แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย tinysmile เมื่อ 2013-9-15 16:17
มหาสงครามแร็คน่าร็อก
สแกนดิเนเวียนในยุคของพวกนอร์ส(คนเถื่อน ไวกิ้ง) มีตำนานเกี่ยวกบเทพปกรณัมอันมีเอกลักษ์และแง่มุมที่น่าสนใจไม่แพ้ชนชาติใดๆในโลก
ชาวนอร์สเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาอาซาทรู(Asatru) นับถือเทพเจ้าหลายองค์แต่ที่สำคัญที่สุดมี3องค์คือ
โอดิน(Odin) เทพแห่งสติปัญญา เฟรยา(Freya) เทพีแห่งความรัก ธอร์(Thor) เทพแห่งพละกำลังและสายฟ้า
ศาสนาอาซาทรูมีความเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จีรัง ไม่ว่าจะเป็นจักรวาล เทพเจ้า มนุษย์ ยักษ์
ล้วนต้องแตกดับในวันมหาสงครามสิ้นโลกแร๊คน่าร็อก ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ชาวนอร์สเป็นพวกที่ยึดถือศักดิ์ศรีอย่างมาก
หากจะตายก็ต้องตายในสนามรบเท่านั้น ถ้าตายโดยความชราหรือป่วยตายนี่จะเรียกว่าตายแบบป๊อดๆ
เชื่อกันว่าหลังจากการตายในสนามรบจะมีเทพธิดาแห่งสงครามวัลคีรี่(Valkyrie)นำดวงวิญญ ณไปสู่วัลเฮลลา(valhala)
สวรรค์ของพวกไวกิ้งเพื่อรอที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเ ล่าเทพเจ้าในวันมหาสงคราม
ชาวนอร์สเชื่อว่าในสมัยปฐมกาลทุกหนแห่งล้วนว่างเปล่า เรียกสถานที่นี้ว่าทุ่งกินนุงกากัป(Ginnunggagap)
ภายหลังเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็งและหิมะกว้างใหญ่แบบไม่มีที่มาที่ไปมาไงก็ไม่รู้ ขนาบด้วยดินแดน2แห่งตามแนวเหนือใต้
ทางตอนเหนือเรียกว่านิเฟลเฮีล์ยม(Nifelheim)มีแต่หมอกและหนาวเย็นไข่แข็ง:Xทั้งปีทั้งชาติ
ส่วนทางใต้เรียกว่ามูสเพล์เฮีล์ยม(Muspellheim)ซึ่งตรงข้ามกับทางเหนือเต็มข้อ คือร้อนและมีไฟเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปมีเปลวไฟจากมูสเพล์เฮีล์ยมตกลงกลางทุ่งน้ำแข็งและกลายเป็นแม่วัว(ได้ไงวะ!!?)ชื่อว่าโอดุมลา(Audhumla)
ถือ ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแรกสุดแต่ดันมีใครตั้งชื่อให้ก็ไม่รู้ แม่วัวโอดุมลาหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอะไรเลยเลียน้ำแข็งที่อยู่รอบๆตัว เล่นๆ
แต่แม่จ้าว!! เลียอีท่าไหนก็ไม่รู้น้ำแข็งกลายเป็นยักษ์ชื่ออีเมียร์(Ymir)มันซะยังงั้น
ยักษ์อีเมียร์อาศัยนมจากแม่วัวโอดุมลาเลี้ยงชีวิตผ่านไปนานเข้าเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะรอบๆตัวอีเมียร์ก็แตกออก
เป็นยักษ์รุ่นจูเนียร์ทั้งชายหญิงเรียกกันว่า รีเม(Rime) ถือกันว่าเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกยักษ์
ต่อมาแม่วัวโอดุมลาเลียน้ำแข็งอีกก้อนนึง ปรากฏว่าคราวนี้กลายเป็นเทพเจ้าองค์แรกอุบัติขึ้นชื่อว่า บูรี(Buri) แหมเลียได้เทพจริงๆ
บูรีมีรูปร่างงดงามและแข็งแรงซึ่งต่างจากพวกยักษ์รีเมที่มีร่างกายใหญ่โตน่าเกรงขาม
ต่อมาเทพบูรีมีโอรสชื่อว่าบอร์(Bore)พอแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่ทันไร บอร์ก็ไปคว้านางยักษ์สาวแสนสวยชื่อเบสลา(Bestla)มาขึ้นครูจนมีก่อกำเนิด เป็นพฤกษาโลกภิภพมีชื่อว่าอิกก์ดราซิล(Yggdrasil)ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ยึดโลก ต่างๆทั้งโลกเทพแอสการ์ด โลกมนุษย์มิดการ์ด โลกยักษ์อุตการ์ดและโลกต่างๆรวมแล้ว9โลกไว้ด้วยกัน เทพบอร์และนางยักษ์เบสลามีพระโอรส3พระองค์ ได้แก่
โอดิน(Odin) โฮเนียร์(Honir) และโลเทอร์(Lother)
พฤกษาโลกอิกก์ดราซิล(Yggdrasil)
ต่อมาภายหลังได้เกิดสงครามระหว่างเทพกับยักษ์อีเมียร์ขึ้น สงครามครั้งนี้ทำให้ดินแดนทั้งมวลสะเทืิอนเลื่นลั่น
จนเกิดเป็นภูเขาน้ำแข็งน้อยใหญ่ทั่วดินแดนของชาวนอร์ส ในสงครามครั้งแรกนี้ฝ่ายเทพเป็นผู้ชนะแบบแบเบอร์โดยไม่ต้องรอมติ กกต
