สวัสดีครับ ผมสำหรับแฟนๆที่ตามอ่านนิยายเรื่องนี้ (แต่ผมคิดว่าคงมีไม่มาก) ในตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่คนใกล้ตัวขอให้เขียน แล้วมันก็พอดีว่าผมเองก็คิดเอาไว้ว่า ซักชาตินึงจะเขียนออกมาเหมือนกัน (ที่แรกกะว่าจะเขียนออกมาตอนจบเรื่องที่สวนสนุกแล้ว) โดยในตอนพิเศษนี้จะดำเนินเรื่องโดยที่มีตัวละครที่มาจากตอนปกติแค่สามตัวเท่านั้น คือชิโร่ รีเบคก้าและเฮเลน่า (ส่วนที่เหลือไม่มีบท) โดยตอนพิเศษนี้จะเขียนออกมาเป็น ตอนพิเศษ1กับ2 แต่จะไม่เขียนติดๆกัน อาจจะเว้นไปซักพักเพื่อเขียนตอนที่6แล้วก็มาเขียนตอนพิเศษ2ต่อครับ เอาล่ะคุยมาเยอะแล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่า
ตอนพิเศษ1 เรื่องในวัยเยาว์
“เฮเลน่านี่ลื้อรักษาให้มันหายไม่ได้เหรอ” เสียงของเหม่ยหลินดังขึ้นซึ่งเธอกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนมองหน้าท้องขาวเนียนของตัวเองที่มีรอยแผลที่ถูกแทงอยู่ ซึ่งมันน่าจะหายไปแล้วด้วยฝีมือของเฮเลน่า แต่เธอดันบอกว่าไม่เหลือพลังมากพอจะรักษาให้หาย เลยทำได้แค่ห้ามเลือดแล้วก็รักษาทำให้ปากแผลปิดลงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“อย่าบ่นนักเลยน่า ก็ฉันรักษายัยนั้นไปก่อนหน้านี่จนพลังเวทหมดตัวเลยนะ ที่รักษาให้นี่ถือว่าฝืนมากแล้วนะ” เฮเลน่าชี้ไปทางฮินาตะที่กำลังนั่งนิ่งๆโดยมีเมกุมิคอยดูแลอยู่ข้างๆ
“แต่ก็รักษาไม่หายด้วยนี่สิ แค่ดีขึ้นเท่านั้นเอง” ฮินาตะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“เลิกบ่นกันได้แล้ว” รีเบคก้าพูดพร้อมกับวางร่างของเอลร่าลงบนพื้น โดยตอนนี้ที่หน้าผากของเอลร่านั้นมียันต์กระดาษสีเหลืองเหมือนกับที่ใช้แปะหน้าผากผีกองกอยในหนังจีนไม่มีผิน
“นั้นลื้อเอาอะไรไปแปะไว้ล่ะน่ะ” เหม่ยหลินพูดพลางจ้องมองรีเบคก้าอย่างจับผิด
“เอาน่าๆ เท่านี้เอลร่าก็ขยับไม่ได้อีกแล้วล่ะ” รีเบคก้าพูดพร้อมกับใช้มือตบลงไปที่หน้าผากของเอลร่าแรงๆสองสามที “แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะ เด็กขี้แยในตอนนั้น.......” รีเบคก้าพูดเสียงเบากับตัวเองพร้อมกับจ้องมองเฮเลน่าด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขและยินดีราวกับพ่อแม่ที่ได้เห็นลูกของตนเติบโตขึ้นก็ไม่ปาน
“จะว่าไปชิโร่ล่ะ” รีเบคก้าถามเหม่ยหลินเสียงเรียบ
“ถ้าหมอนั้นตรงไปใจกลางของสวนสนุกแล้ว” เหม่ยหลินถูกพลางชี้ไปยังจุดที่มีเสาแสงพุ่งขึ้นมา
“หมอนั่นเองก็โตขึ้นแล้วสินะ” รีเบคก้าพูดขึ้นพลางอมยิ้มน้อยๆพร้อมกับนึกย้อนไปถึงเรื่องในอดีต
..........................................................................................................................................................
