วันหยุดสุดหรรษา ลองมาทำข้าวปั้นทานกันเถอะครับ ^6^
เจ้าข้าวปั้นที่บอก คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักเพราะมันคือ โอนิกิริ (Onigiri)หรือที่เค้าเรียกกันว่าข้าวปั้นสามเหลี่ยมนั่นแหละครับ วันนี้เราจะไปเรียนรู้ถึงที่มา อุปกรณ์ วิธีทำ เอาเป็นว่ามาลองทำกันเลยดีกว่าครับ^^
ปัจจุบันคนนิยมทำข้าวปั้นเป็นข้าวห่อกันจากที่บ้าน หรือถ้าอยากจะสะดวกสบายหน่อย ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้า ทั่วไปที่ขายโอนิกิริครับ^^รู้ประวัติความเป็นมาแล้ว..ก็ไปลองทำข้าวปั้นโอนิกิริกันดีกว่าครับ
อุปกรณ์ : ข้าวของญี่ปุ่นหุงแล้ว / ไส้ที่เราชอบ / สาหร่าย / พลาสติกสำหรับห่อ (wrap plastic)
เจ้าข้าวปั้นที่บอก คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักเพราะมันคือ โอนิกิริ (Onigiri)หรือที่เค้าเรียกกันว่าข้าวปั้นสามเหลี่ยมนั่นแหละครับ วันนี้เราจะไปเรียนรู้ถึงที่มา อุปกรณ์ วิธีทำ เอาเป็นว่ามาลองทำกันเลยดีกว่าครับ^^
Onigiri หรือที่รู้จักกันอีกอย่างหนึ่งคือ omusubi (ลูกบอลข้าว)ที่ทำมาจากข้าวญี่ปุนเป็นลูกกลมๆ ปัจจุบันมีทั้งรูปวงรี วงกลม และก็สามเหลี่ยม ขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องมีการห่อสาหร่ายด้วยนะครับ ถึงจะอร่อยแบบครบถ้วน โดยทั่วไปแล้วใส้ของโอนิกิริ จะเป็นบ๊วยเค็ม (umeboshi) ปลาแซลมอน (salmon) ปลาคัททซึโอะ (katsuobushi) สาหร่ายทะเล (kombu) และ tarako (ไข่ปลา)และมีส่วนผสมที่มีรสเค็มหรือเปรี้ยวอื่นๆ ความแตกต่างของข้าวปั้นกับซูชิ ข้าวปั้นทำมาจากข้าวธรรมดา แต่ซูชิจะมีการผสมน้ำส้มสายชู เกลือและน้ำตาล ระวังอย่าสับสนนะครับ
โอนิกิริได้รับความนิยมมากเพราะมีวิธีทำที่ง่าย อุปกรณ์ก็ไม่ยุ่งยากเท่าซูชิ ง่ายต่อการพกพา ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมทานโอนิกิริกันมากครับ
งั้นเราลองไปดูความเป็นมาของเจ้าข้าวปั้นกันดีกว่าครับ
ในศตวรรษที่ 11 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อMurasaki Shikibuได้บันทึกลงในไดอารี่ของเธอ (Murasaki Shikibu Nikki) เกี่ยวกับผู้คนที่ได้รับประทานลูกบอลข้าว สมัยนั้นโอนิกิริถูกเรียกว่า Tonjiki และมักจะถูกบริโภคเป็นอาหารกลางวันหรือไม่ก็นำไปปิคนิค ช่วงสมัยศตวรรษที่ 17 เหล่าซามูไรได้นำเจ้าลูกบอลข้าวห่อใบไผ่ไปเป็นเสบียงในช่วงสงคราม แต่ความจริงแล้วประวัติความเป็นมาของโอนิกิรินั้น มีมานานกว่ายุคที่ผู้หญิงคนนี้จดบันทึกเสียอีก แต่ช่วงที่โอนิกิริเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากก็คงจะเป็นช่วงยุคนี้แหล่ะครับ เมื่อก่อนตอนที่จะกิน ก็จะต้องใช้ช้อนตัดแบ่งกัน แต่พอมาถึงยุคนาระ (Nara) ก็ได้มีการตัดเป็นคำเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการรับประทานด้วยครับ
