Kelpies (เคลพี)
Kelpies (เคลพี) เคลพี หมายถึง ม้าน้ำ (Water Horse) เป็นวิญญาณแห่งน้ำตามความเชื่อของชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งอาจทำอันตรายหรือทำให้มนุษย์ถึงตายได้ เคลพีมีหลายรูปร่าง หนึ่งในนั้นคือชายขนดกกับม้าสวยงาม ขณะที่อยู่ในร่างม้า มันจะเชื้อเชิญให้ผู้ชายขี่มัน จากนั้นผู้ขี่ก็จะพบว่าเขาไม่สามารถลงจากมันได้ และมันก็พาเขาไปที่บ้านใต้น้ำของมัน เหยื่อของเคลพีบางส่วนจะแค่จมน้ำตายไป หรือถ้าโชคร้ายก็จะกลายเป็นอาหารของมันด้วย เคลพีในแม่น้ำส่วนใหญ่มักจะทำให้คนจมน้ำเท่านั้น ขณะที่มันอยู่ในร่างของม้า สามารถแยกแยะจากม้าทั่วไปได้โดยดูที่รอยเท้าด้านหลังของมัน เคลพีสามารถถูกบังคับด้วยบังเ***ยนได้ แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักในการควบคุมเคลพีหลังจากที่มันมีพลังอำนาจพอจะ ร่ายคำสาป ใส่ผู้อื่น นอกจากร่างของม้าแล้ว เคลพียังแปลงเป็นชายรูปหล่อเพื่อล่อลวงหญิงสาวเข้าไปในถิ่นพำนักของมันได้ ในร่างนี้เราสามารถแยกแยะได้โดยการดูจากกระดองและสาหร่ายในเส้นผมของมัน
Kappa (กัปปะ)
Kappa (กัปปะ) ตามตำนานของญี่ปุ่น กัปปะเป็นปีศาจน้ำที่ชอบทำให้มนุษย์จมน้ำ มันผอมแห้งเนื้อติดกระดูก และมีศีรษะกลมที่เต็มไปด้วยน้ำ นอกจากนั้นมันยังมีกระดองเต่าอยู่บนหลังและมีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า เหยื่อที่ถูกมันดึงลงน้ำก็จะถูกกิน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาด หลายครั้งที่มันแสดงความโง่ออกมาให้เห็น คนที่เผชิญหน้ากับกัปปะเพียงโค้งให้มันอย่างสุภาพ กัปปะก็จะโค้งตอบ และทำให้น้ำบนศีรษะของมันหกลงมา เมื่อน้ำลดลงกัปปะจะมีแรงดึงให้เหยื่อของมันจมน้ำได้น้อยลง ซึ่งเปิดโอกาสให้เหยื่อหนีไปได้ อีกวิธีหนึ่งที่จะเลี่ยงจากกัปปะได้ คือ ให้แตงกวาแก่มัน แตงกวานั้นต้องมีชื่อและอายุของผู้ให้อยู่ เมื่อคนโยนแตงกวานั้นให้ กัปปะก็จะจำไว้และไม่ทำร้ายคน ๆ นั้น
Jersey Devil (เจอร์ซี เดวิล)
Jersey Devil (เจอร์ซี เดวิล) เจอร์ซีเดวิล (หรือ ปีศาจเจอร์ซี) มีหัวเหมือนกับม้าหรือแกะ มีปีกคล้ายกับค้างคาวแต่ใหญ่กว่า ส่วนลำตัวนั้นยาวและเหมือนกับงู ในปี 1909 มีพยานหลายคนได้ยินเสียงน่าขนลุกจากแม่น้ำ Delaware และเห็นสัตว์ประหลาดเรืองแสงบินอยู่บนท้องฟ้า นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าแปลกประหลาดบนหลังคาบ้านหรือบริเวณใกล้กับเล้าไก่อีก ด้วย ตำนานเกี่ยวกับเจอร์ซีเดวิลมีหลายตำนาน หนึ่งในนั้นกล่าวว่าเจอร์ซีเดวิลเกิดในปี 1850 จากคำสาปของยิปซีในตัวหญิงสาวคนหนึ่ง และเจ้าปีศาจได้หนีเข้าไปในป่าทันทีที่เกิด ซึ่งยังคงอาศัยอยู่ในป่าจนบัดนี้
Incubi & Succubi (อินคิวบิ & ซัคคิวบิ)
