อันนี้เป็นนิยายเขียนเองครับผมอ่านแล้วคอมเมนท์ด้วยนะครับผม
เรื่องนี้ เป็นการปรับเนื้อเรื่องเดิมใหม่ทั้งหมด หรือจะเรียกว่าเขียนใหม่ทั้งหมดก็ไม่ผิดครับผม
เมืองฟินิกซ์ เมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ทางใต้ของทวีปเซเรส ทวีปขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตก โดยเมืองฟินิกซ์คือเมืองการค้าและเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆมากมายจากหลายที่ ซึ่งเหล่าพ่อค้าจากที่ต่างๆในทวีปต่างก็เดินทางมาที่นี่เพื่อค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ ตัวเมืองสร้างติดทะเลและมีท่าเรือขนาดใหญ่ โดยตัวเมืองนั้นสร้างขึ้นมาเหมือนเป็นภูเขา เพื่อแบ่งเมืองออกเป็นสามส่วนโดยประกอบไปด้วย อัพทาวน์ เขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงและปราสาทของราชาผู้ปกครองเมืองแห่งนี้ มิดทาวน์ เขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลางและพวกพ่อค้ารายใหญ่ทั้งหลาย และที่สุดท้ายคือโลทาวน์ เมืองของคนยากจน โดยที่อยู่อาศัยของเหล่าคนจนนี้กินเนื้อที่ของโลทาวน์ถึงสองในสี่ส่วน
ซึ่งส่วนของโลทาวน์นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในสามชั้น ที่โลทาวน์นั้นเต็มไปด้วยคนจน พวกค้าของผิดกฎหมาย โจร รวมไปถึงสถานบริการต่างๆที่เหล่ากะลาสีมักมาใช้บริการหลังจากเดินทางกลางทะเลมานาน
โดยที่โลทาวน์นั้นเรื่องทะเลาะวิวาทนั้นมีให้เห็นเป็นประจำ และแทบจะทุกหัวมุมถนนในยามที่มีเรือสินค้าจากเมืองต่างๆมาเทียบท่าเป็นจำนวนมาก เพราะคำว่าปัญหาและความขัดแย้งของเมืองต่างๆนั้นล่ะ และด้วยเหตุผลหลายๆอย่างทำให้หมอจริงๆในโลทาวน์แทบจะไม่มีเลย ส่วนมากจะเป็นหมอเถื่อนเสียส่วนใหญ่
“โอ้ว!! คุณเจ้าของร้านขอเบียร์อีก เบียร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” กะลาสีหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาพลางทุบเหยือกเบียร์ในมือลงกับโต๊ะที่ทำจากไม้เก่าๆ
“พวกแกน่ะ เอาเบียร์ไปกินหรือเททิ้ง รู้ไหมว่าเบียร์จะหมดเป็นถังแล้วนะ” ชายวัยกลางคนที่ผู้เป็นเจ้าของร้านตะโกนสวนออกมาจากด้านหลังบาร์เหล้าเก่าๆโทรมๆ
“ค่าๆ นี่เบียร์ค่า” เสียงตอบรับด้วยน้ำเสียงที่แสนสดใสราวกับเสียงของนางฟ้าน้อยๆดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาววัยยี่สิบสองผู้มีในตาสีอำพันและผมสีดำยาวถึงเอวที่ตอนนี้ถูกรวบเอาไว้เป็นผมหางม้า ในชุดเสื้อและกระโปรงสีขาวดูสะอาดตา
“นี่ มันต้องให้ได้แบบนี้” กะลาสีหนุ่มพูดขึ้น
“กินแต่เบียร์กับเบียร์ ไม่ลองสั่งอย่างอื่นมั่งล่ะคะ ที่นี่ไม่ได้ขายแต่เหล้ากับเบียร์นะ” เธอพูดพลางหยิบเหยือกเบียร์จากถาดวางลงบนโต๊ะทีละเหยือก
“งั้นขอรับเป็นน้องสาวกลับบ้านได้ไหมเอ่ย” กะลาสีหนุ่มพูดขึ้นพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง ซึ่งสำหรับเธอแล้วโดนแบบนี้จนชินชา เพราะเธอทำงานในร้านแห่งนี้มาตั้งแต่อายุสิบสองแล้ว
“งั้นก็ถามคุณพ่อที่นั่งอยู่หลังบาร์เหล้าได้เลยค่ะ” เธอตอบกลับพลางชี้ไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งเช็ดปืนคาบศิลากระบอกเล็กอยู่