ข้างทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง ซึ่งที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีใครมากันบ่อยนักจึงเป็นสถานที่ที่เงียบสงบมากของที่นี่ โดยตัวทะเลสาบนี้เชื่อมต่อกับแม่น้ำสายเล็กสองสายโดยสายหนึ่งไปทางตัวเมืองและอีกสายนั้นจะไหลเข้าไปในป่า
“รีเบคก้า ทรู กระผมขอฝากเขาไว้กับพวกคุณด้วยนะขอรับกระผม” ไนท์แมร์พูดพลางตบหลังเด็กน้อยข้างๆเขา เด็กชายผู้มีเรือนผมสีขาวในชุดเสื้อยืดสีแดงกางเกงขาสั้นจ้องหน้าทั้งสอง
“พวกนี้อายุไม่ต่างไปจากผมเลยนี่ ไม่เอาหรอก เอาผมไปฝากกับคนเก่งๆเซ่!!” เด็กชายพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ถึงพวกเขาจะอายุมากกว่าเธอแค่สองปี แต่พวกเขาเองก็เก่งนะขอรับกระผม” ไนท์แมร์พูดขึ้น “แล้วก็อีกอย่างคุณต้องมีเพื่อนวัยเดียวกันด้วยสิขอรับกระผม” ไนท์แมร์พูดอย่างเป็นมิตรพร้อมกับตบแผ่นหลังของเด็กชายเบาๆ
“สวัสดี ฉันชื่อชิโร่” เด็กชายแนะนำตัวอย่างเขินอาย
เด็กชายผมแดงในชุดเสื้อกล้ามสีแดงฉีกยิ้มกว้างแล้วจึงพูดขึ้น “ฉันชื่อทรู ยินดีที่ได้รู้จัก!!” เขาพูดแนะนำตัวพร้อมกับโผเข้าใส่ชิโร่ทันที “ต่อไปนี้นายคือไอ้น้องรักของฉัน ฮ่าๆๆๆๆๆ” เด็กชายผมแดงระเบิดหัวเราะสุดเสียง
“ฉันรีเบคก้า ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กสาวตาสองสีพูดแนะนำตัว
“เอาล่ะไอ้น้องรัก!! งั้นเราก็ไปกันโลด!!” ทรูพูดขึ้นพร้อมกับคว้าแขนของชิโร่แล้ววิ่งออกไปทันทีโดยมีรีเบคก้าวิ่งตามหลัง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา หลังจากที่ชิโร่ปรับตัวเข้ากับทั้งสองได้แล้วพวกเขาต่างก็เล่นซนไปทั่วไม่ว่าจะเป็นสำนักงานขององค์กร ย่านการค้า หรือเขตที่อยู่อาศัย แถมที่แย่สุดๆคือพวกเขาแทบจะไม่โผล่หน้าไปโรงเรียนแม้แต่ครั้งเดียว แล้วก็ยังไม่ได้อาศัยอยู่กับผู้อุปถัมภ์ ซึ่งพวกเด็กๆที่ถูกนำตัวมาจะต้องมีผู้อุปถัมภ์กันทั้งนั้น แต่พวกเขากับสร้างบ้านหลังเล็กไว้บนต้นไม้ใกล้ทะเลสาบ ซึ่งพวกเงือกที่อาศัยอยู่แถวนั้นคอยช่วยเป็นหูเป็นตาและคอยเอาอาหารเล็กๆน้อยๆมาให้พวกเขาเป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงหาอาหารกินกันเอง ไม่ว่าจะตกปลาหรือผลไม้ป่า รวมไปถึงสัตว์ที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดอย่างหนูหรือกิ้งก่า หรือบางทีอาจจะได้พวกกว้างที่มากินน้ำแถวนั้นอีกด้วยถ้าโชคดี