Incubi & Succubi (อินคิวบิ & ซัคคิวบิ) บางตำนานเรียก Succubus (ซัคคิวบัส) กับ Incubus (อินคิวบัส) เจ้าวิญญาณร้ายสองตัวนี้จะเข้าฝันผู้คนเพื่อสำเร็จความใคร่ให้มนุษย์ อินคิวบิเป็นวิญญาณผู้ชายที่จะเข้าฝันผู้หญิง มันสามารถทำให้ผู้หญิงคลอดลูกที่ชั่วร้ายออกมาได้ หนึ่งในกลุ่มนั้นคือ เมอร์ลิน ซัคคิวบิเป็นวิญญาณผู้หญิงที่น่าสยดสยอง ซึ่งจะเข้าไปในฝันของผู้ชายและร่วมประเวณีกัน ดูเหมือนซัคคิวบิจะเกี่ยวข้องกับ Lilith (ลิลิธ) ภรรยาคนแรกของอดัม ซึ่งหลังจากเธอถูกขับไล่จาก Eden (อีเดน) เธอก็กลายเป็นมารดาแห่งภูติผีปีศาจ กล่าวกันว่าเธอมักจะไปหาผู้ชายกลางดึก เพื่อสืบเชื้อสายปีศาจให้มากขึ้น
Hoop Snake (ฮูปสเนค)
Hoop Snake (ฮูปสเนค) ฮูปสเนคเป็นสัตว์ในนิทานพื้นบ้านของชาวอเมริกา มันเป็นงูที่อมปลายหางของตัวเองไว้ในปาก และเคลื่อนที่โดยการหมุนตัวบนพื้นดิน ฮูปสเนคสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนไม่มีใครหนีพ้น วิธีเดียวที่จะหนีจากมันก็คือกระโดดลอดผ่านรูที่เกิดจากการอมปลายหางของมัน จะทำให้ฮูปสเนคสับสนและเคลื่อนที่ผ่านเราไปโดยย้อนกลับไม่ทัน บางครั้งฮูปสเนคก็เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ Uroboros (อุโรโบรอส) (ถ้าอ่าน Full Metal Alchemist น่าจะเคยได้ยินนะ) สัญลักษณ์แห่งความอมตะและจักรวาลรวมเป็นหนึ่งในศิลปะของกรีกและอียิปต์ สัญลักษณ์อุโรโบรอสแสดงให้เห็นรูปของงูที่มีปลายหางของมันอยู่ในปาก ตัวของมันโค้งเป็นวงกลม พญางูแห่งมิดการ์ดในตำนานของชาวนอร์สก็โอบล้อมโลกด้วยการอมหางของมันไว้ใน ปากเช่นกัน
Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส)
Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส) อาจจะไม่คุ้นชื่อนะครับสำหรับตัวนี้ ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์ครึ่งม้าครึ่งปลา ชื่อของมันแปลว่า Sea Horse ครับ (จะแปลว่า ม้าทะเล หรือ ม้าน้ำ ดีล่ะ...) มันมีหัวและขาหน้าเหมือนกับม้า แต่เท้าเป็นพังผืดและแผงคอมีครีบ ลำตัวของมันยาวเหมือนม้า ส่วนท่อนล่างเป็นหางปลา
Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์)
Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์) แปลตรงตัวคือ สุนัขล่าเนื้อแห่งนรก นั่นเองครับ มีหลายตำนานที่พูดถึงสุนัขน่ากลัวซึ่งอาศัยอยู่ใต้โลกพวกนี้ ตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ Cerberus (เซอร์บิรุส) (แต่ผมเคยอ่านเจอเค้าเรียกกันว่า เคลเบรอส อ่ะคับ-นาย Touru) สุนัขสามหัว มีหางเป็นงู ผู้เฝ้าประตูนรก (Way to Hades - Hades แปลว่านรกหรือพญายมครับ) เซอร์บิรุสนั้นดุร่ายป่าเถื่อน แต่ก็ถูกเฮอร์คิวลิสปราบลงได้ หรือถูกกล่อมให้หลับด้วยเสียงเพลงเมื่อ Orpheus เดินทางมาที่ใต้โลก (ในแฮร์รี่ก็อิงกับตำนานนี้ครับ) อีกตัวหนึ่งนอกจากเซอร์บิรุส ก็คือ Garm (การ์ม) เป็นสุนัขแห่งนรกในตำนานของชาวนอร์สครับ หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อจากเกมออนไลน์ Ragnarok