“อุ้ย!! คุณพ่อน่ากลัวขนาดนี้ใครจะกล้าจีบล่ะน้อง” หนึ่งในกะลาสีอีกคนพูดแซวเธอ
“มีก็แล้วกันค่ะ” เธอตอบกลับพลางยิ้มซนให้พวกเขา
“จะว่าไปเธอนี่ไม่มีส่วนคล้ายกับตาแก่เจ้าของร้านเลยนะ” หนึ่งในกะลาสีพูดพลางจ้องหน้าทั้งสองคนสลับไปมา
“ค่ะ ฉันมากับพวกผู้อพยพจากทวีปทางตะวันออกค่ะ แต่เรือของพวกเราแตกระหว่างที่เดินทางมาที่นี่ แล้วฉันก็ได้ท่านเก็บมาเลี้ยง” เธอเล่าความหลังให้พวกกะลาสีฟัง “อ่อใช่ เกือบลืม ท่านเคยเป็นโจรสลัดเก่าค่ะ” พูดจบเธอก็เดินจากไปทันที มันทำเอาเหล่ากะลาสีมองเธอตาค้าง ถ้าเจ้าของร้านเป็นโจรสลัดเก่า งั้นก็เธอต้องเคยอยู่บนเรือโจรสลัดน่ะสิ
“อาสึนะ!!!!!” เสียงร้องตะโกนของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับประตูร้านที่ถูกถีบแรงจนหลุดกระเด็นเข้ามา
ปัง!!
เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนตามมาของเจ้าของร้าน “เจ้าบ้า!!! แกคิดจะพังประตูร้านฉันอีกกี่หนกัน!!! แล้วของที่ให้ไปซื้อจากเมืองข้างๆได้มารึเปล่า” เจ้าของร้านพูดพลางเอามือทุบโต๊ะอย่างแรง
“ได้ครบตาแก่ ว่าแต่อาสึนะอยู่ไหน มีคนเจ็บ!!” เขาร้องตะโกน และเมื่อสิ้นเสียงร่างของหญิงสาวก็รีบวิ่งออกมาจากครัวโดยเธอยังใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่เลย
“เกิดอะไรขึ้น!!” เธอร้องถาม
“ก่อนเข้าเมืองมาฉันเจอเด็กผู้หญิงคนนึงโดนพวกหมาป่าทำร้ายน่ะ รีบเข้าหน่อยเถอะเธอดูอาการไม่ค่อยดีแล้ว” เขาพูดด้วยสีหน้าที่ดูตื่นๆและใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการออกแรงวิ่งลากเกวียนแทนม้าของตัวเอง ซึ่งถ้าจะให้พูดล่ะก็เขาวิ่งลากเกวียนเองยังจะไวซะกว่ามาอีกถ้าในเมืองล่ะก็นะ
“รีบๆพาเธอเขามาด้านในเร็วเข้า” เธอพูดขึ้นอย่างใจเย็น เพราะเวลาแบบนี้ถึงจะแตกตื่นไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“พวกเราควรกลับสินะเวลาแบบนี้” หนึ่งในกะลาสีพูดเสียงเบากับพวกตัวเอง
“อยู่ที่นี่ล่ะค่ะ พวกคุณเชิญสนุกกันต่อ อยากได้เหล้าหรือเบียร์ช่วยเดินไปที่บาร์กันเองนะคะ” เธอพูด “ริว เร็วเข้า!! รีบพาเธอไปที่ชั้นสองเลย ที่ห้องนอนของฉัน”เธอพูดพลางวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของร้านซึ่งถูกทำเป็นที่พัก
หลังจากที่ริวพาเด็กสาวที่ร่างกายเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะทั่วร่างขึ้นไปบนชั้นสองแล้วนั้นปรากฏว่าเขาต้องลงมาลากคอพวกกะลาสีที่นั่งตัวแข็งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเด็กสาวขึ้นไปช่วยอีกสามคน และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องผสมกันระหว่างเด็กสาวที่กำลังเจ็บปวดจากแผลและการทำแผลโดยไม่มียาชา นั้นหมายความว่าต้องทำแผลกันแบบสดๆ ทำให้เธอต้องเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อต้องทำการตัดแต่งแผล และอีกเสียงคือพวกกะลาสีโชคร้ายที่ต้องไปเป็นลูกมือหมอที่ร้องโหยหวนเสียงหลงด้วยความกลัว
หลังจากนั้นราวหนึ่งชั่วโมงทั้งร้านก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แต่เหล่าลูกค้านั้นกลับออกไปกันหมดแล้ว ริวชายหนุ่มผู้พาเด็กสาวเคราะห์ร้ายเข้ามากำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยเอาหลังพิงกับบาร์เหล้าอย่างหมดแรง โดยที่มือและเสื้อสีดำของเขาถูกย้อมด้วยสีแดงของเลือด
“เฮ่อ ก็เห็นจนชินนะ กับเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่โดนเก็บมา แต่ความเป็นมนุษย์ไม่ชินไม่ไหวจริงๆ” เขาพูดอย่างหมดแรง
“เฮ่อ ถ้าแกชินชากับเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วปล่อยผ่านไปนี่สิที่ฉันเหนื่อยแทนเลย เพราะฉันไม่เคยสอนให้แกเป็นคนที่เย็นชาขนาดนั้น” ชายเจ้าของร้านพูดพลางวางเหยือกใส่ไวน์ลงบนบาร์ข้างๆตัวเขา
“เฮ่อ เหนื่อยสุดๆไปเลย” อาสึนะพูดขึ้นพลางเดินมานั่งลงข้างๆริวแล้วซบหัวลงกับไหล่ของเขาเบาๆอย่างอ่อนแรง “อยากนอนจัง” เธอพูดอย่างหมดแรง
“ไปอาบน้ำแล้วนอนที่ห้องฉันก่อนก็ได้” ริวพูด โดยตอนแรกเขาจะเอื้อมมือไปลูบผมเธอเบาๆเหมือนทุกทีแต่มันติดตรงที่มือเขาดันเปื้อนเลือดอยู่นี่สิ แต่ถ้าใครเดินมาเห็นสองคนนี้ในตอนนี้ล่ะก็คงจะคิดว่านี่คือสองฆาตกรโหดที่เพิ่งฆ่าหัดศพใครมาแน่ๆ เพราะชุดและมือของทั้งสองมีเลือดเปื้อนอยู่เต็มไปหมด
“อะแฮ่ม!!” เสียงกระแอมของชายเจ้าของร้านผู้เลี้ยงทั้งสองมาตั้งแต่เด็กดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสองคน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ไม่มีท่าทีที่จะตกใจหรืออะไรเป็นพิเศษ “จริงอยู่ที่ฉันไม่เคยบอกว่าไม่ให้พวกแกรักกัน แต่ว่านะอย่างน้อยช่วยเกรงใจคนแก่คนนี้สักนิดก็ยังดีนะ” ชายวัยกลางคนพูด
“เอาเลย อยากพูดอะไรก็พูดไปเลยตาแก่ อิจฉาเด็กก็บอกมา ไม่มีสาวมาสนเพราะเป็นโจรสลัดใช่ไหมล่ะ” ริวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“พะ พะพะ พวกเรากลับก่อนนะ” พวกกะลาสีที่ถูกพาขึ้นไปช่วยรักษาแผลเดินลงมาจากชั้นสองช้าๆด้วยร่างกายที่สั่นเทา
“แล้วมาอีกนะ” ชายเจ้าของร้านพูดเสียงเรียบ
“แล้วมาอีกนะคะ” อาสึนะพูดขึ้น โดยเธอตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น
“แล้วมาอีกนะ” ริวพูดขึ้นอย่างหมดแรง
“ไม่มาอีกแล้วจ้า!!” เหล่ากะลาสีทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกัน
“ริว พาฉันไปนอนทีสิ” อาสึนะพูดอ้อนคนรักของเธอด้วยน้ำเสียงที่หมดแรง
“ไม่อาบน้ำก่อนเหรอ” ริวถาม
“ล้างแค่ตรงที่เปื้อนกับเปลี่ยนเสื้อก็แล้วกัน ตอนนี้ทำอะไรไม่ไหวแล้วล่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบาและใกล้จะหลับเต็มที
ริวจึงอุ้มเธอไปที่ห้องนอนและเช็ดตัวให้เธอ และหลังจากที่ส่งเธอเข้านอนแล้วเขาจึงลงมายังชั้นหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อคอปกสีน้ำตาลเข้ม
“กำลังจะไปที่ทำการอัศวินใช่ไหม งั้นช่วยเอานี่ไปให้นามิด้วยแล้วกัน” ชายวัยกลางคนพูดพลางวางถุงผ้าใบใหญ่ลงบนบาร์ ซึ่งด้านในนั้นคือแซนวิชนั้นเอง
“คนเป็นพ่อ..... สินะ” ริวพูดพลางถอนหายใจแล้วหยิบถุงผ้านั้นขึ้นมาแล้วเดินออกจากร้านไป
ท่ามกลางถนนยามบ่ายที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางไปมาในเมืองโลทาวน์แห่งนี้ โดยถนนที่ใช้นั้นค่อนข้างแคบพอสมควร อาคารถูกสร้างขึ้นแออัดเบียดเสียดกันตลอดทาง แต่นั้นกลับทำให้โลทาวน์ดูมีสีสันมากกว่าเมืองส่วนอื่นๆ เขาเดินออกจากย่านการค้าผ่านตลาดและต่อไปที่ย่านสถานบริการ ซึ่งแทบจะต้องบอกว่าเขาต้องหยุดพักเป็นระยะๆเลยทีเดียวเวลาเดินผ่านตามร้านที่เปิดมาเป็นเวลานาน เพราะคนที่อยู่ที่นี่มานานจะจำเขาได้ทั้งนั้นทำให้ต้องแวะคุยนิดๆหน่อยๆตลอดทาง
และในขณะที่เขากำลังจะออกจากย่านสถานบริการนั้นเองเขาก็ถูกเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากตรอกชนเข้าอย่างจัง
“เป็นอะไรรึเปล่า” ริวพูดพลางยื่นมือไปให้เด็กสาวที่ล้มอยู่บนพื้น และเมื่อเขามองดีๆแล้วก็พบว่าภายใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆที่เธอสวมคลุมร่างเอาไว้นั้นทั้งรองเท้า เสื้อผ้าของเธอนั้นถูกตัดขึ้นอย่างปราณีตและเป็นชุดที่ราคาแพงมากแน่ๆซึ่งไม่มีใครหน้าไหนในโลทาวน์ซื้อของแบบนี้ได้แน่นอน แถมยังผิวที่ขาวสวยราวกับหิมะ เรือนผมสีทองสุขอร่ามที่ดูแลอย่างดี พูดได้คำเดียวลูกใครซักคนในอัพดาวน์แน่นอน
“มะ มะ ไม่เป็นอะไรค่ะ” เธอพูดพลางยื่นมาให้กับริวช้าๆแต่ดูเหมือนว่าริวจะทนรอไม่ไหวเขาเลยคว้ามือของเธอแล้วดึงเธอลุกขึ้นยืน
“หายไปไหนแล้ว!!” เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระทบกันของเกราะเหล็ก
“คะ คือช่วยฉันหน่อยค่ะ ฉันกำลังถูกคนไม่ดีตามล่าอยู่” เธอขอร้องพร้อมกับทำตาเป็นประกายให้กับเขา
“โอ้ คนไม่ดีที่ว่าเป็นพวกอัศวินสินะ” ริวพูดขึ้นพลางหรี่ตาเธออย่างสงสัย
“ค่ะ ใช่เลยค่ะ!!” เธอตอบกลับทันที และเมื่อเขาได้ยินคำตอบแบบนี้แล้วเขาจึงคว้าข้อมือของเธอแล้วพาเธอวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
“เธอชื่ออะไรงั้นเหรอ” ริวถามเธอพลางวิ่งผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว
“ฮะ โฮไรซ่อนค่ะ” เธอตอบกลับพลางหอบหายใจ นั้นแสดงว่าเธอไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแน่ๆ เพราะนี่แค่เพิ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นานก็เหนื่อยซะแล้ว
“เหรอ เป็นชื่อที่เพราะดีนี่ ฉันริว” ริวแนะนำตัวสั้นๆกับเธอขณะกำลังวิ่งอยู่
“ทะ ทำไมถึงช่วย ฉันเหรอคะ” เธอถามเขาด้วยความสงสัย “ที่จริงแล้วเวลาแบบนี้คุณก็สามารถที่จะปฏิเสธได้แท้ๆ”
“เพราะว่ามันน่าสนุกดีออกนี่ แล้วอีกอย่างนะฉันเองก็มีเรื่องกับพวกอัศวินบ่อยๆอยู่แล้วด้วย” เขาพูดพลางยิ้มซน “ว่าแต่เหมือนลืมอะไรที่สำคัญไปอย่างแฮะ?”
เนื่องจากมีปัญหาด้านการจัดการตัวอักษรตั้งแต่ตอนหน้าจะอัพลงเด็กดีเหมือนเดิมนะงับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2012-8-19 01:42
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2012-8-19 01:43
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2012-8-19 01:45
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย vodooking1 เมื่อ 2012-8-19 09:56
[นิยาย] Horizon ตอนที่1