หนึ่งปีต่อมา ที่บ้านต้นไม้ริมทะเลสาบ ในขณะที่พวกชิโร่ช่วยกันซักผ้าไปพลางเล่นน้ำไปพลางโดยมีพวกเงือกตัวน้อยมาเล่นกับพวกเขาด้วยซึ่งตอนนี้ชิโร่อายุได้สิบสองปีและรีเบคก้ากับทรูนั้นอายุได้สิบสี่ปี ตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นี่พวกเขาเป็นที่รักของเหล่าเงือกมากถึงมากที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขากับโดนดูถูกจากเด็กรุ่นเดียวกันด้วยความที่พวกเขานั้นแทบไม่เคยไปโรงเรียนเลยยกเว้นตอนสอบ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาผ่านการสอบด้วยคะแนนของการสอบปฏิบัติอันโดดเด่นที่สุด
ในระหว่างที่พวกเขากำลังเล่นสนุกกันอยู่นั้นก็มีร่างของชายวัยพลางคนในชุดสูทสีดำเดินคู่กับไนท์แมร์มาอย่างเงียบๆ
“ท่านไนท์แมร์ นี่น่ะเหรอ เพื่อนที่คุณว่า” ชายวัยกลางคนพูดพลางมองทั้งสามอย่างเหยียดหยาม “ผมไม่อยากให้ลูกสาวสุดที่รักของผมมาคลุกคลีกับเด็กเหลือขอพวกนี้หรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความโมโห
“หากเลี้ยงลูกเป็นไข่ในหินสุดท้ายแล้วเด็กก็จะโตมาแต่ตัว แต่หากเลี้ยงให้เขารู้จักเจอโลกกว้าง ให้พวกเขาได้ล้มและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง นั้นล่ะถึงจะดีที่สุด ดูนั้นสิขนาดชิโร่ของกระผมยังสนุกกับชีวิตแบบนี้เลย” ไนท์แมร์พูดพลางหัวเราะออกมาสุดเสียง
“ชิโร่ของกระผมงั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
“ขอรับ ก็ชิโร่น่ะกระผมรับมาอุปถัมภ์เอง และผมก็ให้เขามาใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งแต่แปดขวบแล้วล่ะครับ” ไนท์แมร์พูดพลางโบกมือให้พวกเด็กๆที่เล่นน้ำกันอยู่
“พ่อใหญ่มานี่นา!!” ทั้งสามร้องขึ้นพร้อมกับวิ่งมาหาไนท์แมร์
“ว่าไงเด็กๆ แข็งแรงกันดีนะ” ไนท์แมร์ถามพวกเด็กๆ
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะน่า!!” ทรูพูดพลางยิ้มกว้าง
“นี่ๆ เมื่อสองวันก่อนพวกเราชนะฮัลตัลได้ด้วยล่ะ” ชิโร่พูดขึ้น
“งั้นเหรอๆ”
“ฮิลตัล?” ชายวัยกลางคนพูดซ้ำ
“เป็นชื่อของมังกรน้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ล่ะครับ เขาคงเล่นกับพวกเด็กๆนั่นล่ะ แต่จากที่พวกเงือกมาบอกผมรู้สึกว่าเด็กพวกนี้ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับฮิลตัลเลยนั่นล่ะครับ” ไนท์แมร์พูดพลางหัวเราะ
“เด็กคนนั้นใครน่ะ” รีเบคก้าพูดพลางมองไปยังเด็กหญิงผมบลอนด์ที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคน ซึ่งเด็กหญิงคนนั้นอยู่ในชุดกระโปรงแขนตุ๊กตาสีฟ้า บนเรือนผมสีบลอนด์ยาวของเธอมีที่คาดผมเป็นโบว์สีฟ้าอันเล็กๆน่ารักอยู่ เธอมองมายังรีเบคก้าที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามสีดำด้วยแววตาหวาดกลัว
“โห~!! เหมือนกับตุ๊กตาเลย” ทรูพูดพร้อมกับรีบวิ้งมาดู
“เหมือนกับภาพที่อยู่ในหนังสือนิทานเรื่องเอ่อ อะไรน้า~” ชิโร่พูดพลางครุ่นคิด แล้วเขาจึงทุบมือเบาๆแล้วจึงพูดขึ้น “อลิซในดินแดน มหัศจรรย์ ใช่แล้ว ใช่ๆ”