Harpies (ฮาร์ปี)
Harpies (ฮาร์ปี) ฮาร์ปีมักถูกวาดภาพเป็นสัตว์ที่มีศีรษะและหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ร่างกายเป็นนก (คล้าย ๆ กินรีที่เรารู้จักกันนั่นแหละ) มันเป็นที่รู้จักในเรื่องกลิ่นอันเหม็นอย่างร้ายกาจ ซึ่งจะทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้
Golem (โกเลม)
Golem (โกเลม)ว่ากันว่าพระชาวยิวในเมืองปราก (Prague) เมืองหลวงของเชโกสโลวะเกีย เป็นคนสร้างโกเลมขึ้น ในตอนนั้นชาวยิวที่อาศัยอยู่ในสลัมของปรากกำลังถูกข่มเหง โกเลมจึงเกิดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง (Protection) โกเลมถูกสร้างขึ้นจากดินเหนียว และจะมีชีวิตเมื่อพระเขียนคำว่า shem (ชื่อ) บนกระดาษหนังแล้วใส่เข้าไปในปากของมัน นอกจากนั้นพระยังเขียนคำว่า emet (สัจธรรม Truth) บนหน้าผากของมัน โกเลมมีร่ายกายที่แข็งแกร่งและคอยปกป้องชาวยิวตลอดมา อย่างไรก็ตาม ผู้คนในเมืองเริ่มเกรงกลัวสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น พระจึงได้ทำลายโกเลมด้วยการเปลี่ยนคำว่า emet เป็น met ซึ่งหมายถึง ความตาย
Cyclopes (ไซคลอป)
Cyclopes (ไซคลอป) ไซคลอปคือยักษ์ที่มีตาเดียวอยู่กลางใบหน้า กล่าวกันว่าไซคลอปตัว (?) แรกเป็นบุตรของไกอา พระแม่ธรณี กับยูเรนัส สวรรค์ชั้นฟ้า
Bunyips (บันยิป)
Bunyips (บันยิป) กล่าวกันว่าบันยิปมีบ้านเกิดอยู่ที่ ทางน้ำในออสเตรเลีย มันมักจะถูกบอกเล่าว่ามีหางเหมือนจระเข้ และส่วนอื่นเหมือนกับจิ้งจอก นกอีมู หรือคน พวกมันสามารถมีแผงคอหรือศีรษะที่เต็มไปด้วยวัชพืช และเท้าของมันหันกลับด้าน สิ่งหนึ่งที่ทุกตำนานเชื่อเหมือนกัน คือ เสียงร้องไห้ของบันยิปจะดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่ากลัว เมื่อไรที่คุณได้ยินเสียงดังจากหนองน้ำ...นั่นแหละบันยิปล่ะ อ้อ! ระวังอย่าเข้าใกล้มันเชียว เพราะบันยิปกิน (จริง ๆ คือ กลืน) คน และชอบกินผู้หญิงกับเด็กเป็นพิเศษด้วย
Banshee (แบนชี)
Banshee (แบนชี) ตามตำนานชาวไอร์แลนด์ (Irish) แบนชีเป็นวิญญาณผู้หญิงที่จะร้องเสียงโหยหวนเมื่อได้สัมผัสกลิ่นแห่งความตาย เธอจะติดตามบางครอบครัวเป็นพิเศษ และร้องเสียงโหยหวนเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวใกล้จะตาย แบนชีมีผมพลิ้วไหวและดวงตาสีแดงจากการร่ำไห้ บางตำนานบอกว่าเธอมีช่องจมูกรูเดียว
.เลวีอาธาน.. [..Leviathan..]