แต่ทว่าหลังสงครามครั้งนี้โอดินได้ไว้ชีวิตยักษ์บางตนเพราะถือว่ามารดาของตนก็เป็นยักษ์
หลัง สงครามเทพโอดินและพระอนุชาได้ใช้ศพของยักษ์อีเมียร์สร้างโลก มนุษย์ขึ้น เนื้อหนังเป็นผืนดิน กระดูกเป็นภูเขา เลือดเป็นทะเลและแม่น้ำ
เส้นผมเป็นต้นไม้ ขนคิ้วเป็นทุ่งหญ้า กะโหลกวางครอบไว้กับเสา4ต้นเป็นท้องฟ้า
เสาทั้ง4มีการ์ดคอยดูแลได้แก่ นอร์ททรี โอสทรี ซูทรี และเวสทรีและเรียกโลกนี้ว่ามิดการ์ด(Midgard)
Odin
จากนั้นโอดินและอนุชาทั้ง2เดินทางไปมูสเพลล์เฮีล์ยมดินแดนแห่งไฟนำสะเก็ดไฟ ดวงใหญ่มาเสกเป็นพระอาทิตย์และสร้างสุริยเทวีชื่อ โซล(Sol)คอยขับราชรถสุริยัน
และหยิบสะเก็ดไฟสีขาวสุกปลั่งเสกเป็นดวงจันทร์ และสร้างจันทรเทพชื่อ มานี(Mani)คอยขับราชรถจันทรา
สร้างมนุษย์ชายคนแรกจากไม้แอช ให้ชื่อว่าอัสก์(ASk) สร้างมนุษย์หญิงคนแรกจากต้นเอล์มให้ชื่อว่า เอมบลา(Embla)
โอดินให้จิตวิญญานกับทั้งคู่ โฮเนียร์ให้ความรู้สึก โลเทอร์ให้การมองเห็น การพูดและสัมผัสต่างๆ
ขณะเดียวกันนั้นยักษ์ที่สืบสายมาจากแบร์แกลเมียร์ก็ทวีมากขึ้น แบร์แกลเมียร์เป็นหนึ่งในยักษ์ที่โอดินไว้ชีวิตหลังสงครามจบลงเพราะโอดิน เห็นว่าเป็นยักษ์ที่ฉลาด(โอดินชอบคนฉลาดๆ) โดยหารู้ไม่ว่านับจากนี้แบร์แกลเมียร์จะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ไอ้แม่ยิ้ม เพราะยักษ์เหล่านี้รอคอยการแก้แค้นอย่างใจจดใจ่อกันเลยทีเดียว
โอดินเห็นท่าไม่ดี ชะๆมาซิลอน เลยเอากระดูกของยักษ์อีเมียร์ที่ยังเหลือกั๊กไว้มาสร้างเป็นภูเขากั้นเป็น กำแพงให้พวกยักษ์อยู่มันซะอีกฟาก แถมด้วยการตั้งชื่อให้ซะกิ๊บเก๋เท่ห์ระเบิดบกว่า โจตันเฮีล์ยม(Jotunheim) หรืออุตการ์ด(Utgard)นั่นเอง
แต่ถึงจะกั้นไว้ยังไงก็ไม่ครณามือยักสายพันธุ์เจมส์บอนด์ได้ แอบเล็ดรอดเข้ามาสมสู่กับมุษย์แบบไม่ได้โฟนอินมาเตือนล่วงหน้า ทำให้เกิดมุษย์ที่มีจิตใจชั่วร้ายขึ้นมาบนมิดการ์ด อืมมันมี...งำอย่างนี้นี่เอง
โอดินรู้เข้าถึงกับนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก แล้วพลันก็นึกขึ้นได้ว่างั้นกุก็สร้างที่อยู่สำหรับเทพโดยเฉพาะ:Xซะเลย ว่าแล้วโอดินและอนุชาจึงช่วยกันสร้างแอสการ์ด(Asgard)ที่อยู่ของทวยเทพขึ้น มาแบบห้าห่วงทนหายห่วง มีมหาปราสาทกลัดเฮีล์ยม(Gladsheim)อยู่สูงสุด โอดินจะลงมาประทับที่บัลลังค์ที่กลัดเฮีล์ยมนี้ทุกวันเพื่อคอยสอดส่องดูแล มนุษย์ในมิดการ์ด ประมาณว่าอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ แอสการ์ดมีสะพานมิตรภาพเป็นสายรุ้งที่ทอดยาวเชื่อมกับมิดการ์ดชื่อว่าสะพาน บีฟรอส(ฺBifrost)
ภายในปราสาทกลัดเฮีล์ยม(Gladsheim)ในจินตนาการ
ต่อมาภายหลังโอดินรับเทพยักษ์ตนหนึ่งนามว่า โลกิ(Loki)เข้ามาอยู่ในแอสการ์ด ด้วยความที่โอดินชื่นชอบคนที่มีความเฉลียวฉลาดนั่นเอง
และ โลกิคนนี้ก็ฉลาดเป็นกรด เป็นที่ถูกอกถูกใจขนาดที่เรียกได้ว่าโอดินรักโลกิเหมือนลูกคนนึงเลยที่เดียว โดยหารู้ไม่ว่าภายหน้าพี่โลกิหัวแหลมคนนี้จะนำภัยพิบัติมาสู่แอสการ์ด
Loki
โลกิมีชายาเป็นนางยักษ์ชื่อว่าอังเกอร์โบดา(Angrboda) มีไอ้ตัวเล็กแสนน่ารักออกมาเป็นเทพอสูรค้วยกัน3ตน ได้แก่
พญา งูยักษ์โยมุนกันด์(Jormungand)ในตำนานว่ากันว่ามีลำตัวใหญ่ยักษ์สามารถพัน รอบโลกได้หลอยรอบ โอ้ววว ทั้งยาวทั้งใหญ่ พญาอสุรี เฮล(Hel)และพญาหมาป่า เฟนรีล(Fenrir) มันไปเอากันอิท่าไหนถึงได้ออกมาเป็นอิ3ตัวนี้เนี่ย
พญางูโยมุนกันด์(Jormungand)
พญาอสุรี เฮล(Hel)
พญาหมาป่า เฟนรีล(Fenrir)
ทั้ง3ตนที่กล่าวมานี้เป็นทั้งชนวนและมีบทบาทสุดแสบในมหาสงครามแร๊คน่าร็อก ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต โอดินส่งเฮลให้ไปเป็นผู้ปกครองนรก ส่งโยมุนกันด์ลงสู่ท้องทะเลในมิดการ์ด ส่วนเฟนรีลนั้นโอดินทรงเลี้ยงไว้ในแอสการ์ด จนเมื่อเติบใหญ่เฟนรีลกลับมีนิสัยดุร้ายโหดเ:X้ยมและมีกำลังมหาศาลสร้างความ เดือดร้อนให้แอสการ์ดอยู่เนืองๆไม่ต่างกับโลกิผู้เป็นบิดา(โลกิหาเรื่องให้
อดินและเทพแอสการ์ดปวดหัวตึ้บตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในแอสการ์ด โดยเฉพาะกับโอรสองค์โปรดของโอดิน ธอร์และบาลเดอร์)
เมื่อสัตว์หน้าขนอย่างเฟนรีลเลี้ยงไม่เชื่องอีกต่อไปแล้วร้อนไปถึงเทพแห่ง กฏหมาย เทียร์(Tyr) และสมัครพลพรรคมหาเทพต้องช่วยกันใช้อุบายหลอกจับเฟนรีลไปทิ้งวัด เอ้ย!! ไปทิ้งไว้ในที่รกร้างกันดาร โปรเจคสุดหินนี้เล่นเอาเทพเทียร์เสียแขนเซ่นคมเขี้ยวให้เฟนรีลไปซะ1ข้างฟรีๆ ไม่มีประกัันจ่ายดั่วะ ซวยเช็ดจริงๆ
เทพแห่งกฏหมายและความยุติธรรม เทียร์(Tyr)
เทพเทียร์ใช้แขนข้างหนึ่งเป็นเหยื่อล่อเฟนรีล
งานนี้พอโลกิรู้เข้าถึงกับเต้นผาง โมโหลมออกหู เหม่ๆ ไอ้พวกนี้ทำกับลูก:Xเหมือนหมูเหมือนหมา(เอ่อ....ก็หมานี่หว่า)
โล กิจึงคิดแผนชั่วไว้แก้แค้นโอดินกับเหล่าเทพแอสการ์ด โดยคนที่ตกเป็นเป้าในการล้างแค้นครั้งนี้คือเทพแห่งความดีงาม บาลเดอร์(Balder)โอรสของโอดินนันเอง
บาลเดอร์ เป็นเทพที่ได้รับพรจาก(เกือบ)ทุกสรรพสิ่งบนโลกว่าจะไม่ทำร้ายพระองค์ เทพบาลเดอร์เลยชอบเล่นอะไรแบบseoๆพิเรนทร์ๆ เช่น
เป็น เป้าซ้อมธนูของเหล่าเทพ เดินลุยไฟ โดดผาสูง เอ๊กตรีมบอยจริงๆอิตานี่ แต่มีสิ่งนึงที่ไม่ได้ให้สัญญากับเทพบาลเดอร์ไว้คือต้นมิสเติลโทล
แน่นอนว่าความลับนี้ปิดโลกิไม่มิด โลกิจึงเสี้ยมกิ่งต้นมิสเติลโทลเป็นลูกธนูแล้วหลอกใช้เทพโฮเดอร์(Hodur)ซึ่ง มีพระเนตรบอดให้เป็นคนลงมือยิงเทพบาลเดอร์ โฮเดอร์หลงเชื่อโลกิจึงแผลงธนูเข้าใส่เทพบาลเดอร์เพราะนึกว่ายิงยังไงก็ไม่ ถูกเพราะเทพบาลเดอร์ไม่เคยได้รับอันตรายจากสิ่งใดๆเลย
แต่แม่เจ้า!! คราวนี้ลูกธนูพุ่งปักอกบาลเดอร์ดังฉึก ตายหอง งานเข้า ลูกธนูกิ่งต้นมิสเติลโทลปักกลางอก เทพบาลเดอร์ล้มลงสิ้นพระชนม์ทันที
โลกิหลอกโฮเดอร์ให้แผลงธนูกิ่งต้นมิสเติลโทลใส่บาลเดอร์
ทั้ง แอสการ์ดโศกเศร้ากับการจากไปของเทพบาลเดอร์ แต่ทว่ายังพอมีหวัง เมื่อนางพญาอสุรี เฮลผู้คุมนรกบอกว่า จะคืนวิญญาญบาลเดอร์ให้ก็ดะ แต่ทว่าต้องเป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกร้องให้ให้กับบาลเดอร์เท่านั้นนะ ตะเอง เมื่อลูกสาวว่ามาอย่างงี้โลกิผู้พ่อเลยปลอมตัวเป็นหญิงชราและปฏิเสธที่จะ ร้องไห้ให้กับบาลเดอร์ งานนี้บาลเดอร์เลยแห้วแดกต้องลงนรกไปตามระเบียบ(ไม่รู้เจอรึเปล่านะอิ ระเบียบเนี่ย ถุ๊ยย!!)
แต่ความลับไม่มีในโลก แผนชั่วของโลกิถูกจับได้ โลกิถูกลงโทษโดยการมัดร่างติดกับก้อนหินในถ้ำ เหนือหัวขึ้นไปมีงูพิษตัวใหญ่ ทุกครั้งที่พิษจากปากงูหยดลงบนใบหน้าของโลกิ โลกิจะดิ้นพราดๆอย่างทุรนทุราย ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในโลกมนุษย์นั่นเอง ไซจิน(Sigyn)ชายาอีกคนนึงของโลกิคอยช่วยเหลือสามีของนางโดยการใช้ถ้วยรองพิษ งูไม่ให้หยดลงหน้าสามีสุดรัก โถๆ แม่คุณใจงามนัก แต่เมื่อใดที่พิษงูใกล้เต็มถ้วยนางจะเอาไปทิ้งข้างนอกถ้ำ เวลานั้นแหล่ะที่พิษของงูจะหยดลงบนหน้าของโลกิ จนต้องดิ้นพราดๆพาลให้เกิดแผ่นดินไหวกันอีก แต่ก็เอาวะ ถ้าไม่มีไซจินเอาถ้วยมารองพิษงูไว้ :Xคงได้แผ่นดินไหวกันทั้งปีทั้งชาติ
ไซจิน(Sigyn)เอาถ้วยรองพิษงูช่วยโลกิผู้เป็นสามี
หลัง จากที่สูญเสียเทพบาลเดอร์ทั้งแอสการ์ดและมิดการ์ดตกอยู่ในฤดูหนาวถึง3ปี ไม่มีแสงอาทิตย์และแสงจันทร์เพราะหมาป่าสกอลล์แลฮาติซึ่งนางยักษ์อังเกอร์โบ ดาเลี้ยงไว้งาบราชรถสุริยะและจันทราไว้ ทำให้เกิดสุริยะคราสและจันทรคราส ขาดแคลนอาหารอย่างหนัก พอพ้นฤดูหนาวไปมนุษย์ก็ไร้ศีลธรรมโดยสิ้นเชิง และในท่ามกลางความมืดนั้นเองพันธณาการของโลกิก็ถูกคลายออก และโซ่ตรวนของเฟนรีลก็หลุดออกเช่นกัน
เอ๊าๆ งานเข้าแล้วโว้ย!!
ครานั้นพญามังกรนิดฮูกก์(Nidhogg)เจะเข้ากัดกินรากแก้วของพฤกษาโลกอิกก์ดรา ซิลจนสะเทือนไปถึงยอด ก่กัลลิงคัมบี(Gallingkambi)ส่งเสียงขันดังกึกก้องไปทั้งวัลเฮลลา เทพเฮล์มเดล(Heimdel)ได้ยินดังนั้นถึงกับตาเหลือกเป่าแตรสัญญาณกรีออล์ รวมพลพรรคเทพและวิญญาณนักรบทั่วทั้งวัลเฮลลาเพื่อเข้าสู่มหาสงครามแร๊คน่า ร็อก แล้วจึงเคลื่อนทัพเทพสู่สมรภูมิทุ่งสะพานผ่านฟ้า เอ้ย!! ทุ่งวีกริดด์(Vigrid)
เปิดศึกมหาสงครามแร๊คน่าร็อก(Ragnarok)
เฟนรีลออกไล่ล่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในมิดการ์ด ส่วยโยมุนกันด์ก็มันส์ในอารมณ์บิดตัวเป็นจังหวะสกาอยู่ในมหาสมุทร ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงใหญ่เท่าภูเขาขึ้นทั่วโลก
กลืนกินชีวิตไปมากมาย พอทั้งสองฝ่ายมาเผชิญหน้ากันที่สมรภูมิทุ่งวีกริดด์ เฮลกลัวพี่น้องทั้ง2ของตนจะเสียเปรียบเลยเปิดนรกส่งวิญญาณร้ายและ
แกรม(Garm)สุนัขแห่งนรกขึ้นมาบนพื้นโลก ต๊ายย หล่อน รักพี่น้องดีจริงๆ
มหาเทพธอร์(Thor)กับค้อนมจอร์เนียร์(mjollnir)
ทั้ง2ฝ่ายเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดถึงพริกถึงขิงถึงข่าถึงตะไคร้ใบมะกรูด บาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
มวย คู่เอกในศึกครั้งนี้คงต้องยกให้โอดินกับเฟนรีล หลังจากโรมรันพันตูกันอยู่เป็นนาน อนิจจาคุณพระไม่ช่วย โอดินเพลี่ยงพล้ำโดนเฟนรีลงาบเข้าให้(ดู๊ดู~ กับเจ้านายเก่ามันก็ไม่เว้น) เทพวีดาร์(Vidar)โอรสอีกคนของโอดินเห็นดังนั้นเลยเลือดขึ้นหน้าระเบิดพลัง ซุปเปอร์ไซย่า วิ่งเข้ามาเตะปากหมาเฟนรีลจนหน้าหงาย แล้วลงมือเชือดพญาหมาป่าเฟนรีลแก้แค้นให้โอดินเป็นผลสำเร็จ
มหาเทพโอดินต่อสู้กับหมาป่าเฟนรีล
อีกคู่ที่เด็ดไม่แพ้กันคือเทพสายฟ้า ธอร์กับพญางูโยมุนกันด์ ธอร์ใช้อาวุธคู่ใจค้อนมจอร์เนียร์สังหารโยมุนกันด์ลงได้ แต่ว่าหลังจากโยมุนกันด์สิ้นชีพง่อยกระรอกหมอบกะแตแต้แว้ดไปแล้ว เทพธอร์เองก็ดำเนินเดินไปได้เพียง9ก้าวก็ล้มลงสิ้นพระชนม์เพราะพิษของโยมุ นกันด์
ธอร์ต่อสู้กับพญางูโยมุนกันด์
ครานั้นพญายักษ์เซิร์ตเห็นท่าไม่ดีจึงแกว่งดาบอัคคีเกิดเป็นไฟขึ้นหมายจะ เผาผลาญโลกทั้งเก้าเสียให้สิ้น พื้นดินทั้งสิ้นจมลงสู่มหาสมุทร(คล้องกับตำนานน้ำท่วมโลก) เทพวาลี(Vali) เทพโมดี(Modi) เทพแมกนี(Magni)ผู้คว้าเอาค้อนมจอร์เนียร์ของมหาเทพธอร์หวดบ้องหูพญายักษ์ เซิร์ตทีเดียวร่วง ช่วยโลกไว้ได้ก่อนที่ไฟบัลลัยกัลป์จะเผาผลาญโลก
หลัง มหาสงครามสิ้นสุดลง แผ่นดินก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ก็กลับมาอีกครั้ง พฤกษาโลกแตกกิ่งก้านสาขาไปทั่วนำความสมบูรญ์ชุ่มชื่นกลับสู่ผืนดืน เทพบางองค์ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งเทพแห่งความดีงามบาลเดอร์ด้วย
สรุปแล้วหลังศึกแร๊คน่าร็อกแอสการ์ดเหลือเทพสูงสุดอยู่7องค์ เทพบาลเดอร์ขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดแทนที่โอดิน ส่วนมนุษย์เหลือรอดชีวิตเพียง2คน คือ ลิฟต์(Lift) และ ลิฟต์เทรเซีย(Liftrasir) ซึ่งทั้งคู่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโพรงไม้ของพฤกษาโลก อิกก์ดราซิล ทั้งสองคนนี้คือบรรพบุรุษผู้สร้างเผ่าพันธ์มนุษย์ขึ้นมาใหม่ภายหลังมหาสง ครามแร๊คน่าร็อก
<ซ้ำขออภัย>
เครดิต http://board.postjung.com/706313.html
ที่มา: http://www.thailandrockmetal.com/board/index.php?topic=1762.0
มหาสงครามแร็คน่าร็อก
สแกนดิเนเวียนในยุคของพวกนอร์ส(คนเถื่อน ไวกิ้ง) มีตำนานเกี่ยวกบเทพปกรณัมอันมีเอกลักษ์และแง่มุมที่น่าสนใจไม่แพ้ชนชาติใดๆในโลก
ชาวนอร์สเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาอาซาทรู(Asatru) นับถือเทพเจ้าหลายองค์แต่ที่สำคัญที่สุดมี3องค์คือ
โอดิน(Odin) เทพแห่งสติปัญญา เฟรยา(Freya) เทพีแห่งความรัก ธอร์(Thor) เทพแห่งพละกำลังและสายฟ้า
ศาสนาอาซาทรูมีความเชื่อว่าทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จีรัง ไม่ว่าจะเป็นจักรวาล เทพเจ้า มนุษย์ ยักษ์
ล้วนต้องแตกดับในวันมหาสงครามสิ้นโลกแร๊คน่าร็อก ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ชาวนอร์สเป็นพวกที่ยึดถือศักดิ์ศรีอย่างมาก
หากจะตายก็ต้องตายในสนามรบเท่านั้น ถ้าตายโดยความชราหรือป่วยตายนี่จะเรียกว่าตายแบบป๊อดๆ
เชื่อกันว่าหลังจากการตายในสนามรบจะมีเทพธิดาแห่งสงครามวัลคีรี่(Valkyrie)นำดวงวิญญ ณไปสู่วัลเฮลลา(valhala)
สวรรค์ของพวกไวกิ้งเพื่อรอที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเ ล่าเทพเจ้าในวันมหาสงคราม
ชาวนอร์สเชื่อว่าในสมัยปฐมกาลทุกหนแห่งล้วนว่างเปล่า เรียกสถานที่นี้ว่าทุ่งกินนุงกากัป(Ginnunggagap)
ภายหลังเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็งและหิมะกว้างใหญ่แบบไม่มีที่มาที่ไปมาไงก็ไม่รู้ ขนาบด้วยดินแดน2แห่งตามแนวเหนือใต้
ทางตอนเหนือเรียกว่านิเฟลเฮีล์ยม(Nifelheim)มีแต่หมอกและหนาวเย็นไข่แข็ง:Xทั้งปีทั้งชาติ
ส่วนทางใต้เรียกว่ามูสเพล์เฮีล์ยม(Muspellheim)ซึ่งตรงข้ามกับทางเหนือเต็มข้อ คือร้อนและมีไฟเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปมีเปลวไฟจากมูสเพล์เฮีล์ยมตกลงกลางทุ่งน้ำแข็งและกลายเป็นแม่วัว(ได้ไงวะ!!?)ชื่อว่าโอดุมลา(Audhumla)
ถือ ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแรกสุดแต่ดันมีใครตั้งชื่อให้ก็ไม่รู้ แม่วัวโอดุมลาหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอะไรเลยเลียน้ำแข็งที่อยู่รอบๆตัว เล่นๆ
แต่แม่จ้าว!! เลียอีท่าไหนก็ไม่รู้น้ำแข็งกลายเป็นยักษ์ชื่ออีเมียร์(Ymir)มันซะยังงั้น
ยักษ์อีเมียร์อาศัยนมจากแม่วัวโอดุมลาเลี้ยงชีวิตผ่านไปนานเข้าเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะรอบๆตัวอีเมียร์ก็แตกออก
เป็นยักษ์รุ่นจูเนียร์ทั้งชายหญิงเรียกกันว่า รีเม(Rime) ถือกันว่าเป็นโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกยักษ์
ต่อมาแม่วัวโอดุมลาเลียน้ำแข็งอีกก้อนนึง ปรากฏว่าคราวนี้กลายเป็นเทพเจ้าองค์แรกอุบัติขึ้นชื่อว่า บูรี(Buri) แหมเลียได้เทพจริงๆ
บูรีมีรูปร่างงดงามและแข็งแรงซึ่งต่างจากพวกยักษ์รีเมที่มีร่างกายใหญ่โตน่าเกรงขาม
ต่อมาเทพบูรีมีโอรสชื่อว่าบอร์(Bore)พอแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่ทันไร บอร์ก็ไปคว้านางยักษ์สาวแสนสวยชื่อเบสลา(Bestla)มาขึ้นครูจนมีก่อกำเนิด เป็นพฤกษาโลกภิภพมีชื่อว่าอิกก์ดราซิล(Yggdrasil)ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ยึดโลก ต่างๆทั้งโลกเทพแอสการ์ด โลกมนุษย์มิดการ์ด โลกยักษ์อุตการ์ดและโลกต่างๆรวมแล้ว9โลกไว้ด้วยกัน เทพบอร์และนางยักษ์เบสลามีพระโอรส3พระองค์ ได้แก่
โอดิน(Odin) โฮเนียร์(Honir) และโลเทอร์(Lother)
พฤกษาโลกอิกก์ดราซิล(Yggdrasil)
ต่อมาภายหลังได้เกิดสงครามระหว่างเทพกับยักษ์อีเมียร์ขึ้น สงครามครั้งนี้ทำให้ดินแดนทั้งมวลสะเทืิอนเลื่นลั่น
จนเกิดเป็นภูเขาน้ำแข็งน้อยใหญ่ทั่วดินแดนของชาวนอร์ส ในสงครามครั้งแรกนี้ฝ่ายเทพเป็นผู้ชนะแบบแบเบอร์โดยไม่ต้องรอมติ กกต
แต่ทว่าหลังสงครามครั้งนี้โอดินได้ไว้ชีวิตยักษ์บางตนเพราะถือว่ามารดาของตนก็เป็นยักษ์
หลัง สงครามเทพโอดินและพระอนุชาได้ใช้ศพของยักษ์อีเมียร์สร้างโลก มนุษย์ขึ้น เนื้อหนังเป็นผืนดิน กระดูกเป็นภูเขา เลือดเป็นทะเลและแม่น้ำ
เส้นผมเป็นต้นไม้ ขนคิ้วเป็นทุ่งหญ้า กะโหลกวางครอบไว้กับเสา4ต้นเป็นท้องฟ้า
เสาทั้ง4มีการ์ดคอยดูแลได้แก่ นอร์ททรี โอสทรี ซูทรี และเวสทรีและเรียกโลกนี้ว่ามิดการ์ด(Midgard)
Odin
จากนั้นโอดินและอนุชาทั้ง2เดินทางไปมูสเพลล์เฮีล์ยมดินแดนแห่งไฟนำสะเก็ดไฟ ดวงใหญ่มาเสกเป็นพระอาทิตย์และสร้างสุริยเทวีชื่อ โซล(Sol)คอยขับราชรถสุริยัน
และหยิบสะเก็ดไฟสีขาวสุกปลั่งเสกเป็นดวงจันทร์ และสร้างจันทรเทพชื่อ มานี(Mani)คอยขับราชรถจันทรา
สร้างมนุษย์ชายคนแรกจากไม้แอช ให้ชื่อว่าอัสก์(ASk) สร้างมนุษย์หญิงคนแรกจากต้นเอล์มให้ชื่อว่า เอมบลา(Embla)
โอดินให้จิตวิญญานกับทั้งคู่ โฮเนียร์ให้ความรู้สึก โลเทอร์ให้การมองเห็น การพูดและสัมผัสต่างๆ
ขณะเดียวกันนั้นยักษ์ที่สืบสายมาจากแบร์แกลเมียร์ก็ทวีมากขึ้น แบร์แกลเมียร์เป็นหนึ่งในยักษ์ที่โอดินไว้ชีวิตหลังสงครามจบลงเพราะโอดิน เห็นว่าเป็นยักษ์ที่ฉลาด(โอดินชอบคนฉลาดๆ) โดยหารู้ไม่ว่านับจากนี้แบร์แกลเมียร์จะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ไอ้แม่ยิ้ม เพราะยักษ์เหล่านี้รอคอยการแก้แค้นอย่างใจจดใจ่อกันเลยทีเดียว
โอดินเห็นท่าไม่ดี ชะๆมาซิลอน เลยเอากระดูกของยักษ์อีเมียร์ที่ยังเหลือกั๊กไว้มาสร้างเป็นภูเขากั้นเป็น กำแพงให้พวกยักษ์อยู่มันซะอีกฟาก แถมด้วยการตั้งชื่อให้ซะกิ๊บเก๋เท่ห์ระเบิดบกว่า โจตันเฮีล์ยม(Jotunheim) หรืออุตการ์ด(Utgard)นั่นเอง
แต่ถึงจะกั้นไว้ยังไงก็ไม่ครณามือยักสายพันธุ์เจมส์บอนด์ได้ แอบเล็ดรอดเข้ามาสมสู่กับมุษย์แบบไม่ได้โฟนอินมาเตือนล่วงหน้า ทำให้เกิดมุษย์ที่มีจิตใจชั่วร้ายขึ้นมาบนมิดการ์ด อืมมันมี...งำอย่างนี้นี่เอง
โอดินรู้เข้าถึงกับนอนเอาตีนก่ายหน้าผาก แล้วพลันก็นึกขึ้นได้ว่างั้นกุก็สร้างที่อยู่สำหรับเทพโดยเฉพาะ:Xซะเลย ว่าแล้วโอดินและอนุชาจึงช่วยกันสร้างแอสการ์ด(Asgard)ที่อยู่ของทวยเทพขึ้น มาแบบห้าห่วงทนหายห่วง มีมหาปราสาทกลัดเฮีล์ยม(Gladsheim)อยู่สูงสุด โอดินจะลงมาประทับที่บัลลังค์ที่กลัดเฮีล์ยมนี้ทุกวันเพื่อคอยสอดส่องดูแล มนุษย์ในมิดการ์ด ประมาณว่าอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ แอสการ์ดมีสะพานมิตรภาพเป็นสายรุ้งที่ทอดยาวเชื่อมกับมิดการ์ดชื่อว่าสะพาน บีฟรอส(ฺBifrost)
ภายในปราสาทกลัดเฮีล์ยม(Gladsheim)ในจินตนาการ
ต่อมาภายหลังโอดินรับเทพยักษ์ตนหนึ่งนามว่า โลกิ(Loki)เข้ามาอยู่ในแอสการ์ด ด้วยความที่โอดินชื่นชอบคนที่มีความเฉลียวฉลาดนั่นเอง
และ โลกิคนนี้ก็ฉลาดเป็นกรด เป็นที่ถูกอกถูกใจขนาดที่เรียกได้ว่าโอดินรักโลกิเหมือนลูกคนนึงเลยที่เดียว โดยหารู้ไม่ว่าภายหน้าพี่โลกิหัวแหลมคนนี้จะนำภัยพิบัติมาสู่แอสการ์ด
Loki
โลกิมีชายาเป็นนางยักษ์ชื่อว่าอังเกอร์โบดา(Angrboda) มีไอ้ตัวเล็กแสนน่ารักออกมาเป็นเทพอสูรค้วยกัน3ตน ได้แก่
พญา งูยักษ์โยมุนกันด์(Jormungand)ในตำนานว่ากันว่ามีลำตัวใหญ่ยักษ์สามารถพัน รอบโลกได้หลอยรอบ โอ้ววว ทั้งยาวทั้งใหญ่ พญาอสุรี เฮล(Hel)และพญาหมาป่า เฟนรีล(Fenrir) มันไปเอากันอิท่าไหนถึงได้ออกมาเป็นอิ3ตัวนี้เนี่ย
พญางูโยมุนกันด์(Jormungand)
พญาอสุรี เฮล(Hel)
พญาหมาป่า เฟนรีล(Fenrir)
ทั้ง3ตนที่กล่าวมานี้เป็นทั้งชนวนและมีบทบาทสุดแสบในมหาสงครามแร๊คน่าร็อก ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต โอดินส่งเฮลให้ไปเป็นผู้ปกครองนรก ส่งโยมุนกันด์ลงสู่ท้องทะเลในมิดการ์ด ส่วนเฟนรีลนั้นโอดินทรงเลี้ยงไว้ในแอสการ์ด จนเมื่อเติบใหญ่เฟนรีลกลับมีนิสัยดุร้ายโหดเ:X้ยมและมีกำลังมหาศาลสร้างความ เดือดร้อนให้แอสการ์ดอยู่เนืองๆไม่ต่างกับโลกิผู้เป็นบิดา(โลกิหาเรื่องให้
อดินและเทพแอสการ์ดปวดหัวตึ้บตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในแอสการ์ด โดยเฉพาะกับโอรสองค์โปรดของโอดิน ธอร์และบาลเดอร์)
เมื่อสัตว์หน้าขนอย่างเฟนรีลเลี้ยงไม่เชื่องอีกต่อไปแล้วร้อนไปถึงเทพแห่ง กฏหมาย เทียร์(Tyr) และสมัครพลพรรคมหาเทพต้องช่วยกันใช้อุบายหลอกจับเฟนรีลไปทิ้งวัด เอ้ย!! ไปทิ้งไว้ในที่รกร้างกันดาร โปรเจคสุดหินนี้เล่นเอาเทพเทียร์เสียแขนเซ่นคมเขี้ยวให้เฟนรีลไปซะ1ข้างฟรีๆ ไม่มีประกัันจ่ายดั่วะ ซวยเช็ดจริงๆ
เทพแห่งกฏหมายและความยุติธรรม เทียร์(Tyr)
เทพเทียร์ใช้แขนข้างหนึ่งเป็นเหยื่อล่อเฟนรีล
งานนี้พอโลกิรู้เข้าถึงกับเต้นผาง โมโหลมออกหู เหม่ๆ ไอ้พวกนี้ทำกับลูก:Xเหมือนหมูเหมือนหมา(เอ่อ....ก็หมานี่หว่า)
โล กิจึงคิดแผนชั่วไว้แก้แค้นโอดินกับเหล่าเทพแอสการ์ด โดยคนที่ตกเป็นเป้าในการล้างแค้นครั้งนี้คือเทพแห่งความดีงาม บาลเดอร์(Balder)โอรสของโอดินนันเอง
บาลเดอร์ เป็นเทพที่ได้รับพรจาก(เกือบ)ทุกสรรพสิ่งบนโลกว่าจะไม่ทำร้ายพระองค์ เทพบาลเดอร์เลยชอบเล่นอะไรแบบseoๆพิเรนทร์ๆ เช่น
เป็น เป้าซ้อมธนูของเหล่าเทพ เดินลุยไฟ โดดผาสูง เอ๊กตรีมบอยจริงๆอิตานี่ แต่มีสิ่งนึงที่ไม่ได้ให้สัญญากับเทพบาลเดอร์ไว้คือต้นมิสเติลโทล
แน่นอนว่าความลับนี้ปิดโลกิไม่มิด โลกิจึงเสี้ยมกิ่งต้นมิสเติลโทลเป็นลูกธนูแล้วหลอกใช้เทพโฮเดอร์(Hodur)ซึ่ง มีพระเนตรบอดให้เป็นคนลงมือยิงเทพบาลเดอร์ โฮเดอร์หลงเชื่อโลกิจึงแผลงธนูเข้าใส่เทพบาลเดอร์เพราะนึกว่ายิงยังไงก็ไม่ ถูกเพราะเทพบาลเดอร์ไม่เคยได้รับอันตรายจากสิ่งใดๆเลย
แต่แม่เจ้า!! คราวนี้ลูกธนูพุ่งปักอกบาลเดอร์ดังฉึก ตายหอง งานเข้า ลูกธนูกิ่งต้นมิสเติลโทลปักกลางอก เทพบาลเดอร์ล้มลงสิ้นพระชนม์ทันที
โลกิหลอกโฮเดอร์ให้แผลงธนูกิ่งต้นมิสเติลโทลใส่บาลเดอร์
ทั้ง แอสการ์ดโศกเศร้ากับการจากไปของเทพบาลเดอร์ แต่ทว่ายังพอมีหวัง เมื่อนางพญาอสุรี เฮลผู้คุมนรกบอกว่า จะคืนวิญญาญบาลเดอร์ให้ก็ดะ แต่ทว่าต้องเป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกร้องให้ให้กับบาลเดอร์เท่านั้นนะ ตะเอง เมื่อลูกสาวว่ามาอย่างงี้โลกิผู้พ่อเลยปลอมตัวเป็นหญิงชราและปฏิเสธที่จะ ร้องไห้ให้กับบาลเดอร์ งานนี้บาลเดอร์เลยแห้วแดกต้องลงนรกไปตามระเบียบ(ไม่รู้เจอรึเปล่านะอิ ระเบียบเนี่ย ถุ๊ยย!!)
แต่ความลับไม่มีในโลก แผนชั่วของโลกิถูกจับได้ โลกิถูกลงโทษโดยการมัดร่างติดกับก้อนหินในถ้ำ เหนือหัวขึ้นไปมีงูพิษตัวใหญ่ ทุกครั้งที่พิษจากปากงูหยดลงบนใบหน้าของโลกิ โลกิจะดิ้นพราดๆอย่างทุรนทุราย ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในโลกมนุษย์นั่นเอง ไซจิน(Sigyn)ชายาอีกคนนึงของโลกิคอยช่วยเหลือสามีของนางโดยการใช้ถ้วยรองพิษ งูไม่ให้หยดลงหน้าสามีสุดรัก โถๆ แม่คุณใจงามนัก แต่เมื่อใดที่พิษงูใกล้เต็มถ้วยนางจะเอาไปทิ้งข้างนอกถ้ำ เวลานั้นแหล่ะที่พิษของงูจะหยดลงบนหน้าของโลกิ จนต้องดิ้นพราดๆพาลให้เกิดแผ่นดินไหวกันอีก แต่ก็เอาวะ ถ้าไม่มีไซจินเอาถ้วยมารองพิษงูไว้ :Xคงได้แผ่นดินไหวกันทั้งปีทั้งชาติ
ไซจิน(Sigyn)เอาถ้วยรองพิษงูช่วยโลกิผู้เป็นสามี
หลัง จากที่สูญเสียเทพบาลเดอร์ทั้งแอสการ์ดและมิดการ์ดตกอยู่ในฤดูหนาวถึง3ปี ไม่มีแสงอาทิตย์และแสงจันทร์เพราะหมาป่าสกอลล์แลฮาติซึ่งนางยักษ์อังเกอร์โบ ดาเลี้ยงไว้งาบราชรถสุริยะและจันทราไว้ ทำให้เกิดสุริยะคราสและจันทรคราส ขาดแคลนอาหารอย่างหนัก พอพ้นฤดูหนาวไปมนุษย์ก็ไร้ศีลธรรมโดยสิ้นเชิง และในท่ามกลางความมืดนั้นเองพันธณาการของโลกิก็ถูกคลายออก และโซ่ตรวนของเฟนรีลก็หลุดออกเช่นกัน
เอ๊าๆ งานเข้าแล้วโว้ย!!
ครานั้นพญามังกรนิดฮูกก์(Nidhogg)เจะเข้ากัดกินรากแก้วของพฤกษาโลกอิกก์ดรา ซิลจนสะเทือนไปถึงยอด ก่กัลลิงคัมบี(Gallingkambi)ส่งเสียงขันดังกึกก้องไปทั้งวัลเฮลลา เทพเฮล์มเดล(Heimdel)ได้ยินดังนั้นถึงกับตาเหลือกเป่าแตรสัญญาณกรีออล์ รวมพลพรรคเทพและวิญญาณนักรบทั่วทั้งวัลเฮลลาเพื่อเข้าสู่มหาสงครามแร๊คน่า ร็อก แล้วจึงเคลื่อนทัพเทพสู่สมรภูมิทุ่งสะพานผ่านฟ้า เอ้ย!! ทุ่งวีกริดด์(Vigrid)
เปิดศึกมหาสงครามแร๊คน่าร็อก(Ragnarok)
เฟนรีลออกไล่ล่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในมิดการ์ด ส่วยโยมุนกันด์ก็มันส์ในอารมณ์บิดตัวเป็นจังหวะสกาอยู่ในมหาสมุทร ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงใหญ่เท่าภูเขาขึ้นทั่วโลก
กลืนกินชีวิตไปมากมาย พอทั้งสองฝ่ายมาเผชิญหน้ากันที่สมรภูมิทุ่งวีกริดด์ เฮลกลัวพี่น้องทั้ง2ของตนจะเสียเปรียบเลยเปิดนรกส่งวิญญาณร้ายและ
แกรม(Garm)สุนัขแห่งนรกขึ้นมาบนพื้นโลก ต๊ายย หล่อน รักพี่น้องดีจริงๆ
มหาเทพธอร์(Thor)กับค้อนมจอร์เนียร์(mjollnir)
ทั้ง2ฝ่ายเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดถึงพริกถึงขิงถึงข่าถึงตะไคร้ใบมะกรูด บาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
มวย คู่เอกในศึกครั้งนี้คงต้องยกให้โอดินกับเฟนรีล หลังจากโรมรันพันตูกันอยู่เป็นนาน อนิจจาคุณพระไม่ช่วย โอดินเพลี่ยงพล้ำโดนเฟนรีลงาบเข้าให้(ดู๊ดู~ กับเจ้านายเก่ามันก็ไม่เว้น) เทพวีดาร์(Vidar)โอรสอีกคนของโอดินเห็นดังนั้นเลยเลือดขึ้นหน้าระเบิดพลัง ซุปเปอร์ไซย่า วิ่งเข้ามาเตะปากหมาเฟนรีลจนหน้าหงาย แล้วลงมือเชือดพญาหมาป่าเฟนรีลแก้แค้นให้โอดินเป็นผลสำเร็จ
มหาเทพโอดินต่อสู้กับหมาป่าเฟนรีล
อีกคู่ที่เด็ดไม่แพ้กันคือเทพสายฟ้า ธอร์กับพญางูโยมุนกันด์ ธอร์ใช้อาวุธคู่ใจค้อนมจอร์เนียร์สังหารโยมุนกันด์ลงได้ แต่ว่าหลังจากโยมุนกันด์สิ้นชีพง่อยกระรอกหมอบกะแตแต้แว้ดไปแล้ว เทพธอร์เองก็ดำเนินเดินไปได้เพียง9ก้าวก็ล้มลงสิ้นพระชนม์เพราะพิษของโยมุ นกันด์
ธอร์ต่อสู้กับพญางูโยมุนกันด์
ครานั้นพญายักษ์เซิร์ตเห็นท่าไม่ดีจึงแกว่งดาบอัคคีเกิดเป็นไฟขึ้นหมายจะ เผาผลาญโลกทั้งเก้าเสียให้สิ้น พื้นดินทั้งสิ้นจมลงสู่มหาสมุทร(คล้องกับตำนานน้ำท่วมโลก) เทพวาลี(Vali) เทพโมดี(Modi) เทพแมกนี(Magni)ผู้คว้าเอาค้อนมจอร์เนียร์ของมหาเทพธอร์หวดบ้องหูพญายักษ์ เซิร์ตทีเดียวร่วง ช่วยโลกไว้ได้ก่อนที่ไฟบัลลัยกัลป์จะเผาผลาญโลก
หลัง มหาสงครามสิ้นสุดลง แผ่นดินก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ก็กลับมาอีกครั้ง พฤกษาโลกแตกกิ่งก้านสาขาไปทั่วนำความสมบูรญ์ชุ่มชื่นกลับสู่ผืนดืน เทพบางองค์ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วก็กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งเทพแห่งความดีงามบาลเดอร์ด้วย
สรุปแล้วหลังศึกแร๊คน่าร็อกแอสการ์ดเหลือเทพสูงสุดอยู่7องค์ เทพบาลเดอร์ขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดแทนที่โอดิน ส่วนมนุษย์เหลือรอดชีวิตเพียง2คน คือ ลิฟต์(Lift) และ ลิฟต์เทรเซีย(Liftrasir) ซึ่งทั้งคู่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโพรงไม้ของพฤกษาโลก อิกก์ดราซิล ทั้งสองคนนี้คือบรรพบุรุษผู้สร้างเผ่าพันธ์มนุษย์ขึ้นมาใหม่ภายหลังมหาสง ครามแร๊คน่าร็อก
<ซ้ำขออภัย>
เครดิต http://board.postjung.com/706313.html
ที่มา: http://www.thailandrockmetal.com/board/index.php?topic=1762.0
มหาสงครามแร็คน่าร็อก
[IMG]