวเจ้าก็เดินเข้ามาซบหน้าอกชายหนุ่มสวมกอดเขาไว้ แววตาทอประกายความดีใจปนเศร้า
ชายหนุ่มก้มลงมองหญิงสาวด้วยทั้งที่ทำอะไรไม่ถูก แม้อยากจะถามว่าเธอเป็นใครก็ไม่สามารถถามได้ มันราวกับว่าเขานั้นรู้จักเธออยู่แล้ว แต่ไม่ว่าคิดเท่าไหร่ก็ไม่อาจนึกออก
หญิงสาวมองหน้าของเขาด้วยสายตาวิงวอนกล่าวว่า "ไม่ต้องนึกหรอก เพราะมันไม่มีประโยชน์" แล้วแววตาของเธอฉายประกายเศร้าเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ผลักเขาลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆ
ชายหนุ่มตกใจพยายามลุกขึ้น แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะถูกร่างหญิงสาวนั่งคร่อมเอาไว้ รอยยิ้มปริศนาที่มุมปากปรากฏชัด นิ้วเรียวงามนั้นลูบไล้ไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างพิศวาท
ชายหนุ่มที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับกลองศึกกลางสงครามที่ดุเดือด เลือดสูบฉีดราวกับฝนธนูที่พุ่งมาปักพื้นท่ามกลางสมรภูมิ สายตาจดจ้องอยู่กับร่างอันงดงามที่อยู่เบื้องบนอย่างตกใจ
แต่แล้วเมื่อเธอหยิบที่คาดตานั้นออก เขาก็นึกได้ว่าเคยเจอเธอมาครั้งหนึ่ง "เธอ..." เขาอุทาน สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาสีแดงราวกับโลหิตทีถูกปกปิดไว้เมื่อครู่ สำหรับชายหนุ่มแล้วมันช่างงดงามราวกับทับทิมอันมีมูลค่ามาก
ชายหนุ่มลุกขึ้นราวกับถูกมนต์สะกด จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวที่ราวกับว่ารู้จักกันมานานแสนนาน มือของเขาจับที่มุมปากของหล่อนอย่างละมุน
จิตใจที่เคยลุกลี้ลุกลน บัดนี้กลับมาจดจ่ออยู่ที่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าราวถูกมนต์เสน่หา หน้าของเขายื่นเข้าใกล้ใบหน้าอันงดงาม กระกบกับริมฝีปากอันอ่อนนุ่มและอบอุ่นของหญิงสาว เธอใช้มือทั้งสองโอบกอดเขาไว้ปราศจากแววต่อต้าน
ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก สายฟ้าฟาดส่องสว่างเห็นทิวทัศน์ท่ามกลางราตรี ตามด้วยเสียงครางครืนจนแผ่นดินสะเทือน สายลมพัดกรรโชกหนักจนไม้ใหญ่โยกไหวน่าหวาดหวั่น
..........................................................................................................................................................................
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ffviicc เมื่อ 2013-5-4 13:41
Wing of Destiny ตอนที่ 33 ภายใต้ลมพายุ...
[IMG]