“พอดีว่าเด็กคนนี้เขาไม่เคยมีเพื่อนเลย ดังนั้นกระผมก็เลย .....” ไนท์แมร์พูดขึ้นแต่ยังไม่ทันจบเสียงร้องของเด็กหญิงผมบลอนด์ก็ดังแทรกขึ้นมา
“กรี๊ด~!?” และเมื่อไนท์แมร์หันไปทางต้นเสียงก็พบว่าเด็กหญิงผมบลอนด์ตอนนี้ดูจับถอดชุดเหลือแต่ชุดซับในกับกางเกงในกำลังโดนพวกชิโร่หิววิ่งตรงดิ่งไปทางทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
“ไวเกินไปแล้ว!! อย่างน้อยๆก็ฟังให้จบก่อน!!” ไนท์แมร์ร้องขึ้นสุดเสียง
“เฮเลน่า!!” ชายวัยกลางคนร้องขึ้น แต่พอเขาจะวิ่งตามกลับถูกไนท์แมร์ห้ามเอาไว้
“กรี๊ด!!” เด็กหญิงร้องขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกพวกชิโร่โยนลงไปในทะเลสาบ และเมือเธอโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำและทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่นั้นพวกชิโร่ก็กระโดดตามลงไปทันที และหนนี้จากใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้ออกมานั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
“กระผมขอบอกเอาไว้ก่อนเลยครับ ให้ลูกของคุณสนิทกับเด็กพวกนั้นนั้นล่ะดีแล้ว เด็กพวกนั้นน่ะ กำลังถูกเหล่าจักรพรรดิจับตามองนะขอรับ แต่ละคนต่างก็อยากได้เด็กพวกนั้นไปเป็นลูกศิษย์กันทั้งนั้น” ไนท์แมร์พูดเสียงเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจัง แต่จู่ๆก็มีเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงผมบลอนด์ดังขึ้น และเมื่อทั้งสองหันไปดูก็พบว่าเธอล้มลงกับพื้นเท่านั้นเอง ส่วนพวกชิโร่เองก็มีท่าทีที่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกอีกด้วย
หลังจากนั้นแทบจะทุกวันที่พวกชิโร่จะไปที่คฤหาสน์ใหญ่ที่อยู่กลางป่าซึ่งเป็นคฤหาสน์สไตล์ตะวันตกสีขาว โดยที่นั่นเป็นบ้านของเฮเลน่าเด็กหญิงที่อะไรนิดๆหน่อยๆก็จะปล่อยโฮออกมาเสมอๆ โดยชิโร่จะคอยดูแลเธออยู่เสมอๆจนเฮเลน่าเรียกเขาว่า“ท่านพี่ๆ”จนติดปากส่วนพวกผู้ใหญ่ในเมืองเองก็เรียกพวกเขาสามคนว่าแก๊งเด็กซน
จนวันหนึ่งพวกเขาสามคนก็ไปสร้างปัญหาทำให้สำนักงานของหน่วยเขี้ยวระเบิดขึ้นจนเกิดความเสียหายแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกพวกหน่วยเขี้ยวไล่ล่าเพื่อจะจับตัวส่งไปให้ไนท์แมร์ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องพบคือกับดักที่พวกเด็กๆวางเอาไว้ที่ป่ารวมถึงการดักเล่นงานสมาชิกแบบรายคน
“หนอยแน่ไอ้เจ้าเด็กพวกนี้ หามันให้เจอแบบนี้ต้องสั่งสอนซะมั่งแล้ว อะจ๊าก~~~!!” ชายหนุ่มพูดแต่แล้วจู่ๆเขาก็ต้องตกลงหลุดพรางที่พวกเด็กๆทำไว้ยิ่งกว่าทำว่าแนบเนียน