เป็นสัตว์ ทะเลขนาดยักษ์ เพศเมีย มีหลายหัว มันมีพละพลังมหาศาล มีโครงสร้างร่างกายที่แกร่งกล้า มีเกล็ดตามร่างกายที่หนาถึง 2 ชั้นซึ่งเปรียบเหมือนเสื้อนอก ที่แต่ละชั้นแนบชิดติดตัวและต่อกันเป็นเนื้อเดียวเหมือนตราผนึกที่แข็งแกร่ง จนลมไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ มันมีดวงตาที่ส่องสว่างเปรียบเหมือนแสงอันเจิดจ้าของอรุณรุ่ง (หมายถึงมันโผล่ตาขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนที่จระเข้ทำเวลาล่าเหยื่อ ตามันจะโผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย เหมือนพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาในตอนเช้า) มีฟันแหลมคมเหมือนจระเข้
....สามารถพ่นไฟได้ และแม้เพียงหายใจก็มีควันคุกรุ่นออกมาเหมือนหม้อเดือด เนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้เกล็ดแกร่งนั้นเล่าก็หล่อติดกันแน่น จนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ อีกทั้งช่วงล่าง (หรือคงเป็นช่วงท้อง) ก็มีสภาพเป็นเกล็ดแหลมคม อาวุธต่างๆ ไม่สามารถสร้างความเสียหายและระคายเคือง อีกทั้งหัวใจยังแข็งแกร่งเหมือนแท่นโม่หิน......"
...กิเลน ...[Qilin, Kylin หรือ Kirin]...
.... กิเลนเราเรียกได้ว่าเป็นเจ้าป่าที่แท้จริง เนื่องจากกิเลนนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายใดๆ มีคุณธรรมสูงมาก เวลาที่กิเลนเดินก็จะไม่เหยียบย่ำสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่หญ้าหรือวัชพืชบนดิน
....ถ้าเป็นตัวผู้เรียกว่า "กี" ถ้าเป็นตัวเมียเรียกว่า "เลน" หรือ "กิเลน" กิเลน ตามตำนานจีนว่ามีรูปร่างเหมือนกวาง แต่มีเขาเดียว หางเหมือนวัว หัวเป็นมังกร ตีนมีกีบเหมือนม้า (บางตำราว่ามีตัวเป็นสุนัข ลำตัวเป็นเนื้อสมัน) เกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ผสมกัน
....เชื่อว่ามีอายุอยู่ได้ถึงพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใด ก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น กิเลนเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)
...ไซเรน ....[Siren]...
....เป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลที่เป็นชายฝั่งแบบฟยอร์ด
....ไซเรนมีรูปร่างลักษณะเป็นเงือก บางตำราว่าตัวเป็นนก แต่หัวเป็นคน ไซเรนจะชอบร้องเพลง เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้ เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน และเรือที่เข้ามาจะหลงไหลในเสียงเพลงยิ่งขึ้นทำให้ออกตามหาแล้วจะตกเป็น เหยื่อของไซเรน
....เหล่านางไซเรนนั้น จะต้องถึงแก่ชีวิตหากมีผู้ใดรอดชีวิตมาได้หลังฟังบทเพลงของนาง เมื่อโอดิสซีอุสสามารถรอดไปได้หลังจากนั้น เหล่านางไซเรนจึงกลายเป็นหินไป นอกจากนางพาร์เธโนเพ ซึ่งโดดลงทะเลด้วยความโกรธ ศพของนางถูกคลื่นซัดมาเกยหาด และมีการก่อสุสานให้นางตรงบริเวณที่ต่อมากลายเป็นเมืองเนเปิลส์
ชูปาคาบรา ....[Chupacabra]...