ตั้งแต่สมัยคามาคุระ (Kamakura) จนถึงต้นเอโดะ (Edo) โอนิกิริเป็นอาหารที่เรียกว่า quick meal เพราะมีวิธีการทำที่ง่ายและสะดวก เหล่าพ่อครัวแม่ครัว จึงแค่ผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยไม่ต้องใส่ใจเรื่องการบริการมากนัก ตอนนั้นโอนิกิริเป็นข้าวปั้นธรรมดาที่มีรสเกลือและสาหร่าย จึงไม่แพร่หลายกว้างขวางนัก พอในยุคเกนโรคุ (กลางยุคเอโดะ) จึงมีการทำฟาร์มสาหร่ายเพื่อรองรับปริมาณความต้องการของโอนิกิริที่จะทำขายในวงกว้างขึ้น
มีความเชื่อว่าโอนิกิรินั้นไม่สามารถผลิตได้ด้วยเครื่องจักร ถือเป็นเรื่องยากเกินไปในตอนนั้น แต่พอช่วงปี 1980 ก็มีเครื่องมือที่ทำให้โอนิกิริเป็นรูปสามเหลี่ยมถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่มีเจ้าเครื่องนี้โอนิกิริก็จะถูกเสิร์ฟพร้อมกับสาหร่ายเลย แต่พอทิ้งไว้สักพักสาหร่ายก็จะเริ่มชื้นและเหนียว ติดหนึบกับตัวข้าว จึงมีการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์โดยแยกสาหร่ายออกจากข้าว พอจะทานค่อยห่อสาหร่ายเข้ากับข้าวปั้น
อุปกรณ์ : ข้าวของญี่ปุ่นหุงแล้ว / ไส้ที่เราชอบ / สาหร่าย / พลาสติกสำหรับห่อ (wrap plastic)
ส่วนวิธีการทำก็อธิบายง่ายๆ ด้วยรูปภาพด้านบนครับ (ดูภาพจากซ้ายไปขวาแบบทวนเข็มนาฬิกานะครับ)
1.ล้างมือให้สะอาด มือที่จะทำโอนิกิริต้องเปียก ทาเกลือที่มือด้วยก็ดีนะครับ จะทำให้ข้าวไม่ติดมือ
2.ตักข้าวใส่มือ เอาแบบพอดีมือนะครับจะได้ปั้นง่ายๆ พอเสร็จแล้วก็นำมือสองข้ามมาประกบแบบไขว้กันเพื่อให้ข้าวเป็นสามเหลี่ยมครับ
3.พอข้าวเป็นสามเหลี่ยมแล้วเราก็เอานิ้วจิ้มตรงกลางเพื่อใส่ใส้แล้วก็นำข้าวโปะรูที่เราจิ้มแล้วก็นำมือประกบเพื่อให้กลับมาเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมเหมือนเดิม
4.ขั้นตอนสุดท้ายก็ห่อด้วยสาหร่ายโดยการวางข้าวปั้นไว้กลางๆ แผ่นสาหร่าย เป็นอันเรียบร้อยครับ^^
รูปแบบของข้าวปั้น Onigiri ในปัจจุปันมีมากมายหลายอย่าง
บรรจุในเบนโตะสวยหรู
สำหรับใครที่มีเวลาว่างอยากจะลองทำดู สามารถดีไซน์รูปแบบได้ตามใจเรา ภายในจะใส่ไส้อะไรก็แล้วแต่เรา ช่างเป็นอาหารที่อิสระทางความคิดเสียจริงๆ สำหรับใครที่อยากจะมีรายได้เพิ่มก็สามารถใส่ไอเดียของตัวเองแล้วลองไปขายดูนะครับ หรืออยากจะดีไซน์ไปให้คนพิเศษก็น่าสนใจนะครับ^^
หวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อน่ะครับ
ที่มา Dek-D.com
ข้าวปั้นญี่ปุ่น