“เด็กพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย ไม่ใช่แค่ซ่อนตัวเองแต่ยังวางกับดักเอาไว้ทั่วไปหมดทุกคนระวังตัวด้วย” หญิงสาวคนหนึ่งพูด แต่เธอยังพูดไม่ทันขาดคำก็ถูกท่อนไม้ท่อนเล็กๆที่ซ่อนเอาไว้ในมุมอับของสายตาฟาดเข้าที่ท้องจนต้องลงไปขดตัวอยู่กับพื้นด้วยความจุก
“ทุกคนถอยออกมาจากป่าซะ ฉันจัดการเอง” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นในหัวของสมาชิกหน่วยทุกคนเข้าไปตามล่าหาพวกเด็กๆ
ภายนอกป่ามีชายร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีแดงกำลังยืนมองเหล่าสมาชิกหน่วยที่กำลังรีบวิ่งออกมาจากป่า เขาสูดลมหายในขึ้นแล้วจึงตะโกนขึ้น “เจ้าพวกเด็กบ้า!! รีบออกมาเดี๋ยวนี้ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!!” เขาตะโกนเสียงดังแต่ในตอนนั้นเองที่มีเปลวเพลิงสีแดงพวยพุ่งออกมาจากป่าตรงมาหาเขา ชายร่างสูงแกว่งดาบเล่มใหญ่สีดำในมือเพียงครั้งเดียวเปลวเพลิงนั้นก็ถูกฟันจนแตกกระจาย แต่ภายในเปลวเพลิงนั้นกับปรากฏร่างของเด็กสาวผมบลอนด์คนหนึ่งอยู่ โดยเธอกระโดดเข้าเตะใส่ชายร่างสูงแต่กลับถูกจับขาเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัวก็ปรากฏร่างของเด็กชายผมขาวอีกคนพุ่งเข้ามาชกเข้าที่ต้องของตน
“เฮ้ย!! ไอ้เด็กพวกนั้นมันอะไรน่ะ” สมาชิกหน่วยคนหนึ่งพูดขึ้น
ชายร่างสูงแผ่จิตออกมารอบๆตัวแล้วจึงระเบิดมันออก มันผลักร่างของเด็กทั้งสองจนกระเด็นออกไป แต่นั้นกับทำให้เกิดช่องว่างขึ้นมาชั่วขณะเด็กหนุ่มผมแดงพุ่งเข้าใส่ชายร่างสูงอย่างรวดเร็วและใช้หมัดที่มีเปลวเพลิงห่อหุ้มอยู่ชกเข้าใส่ชายร่างสูงแต่ก่อนที่หมัดนั้นจะไปถึงเขาก็ถูกหมัดของชายร่างสูงชกจนปลิว
“ถือว่าดีสำหรับมือใหม่” ชายร่างสูงพูด
“ยังหรอกน่า ยังไม่แพ้ เรายังไม่แพ้~!!” ชิโร่ร้องตะโกนพร้อมกับมีออร่าสีแดงปนดำระเบิดออกมาจากร่าง
“อะไรน่ะ แรงกดดันแปลกๆนั้น” สมาชิกหน่วยคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตกใจ
“อ่อ กระผมเป็นคนสอนเขาใช้จิตเอาไว้น่ะครับ ส่วนนั่นก็คงกำลังงัดเอาความรู้ที่เรียนมาไปต่อยอดเป็นแบบฉบับของตัวเอง เพราะเด็กคนนั้นถึงจะมีพลังพิเศษแต่ก็ไม่ใช่สายต่อสู้” เสียงของไนท์แมร์ดังขึ้นกลางกลุ่มของพวกเขา
“มาตอนไหน!!” ทุกคนร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน
ชายร่างสูงโยกตัวสลับกับใช้ใบดาบรับการโจมตีของชิโร่ หน้าของชายร่างสูงโปรงดูราวกับเด็กน้อยที่กำลังได้เปิดห่อของขวัญชิ้นใหญ่อยู่ เข้าดูทั้งสนุกตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ในเวลานั้นก้มีร่างของเด็กสาวผมบลอนด์พุ่งเข้าโจมตีใส่เขาจากด้านข้าง แต่หนนี้ที่หมัดของเธอมีประกายแสงสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ ชายร่างสูงที่เห็นว่าเริ่มท่าไม่ดีจึงสะบัดดาบของตนแรงๆหนึ่งครั้งจนเกิดเป็นแรงอัดกระแทกจนเด็กทั้งสองปลิวออกมา แต่เด็กหนุ่มผมแดงอีกคนกลับไม่เกิดช่องให้เปลวเพลิงพุ่งเข้าปะทะกับร่างของเขาอย่างจัง