...เป็น สิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
....จากลักษณะที่ผู้ที่พบเห็นสังเกต ชูปาคาบราที่ลักษณะคล้ายกิ้งก่า มีสีเขียวอมเทา มีความสูงประมาณ 1 เมตร และมีท่ายื่นและกระโดดคล้ายจิงโจ้
....หลาย คนบอกว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่ว่านี้อาจเป็นตัว ชูปาคาบรา ซึ่งเล่าลือกันว่าเป็นสัตว์ลึกลับที่ชอบเล่นงานพวกวัวในทุ่งปศุสัตว์ แล้วทิ้งซากอันเหวอะหวะไว้ เว้นแต่เด็กสาวทั้งสามที่ว่า แล้วคำบอกเล่าในเรื่องนี้มักมาจากคนที่ฟังเขาเล่าต่อๆ กันมา กับมาจากพวกลูกจ้างในกรมทหารหรือโรงพยาบาล ซึ่งให้ข้อมูลกับนักจานบินวิทยาของบราซิลโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงเวลาผ่าน มา 10 ปีแล้ว ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่เชื่อถือได้ในเหตุการณ์ที่เล่าลือกันนี้
Chimera (คิมีร่า)
ตัวนี้น่าจะคุ้นกันดี คิมีร่าเป็นสัตว์ที่มีหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นแพะ และหางเป็นงู ลมหายใจของมันก่อให้เกิดเพลิงร้อนแรงถึงตายได้เชียวนะ คิมีร่า Chimera หรือ Chimaera ชื่อกรีก= Χιμαιρα ชื่อภาษาละติน= Chimæra
....คิ มีร่าเป็นสัตว์ในตำนานกรีก มีส่วนผสมของสัตว์อีกสามชนิด ได้แก่ สิงโต แพะ และงูหรือมังกร โดยมันมีส่วนหัวปกติจนไปถึงอกเป็นสิงโต ส่วนกลางของมันเป็นแพะ และมีส่วนท้ายเป็นงู มีหัวงูอยู่ที่ตรงปลายหางสามารถศัตรูได้ ซึ่งแต่ละหัวของมันนั้น มีความคิดเป็นของตัวเอง หัวมังกรของมันสามารถพ่นไฟได้ หายใจเป็นเปลวไฟ หางมันเป็นงูพิษร้ายแรง กัดแล้วถึงตายในทันที คิเมร่าเป็นลูกของอสูรกายไทฟอน และอิคิดนา มีพี่น้องหกตัวได้แก่ เซอร์บีรัส ไฮดรา นีเมียน สฟิงซ์ และเลดอน
Dragons (ดรากอน - มังกร)
...ตัวนี้น่าจะรู้จักกันดียิ่งกว่าห้าตัวแรก คำอ่าน ดรากอน นั้นผมหมายถึงสำเนียงคนไทยนะครับ (ถ้าให้อ่านตามจริง จะประมาณ ดรา-เกิน หรือ แดร-เกิน) มังกรพบเจอได้บ่อย ๆ ในเทพนิยายและตำนานต่าง ๆ สำหรับตำนานของชาวบาบิลอน (Babylonian Myth) Tiamat (เทียแมท) เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้กับพระเจ้า Marduk และในนิทานของอังกฤษ นักบุญจอร์จได้ฆ่ามังกรเพื่อปกป้องสาวพรหมจรรย์
....มังกรเป็นสัตว์ที่เกิดในตำนานของเกือบทุกชาติในโลก ในตำนานยุโรปมังกรเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่ต้อง ปราบ วีรบุรุษในตำนานหรืออัศวินมีหน้าที่อย่างหนึ่งคือปราบมังกร ในขณะที่เอเชียมองมังกรในเชิงเคารพและบูชา เป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความอุดมสมบูรณ์มังกรมาจากภาษาลาตินว่า Draco
... ตำนานฝรั่งกล่าวว่า มังกรเป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในจักรวาล โดยในตอนที่จักรวาลเริ่มต้นใหม่ๆทุกอย่างอยู่ในภาวะเป็นน้ำที่ขุ่นขึ้น สรรพสิ่งทั้งมวลยังไม่แสดงตัวตนออกมา และก่อนที่โลกจะก่อตัวก็มีวิญญาณดวงหนึ่งกำเนิดขึ้นท่ามกลางสภาวะอันยุ่ง เหยิง ดวงวิญญาณนี้ลุกเป็นไฟหมุนตัวไปท่ามกลางอวกาศด้วยความหิวโหยและกระหายในความ ใคร่ เมื่อจักรวาลยังว่างเปล่า มันไม่พบสิ่งใดนอกจากเงาสท้อนของตัวเอง ด้วยความหิวมันจึงไล่งับหางและกลืนกินตัวเอง พร้อมทั้งผสมพันธุ์ไปด้วย ด้วยเหตุนี้มังกรตัวแรกก็กลายเป็นสองตัวจากนั้นก็ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จนมังกรเต็มห้วงนภากาศไปหมด จากนั้นมันกลายเป็นสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย
Griffin กริฟฟิน
....Griffon (ฝรั่งเศส), Griffin (อังกฤษ) สัตว์ประหลาดในตำนานเทพนิยายกรีก โดยกริฟฟอนจะมีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือหนึ่งเป็นผู้ลากราชรถของเหล่าเทพ ซึ่งกริฟฟอนเหล่านี้จะแตกต่างจากกริฟฟอนทั่วไปคือมีร่างและปีกเป็นสีดำ และหน้าที่ที่ 2 ก็คือคอยลงโทษเหล่ามนุษย์ที่มักมากในทรัพย์สมบัติ ซึ่งอันนี้มาจากนิสัยของกริฟฟอนที่ชอบสะสมสมบัติมีค่า หรือชอบทำรังไว้ใกล้ ๆ กับขุมสมบัติ
....กริฟฟิน หรือ กริฟฟอน (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว. อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขาตามตำนานกรีก
....กริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนกับซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญานของมนุษย์ให้ติดกับ แต่ต่อมากริฟฟินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทั้งทวยเทพ และมนุษย์ สำหรับพระเยซู เพราะมันเป็นเจ้าแห่งพิภพและเวหา อีกทั้งมีรังสีแห่งแสง อาทิตย์. ศัตรูของกริฟฟินคือ บาซิลิสก์ ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน
.Hydra (ไฮดรา) (ไม่มีรูป)
... ไฮดราเป็นบุตรของ Echidna กับ Typhon มันอาศัยอยู่ในหนองน้ำของเลอร์นา (Lerna) ไฮดราเป็นสัตว์เก้าหัวที่มีพิษถึงตายได้ และมันมีหัวหนึ่งที่เป็นอมตะ ทุกครั้งที่หัวหนึ่งโดนตัดก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้ (บอสของบางเกมก็เอามุขนี้ไปใช้เหมือนกัน) เฮอร์คิวลิสฆ่าไฮดราโดยการใช้คบไฟลนตรงแผลที่ถูกตัดจนปิดสนิท เพื่อไม่ให้หัวใหม่งอกขึ้นมาได้ และฝังหัวที่เป็นอมตะไว้ใต้ก้อนหิน
....อสุรกายตัวนี้อาศัย ณ บึงร้างเลอร์นาในอาร์โกลิส เป็นมอนสเตอร์ร่างใหญ่อีกหนึ่งในตระ:Xลไทฟอน(ยักษ์ร้อยหัว) และ อิคิดนา (นางปีศาจครึ่งคนครึ่งงู) แต่บางเวอร์ชั่นว่าเป็นบุตรของไททันพาลลาส(Pallas)และสติกซ์(Styx เทพีแห่งแม่น้ำแห่งความตายสติกซ์) เป็นพี่น้องกับนีเมียน เคอบีรอส ไคเมรา ลาดอน และสฟิงซ์
