“สวัสดีทุกคน วันนี้ที่ต้องเรียกประชุมนักบินทั้งหมดก็มีอะไรนิดหน่อยที่ต้องพูดกันล่ะนะ เรื่องแรกคืออีก 12 ชั่วโมง ยานของเราจะไปรวมกับกองพัน 607 แต่ถึงจะบอกว่ากองพันแต่ที่จริงมันเป็นกองทัพขนาดใหญ่เลยมากกว่าล่ะนะ โดยพวกนายทุกคนจะลงไปที่ดาวและประจำการที่นั่น ส่วนยานของเราด้วยสภาพนี้เลยฝ่าชั้นบรรยากาศลงไปไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเราจะไปซ่อมบำรุงที่โคโลนี่ใกล้เคียงแทน โดยพวกนายจะต้องลงไปที่ดาวโดยใช้พอท แต่ปัญหาคือทหารกองทัพญี่ปุ่นไม่เคยฝึกการใช้งานพอทมาก่อน ดังนั้นเราจะให้อาเธอร์ผู้มีประวัติการใช้งานพอทมามากที่สุดขึ้นมาพูดในเรื่องนี้” กัปตันสาวพูดอธิบายถึงเรื่องต่างๆที่พวกนักบินจากญี่ปุ่นควรรู้ โดยภายในห้องประชุมของยานนั้นเนืองแน่นไปด้วยนักบินที่เข้ามาใหม่จากญี่ปุ่น ส่วนพวกนักบินญี่ปุ่นเองที่ได้ยินคำว่าพอทก็เริ่มเปิดเป็นความสงสัยเพราะโรงเรียนทหารไม่เคยพูดถึงและไม่เคยฝึกฝนมันมาก่อน
“สวัสดีทุกคน หวังว่าจะกินกันมาอิ่มแล้วนะ เพราะหลังจากนี้ทุกคนจะต้องฝึกกันแบบกระอักเลือดกันล่ะ 12ชั่วโมงแบบไม่มีพัก เพราะถ้าหากฝึกใช้พอทไม่ได้แล้วลงผิดพลาด เชื่อได้เลยพวกนายได้ตายก่อนจะได้สู้กับพวกอีทเตอร์อีกรอบแน่ๆ ในสงครามแนวรุกต่างๆพอทจะเป็นที่นิยมมากในการใช้งาน โดยเจ้าพอทที่ว่าก็คือเกราะหน้าที่ใช้หุ้ม B.U. เอาไว้ยังไงล่ะ” อาเธอร์พูดอธิบายแต่หลายๆคนดูจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“หลังจากนั้นพวกนายก็จะโดนยัดเข้าปืนใหญ่แล้วยิงตูมลงไปที่ดาว จบการบรรยาย” อาเธอร์พูดตัดจบทันที ส่วนทุกคนที่ได้ยินได้แต่เริ่มเกิดอาการแตกตื่น
“อย่าแกล้งคนที่ไม่เข้าใจเรื่องการใช้งานพอทแบบนั้นสิ” ยูอิพูดพลางเดินออกมาด้านหน้า เธอสู้หายใจเข้าแล้วจึงพูดต่อ “อธิบายง่ายๆ คือ พวกคุณจะถูกแผ่นเกราะหนาที่ใช้กันกระสุนและช่วยฝ่าชั้นบรรยากาศ 4 แผ่นขังเอาไว้เหมือนอยู่ในโรงศพ แล้วหลังจากนั้นก็จะโดนยิงลงไปที่ดาวด้วยปืนแม่เหล็กไฟฟ้า และเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศชั้นในพวกคุณจะต้องทำการป้อนรหัสเพื่อปลดพอทออกหลังจากนั้นก็ดิ่งลงไปยังดาวโดยไม่มีอุปกรณ์อะไรมาช่วย โดยบูสเตอร์หลักของ B.U. จะถูกถอดออกและติดตั้งบูสเตอร์ที่ใช้สำหรับการล่อนลงแทน แล้วก็ถ้าพวกคุณขยับออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่ก็จะพบว่าโดนชิ้นส่วนของพอทที่แตกออกตกใส่ทับ B.U. ที่ขับอยู่และนั่นแน่นอนว่าตายแน่” ยูอิพูดอธิบายเรื่องการใช้พอทแบบง่ายให้พวกเขาฟัง แต่พวกนักบินกลับเริ่มหน้าถอดสีแทน ส่วนยูอิที่พูดจบแล้วก็รีบหันหลังเข้าหากำแพงเพื่อบังรอยยิ้มของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเธอและอาเธอร์จงใจสร้างแรงกดดันพวกเขาให้กลัวเล่นๆ
“ตามหลักการแล้วระหว่างที่กำลังลงพื้นเนี่ย มันจะต้องมีกระสุนหลากชนิด ลูกปืนใหญ่ จรวดต่อต้านอากาศยาน นี่ยังไม่นับรวมพวกปืนประเภทเรลกัน อื้ม จำได้เลยล่ะสมัยสงคราม ถ้าหากว่ากองกำลังภาคพื้นดินทำลายพวกแผ่นปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานไม่หมดตามเวลาพวกหน่วยสนับสนุนทางอากาศก็จะเจอกับห่ากระสุน ยังจำได้อยู่เลย ภาพB.U.ที่ระเบิดอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้า” แดนนี่เสริม