“พอแค่นั้น!!” เสียงของไนท์แมร์ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นน้ำเสียงที่ผิดไปจากทุกที มันแฝงไว้ด้วยอำนาจ ทรงพลังและน่าหวาดกลัว ทั้งสี่หยุดการต่อสู้ลงทันทีพร้อมกับมองไปยังต้นเสียง “นับแต่นี้กระผมขอประกาศให้พวกเธอสามคนเป็นว่าที่จักรพรรดิคนใหม่ขอรับกระผม” เขาพูดขึ้น ส่วนทุกคนยืนเงียบๆไปครู่หนึ่งแล้วจึงเหมือนกับเพิ่งได้สติ
“หา!?” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน
“เรื่องนี้ผมเอาเข้าที่ประชุมเมื่อหนึ่งนาทีก่อนและผลออกมาว่าทุกคนเห็นด้วยทั้งหมดขอรับ แถมตอบแบบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยด้วย” ไนท์แมร์พูดพลางหัวเราะ
สองปีต่อมา ภายในห้องนอนที่ดูใหญ่โตแต่ก็ตกแต่งแบบเรียบๆ มีร่างของเด็กสาวผมบลอนด์ที่กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ถึงอย่างนั้นเธอก็แค่แต่งแบบบางๆเท่านั้น
“จะว่ายังไงดีล่ะ อาเจ๊ของเราพอโตมานี่หุ่นดีเกินคาดเนอะ” เด็กหนุ่มผมขาวพูดพลางจ้องมองเด็กสาวจากด้านหลัง
“นั้นสิ ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้ยังใส่แค่กางเกงในกับเสื้อซับในเล่นน้ำกับพวกเราแต่ไหงตอนนี้แค่ชวนไปสระว่ายน้ำยังยากเลย” เด็กหนุ่มผมแดงพูด
“ถึงจะขุดคุ้ยเรื่องเมื่อสองปีก่อนมาพูดก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกน่า อีกอย่างมันน่าอายไม่ใช่เหรอ ชุดว่ายน้ำน่ะ” เด็กสาวตอบ
“งั้นก็ใส่เสื้อซับในแบบเมื่อก่อนก็สิ้นเรื่อง” เด็กหนุ่มผมขาวพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“นั้นมันหนักกว่าอีกนะ!!” เด็กสาวตะวาดใส่แต่มันกลับทำให้พวกเด็กหนุ่มหัวเราะออกมาแทนที่จะกลัว “ให้ตายสิพวกนาย สองปีแล้วนะ จะให้ฉันไปทำแบบเมื่อก่อนน่ะมันไม่ได้แล้วนะ” เด็กสาวพูดพลางหันมาหาพวกเขา ใช่ตอนนี้เธอดูเป็นสาวขึ้นมากผิดกับสองปีก่อน ทั้งรูปร่างที่ดูโค้งเว้ามากขึ้นหรือหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น
เด็กหนุ่มผมขาวพอได้ยินคำนั้นก็หันไปมองเด็กหนุ่มข้างๆแล้วจึงพูดขึ้น “นั้นสินะ พวกเราเองก็เปลี่ยนไปแล้ว” เด็กหนุ่มพูด
ส่วนเด็กหนุ่มผมแดงนั้นกำลังจับจ้องเด็กสาวไม่วางตาแล้วจึงพูดขึ้น “รีเบคก้า ขอฉันดูหน้าอกของเธอหน่อยสิ” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น แต่ผลตอบรับคือเด็กสาวจับเก้าอี้ที่เธอนั่งปากใส่หน้าเด็กหนุ่มจนกลิ้งไปกับพื้น
