แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Thagon เมื่อ 2015-7-31 21:32
ตอนที่ 2 ปลุกปั่น
ฟีโก้และบารน์เดินทางผ่านซากร้านค้าพบแม่ลูกร้านขนมปังที่เขาเคยซื้อกินบ่อยๆพวกเขาช่วยเหลือพากันไปต่อจนถึงสุสาน พวกเขาประหลาดใจมันต่างจากทีเขาคิดสุสานกลายสภาพเป็นค่ายผู้อพยพมีเต็นพยาบาลคนเจ็บมากมายทหารยามที่พ่ายแพ้นั่งเอามือกุมแผลแต่ดวงตาของพวกเขายังลุกโชนด้วยความแค้นที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้และมันกลายเป็นความฮึกเหิมทันทีเมื่อมีเสียงแตรศึกดังลั่นมาจากถนนทางเข้าหมู่บ้านทิศใต้มันเป็นเสียงที่พวกเขารู้จักดีแตรแห่งอีลีนอร์ทัพม้าเคลื่อนที่เร็วจากตัวเมืองลงมาช่วยพวกเขาแล้ว
อัศวินบนหลังม้าราว200กว่าคนส่วนใหญ่สวมชุดเกราะถักจากหนังสีน้ำตาลเทาและถือหอกบางคนจะสวมเกราะเหล็กสีทองแดงหม่นถือทวนมีคนหนึ่งสวมเกราะสีเงินเงาวับผมทองหน้าตาดูแค่ผ่านตาก็รู้ว้เป็นชนชั้นสูงและเครื่องแบบที่ใส่เป็นเครื่องแบบแม่ทัพของเมืองนี้เขามองไปทางเหล่ากองรักษาการของเมืองที่กำลังบาดเจ็บและบางส่วนก็ยังพอจับอาวุธรบได้เขาเริ่มพูดโดยเสียงอันก้องแฝงด้วยความห้าวหาญในน้ำเสียงพร้อมชูดาบสีเงินชูขึ้นฟ้า
ฟราน : “พี่น้องชาวเบอร์ม็อกทั้งหลายข้ามีนามว่าฟรานแลนเนอร์ รองแม่ทัพอีลีนอร์
ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังเจ็บแค้นและเสียขวัญจากเสียงกลองของพวกวอร์ซองเรามานี้เพื่อช่วยท่านทวงบ้านเกิดกลับคืนมาไม่ใช่ว่าพวกท่านเป็นชาวเบอร์ม็อกที่เป็นผู้ถือธงใต้อานัติแห่งแคว้นเราแต่ข้าเห็นพวกท่านสเมือนพี่น้องที่โดนคนอื่นทำร้าย”
“วันนี้เราจะสร้างตำนานเราจะสร้างเรื่องเล่าเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่ให้ลูกหลานเราฟังก่อนนอนว่าพวกเราถูกทำร้ายสาหัสปานใดและลุกขึ้นกลับมาสู้อย่างห้าวหาญแค่ไหน
วันนี้คือวันที่ยิ่งใหญ่วันที่พวกเราจะจดจำไปตราบนานเท่านานเพื่อเบอร์ม็อกเพื่อโลกอันเท่าเทียมของเราพวกเราใครที่จับดาบแห่งความกล้าไหวก็จงลุกขึ้นมาสร้างตำนานความกล้ากับพวกเราอีกครั้งเคลื่อนพล!”
เฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮ
เสียงตะโกนอย่างหึกเหิมสลับกับเสียงลุกขึ้นจับอาวุธของกองรักษาการซึ่งบางคนยังบาดเจ็บแต่ใจสู้ลุกมาสุนทรพจน์ของฟรานทำให้กองทหารม้าเคลื่อนที่เร็วของเขามีพลเดินเท้าที่เป็นกองรักษาการ80 กว่าคน และชาวบ้านอีก 200 กว่าคนมาเพิ่ม
ฟีโก้ : “เราต้องไปเตือนหัวหน้ากองรักษาการเรื่องเฆฆในหมู่บ้านลุงพอจะรู้ไหมว่าเขาอยู่ตรงไหน”
บารน์ : “ฉันเลิกยุ่งกับพวกที่จับอาวุธที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้กล้ามานานแล้วไม่รู้หรอก”
ภรรยาร้านขนมปัง: “ฉันรู้หาตัวเขาไม่ยากหรอกถ้ายังไม่ตายนะเป็นชายผิวดำคนเดียวในหมู่บ้านนี้ที่หัวล้านเขาชื่ออดาเมอัส”
ฟีโก้และบารน์ตัดสินใจแยกกับแม่ลูกร้านขนมปังพวกเขาออกค้นหาชายที่ชื่ออดาเมอัสไม่นานก็เจออดาเมอัสที่โรงม้ากำลังสวมอานม้าให้มาสีดำของเขา
ฟีโก้ :คุณคงจะเป็นอดาเมอัสใช่ไหมครับ
อดาเมอัส :นายเป็นใคร ?ทำไมถึงรู้จักฉัน ?
ฟีโก้ : “ผมชื่อฟีโก้ ฟีโก้รีเจี่ยนผมมาเพื่อจะเตือนเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนทัพ”
อดาเมอัส : “นายมีอะไรจะบอกฉันฟีโก้”
ฟีโก้ : “จะมีการใช้อาวุธทำลายล้างสูงตรงเส้นทางเดินทัพในครั้งนี้ผมขอให้คุณซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ช่วยออกคำสั่งชะรอการเคลื่อนทัพครั้งนี้หน่อยเฆฆนั้นจะยิงบางอย่างออกมาแน่และผมเชื่อว่าคุณคงจะเห็นมันตอนทีพวกศัตรูบุกเข้ามา”
อดาเมอัส : “นายเป็นใครกันแน่ ? จะให้ชั้นไว้ใจนายได้ยังไงกัน”
ฟีโก้ : “ผมเป็นนักเวทย์ฝึกหัดของโรงเรียนอัลเลวิชผมไม่แตกฉานด้านเวทย์มนต์เหมือนพวกอาจารย์แต่ผมเห็นการหมุนวนของกระแสพลังเวทย์ที่แผ่ออกมามันไม่ใช่เรื่องดีแน่”
อดาเมอัสนั่งคิดอยู่ซักพักลูกน้องของเขาก็โผล่มาบอกว่าฟรานจัดทัพประสมสำเร็จแล้วและขอให้เขาออกมานำทัพหน้าให้กับกองทัพของอีลีนอร์เขาตอบรับคำขอของลูกน้องทันทีและหยิบดาบกับโล่ของเข้าขึ้นมาฟีโก้เห็นว่าสถาณะการแย่ลงจึงรอให้พวกลูกน้องของอดาเมอัสออกไปและพูดอีกครั้ง
ฟีโก้ : “ขอร้องละครับแค่นี้เรายังสูญเสียไม่พออีกหรือ”ฟีโก้คาดขั้น
อดาเมอัส : “ไม่มีอะไรจะน่าเสียใจไปกว่าการสูญเสียความรักในชาติและบ้านเกิดอีกแล้วพวกเราถูกรุกรานในบ้านเราในแผนดินที่ปู่ย่าตาย้ายสละเลือดเนื้อปกป้องเราจะรอไม่ได้แม้นาทีเดียวฟีโก้นายจะร่วมกับพวกเราไหม?”
ฟีโก้ : “ได้ครับแต่ขอให้คุณฟังผมช่วยออกคำสั่งการชะลอการเดินทัพครั้งนี้ด้วยครับมันอันตรายเกินไปที่จะไปเจอเมฆนั้นในเวลานี้”
อดาเมอัส : “ฉันทำไม่ได้ฟีโก้ทุกคนกำลังโกรธแค้นและด้วยบทบาทของฉันฟีโก้ฉันทำไม่ได้และเหตุผลของนายไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ชั้นเชื่อฉันว่านั้นก็แค่เมฆฝนประจำฤดูเท่านั้นเอาละฉันถามกลับบ้างนายต้องการอะไรกันแน่?”
ฟ๊โก้ : “คุณไม่ไว้ใจผมสินะ”
อดาเมอัส : “เว้นเสียแต่ว่านายทำให้ฉันเชื่อใจ.....”
ฟีโก้ : “ยังไง?”
อดาเมอัส : “ดูจากคำพูดของท่านชายฟรานฉันคิดว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเคลื่อนพลคลั้งนี้ถ้าไม่นับผลงานครั้งนี้ฉันเห็นว่าฟรานและตระ:Xลแลนเนอร์ของเขาไม่เคยทำประโยชน์ให้แก่ชาวเบอร์ม็อกและหมู่บ้านที่ถือธงของแคว้นอีลีนอร์ซักเท่าไหร่ทุกครั้งที่ทำก็เพื่อเมืองอีลีนอร์และตระ:Xลของพวกเขาเท่านั้นสิ่งที่ อีลีนอร์มอบให้เราเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาเอาไปจากเรา”
ฟีโก้ : “คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
อดาเมอัส : “การชะลอทัพทหารม้าของฟรานและทหารของฉันที่กำลังโกรธแค้นจำเป็นต้องมีผู้ก่อความไม่สงบตรงสะพาน ฟรานคงใช้สะพานนั้นข้ามไปยังเส้นทางไปท่าเรือแน่”
บารน์ : “สรุปก็คือให้เราทำลายสะพานที่อยู่ใกล้ๆนี้สินะ”
อดาเมอัส : “ถ้านายหักหลังพวกเราหรือทำอะไรตุกติกละก็ฉันจะถือว่านายเป็นศัตรู”
ฟีโก้ : “ไว้ใจผมได้เลย”
Mana vision ตอนที่ 2