“ใช่ จำได้เลยล่ะพกไปได้แค่ปืนกลกระบอกเดียว เพราะแบบนี้ล่ะนะเลยทำให้พวกหน่วยสนับสนุนทางอากาศตายกันเยอะมากเลยล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะโดนลูกปืนตายก็เพราะพยายามจะหลบกระสุนจนออกนอกเส้นทางแล้วก็โดนเศษพอทที่แตกออกทับตายกลางอากาศเลย” ลอร่าพูดเสียงเรียบเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ
“ซึ่งตอนนี้พวกนายทุกคนสามารถฝึกการใช้งานพอทได้แล้วล่ะนะ โดยซิมูเลชั่นได้ติดตั้งให้แล้วบน B.U. ทุกเครื่อง หวังว่าจะสนุกกับการฝึกยาว 12 ชั่วโมง” อาเธอร์ตัดบททุกคน ส่วนพวกทหารที่พอฟังบรรยายจบก็รีบตรงดิ่งไปยังห้องเปลี่ยนชุดทันที
โดยในความเป็นจริงแล้วพอทจะใช้ต่อเมื่อกำลังภาคพื้นดินสามารถยึดพื้นที่ได้แล้ว แล้วจึงส่งพวกB.U. ที่เป็นกองเสริมลงมาจากอวกาศ ดังนั้นการที่จะไปลงกลางดงกระสุนอะไรแบบนั้นแทบจะไม่มีเกิดขึ้นในการรบจริง เว้นแต่ว่าจะเป็นปฏิบัติการเข้ายึดพื้นที่ ฐานทัพขนาดใหญ่ หรือการรบที่ต้องการการบุกแบบผสมผสานหลายรูปแบบ และถ้าหากเป็นแบบนั้นโอกาสรอดของทหารที่ใช้พอทคือ 30% โดยบนยานลำนี้อาเธอร์และลอร่าคือคนที่ใช้งานพอทที่ว่ามามากที่สุด รองลงมาคือแดนนี่และยูอิ โดยยูอิเคยใช้พอทแค่ 3 ครั้งเท่านั้นตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
12 ชั่วโมงต่อมา ภาพของกองยานของซากทัพเยอรมันก็เริ่มปรากฏอยู่เบื้องหน้าของทุกคน โดยพวกอาเธอร์นั้นจะต้องลงไปยังดาวโดยใช้ยานลำอื่นแทน ส่วนลอร่าที่เบเฮมอธหมดสภาพนั้นแน่นอนว่าต้องลงไปด้วยวิธีอื่น
“นี่มันอะไรเนี่ย เก้าอี้เด็ก” ลอร่าพูดพลางจ้องไปยังเก้าอี้เสริมที่ถูกติดตั้งเอาไว้ด้านหลังที่นั่งคนขับที่สุดแสนจะแคบ ซึ่งมันแคบขนาดที่ว่าจะแสรกตัวเข้าไปยืนยังยากแต่เธอกลับต้องไปนั่งอยู่ในที่แคบๆนั่นแทน
“ช่วยไม่ได้นี่ อดทนไปก่อนแล้วก็” อาเธอร์พูดพลางถอนหายใจ
“เอาล่ะทุกท่าน อีก 3 นาทีไม่ลืมของอะไรใช่ไหม ผ้าเช็ดหน้าเอาไปรึยัง” หัวหน้าช่างพูดพลางลอยตัวเข้ามาในโรงเก็บ B.U. ซึ่งตอนนี้ถูกทำให้อยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก
ตอนนี้ B.U. ทั้งหมดโดนเปลี่ยนบูสเตอร์ใหม่ทั้งหมด เป็นบูสเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับชะลอความเร็วในการร่อนลงด้วยพอทเท่านั้น นั่นหมายความว่าเมื่อพวกเขาลงถึงพื้นดาวแล้วต้องเดินเอาแทน
“เอาล่ะหนุ่มสาวทั้งหลายฟังคุณลุงหน่อย!!” หัวหน้าช่างวัยกลางคนร้องเรียกทุกคนซึ่งรวมถึงพวกนักบิน “หลังจากนี้พวกช่างทุกคนจะต้องทำงานร่วมกับทหารช่างของกองพัน607 ส่วนพวกนักบินไม่ต้องห่วงว่า B.U. ของตัวเองจะต้องติดบูสเตอร์นั่นไปตลอด เราจะส่งบูสเตอร์เดิมตามลงไปในอีกสองวันพร้อมกับยานขนส่งยุทธภัณฑ์ เรื่องต่อไปเบเฮมอธจะโดนส่งลงไปซ่อมบำรุงที่ดาวเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าใครจะมาทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ แล้วก็สุดท้ายพวกนายทุกคนเมื่อลงไปยังดาวแล้วจะพบว่าB.U. ของพวกนายจะมีอาการติดๆขัดๆ ไม่ต้องตกใจและไม่ต้องคิดมาก เพราะว่าเครื่องของพวกนายยังไม่ได้ทำการปรับแต่งเพื่อใช้ในสภาพอากาศหนาว ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ไม่มีดาวแบบนี้ด้วย ดังนั้นอย่าคิดมาก B.U.โดนสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานที่ว่าใช้ในอวกาศได้ ดังนั้นเจอความเย็นแค่นั้น B.U.ของพวกนายยังไม่หมดสภาพง่ายๆ และขอให้หนุ่มกับการลงไปยังผิวดาว และหวังว่าจากนี้จะได้เจอทุกคนอย่างพร้อมหน้า” เมื่อหัวหน้าช่างพูดจบช่องทางส่งออกก็เปิดออกทันที และการขนส่ง B.U. ก็เริ่มต้นขึ้นทันที โดยที่หมายของพวกอาเธอร์ที่ต้องไปคือยานลำเลียงพลที่อยู่แนวหลังสุด ซึ่งแน่นอนว่าพวกอาเธอร์นั้นต้องลอยตัวไปช้าๆเพื่อประหยัดพลังงานให้มากที่สุดเพื่อเอาไปใช้ในการลงไปยังดาว
ภายในยานลำเลียงขนาดใหญ่ที่อยู่แนวหลังสุดของกองยาน หลังจากที่ยานวัลคีรี่แยกตัวออกไปยังโคโลนี่ใกล้เคียงเพื่อทำการซ่อมบำรุง โดย B.U.จากยานวัลคีรี่ทุกเครื่องนั้นเมื่อเข้ามายังโรงเก็บแล้วก็ต้องพบกับโรงเก็บขนาดยักษ์ สูงสี่ชั้นแต่ละชั้นมี B.U. ไม่ต่ำกว่า 100เครื่อง
“สวัสดีทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่ยานลำเลียงพลตกรุ่นของเรา!!” เสียงตะโกนของชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งทุกคนที่ได้ยินเสียงนี้รู้ได้ทันทีว่าต้องลงจาก B.U. แล้ว โดยพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามจุดเก็บ B.U. อะไรทั้งนั้นเพราะพวกเขาลงอยู่ที่นี่ไม่นาน
ทุกคนลอยตัวออกมาจาก B.U. ของตัวเอง แล้วก็พบกับชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่กำลังลอยตัวอย่างสบายอารมณ์อยู่
“ทุกท่านฉันเป็นหัวหน้าช่างของที่นี่ เรามีเวลาไม่มากเพราะอีก 40 นาที เราจะส่งทุกคนลงไปยังดาว ฉันจึงต้องอธิบายอะไรนิดหน่อย” เขาพูดพลางกวาดตามองทุกคนอย่างสนใจถึงบางคนจะรู้จักอยู่แล้วอย่างอาเธอร์ หรือยูอิ
“เอาล่ะ!! สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ พวกนายจะโดนส่งลงไปยังหลังแนวกับระเบิด ดังนั้นอย่าขยับออกนอกเส้นทางขณะลง เพราะไม่อย่างนั้นพวกนายจะโดนปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานสอยทันที เพราะปืนพวกนี้ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ก็มีเท่านี้ล่ะ เข้าประจำที่ B.U. ของแต่ละคนแล้วตามฉันมา จะพาไปยังอุปกรณ์ติดพอท
โดยหลังจากมาถึงที่ที่ว่าพวกเขาก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่โตโดยรอบๆมีจุดที่เหมือนเป็นแท่นอะไรบางอย่างอยู่ด้วย โดยอาเธอร์ควบคุมไทฟูนขึ้นไปยืนบนแท่นนั้น ทันใดๆนั้นเพดานก็เปิดออก อุปกรณ์มือกลก็เริ่มทำงานทันที มันนำแผ่นเหล็กสี่แผ่นเข้ามาประกบกันจนกลายเป็นทรงกระบอก แล้วหลังจากนั้นก็ตามด้วยแผ่นเหล็กอีกชิ้นปิดด้านบน พอทุกคนเห็นแล้วก็เริ่มทำตามทันที
“นึกถึงสมัยก่อนจริงๆ” อาเธอร์พูด
“นั่นสินะ” ลอร่าพูดขึ้นเบาๆ แล้วจึงสะกิดอาเธอร์ และเมื่อเจ้าตัวหันมาหาเธอ ลอร่าก็ประกบริมฝีปากจูบกับอีกฝ่ายทันที อาเธอร์ที่ถูกจูบนั้นไม่มีท่าทีตกใจอะไรทั้งนั้น ทั้งสองค่อยๆถอนริมฝีปากออกจากกัน ลอร่าส่งยิ้มน้อยๆให้อาเธอร์แล้วจึงพูดขึ้น “นี่ก็ทำให้รู้สึกถึงวันเก่าๆเหมือนกันใช่ไหม”
“อืม วันเก่าๆ ที่น่าคิดถึง” อาเธอร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เมื่อสิ้นเสียงของเขาก็เกิดเป็นแรงสะเทือนเบาๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขากำลังโดนย้ายไปยังเครื่องปล่อยตัวแล้ว
B.U.ที่เข้าไปอยู่ในพอทแล้วนั้นกำลังโดนเคลื่อนย้ายไปยังเครื่องปล่อยตัวทันที แต่ว่าถึงจะเรียกมันว่าเครื่องปล่อยตัวแต่จริงๆแล้วมันก็คือปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้าดีๆนี่เอง พอทถูกใส่เข้าไปในช่องที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เมื่อพอทถูกใส่เข้ามาเรียบร้อยตัวปากกระบอกปืนที่อยู่ด้านนอกซึ่งมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็เริ่มแยกออกจากกัน
“ทุกท่าน ขอให้โชคดี และขอให้พระเจ้าอยู่กับพวกคุณทุกคน อ่อสุดท้ายนะ อย่าลงไปที่ดาวแล้วแข็งตายซะล่ะเพราะมันจะไม่เท่เอาซะเลย” เมื่อสิ้นเสียงของหัวหน้าช่างแล้วพวกเขาก็โดนยิงลงไปทันทีโดยไม่มีการนับถอยหลังอะไรทั้งนั้น
แรงสะเทือนที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการฝ่าชั้นบรรยากาศ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาแรงสะเทือนก็หายไปแต่หนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสัญญาณเตือนเพื่อให้ทุกคนป้อนรหัสปลดพอทออก
อาเธอร์กดปุ่มต่างๆที่อยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้นักบินฝั่งขวาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพอทที่ปิดอยู่ก็ระเบิดออกเป็นชิ้นใหญ่ๆรวมหกชิ้นตกลงสู่เบื่องล่าง เขาเร่งบูสเตอร์และทรัสเตอร์ที่เท้าเต็มที่เพื่อลดความเร็วลง เศษพอทที่โดนแรงดึงดูดดึงลงไปด่านล่างตกลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่างจากตัว B.U. ที่เร่งเครื่องเต็มที่ ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ใช้บูสเตอร์แบบทั่วๆไปก็เพราะว่าบูสเตอร์พวกนั้นไม่สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ไปความเร็วสูงสุดได้ทันทีนั่นเอง
ไม่กี่นาทีพวก B.U. ก็ลงมาถึงพื้น หิมะที่อยู่บนพื้นแตกกระจายออกจากกัน ขาของ B.U. จมลงไปในหิมะเกือบครึ่งแทบจะในทันทีที่ลงถึงพื้น
“สวัสดีทุกท่านยินดีต้อนรับสู่ดาว L-87 ดาวบริวารของดาวL-72 ให้เดินมุ่งหน้าเข้ามาทางตะวันตกทั้งอย่างนั้นเลย”เสียงติดต่อจากสัญญาณภายนอกดังขึ้นภายในห้องนักบิน
และเมื่อพวกอาเธอร์ตรงไปทางตะวันตกตามที่ได้รับการติดต่อมาก็พบกับช่องเขาขนาดใหญ่ โดยทั้งสองข้างมีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาขนาบเอาไว้ทั้งสองข้าง พวกอาเธอร์เดินตรงดิ่งเข้ามาด้านในหุบเขาราวหนึ่งชั่วโมงก็พบกับกำแพงขนาดใหญ่สีดำที่สูงราว40 เมตร และด้านหน้ามี B.U. อย่างไทเกอร์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหนาและทนทานยืนอยู่ รูปร่างของมันค่อนข้างหนากว่า B.U. รุ่นอื่นๆ ส่วนลำแขนและขามีขนาดใหญ่กว่า B.U.ทั่วไปเล็กน้อย ส่วนหัวมีลักษณะเป็นเหลี่ยม และเกราะแขนที่มีขนาดใหญ่และหนา โดนเกราะแขนที่มีขนาดใหญ่นั้นมีเอาไว้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่นพวกเครื่องยิงมิสไซล์เป็นต้น
และที่พื้นเองก็ยังมีแนวสนามเพลาะของพวกพลเดินเท้าและรถถังอีกจำนวนหนึ่งประจำการอยู่ และยังไม่นับรวมแท่นปืนใหญ่ต่างๆ ส่วนบนกำแพงเหนือประตูเองก็มีแท่นปืนใหญ่ขนาด 120mm 4 กระบอกติดตั้งเอาไว้ด้วย
“สวัสดีทุกท่าน เชิญเข้ามาด้านในได้เลย ใช้โรงเก็บหมายเลข 22 แล้วก็ยินดีต้อนรับกลับมาทุกท่าน” เสียงประกาศจากเครื่องกระจายเสียงดังขึ้นพร้อมกับประตูที่แยกออก เมื่อพวกอาเธอร์เข้ามาด้านในได้แล้วก็พบกับอาคารน้อยใหญ่จำนวนมาก รวมถึงโรงเก็บ B.U. อีกด้วย ซึ่งถ้าดูจากภายนอกมันไม่น่าจะใหญ่พอที่จะเก็บ B.U. จำนวนมากได้เลย แต่เมื่อพวกอาเธอร์เข้ามาด้านในก็พบว่ามันเป็นทางเข้าของลิฟท์ขนส่งขนาดใหญ่แทน ลิฟท์ค่อยๆเลื่อนลงมาด่านล่าง และภาพตรงหน้าของพวกเขาก็คือโรงเก็บ B.U. ขนาดใหญ่จนไม่น่าเชื่อ มีB.U. อยู่ที่โรงเก็บนี้แห่งเดียวก็ไม่ต่ำกว่า 500 เครื่อง พื้นที่กว้างขวางจนไม่น่าเชื่อ โดยซองที่ใช้เก็บ B.U. แบ่งออกเป็นสี่แถว ติดผนังฝั่งซ้ายและขวาฝั่งละแถว แล้วตรงกลางอีกสองแถว พวกทหารช่างกำลังทำงานประจำวันกันอย่างตั้งใจเหมือนทุกที
“ที่นี่มันสวรรค์งั้นเหรอ” เสียงของมิซึกิดังขึ้นในช่องสัญญาณเบาๆ เพราะภาพที่เธอเห็นที่นี่ไม่ได้มีแต่ B.U.จากเยอรอย่างเดียว ตอนนี้ที่ดวงตาของเธอเห็นแล้วยืนยันได้ชัวร์ๆก็มี เรนเจอร์และเดสทรอยเยอร์จากอเมริกา รอยเอิล การ์ด ไวท์ไนท์และโกสท์จากอังกฤษ แพนเตอร์และไทเกอร์ของเยอรมัน ซึ่งมันต้องมี B.U. รุ่นอื่นๆอยู่ที่นี่อีกแน่ๆ
“จ้าๆ สวรรค์จ้าแม่คนคลั่ง B.U.” มานะพูดขึ้นพลางถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจกับเพื่อนของเธอที่เป็นโรคคลั่งB.U. ขึ้นสมองจน:X่ไม่กลับ
หลังจากที่พวกอาเธอร์ตรงเข้าไปยังด้านในสุดของโรงเก็บเพื่อใช้งานซองเก็บB.U. ที่ยังว่าง พวกเขาก็มาพักคุยอะไรกันนิดหน่อยก่อนจะแยกย้าย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแผนที่และเรื่อง ID Card ต่างๆ
“แหมๆๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยนะคะ ว่าดิฉันจะได้พบคุณอีกแบบยังมีชีวิต คุณอาเธอร์” เสียงที่ฟังดูหยิ่งนิดๆของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น และเมื่อทุกคนหันไปทางต้นเสียงก็พบเก็บหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองยาวที่ถูกทำให้เป็นลอนจนทำให้หลายๆคนคิดถึงครัวซองขึ้นมาทันที ดวงตาสีฟ้าครามของเธอจับจ้องอาเธอร์อย่างจับผิดเหมือนทุกที โดยเครื่องแบบของเธอเป็นชุดของทหารเยอร์มันที่ใช้กันในตอนนี้ ด้านในนั้นจะสวมเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียว และด้านนอกจะเป็นชุดคลุมที่ยาวลงจนอยู่ในระดับเหนือเข่าเล็กน้อย โดยชุดคลุมภายนอกนั้นเป็นชุดสีควันบุหรี่ที่ไหล่จะติดเครื่องหมายบอกยศและที่แขนซ้ายจะมีสัญลักษณ์บอกหน่วยของตัวเอง สัญลักษณ์ที่อยู่บนไหล่ของเธอเป็นรูปมังกรกำลังพ่นไฟ
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะร้อยเอกเอริก้า” อาเธอร์ตอบเสียงเรียบ เธอเป็นหนึ่งในคนที่อาเธอร์ไม่อยากเจอมากที่สุดในฐานนี้เพราะสมัยก่อนที่เขาจะเริ่มคบกับลอร่านั้นเคยคบหากับเธอคนนี้มาก่อนนั่นล่ะ แต่ถ้าพูดให้ถูกก็หลายๆ คนในฐานนี้นั่นล่ะ ซึ่งไม่มีสาวไหนในฐานนี้ไม่รู้จักอาเธอร์ ส่วนทำไมน่ะเหรอก็หมอนี่เคยเป็นหนุ่มเพลย์บอยมาก่อนยังไงล่ะ
“ตายจริงตอบเรียบเชียวนะคะ ทั้งๆที่น่าจะดูดีใจมากกว่านี้เพราะคนอย่างดิฉันยอมลดตัวลงมาต้อนรับคุณเชียวนะคะ โฮ๊ะๆๆๆๆ” เธอหัวเราะขึ้นโดยใช้หลังมือบังปากที่กำลังอ้าหัวเราะอยู่
“นั่นใครเหรอคะ คุณอาเธอร์” มานะที่เริ่มเกิดความสงสัยปนหึงหวงเข้ามากระซิบถามเบาๆ
“อืม จะว่าไงดีล่ะ เป็นหนึ่งใน 6 วีรบุรุษของกองทัพนี้ล่ะมั้ง แถมเรื่องฝีมือหน่ะพอๆ กับยูอิ ไม่สิเผลอๆ จะเก่งกว่าด้วย” อาเธอร์ตอบ
“ไม่เอาน่าเอริก้า เรื่องของเธอน่ะมันเก่าไปแล้วเฟ้ย!! ตอนนี้หมอนั่นมันไปมีชีวิตใหม่แล้วจริงใหม่อาเธอร์!!” เสียงตะโกนของชายหนุ่ม โดยต้นเสียงดังมาจากอีกฝั่งหนึ่ง อาเธอร์เบ้หน้าเล็กน้อยแล้วจึงหันไปทางต้นทาง ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าตามแบบฉบับชาวเยอรมันเป๊ะๆในชุดเครื่องแบบของทหารชายซึ่งชุดของพวกเขาจะต่างกับผู้หญิงเล็กน้อยคือชุดคลุมด้านนอกจะยาวลงมาถึงเอวและสวมเป็นกางเกงสีเดียวกันแทน สัญลักษณ์ที่แขนเสื้อของเขาคือกางเขนสีดำ
“ไงเยเกอร์” อาเธอร์ทักทายเขา
“เรื่องน้องสาวฉันรู้สึกเราจะต้องคุยกันหน่อยแล้วนะเพื่อน ให้ตายสิจนถึงตอนนี้เธอยังร้องไห้หาแกอยู่เลย” เยเกอร์พูดพลางถอนหายใจ
“เรื่องมันตั้งหลายปีแล้วนะเฟ้ย!! ยังเก็บมาจำอยู่อีกเหรอ!!” อาเธอร์ร้องขึ้น แต่ในตอนนั้นเองเขากลับรู้สึกถึงฝ่ามือที่สัมผัสที่ก้นของเขาเบาๆ แล้วตามมาด้วยปลายนิ้วที่กดเข้ามาระหว่างแก้มก้นทั้งสองข้าง ในวินาทีนั้นอาเธอร์กระโจนไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วแล้วไปหลบอยู่ด้านหลังของเอริก้าทันที
“ไม่ได้พบ~ กันนานนะครับ~ คุณอาเธอร์” ชายร่างสูงโปร่งซึ่งมองรวมๆแล้วเขาน่าจะสูงถึง 2 เมตรได้เลย และจากการมองแล้วเขาน่าจะอายุ 40กว่าๆ
“ไม่พบกันนานนะครับพันเอก~” อาเธอร์ตอบพลางชะโงกหน้าออกมาจากด้านหลังของเอริก้า
“คุณเป็นใครกันคะ!!” มานะร้องขึ้นพลางจ้องชายร่างสูงอย่างเป็นศัตรู
“เขาคือพันเอก ชื่อว่า วิคเตอร์ เป็นพวกใบ*(หมายถึงชายก็ได้หญิงก็ได้) วัย 45 ปี” ยูอิตอบพลางส่ายหน้า
“โอ้ ท่านยูอิกลับมาแล้วสินะขรับ ไม่ทราบว่าคืนนี้สะดวงจะไปทานมื้อค่ำกับผมรึเหล่าครับ” วิคเตอร์พูดพลางกุมมือของยูอิขึ้นมา
“ไม่ค่ะขอบคุณ” ยูอิตอบกลับทันทีแบบไร้เยื่อใยใดๆ
“ทุกคนได้แผนที่ที่ฉันให้ไปแล้วใช่ไหม ถ้างั้นก็แยกย้ายได้ พวกผู้ชายระวังพันเอกเอาไว้ด้วยล่ะ คนคนนั้นถึงจะเป็นวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงของกองทัพนี้แต่ไม่ได้แปรว่าเขาไม่อันตรายนะ ในหลายๆความหมายเลย แยกย้ายได้!!” อาเธอร์พูดพลางหลบอยู่ด้านหลังเอริก้า
“คุณอาเธอร์คะ การที่ใช้ดิฉันเป็นโล่แบบนี้คงต้องขอให้คุณจ่ายค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อด้วยนะคะ” เอริก้าพูดขึ้น
“ได้ ได้ทั้งนั้น อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การใช้ร่างกายเข้าแลกน่ะ ได้ทั้งนั้น” อาเธอร์ตอบ
“ดิฉันไม่ใช่คนที่จะมาหมกมุ่นกับเรื่องแบบนั้นหรอกนะคะ” เธอตอบโดยในน้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ “ดังนั้นดิฉันขอรับตัวของเขาไปก่อนนะคะ คุณยูอิ คุณลอร่า แล้วจะนำตัวเขามาคืนก่อนอาหารเย็นค่ะ” เธอพูดขึ้นพร้อมกับลากคออาเธอร์เดินจากไปทันที
“เฮ่อ เอาล่ะ แยกย้ายๆ เจอกันอีกทีตอนอาหารเย็น” ยูอิพูดขึ้น แต่จู่ๆก็มีเสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมา
“ลอร่า นั่นลอร่าใช่ไหม!!” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น และเมื่อทุกคนหันไปทางต้นเสียงก็พบกับร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองยาวรวบเป็นผมหางม้าและดวงตาสีมรกตในชุดกันหนาวสีน้ำตาลเข้มที่ปกเสื้อมีเฟลอสีขาวติดเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
“อีฟรีด” ลอร่าพูดขึ้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้า
“ไม่ได้เจอกันนานเลย เธอเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายพูดขึ้นพร้อมกับโผเขากอดลอร่า
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ลอร่าถามอีกฝ่าย
“ฉันหนีออกมาจากกองทัพน่ะ เมื่อสองปีก่อนตอนที่รัสเซียเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติขึ้นแต่เหมือนจะเปิดข่าวเอาไว้ พวกนักวิทยาศาสตร์ที่สถานีวิจัยพาฉันหนีออกมาจากที่นั่นน่ะสิ” อีฟรีดตอบพลางเกาหนาแก้เขิน
“จริงด้วยมีคนที่ฉันอยากให้เธอเจอ แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนนะ ว่าเธอจะไม่ฆ่าเขาทันทีที่เจอ” อีฟรีดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง โดยลอร่าพยักหน้ารับ หลังจากนั้นเธอก็วิ่งหายไปราวๆ สิบนาทีแล้วจึงกับมาพร้อมกับชายสูงวัยคนหนึ่ง ซึ่งเขาอยู่ในชุดคลุมสีขาวแบบพวกหมอหรือนักวิจัยใส่กัน
ลอร่าที่เห็นชายสูงวัยคนนั้นเสี้ยววินาทีแรกคือ เธอทำท่าจะพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ชายสูงวัยคนนั้นแต่เธอนึกขึ้นได้ว่ารับปากเพื่อนของเธอเอาไว้ก่อนว่าจะไม่ทำอะไรเขา
“ลอร่า ใช่เธอจริงๆสินะ” ชายสูงวัยพูดพลางจ้องมาที่ในตาของเธอ
“ใครกันเหรอคะ คุณลอร่า” มานะถามขึ้น
“มันก็คือผู้ควบคุมและรับผิดชอบโครงการซูเปอร์โซลเยอร์และเป็นคนที่ทำให้พี่สาวของฉันต้องตาย” ลอร่าพูดพลางกัดฟันแน่น
ชายสูงวัยที่ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ได้แต่ยืนเงียบ หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆเดินเข้ามาหาลอร่าแล้วจึงค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น ใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดขาของเธอเอาไว้ข้างหนึ่งแล้วจึงใช้ริมฝีปากจูบที่เท้าของเธอเบาๆ ลอร่าเองในวินาทีนั้นได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกและไม่เข้าใจการกระทำของชายสูงวัย
“เธอตอนนี้เหมือนกับพระผู้มาโปรดสำหรับฉันเลย ลอร่า ขอร้องล่ะช่วยปกป้องเด็กคนนั้นที เด็กคนนั้นต้องการเธอจริงๆ” ชายแก่พูดขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้น
“หมายความว่ายังไง” ลอร่าถามเสียงเข้ม
“ซูเปอร์โซลเยอร์รุ่นที่สองยังไงล่ะลอร่า แถมเธอคนนั้นยังเป็นร่างโคลนฯ ของพี่ฝาแฝดสาวเธออีกด้วย” อีฟรีดพูดขึ้น
ลอร่าที่ได้ยินแบบนั้นจึงคว้าคอเสื้อของชายสูงวัยขึ้นมาอย่างแรง เธอแผดเสียงร้องขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “หมายความว่ายังไงกัน แกกล้าดียังไงกันถึงทำแบบนี้!!!”
“ทางกองทัพสั่งมาน่ะสิ แต่พวกฉันหลังจากที่สร้างพวกเธอซูเปอร์โซลเยอร์รุ่นแรกขึ้นมาได้แล้วพวกเราก็ได้สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เกิดรุ่นที่สอง พวกเราก็เลยใช้ช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายทำลายสถานีวิจัยและข้อมูลทั้งหมดและนำตัวของรุ่นที่สองคนแรกหนีออกมาจากที่นั่นแล้วก็พาอีฟรีดที่มีความคิดต่อต้านกองทัพหนีมาด้วยกันจนมาถึงที่นี่” ชายสูงวัยตอบ พอลอร่าได้ยินคำตอบจึงค่อยปล่อยร่างนั้นลงช้าๆ
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวกแกทุกๆคนเด็ดขาด” ลอร่าตอบ
“ไม่ยกโทษก็ไม่เป็นอะไร พวกเราเองก็รู้ตัวดีว่าเราไม่สามารถชดเชยสิ่งใดให้เธอได้ แต่พวกเราเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะสนับสนุนทั้งเธอ ทั้งอีฟรีดและจะปกป้องเด็กคนนั้นด้วยชีวิตของพวกเราเท่าที่จะทำได้ และฉันเองก็ได้ยินเรื่อง B.U. ของเธอแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของฉันได้ไหม ฉันคิดมาตลอดว่าถ้าได้เจอเธออีกครั้งล่ะก็ฉันอยากจะสร้างมันให้เธอ ดาบที่คู่ควรกับเธอ ดาบที่ไม่ได้มีเอาไว้ทำลายล้าง แต่มันจะเป็นดาบที่มีเอาไว้เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญของเธอ” ชายสูงวัยพูดขึ้น
“และดาบเล่มนั้นมีชื่อว่า000-001 Jager” เสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ภาพของชายผู้มีเรือนผมสีดำในสภาพดูยุ่งเหยิง กับหน้าที่ดุโทรมสุดๆเหมือนคนอดหลับอดนอน ดวงตาสีฟ้าถูกซ่อนเอาไว้ใต้แว่นกรอบหน้า โดยเขาอยู่ในชุดของนักวิจัยเหมือนกับชายสูงวัยแต่ต่างตรงเขาสวมกางเกงขาสั้นแทน
“โครงการนี้เตรียมมาปีกว่าแล้วเพื่อเธอคนเดียว พร้อมกับระบบซิกฟรีดที่ตัวสมบูรณ์” อีฟรีดพูดเสริม
“คุณวูฟกังหมายความว่ายังไง B.U.เครื่องใหม่งั้นเหรอ” ลอร่าถามชายสวมแว่น
“ใช่แล้วล่ะ B.U.ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเธอเพียงคนเดียว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ณ ห้องวิจัยแห่งหนึ่งของฐานทัพบนดาว L-87
ภายในห้องวิจัยที่มืดสนิทนั้นสีแสงสลัวๆจากหลอดทดลองที่ตั้งอยู่กลางห้อง ภายในหลอดทดลองนั้นมีร่างเปลือยของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีเงินยาวเหมือนกับลอร่าไม่มีผิด แต่ถ้าจะพูดให้ถูกเธอที่อยู่ในหลอดทดลองคนนี้เหมือนกับลอร่าไม่มีผิดเลยมากกว่าแต่จะต่างก็ตรงที่เธอดูอ่อนวัยกว่า มองรวมๆแล้วอายุน่าจะราวๆ 17-18 ปี
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าครามเช่นเดียวกับลอร่าแต่จะต่างก็ตรงที่ตาขวาของเธอนั้นเป็นสีมรกตแทน เธอค่อยๆยิ้มที่มุมปากช้าๆแล้วจึงหลับตาลงไปอีกครั้ง ราวกับว่าเธอรู้สึกได้ถึงการมาของอีกครึ่งหนึ่งของเธอ
เนื้อหาภาคเสริมของ Cerberus ยกเลิกนะครับ เอามาใส่ไว้ในช่วงนี้แทนครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-5-12 13:20
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2013-5-12 13:55
Valkyrie S2 ตอนที่2 กองพัน 607