“ให้มันได้อย่างนี้สิ นายนี่มันโตแต่ตัวใช่ไหม แต่สมองยังค้างอยู่เมื่อสองปีก่อนสินะ!!” รีเบคก้าพูดพลางยืนหอบหายใจ
“ทั้งๆที่เมื่อก่อนยังแก้ผ้าอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าพวกเราได้โดยทำเหมือนพวกเราเป็นแค่หัวหลักหัวตอแท้ๆ” เด็กหนุ่มผมแดงพูด
แต่ในตอนนั้นเองที่ประตูห้องนอนของเธอถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กหญิงตัวน้อยที่ชะโงกหน้าเข้ามา “คุณรีเบคก้าสวัสดีค่ะ” เธอทักทายเด็กสาว “ท่านพี่!!” และพอหันไปพบเด็กหนุ่มอีกคนก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเอาไว้แน่น
“ไงยัยขี้แย” เด็กหนุ่มผมแดงพูดขึ้น โดยในตอนนี้เขากำลังนั่งยืดขาอยู่บนพื้นห้อง
“เฮเลน่าไม่ได้ขี้แยซักหน่อย” เธอตอบกลับพลางทำแก้มป่อง
“เอาล่ะ ฉันมีนัดไปก่อนนะ” รีเบคก้าพูดพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง โดยคนอื่นๆก็เดินตามมาติดๆ และเมื่อพวกเขาออกมาจากห้องต้องพูดว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังน้อยแต่มันเป็นคฤหาสน์หลังโตเลยล่ะ โดยคฤหาสน์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใกล้ทะเลสาบที่พวกชิโร่เคยอยู่ โดยที่นี่ก็มีแค่พวกเขาสามคนเหมือนเมื่อก่อน
“ท่านพี่ไปเล่นกันเถอะ ไปเล่นกัน” เฮเลน่าดึงชายเสื้อของชิโร่เบาๆ“เอาสิ ไปกัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกับเธอ
“โอ้ว!! ไปเล่นกัน!!” ทรูเด็กหนุ่มผมแดงร้องตะโกนออกมาสุดเสียง
..........................................................................................................................................................ในขณะที่เฮเลน่ากำลังนั่งทะเลาะอยู่กับเหม่ยหลินเรื่องรักษาแผลได้ไม่ดีเท่าที่ควรอยู่นั้น รีเบคก้าก็ได้ถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง “ทรู นายคงดูอยู่สินะ เด็กสองคนนี้น่ะโตขึ้นมากแล้วล่ะ ถึงพวกเขาจะต้งเจอกับอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่นายสบายใจได้เลย ฉันจะคอยดูแลเด็กพวกนี้เอง” เธอพูดเสียงเบากับตัวเองก่อนที่จะยิ้มน้อยๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา
ในขณะที่เฮเลน่ากำลังนั่งทะเลาะอยู่กับเหม่ยหลินเรื่องรักษาแผลได้ไม่ดีเท่าที่ควรอยู่นั้น รีเบคก้าก็ได้ถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง “ทรู นายคงดูอยู่สินะ เด็กสองคนนี้น่ะโตขึ้นมากแล้วล่ะ ถึงพวกเขาจะต้งเจอกับอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่นายสบายใจได้เลย ฉันจะคอยดูแลเด็กพวกนี้เอง” เธอพูดเสียงเบากับตัวเองก่อนที่จะยิ้มน้อยๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา