8 Doomsday scenarios : คัมภีร์แห่งความหายนะ
ความวิบัติและหายนะของโลก ดูว่าจะเป็นเรื่องอยู่ในความสนใจ หลายครั้งมักพบ
ว่าเป็นการพยากรณ์ หรือแสดงความเห็นโดยการอ้างอิงในหลายแง่มุม ซึ่งในข้อ
เท็จจริง ความหายนะของโลกถึงขั้นทำให้อารยะธรรมมนุษย์ถึงจุดจบได้ มีหลาย
สาเหตุ และแต่ละสาเหตุอาจมีเพียงเสียหายวงจำกัด หรือเพียงมีความโกลาหล
วุ่นวายของสภาพความเป็นอยู่ ดังเช่น คำเปิดเผยทางวิทยาศาสตร์ในเรื่อง 10
กรณีเหลือเชื่อทำให้โลกเปลี่ยนแปลง (Secret science)
จึงมักมีคำถามสงสัยว่า อารยะธรรมยุคใหม่ของมนุษย์ มีจุดจบจริงๆได้หรือไม่ ?
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญและรอบรู้ในทางวิทยาศาสตร์ ได้ค้นหาเหตุผลที่อาจทำ
ให้โลกยุคใหม่หายนะได้ 8 กรณี เป็นข้อมูลอีกด้านที่จัดทำเพิ่มเติมขึ้น
โดยมีการสังเคราะห์ อธิบายเหตุการณ์ (Scenario) ให้น้ำหนักถึงความโกลาหล
วุ่นวาย ในระดับต่างๆ (Destruction Ranking) โดย John Matson แห่ง Scientific
American
และได้เรียบเรียงเนื้อหาใหม่เพิ่มเติมขยายความโดย SunflowerCosmos เพื่อให้
ผู้อ่านทุกระดับเข้าใจง่ายขึ้น
*Destruction Ranking
เริ่มจาก ระดับ 1 = มีความโกลาหล วุ่นวาย ในวงจำกัด
ถึงระดับ 10 = อำลาทุกสิ่งโดยไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาอีก
Solar Super storm : พายุอวกาศขนาดใหญ่
โอกาส : 1 ใน 20 ภายในเวลา 15 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 2
Solar Super storm หรือ Massive space storm คือพายุอวกาศขนาดใหญ่โดย
มีขนาดใหญ่ มากกว่าพายุสุริยะ (Solar wind) หลายเท่า สร้างความปั่นป่วนต่อ
สภาพแวดล้อมอวกาศ เกิดผลกระทบความเสียหายต่อโลกได้ อย่างกว้างขวาง
สาเหตุสำคัญเกิดจากขนาดมโหฬารของจำนวน Plasma (ก๊าซร้อน) พัดพาออก
มาจากดวงอาทิตย์ สู่อวกาศมีปริมาตร 1 พันล้านตัน
พัดกระหน่ำสู่ช่องว่าง ระหว่างดาวเคราะห์ในอวกาศ (Interplanetary Medium)
ผ่านปะทะโลก ด้วยความหนาแน่นและจำนวนมาก สามารถหลุดรอดเกาะป้องกัน
ของสนามแม่เหล็กโลก เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 2
--------------------------------------------
ภาพรวมของ พายุอวกาศขนาดใหญ่ จะมีผลกระทบต่ออุปกรณ์อีเล็คโทนิค โดย
สามารถสร้างความเสียหายตั้งแต่ชั้นอวกาศ คือ ระบบดาวเทียมสื่อสาร ระบบการ
คมนาคมทางอากาศ ระบบโครงข่ายสัญญาน GPS จนกระทั่งโครงข่ายระบบไฟฟ้า (Power Grids) ของเมืองต่างๆของโลกบนพื้นดิน แต่สามารถที่จะทราบล่วงหน้า
ได้อย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
ขอบเขตมีวงจำกัด แม้ไม่เกิดขึ้นพร้อมๆกันทั้งโลก อย่างน้อยอาจเกิดทั้งซีกโลก
สำหรับพื้นที่ที่เป็นเมืองใหญ่ ต้องประสบปัญหา ไฟฟ้าดับ สัญญานโทรศัพท์ใช้
ไม่ได้ชั่วคราว สัญญานทีวีผ่านดาวเทียมขัดข้อง สายการบินต้องชลอเที่ยวบิน
เพื่อป้องกันปัญหาด้านสื่อสารการบิน แปรปรวนล้มเหลว จนกว่าพายุอวกาศขนาด
ใหญ่จะสิ้นฤทธิ์
สำหรับประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่เกิดพายุอวกาศขนาดใหญ่ สามารถใช้
ชีวิตได้ตามปกติ เพียงขาดความสะดวกสบายไปชั่วคราว จากกระแสไฟฟ้าขัดข้อง
สัญญานโทรศัพท์มือถือ และระบบอินเตอร์เนท ขัดข้องในบางพื้นที่ โดยเป็นสิ่งที่
เคยเกิดขึ้นกับโลก มาแล้วในยุโรปเหนือ จึงจัดให้เป็น เหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 2
อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวนั้น บรรยากาศโลกจะเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง
ของอนุภาคไฟฟ้าและรังสีอันตรายปนบ้าง แม้ไม่มีอันตรายร้ายแรง ควรหลีกเลี่ยง
การออกมา นอกอาคารบ้านเรือนชั่วขณะ ที่เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว
Runaway Global Warming : หนีไม่พ้นเรื่องโลกร้อน
โอกาส : 1 ใน 2 ภายในเวลา 200 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 3
ทั่วไปคงมีความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องโลกร้อน (Global Warming) เพิ่มมากขึ้นตาม
ลำดับ หลายฝ่ายต้องเตรียมตัวรับปัญหาดังกล่าวล่วงหน้า ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อย่างแน่นอน
ความชัดเจนอีกประการวันนี้คือ อุทกภัยใหม่จากการแตก ของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก (Ice sheet breakup) โดยเฉพาะแผ่นน้ำแข็งใน Greenland และ Antarctica มี
ขนาดใหญ่เพียงพอ ที่จะทำให้น้ำทะเลท่วมสูงขึ้นทั่วโลก 12 เมตร
แน่นอนว่าเมืองท่าชายฝั่งทั่วโลก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนนับพันล้านคนจะต้อง
อพยพออกไป โดยขณะนี้เหมือนยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆให้น่ากลัวก็ตาม แต่การแตก
ละลายของแผ่นน้ำแข็ง มีการเคลื่อนที่และละลายออกมาอย่างผิดปกติ
มีความเป็นไปได้สูงมากจะละลาย หมดสิ้นภายในสิ้นศตวรรษนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะข้อเท็จจริงวันนี้สามารถสัมผัสได้ถึง ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 3
--------------------------------------------
สิ่งที่ต้องหนักใจต่อผลกระทบเรื่องนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงไปที่ละน้อยแบบไม่รู้
สึกตัวเมื่อถึงวันที่วิกฤต หลายอย่างแก้ไขไม่ทัน โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งอาศัยของ
ประชากรโลกจะหายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมืองชายฝั่ง พร้อมกับการเพิ่ม
ขึ้นอีกจำนวนมากของมนุษย์รุ่นใหม่ ทั้ง 2 ประการนี้เป็นสิ่งที่สวนทางกัน จึงเป็น
ประเด็นความ โกลาหล วุ่นวาย เรื่องถิ่นที่อยู่และการทำมาหากิน
ผลกระทบมิได้หยุดอยู่เพียงนี้ การที่ผืนแผ่นดินน้อยลง จะส่งผลไปยังพื้นที่เกษตร
และปศุสัตว์ อันเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ ลดน้อยตามไปด้วย เป็นการเพิ่มความ
โกลาหล วุ่นวาย ต้องการแย่งชิง ปั่นปวน อดอยาก ขาดแคลนอาหารอีกทางหนึ่ง
ด้วย เมื่อรวมความทั้งหลาย จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 3
Killer Pandemic : โรคระบาดคร่าชีวิต
โอกาส : 1 ใน 2 ภายในเวลา 30 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 4
ประชากร โลกส่วนใหญ่ มีสภาพร่างกายอ่อนแอลง เมื่อมีสาเหตุการติดเชื้อโรคที่ แพร่ในอากาศ อาหารและน้ำดื่ม การติดต่อกัน ทำให้ยิ่งเกิดปัญหาต่อการรักษา
เฉพาะในประเทศที่ยากจน และประเทศที่ขาดสุขอนามัยขั้นพื้นฐานที่ดี
แต่สำหรับเมืองใหญ่ที่มีความเจริญก้าวหน้า มีอุปกรณ์ทาง การแพทย์ที่ทันสมัยมี
การเตรียมพร้อมของยา และบุคลากรก็อาจเสี่ยงภัยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม เชื้อโรคมีวิธีการปรับตัวใหม่ เพื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ การเสียชีวิต
อาจเกิดจากไวรัส ประเภทธรรมดาสามัญ แต่สามารถระบาดได้อย่างกว้างขวาง
เพราะระบบเชื่อมต่อการเดินทางของมนุษย์ ทุกหนแห่งบนโลก สะดวกจนกลาย
เป็นพาหนะอย่างไม่รู้ตัว
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 4
--------------------------------------------
ด้วยการคมนาคม ขนส่ง ข้ามฟ้าและมหาสุมทร มีความง่ายและสะดวกขึ้นการส่ง
ผลผลิตต่างๆ จากซีกโลกหนึ่งไปยังซีกโลกหนึ่ง จึงมีขอบเขตไม่จำกัด นอกเหนือ
จากการเดินทางของมนุษย์เอง
ปัจจัยแห่งการเชื่อมโยงดังกล่าว เป็นช่องทางขนส่งเชื้อโรค ไปพร้อมๆกันด้วยซึ่ง
เป็นการแผ่เชื้อโดยวิธีสามัญที่สุดบนโลก การที่เชื้อโรคได้มีโอกาสเจริญพันธ์ใน
แหล่งใหม่ๆ เป็นการสร้างความแข็งแกร่งและทนทานมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องหาทาง
พัฒนายาและวัคซีนอย่างไม่รู้จบ
ดังนั้นการแพร่เชื้อถึงลำดับขั้นโรคระบาด ไม่ไกลเกินเอื้อม ที่จะทำลายล้างผลาญ
มนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว คราวละจำนวนมากๆ มีความน่ากลัว เป็นวงกว้างขึ้น จึงเป็น
เหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 4
Supervolcano : การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่
โอกาส : 1 ใน 100 ภายในเวลา 1,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 5
การระเบิดของภูเขาไฟ โดยการพ่นเถ้าถ่าน (Ash) และลาวา (Lava) ซึ่งมีปริมาตร
1,000 ลบ.กิโลเมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ขนาดดังกล่าว จัดว่าการระเบิดของ
ภูเขาไฟครั้งใหญ่ (Supervolcano) หากเปรียบเทียบกับ กรณีระเบิดของภูเขาไฟ
St.Helens ปี ค.ศ. 1980 ประเภท Supervolcano มีขนาดมากกว่าถึง 1,000 เท่า
การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ เช่นนั้น ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่ามีผลกระทบต่อ
รูปแบบกลไกของสภาพอากาศโลก (Global weather patterns) ทำให้แห้งแล้ง
เกิดทุพภิกขภัย ความอดอยาก ขาดแคลน ซึ่งจะใช้เวลานาน กว่าจะย้อนกลับมา
ยังรูปแบบสู่สภาพอากาศที่สมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 5
--------------------------------------------
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเช่นกัน ธรรมชาติของภูเขาไฟ
(Volcanoes) เมื่อเกิดระเบิดขึ้น ย่อมลงผลต่อโลกและกระทบสู่มนุษย์ทุกครั้ง
ไม่มากก็น้อย และยังเป็นสิ่งที่พยากรณ์ยาก ไม่สามารถทำนายให้แม่นยำได้
จึงต้องใช้วิธีเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ เถ้าถ่านที่เกิดขึ้นจะถูกพ่นเป่าไปสู่ท้องฟ้าและ
สามารถปกคลุมห่อหุ้มโลก กลายเป็นการปิดชั้นบรรยากาศ มิให้แสงดวงอาทิตย์
สาดส่องสู่ผิวโลก นับหลายเดือนทำให้พืชสังเคราะห์แสงไม่ได้ และตายในที่สุด
ต่อมาจะทำให้สัตว์ขาดแคลนอาหาร สัตว์ล้มตาย เมื่อสัตว์และพืชล้มตายมากขึ้น
จะส่งผลต่อมนุษย์ อดอยากและขาดแคลนอาหารในที่สุด
นอกจากนั้นสาเหตุจากเถ้าถ่านที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ เป็นปัญหาใหญ่ต่อระบบ
การหายใจของสัตว์และมนุษย์ เพราะอนุภาคเล็กจิ๋วของเถ้าถ่าน มีความคมเมื่อ
หลุดเข้าไปในระบบหายใจ จะสร้างปัญหาใหญ่หลวง และเมื่อเจอกับความชื้นใน
หลอดลมก็จะจับตัวเหนียวเป็นก้อน มีอันตรายถึงแก่ชีวิต
ด้วยจำนวนมากของเถ้าถ่าน จากการระเบิดครั้งใหญ่ ลมคือตัวนำพาทำให้ตกลงทับ
ถมในทุกๆที เช่น แม่น้ำ ลำคลอง แหล่งอาศัยของมนุษย์และสัตว์ ทำให้เกิดความ
ยากลำบาก น่ากลัว น่าตกใจ เป็นวงกว้าง และเวลายาวนาน จึงเป็นเหตุการณ์ความ
โกลาหล วุ่นวาย ระดับ 5
Nuclear War : สงครามนิวเคลียร์
โอกาส : 1 ใน 30 ภายในเวลา 10 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 6
เชื่อว่าจะเกิดเหตุขึ้นโดยบังเอิญ หรือ จาก Cyberattack (การโจมตีด้วยโครงข่าย
คอมพิวเตอร์) ระบบทำร้ายร้าง ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ระหว่างประเทศมหาอำนาจซึ่ง ส่งผลให้มีผู้คนเสีย ชีวิตนับพันล้านคน
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 6
--------------------------------------------
ยุคอดีตเพียงเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น คงเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำหรับประชากร
โลก สงครามนิวเคลียร์ ท่าทางจะโหดร้ายกว่า สงครามอวกาศ (Space wars)
เพราะทำให้ทุกชีวิตใหญ่น้อย แม้แต่จุลชีพมลายไปด้วยสิ้น หลังจากนั้นบนพื้น
ดินยังจะใช้ประโยชน์ยากยิ่ง เนื่องจากต้องรอการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
แน่นอนว่าการเกิดสงครามนิวเคลียร์ มีผู้เสียชีวิตมากมายอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้
ส่วนที่เหลืออยู่ คงมีความพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่าเวทนาขัดแย้ง
กับความเป็นอารยะธรรมมนุษย์ พร้อมกับมีความน่ากลัว ความสูญเสีย พังทลาย
ของสิ่งต่างบนโลก เป็นวงกว้างเกือบทั้งโลก นับเป็นสิ่งโหดร้ายจากน้ำมือมนุษย์
จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 6
Nearby Gamma-ray Burst : การระเบิดของรังสีแกมม่า
โอกาส : 1 ใน 15 ภายในเวลา 100,000,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 7
Gamma-ray Burst หรือ GRBs คือ การลุกจ้าในชั่วเสี้ยววินาที ของรังสีแกมม่า
ด้วยจากพลังงาน ระเบิดขึ้นอย่างสุดขั้วในระยะไกล โดยเต็มไปด้วยแสงโชติช่วง
ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Luminous electromagnetic)
เป็นการเกิดขึ้นที่อื่นในจักรวาล ห่างไกลจากโลกมาก สาเหตุอาจเกิดจากการยุบ
ตัวพังทะลายลงของดาว (Star) ที่จะก้าวไปสู่การเกิดของ หลุมดำ (Black hole)
กรณีดังกล่าวแม้ว่าจะเกิดไกลมาก นับล้านปีแสง แต่หากการระเบิดนั้นมีพลังงาน
เพียงพอสามารถส่งผลกระทบ ต่อระบบสุริยะ มายังโลกได้ โดยจากการเกิดรัวขึ้น
หลายๆครั้ง ติดต่อกัน
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 7
--------------------------------------------
การลุกจ้าของรังสีแกมม่า หากเส้นทางของรังสีมุ่งตรงมายังโลก รังสีนั้นจะเข้าล้าง
ผลาญทำลายชั้นบรรยากาศโลก ในชั้นโอนโซน (Ozone layer) ซึ่งได้วิจัยพบว่า
เคยเกิดขึ้นกับโลก เมื่อ 440 ล้านปีที่ผ่านมา
การทำลายชั้นโอนโซนโลกให้เสียหาย คงไม่ต่างไปยังทำลายต้นทางระบบกลไก
อากาศของโลก ส่งผลทำให้โลกขาดแคลนทรัพยากรหลัก คือ ระบบอากาศ หาก
มีความรุนแรงเพียงพอ ก็จะเกิดปัญหาร้ายแรงไปทั้งโลก ต้องใช้เวลานานนับหลาย
ร้อยล้านปี ที่จะฟื้นระบบกลับมาได้ แม้มีโอกาศเกิดขึ้นยากมาก แต่เมื่อเกิดขึ้นจะมี
ความเดือดร้อนสาหัสแก้ไขไม่ได้ โดยสามารถทำลายเผ่าพันธ์มนุษย์ได้เป็นจำนวน
มากและกว้างขวาง จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 7
Giant Asteroid Impact : ดาวเคราะห์น้อย (ขนาดใหญ่) ชนปะทะโลก
โอกาส : 1 ใน 1,000,000 ภายในเวลา 100 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 9
ดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) ที่อาจสร้างอันตรายต่อโลกได้ เรียกว่า วัตถุใกล้โลก
(Near-Earth objects) โดยมีการระวังภัยจากหน่วยงานและสถาบันชั้นนำของโลก
คอยตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก (Asteroid impacts) มีขนาดใหญ่ 10 กม.ขึ้นไป
เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะจะมีความรุนแรง มีแรงระเบิดขนาด 1,000,000 Megatons
ทำให้ทำลายล้างสภาพแวดล้อมทั้งโลก อาจสูญสิ้นอารยะธรรมมนุษย์ได้
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 9
--------------------------------------------
ประวัติศาสตร์ พบว่าโลกได้รับอันตราย เพราะดาวหาง (Comet) ดาวเคราะห์น้อย
(Asteroid) พุ่งชนปะทะตลอดเสมอมา ตั้งแต่บรมยุคกำเนิดโลก (Birth of earth)
และสิ่งมีชีวิตถูกล้างผลาญไปหมดสิ้น
ผลกระทบในเรื่องนี้ นับว่าเป็นความร้ายแรงที่สุดสิ่งหนึ่งของโลก ขณะนี้แม้ว่ามี
หนทางแก้ไขอยู่ในแผนการณ์ แต่คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย หลายทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นย่อมส่งผลไปทุกหย่อมหญ้า โดยไม่สามารถหาที่หลบ
ภัยบนโลกได้เลย เป็นความโหดร้ายที่ พืช สัตว์ และมนุษย์ อาจถูกทำลายล้างถึง
99% จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 9
Bubble Nucleation : การเกิดผลึกของฟองนิวเคลียร์
โอกาส : 1 ใน 1,000,000 ภายในเวลา 1,000,000,000,000,000,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 10
เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระตุ้นของจักรวาลอื่น (Another universe) หรือเกิดขึ้นเอง
ตามธรรมชาติ ของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ (Scale of the Universe) ที่เราอาศัยอยู่ ?
แต่ผลที่เกิดสามารถให้เกิดการกลับตาลปัตร ไปทั้งจักรวาลในสถานะใหม่ (New
state) ของแรง (Forces) โดยต่างไปจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
เกิดขึ้นด้วยการเปลี่ยนถ่ายจากฟองเล็กๆ (Bubble) ซึ่งประทับฝังตัวเข้ากับกฎของ
ธรรมชาติใหม่ (New low of nature) ทั้งหมดแผ่ขยายตัวด้วยความเร็วใกล้แสง
(Speed of light) และห้อมล้อมไปทั่วอวกาศ รวมทั้งระบบสุริยะอย่างน่ากลัว
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 10
--------------------------------------------
แม้ว่าความเห็นในเรื่องนี้ยังไม่กระจ่างชัด แต่ก็มีหนทางเกิดขึ้นได้จากข้อวิเคราะห์
ในเชิงทฤษฎี โดยปกติทั่วไปในจักรวาล ประกอบด้วยแรง 4 แรง คือ
1. Gravitational (แรงโน้มถ่วง)
2. Electromagnetic (แรงสนามแม่เหล็ก)
3. Nuclear strong (แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม)
4. Nuclear weak (แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน)
ด้วยแรงทั้ง 4 แรงนี้จะยึดเกาะกัน นับจากจุดเล็กๆครอบคลุมกันไปทั้งจักรวาลทำ
ให้เกิดพลังงาน หากขาดแรงหนึ่งแรงใดไปผลที่จะเกิดคือ โลก ดาวเคราะห์ หรือ
ดวงอาทิตย์ จักรวาล ก็จะแตกระเบิดออกจากกัน
ดังนั้นการเกิดผลึกของฟองนิวเคลียร์ จะส่งผลให้เกิดปฎิหารย์ แบบพิศดารยิ่งว่า
จะจิตนาการได้ เช่น เหล็กอาจจะแตกเป็นผุยผง ? น้ำอาจจะไม่สามารถรวมตัวกัน
ได้ ? ร่างกายมนุษย์อาจถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ? ทุกอย่างจบสิ้นทั้งจักรวาล
ความวิบัติและหายนะของโลก ดูว่าจะเป็นเรื่องอยู่ในความสนใจ หลายครั้งมักพบ
ว่าเป็นการพยากรณ์ หรือแสดงความเห็นโดยการอ้างอิงในหลายแง่มุม ซึ่งในข้อ
เท็จจริง ความหายนะของโลกถึงขั้นทำให้อารยะธรรมมนุษย์ถึงจุดจบได้ มีหลาย
สาเหตุ และแต่ละสาเหตุอาจมีเพียงเสียหายวงจำกัด หรือเพียงมีความโกลาหล
วุ่นวายของสภาพความเป็นอยู่ ดังเช่น คำเปิดเผยทางวิทยาศาสตร์ในเรื่อง 10
กรณีเหลือเชื่อทำให้โลกเปลี่ยนแปลง (Secret science)
จึงมักมีคำถามสงสัยว่า อารยะธรรมยุคใหม่ของมนุษย์ มีจุดจบจริงๆได้หรือไม่ ?
คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญและรอบรู้ในทางวิทยาศาสตร์ ได้ค้นหาเหตุผลที่อาจทำ
ให้โลกยุคใหม่หายนะได้ 8 กรณี เป็นข้อมูลอีกด้านที่จัดทำเพิ่มเติมขึ้น
โดยมีการสังเคราะห์ อธิบายเหตุการณ์ (Scenario) ให้น้ำหนักถึงความโกลาหล
วุ่นวาย ในระดับต่างๆ (Destruction Ranking) โดย John Matson แห่ง Scientific
American
และได้เรียบเรียงเนื้อหาใหม่เพิ่มเติมขยายความโดย SunflowerCosmos เพื่อให้
ผู้อ่านทุกระดับเข้าใจง่ายขึ้น
*Destruction Ranking
เริ่มจาก ระดับ 1 = มีความโกลาหล วุ่นวาย ในวงจำกัด
ถึงระดับ 10 = อำลาทุกสิ่งโดยไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาอีก
Solar Super storm : พายุอวกาศขนาดใหญ่
โอกาส : 1 ใน 20 ภายในเวลา 15 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 2
Solar Super storm หรือ Massive space storm คือพายุอวกาศขนาดใหญ่โดย
มีขนาดใหญ่ มากกว่าพายุสุริยะ (Solar wind) หลายเท่า สร้างความปั่นป่วนต่อ
สภาพแวดล้อมอวกาศ เกิดผลกระทบความเสียหายต่อโลกได้ อย่างกว้างขวาง
สาเหตุสำคัญเกิดจากขนาดมโหฬารของจำนวน Plasma (ก๊าซร้อน) พัดพาออก
มาจากดวงอาทิตย์ สู่อวกาศมีปริมาตร 1 พันล้านตัน
พัดกระหน่ำสู่ช่องว่าง ระหว่างดาวเคราะห์ในอวกาศ (Interplanetary Medium)
ผ่านปะทะโลก ด้วยความหนาแน่นและจำนวนมาก สามารถหลุดรอดเกาะป้องกัน
ของสนามแม่เหล็กโลก เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 2
--------------------------------------------
ภาพรวมของ พายุอวกาศขนาดใหญ่ จะมีผลกระทบต่ออุปกรณ์อีเล็คโทนิค โดย
สามารถสร้างความเสียหายตั้งแต่ชั้นอวกาศ คือ ระบบดาวเทียมสื่อสาร ระบบการ
คมนาคมทางอากาศ ระบบโครงข่ายสัญญาน GPS จนกระทั่งโครงข่ายระบบไฟฟ้า (Power Grids) ของเมืองต่างๆของโลกบนพื้นดิน แต่สามารถที่จะทราบล่วงหน้า
ได้อย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง
ขอบเขตมีวงจำกัด แม้ไม่เกิดขึ้นพร้อมๆกันทั้งโลก อย่างน้อยอาจเกิดทั้งซีกโลก
สำหรับพื้นที่ที่เป็นเมืองใหญ่ ต้องประสบปัญหา ไฟฟ้าดับ สัญญานโทรศัพท์ใช้
ไม่ได้ชั่วคราว สัญญานทีวีผ่านดาวเทียมขัดข้อง สายการบินต้องชลอเที่ยวบิน
เพื่อป้องกันปัญหาด้านสื่อสารการบิน แปรปรวนล้มเหลว จนกว่าพายุอวกาศขนาด
ใหญ่จะสิ้นฤทธิ์
สำหรับประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่เกิดพายุอวกาศขนาดใหญ่ สามารถใช้
ชีวิตได้ตามปกติ เพียงขาดความสะดวกสบายไปชั่วคราว จากกระแสไฟฟ้าขัดข้อง
สัญญานโทรศัพท์มือถือ และระบบอินเตอร์เนท ขัดข้องในบางพื้นที่ โดยเป็นสิ่งที่
เคยเกิดขึ้นกับโลก มาแล้วในยุโรปเหนือ จึงจัดให้เป็น เหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 2
อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวนั้น บรรยากาศโลกจะเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง
ของอนุภาคไฟฟ้าและรังสีอันตรายปนบ้าง แม้ไม่มีอันตรายร้ายแรง ควรหลีกเลี่ยง
การออกมา นอกอาคารบ้านเรือนชั่วขณะ ที่เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว
Runaway Global Warming : หนีไม่พ้นเรื่องโลกร้อน
โอกาส : 1 ใน 2 ภายในเวลา 200 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 3
ทั่วไปคงมีความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องโลกร้อน (Global Warming) เพิ่มมากขึ้นตาม
ลำดับ หลายฝ่ายต้องเตรียมตัวรับปัญหาดังกล่าวล่วงหน้า ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
อย่างแน่นอน
ความชัดเจนอีกประการวันนี้คือ อุทกภัยใหม่จากการแตก ของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก (Ice sheet breakup) โดยเฉพาะแผ่นน้ำแข็งใน Greenland และ Antarctica มี
ขนาดใหญ่เพียงพอ ที่จะทำให้น้ำทะเลท่วมสูงขึ้นทั่วโลก 12 เมตร
แน่นอนว่าเมืองท่าชายฝั่งทั่วโลก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนนับพันล้านคนจะต้อง
อพยพออกไป โดยขณะนี้เหมือนยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆให้น่ากลัวก็ตาม แต่การแตก
ละลายของแผ่นน้ำแข็ง มีการเคลื่อนที่และละลายออกมาอย่างผิดปกติ
มีความเป็นไปได้สูงมากจะละลาย หมดสิ้นภายในสิ้นศตวรรษนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะข้อเท็จจริงวันนี้สามารถสัมผัสได้ถึง ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 3
--------------------------------------------
สิ่งที่ต้องหนักใจต่อผลกระทบเรื่องนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงไปที่ละน้อยแบบไม่รู้
สึกตัวเมื่อถึงวันที่วิกฤต หลายอย่างแก้ไขไม่ทัน โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งอาศัยของ
ประชากรโลกจะหายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมืองชายฝั่ง พร้อมกับการเพิ่ม
ขึ้นอีกจำนวนมากของมนุษย์รุ่นใหม่ ทั้ง 2 ประการนี้เป็นสิ่งที่สวนทางกัน จึงเป็น
ประเด็นความ โกลาหล วุ่นวาย เรื่องถิ่นที่อยู่และการทำมาหากิน
ผลกระทบมิได้หยุดอยู่เพียงนี้ การที่ผืนแผ่นดินน้อยลง จะส่งผลไปยังพื้นที่เกษตร
และปศุสัตว์ อันเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ ลดน้อยตามไปด้วย เป็นการเพิ่มความ
โกลาหล วุ่นวาย ต้องการแย่งชิง ปั่นปวน อดอยาก ขาดแคลนอาหารอีกทางหนึ่ง
ด้วย เมื่อรวมความทั้งหลาย จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 3
Killer Pandemic : โรคระบาดคร่าชีวิต
โอกาส : 1 ใน 2 ภายในเวลา 30 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 4
ประชากร โลกส่วนใหญ่ มีสภาพร่างกายอ่อนแอลง เมื่อมีสาเหตุการติดเชื้อโรคที่ แพร่ในอากาศ อาหารและน้ำดื่ม การติดต่อกัน ทำให้ยิ่งเกิดปัญหาต่อการรักษา
เฉพาะในประเทศที่ยากจน และประเทศที่ขาดสุขอนามัยขั้นพื้นฐานที่ดี
แต่สำหรับเมืองใหญ่ที่มีความเจริญก้าวหน้า มีอุปกรณ์ทาง การแพทย์ที่ทันสมัยมี
การเตรียมพร้อมของยา และบุคลากรก็อาจเสี่ยงภัยน้อยลง
อย่างไรก็ตาม เชื้อโรคมีวิธีการปรับตัวใหม่ เพื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ การเสียชีวิต
อาจเกิดจากไวรัส ประเภทธรรมดาสามัญ แต่สามารถระบาดได้อย่างกว้างขวาง
เพราะระบบเชื่อมต่อการเดินทางของมนุษย์ ทุกหนแห่งบนโลก สะดวกจนกลาย
เป็นพาหนะอย่างไม่รู้ตัว
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 4
--------------------------------------------
ด้วยการคมนาคม ขนส่ง ข้ามฟ้าและมหาสุมทร มีความง่ายและสะดวกขึ้นการส่ง
ผลผลิตต่างๆ จากซีกโลกหนึ่งไปยังซีกโลกหนึ่ง จึงมีขอบเขตไม่จำกัด นอกเหนือ
จากการเดินทางของมนุษย์เอง
ปัจจัยแห่งการเชื่อมโยงดังกล่าว เป็นช่องทางขนส่งเชื้อโรค ไปพร้อมๆกันด้วยซึ่ง
เป็นการแผ่เชื้อโดยวิธีสามัญที่สุดบนโลก การที่เชื้อโรคได้มีโอกาสเจริญพันธ์ใน
แหล่งใหม่ๆ เป็นการสร้างความแข็งแกร่งและทนทานมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องหาทาง
พัฒนายาและวัคซีนอย่างไม่รู้จบ
ดังนั้นการแพร่เชื้อถึงลำดับขั้นโรคระบาด ไม่ไกลเกินเอื้อม ที่จะทำลายล้างผลาญ
มนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว คราวละจำนวนมากๆ มีความน่ากลัว เป็นวงกว้างขึ้น จึงเป็น
เหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 4
Supervolcano : การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่
โอกาส : 1 ใน 100 ภายในเวลา 1,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 5
การระเบิดของภูเขาไฟ โดยการพ่นเถ้าถ่าน (Ash) และลาวา (Lava) ซึ่งมีปริมาตร
1,000 ลบ.กิโลเมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ขนาดดังกล่าว จัดว่าการระเบิดของ
ภูเขาไฟครั้งใหญ่ (Supervolcano) หากเปรียบเทียบกับ กรณีระเบิดของภูเขาไฟ
St.Helens ปี ค.ศ. 1980 ประเภท Supervolcano มีขนาดมากกว่าถึง 1,000 เท่า
การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ เช่นนั้น ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่ามีผลกระทบต่อ
รูปแบบกลไกของสภาพอากาศโลก (Global weather patterns) ทำให้แห้งแล้ง
เกิดทุพภิกขภัย ความอดอยาก ขาดแคลน ซึ่งจะใช้เวลานาน กว่าจะย้อนกลับมา
ยังรูปแบบสู่สภาพอากาศที่สมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 5
--------------------------------------------
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเช่นกัน ธรรมชาติของภูเขาไฟ
(Volcanoes) เมื่อเกิดระเบิดขึ้น ย่อมลงผลต่อโลกและกระทบสู่มนุษย์ทุกครั้ง
ไม่มากก็น้อย และยังเป็นสิ่งที่พยากรณ์ยาก ไม่สามารถทำนายให้แม่นยำได้
จึงต้องใช้วิธีเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ เถ้าถ่านที่เกิดขึ้นจะถูกพ่นเป่าไปสู่ท้องฟ้าและ
สามารถปกคลุมห่อหุ้มโลก กลายเป็นการปิดชั้นบรรยากาศ มิให้แสงดวงอาทิตย์
สาดส่องสู่ผิวโลก นับหลายเดือนทำให้พืชสังเคราะห์แสงไม่ได้ และตายในที่สุด
ต่อมาจะทำให้สัตว์ขาดแคลนอาหาร สัตว์ล้มตาย เมื่อสัตว์และพืชล้มตายมากขึ้น
จะส่งผลต่อมนุษย์ อดอยากและขาดแคลนอาหารในที่สุด
นอกจากนั้นสาเหตุจากเถ้าถ่านที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ เป็นปัญหาใหญ่ต่อระบบ
การหายใจของสัตว์และมนุษย์ เพราะอนุภาคเล็กจิ๋วของเถ้าถ่าน มีความคมเมื่อ
หลุดเข้าไปในระบบหายใจ จะสร้างปัญหาใหญ่หลวง และเมื่อเจอกับความชื้นใน
หลอดลมก็จะจับตัวเหนียวเป็นก้อน มีอันตรายถึงแก่ชีวิต
ด้วยจำนวนมากของเถ้าถ่าน จากการระเบิดครั้งใหญ่ ลมคือตัวนำพาทำให้ตกลงทับ
ถมในทุกๆที เช่น แม่น้ำ ลำคลอง แหล่งอาศัยของมนุษย์และสัตว์ ทำให้เกิดความ
ยากลำบาก น่ากลัว น่าตกใจ เป็นวงกว้าง และเวลายาวนาน จึงเป็นเหตุการณ์ความ
โกลาหล วุ่นวาย ระดับ 5
Nuclear War : สงครามนิวเคลียร์
โอกาส : 1 ใน 30 ภายในเวลา 10 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 6
เชื่อว่าจะเกิดเหตุขึ้นโดยบังเอิญ หรือ จาก Cyberattack (การโจมตีด้วยโครงข่าย
คอมพิวเตอร์) ระบบทำร้ายร้าง ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ระหว่างประเทศมหาอำนาจซึ่ง ส่งผลให้มีผู้คนเสีย ชีวิตนับพันล้านคน
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 6
--------------------------------------------
ยุคอดีตเพียงเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น คงเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำหรับประชากร
โลก สงครามนิวเคลียร์ ท่าทางจะโหดร้ายกว่า สงครามอวกาศ (Space wars)
เพราะทำให้ทุกชีวิตใหญ่น้อย แม้แต่จุลชีพมลายไปด้วยสิ้น หลังจากนั้นบนพื้น
ดินยังจะใช้ประโยชน์ยากยิ่ง เนื่องจากต้องรอการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี
แน่นอนว่าการเกิดสงครามนิวเคลียร์ มีผู้เสียชีวิตมากมายอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้
ส่วนที่เหลืออยู่ คงมีความพิการช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นสิ่งที่น่าเวทนาขัดแย้ง
กับความเป็นอารยะธรรมมนุษย์ พร้อมกับมีความน่ากลัว ความสูญเสีย พังทลาย
ของสิ่งต่างบนโลก เป็นวงกว้างเกือบทั้งโลก นับเป็นสิ่งโหดร้ายจากน้ำมือมนุษย์
จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 6
Nearby Gamma-ray Burst : การระเบิดของรังสีแกมม่า
โอกาส : 1 ใน 15 ภายในเวลา 100,000,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 7
Gamma-ray Burst หรือ GRBs คือ การลุกจ้าในชั่วเสี้ยววินาที ของรังสีแกมม่า
ด้วยจากพลังงาน ระเบิดขึ้นอย่างสุดขั้วในระยะไกล โดยเต็มไปด้วยแสงโชติช่วง
ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Luminous electromagnetic)
เป็นการเกิดขึ้นที่อื่นในจักรวาล ห่างไกลจากโลกมาก สาเหตุอาจเกิดจากการยุบ
ตัวพังทะลายลงของดาว (Star) ที่จะก้าวไปสู่การเกิดของ หลุมดำ (Black hole)
กรณีดังกล่าวแม้ว่าจะเกิดไกลมาก นับล้านปีแสง แต่หากการระเบิดนั้นมีพลังงาน
เพียงพอสามารถส่งผลกระทบ ต่อระบบสุริยะ มายังโลกได้ โดยจากการเกิดรัวขึ้น
หลายๆครั้ง ติดต่อกัน
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 7
--------------------------------------------
การลุกจ้าของรังสีแกมม่า หากเส้นทางของรังสีมุ่งตรงมายังโลก รังสีนั้นจะเข้าล้าง
ผลาญทำลายชั้นบรรยากาศโลก ในชั้นโอนโซน (Ozone layer) ซึ่งได้วิจัยพบว่า
เคยเกิดขึ้นกับโลก เมื่อ 440 ล้านปีที่ผ่านมา
การทำลายชั้นโอนโซนโลกให้เสียหาย คงไม่ต่างไปยังทำลายต้นทางระบบกลไก
อากาศของโลก ส่งผลทำให้โลกขาดแคลนทรัพยากรหลัก คือ ระบบอากาศ หาก
มีความรุนแรงเพียงพอ ก็จะเกิดปัญหาร้ายแรงไปทั้งโลก ต้องใช้เวลานานนับหลาย
ร้อยล้านปี ที่จะฟื้นระบบกลับมาได้ แม้มีโอกาศเกิดขึ้นยากมาก แต่เมื่อเกิดขึ้นจะมี
ความเดือดร้อนสาหัสแก้ไขไม่ได้ โดยสามารถทำลายเผ่าพันธ์มนุษย์ได้เป็นจำนวน
มากและกว้างขวาง จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 7
Giant Asteroid Impact : ดาวเคราะห์น้อย (ขนาดใหญ่) ชนปะทะโลก
โอกาส : 1 ใน 1,000,000 ภายในเวลา 100 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 9
ดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) ที่อาจสร้างอันตรายต่อโลกได้ เรียกว่า วัตถุใกล้โลก
(Near-Earth objects) โดยมีการระวังภัยจากหน่วยงานและสถาบันชั้นนำของโลก
คอยตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก (Asteroid impacts) มีขนาดใหญ่ 10 กม.ขึ้นไป
เป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะจะมีความรุนแรง มีแรงระเบิดขนาด 1,000,000 Megatons
ทำให้ทำลายล้างสภาพแวดล้อมทั้งโลก อาจสูญสิ้นอารยะธรรมมนุษย์ได้
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 9
--------------------------------------------
ประวัติศาสตร์ พบว่าโลกได้รับอันตราย เพราะดาวหาง (Comet) ดาวเคราะห์น้อย
(Asteroid) พุ่งชนปะทะตลอดเสมอมา ตั้งแต่บรมยุคกำเนิดโลก (Birth of earth)
และสิ่งมีชีวิตถูกล้างผลาญไปหมดสิ้น
ผลกระทบในเรื่องนี้ นับว่าเป็นความร้ายแรงที่สุดสิ่งหนึ่งของโลก ขณะนี้แม้ว่ามี
หนทางแก้ไขอยู่ในแผนการณ์ แต่คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย หลายทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นย่อมส่งผลไปทุกหย่อมหญ้า โดยไม่สามารถหาที่หลบ
ภัยบนโลกได้เลย เป็นความโหดร้ายที่ พืช สัตว์ และมนุษย์ อาจถูกทำลายล้างถึง
99% จึงเป็นเหตุการณ์ความโกลาหล วุ่นวาย ระดับ 9
Bubble Nucleation : การเกิดผลึกของฟองนิวเคลียร์
โอกาส : 1 ใน 1,000,000 ภายในเวลา 1,000,000,000,000,000,000 ปีข้างหน้า
ความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 10
เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระตุ้นของจักรวาลอื่น (Another universe) หรือเกิดขึ้นเอง
ตามธรรมชาติ ของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ (Scale of the Universe) ที่เราอาศัยอยู่ ?
แต่ผลที่เกิดสามารถให้เกิดการกลับตาลปัตร ไปทั้งจักรวาลในสถานะใหม่ (New
state) ของแรง (Forces) โดยต่างไปจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
เกิดขึ้นด้วยการเปลี่ยนถ่ายจากฟองเล็กๆ (Bubble) ซึ่งประทับฝังตัวเข้ากับกฎของ
ธรรมชาติใหม่ (New low of nature) ทั้งหมดแผ่ขยายตัวด้วยความเร็วใกล้แสง
(Speed of light) และห้อมล้อมไปทั่วอวกาศ รวมทั้งระบบสุริยะอย่างน่ากลัว
ผลกระทบสร้างความโกลาหล วุ่นวาย : ระดับ 10
--------------------------------------------
แม้ว่าความเห็นในเรื่องนี้ยังไม่กระจ่างชัด แต่ก็มีหนทางเกิดขึ้นได้จากข้อวิเคราะห์
ในเชิงทฤษฎี โดยปกติทั่วไปในจักรวาล ประกอบด้วยแรง 4 แรง คือ
1. Gravitational (แรงโน้มถ่วง)
2. Electromagnetic (แรงสนามแม่เหล็ก)
3. Nuclear strong (แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม)
4. Nuclear weak (แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน)
ด้วยแรงทั้ง 4 แรงนี้จะยึดเกาะกัน นับจากจุดเล็กๆครอบคลุมกันไปทั้งจักรวาลทำ
ให้เกิดพลังงาน หากขาดแรงหนึ่งแรงใดไปผลที่จะเกิดคือ โลก ดาวเคราะห์ หรือ
ดวงอาทิตย์ จักรวาล ก็จะแตกระเบิดออกจากกัน
ดังนั้นการเกิดผลึกของฟองนิวเคลียร์ จะส่งผลให้เกิดปฎิหารย์ แบบพิศดารยิ่งว่า
จะจิตนาการได้ เช่น เหล็กอาจจะแตกเป็นผุยผง ? น้ำอาจจะไม่สามารถรวมตัวกัน
ได้ ? ร่างกายมนุษย์อาจถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ? ทุกอย่างจบสิ้นทั้งจักรวาล
http://www.buddyth.com/viewthread.php?tid=783
8 Doomsday scenarios : คัมภีร์แห่งความหายนะ