Kelpies (เคลพี) เคลพี หมายถึง ม้าน้ำ (Water Horse) เป็นวิญญาณแห่งน้ำตามความเชื่อของชาวสก๊อตแลนด์ ซึ่งอาจทำอันตรายหรือทำให้มนุษย์ถึงตายได้ เคลพีมีหลายรูปร่าง หนึ่งในนั้นคือชายขนดกกับม้าสวยงาม ขณะที่อยู่ในร่างม้า มันจะเชื้อเชิญให้ผู้ชายขี่มัน จากนั้นผู้ขี่ก็จะพบว่าเขาไม่สามารถลงจากมันได้ และมันก็พาเขาไปที่บ้านใต้น้ำของมัน เหยื่อของเคลพีบางส่วนจะแค่จมน้ำตายไป หรือถ้าโชคร้ายก็จะกลายเป็นอาหารของมันด้วย เคลพีในแม่น้ำส่วนใหญ่มักจะทำให้คนจมน้ำเท่านั้น ขณะที่มันอยู่ในร่างของม้า สามารถแยกแยะจากม้าทั่วไปได้โดยดูที่รอยเท้าด้านหลังของมัน เคลพีสามารถถูกบังคับด้วยบังเ***ยนได้ แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักในการควบคุมเคลพีหลังจากที่มันมีพลังอำนาจพอจะ ร่ายคำสาป ใส่ผู้อื่น นอกจากร่างของม้าแล้ว เคลพียังแปลงเป็นชายรูปหล่อเพื่อล่อลวงหญิงสาวเข้าไปในถิ่นพำนักของมันได้ ในร่างนี้เราสามารถแยกแยะได้โดยการดูจากกระดองและสาหร่ายในเส้นผมของมัน
Kappa (กัปปะ)
Kappa (กัปปะ) ตามตำนานของญี่ปุ่น กัปปะเป็นปีศาจน้ำที่ชอบทำให้มนุษย์จมน้ำ มันผอมแห้งเนื้อติดกระดูก และมีศีรษะกลมที่เต็มไปด้วยน้ำ นอกจากนั้นมันยังมีกระดองเต่าอยู่บนหลังและมีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า เหยื่อที่ถูกมันดึงลงน้ำก็จะถูกกิน อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาด หลายครั้งที่มันแสดงความโง่ออกมาให้เห็น คนที่เผชิญหน้ากับกัปปะเพียงโค้งให้มันอย่างสุภาพ กัปปะก็จะโค้งตอบ และทำให้น้ำบนศีรษะของมันหกลงมา เมื่อน้ำลดลงกัปปะจะมีแรงดึงให้เหยื่อของมันจมน้ำได้น้อยลง ซึ่งเปิดโอกาสให้เหยื่อหนีไปได้ อีกวิธีหนึ่งที่จะเลี่ยงจากกัปปะได้ คือ ให้แตงกวาแก่มัน แตงกวานั้นต้องมีชื่อและอายุของผู้ให้อยู่ เมื่อคนโยนแตงกวานั้นให้ กัปปะก็จะจำไว้และไม่ทำร้ายคน ๆ นั้น
Jersey Devil (เจอร์ซี เดวิล)
Jersey Devil (เจอร์ซี เดวิล) เจอร์ซีเดวิล (หรือ ปีศาจเจอร์ซี) มีหัวเหมือนกับม้าหรือแกะ มีปีกคล้ายกับค้างคาวแต่ใหญ่กว่า ส่วนลำตัวนั้นยาวและเหมือนกับงู ในปี 1909 มีพยานหลายคนได้ยินเสียงน่าขนลุกจากแม่น้ำ Delaware และเห็นสัตว์ประหลาดเรืองแสงบินอยู่บนท้องฟ้า นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าแปลกประหลาดบนหลังคาบ้านหรือบริเวณใกล้กับเล้าไก่อีก ด้วย ตำนานเกี่ยวกับเจอร์ซีเดวิลมีหลายตำนาน หนึ่งในนั้นกล่าวว่าเจอร์ซีเดวิลเกิดในปี 1850 จากคำสาปของยิปซีในตัวหญิงสาวคนหนึ่ง และเจ้าปีศาจได้หนีเข้าไปในป่าทันทีที่เกิด ซึ่งยังคงอาศัยอยู่ในป่าจนบัดนี้
Incubi & Succubi (อินคิวบิ & ซัคคิวบิ)
Incubi & Succubi (อินคิวบิ & ซัคคิวบิ) บางตำนานเรียก Succubus (ซัคคิวบัส) กับ Incubus (อินคิวบัส) เจ้าวิญญาณร้ายสองตัวนี้จะเข้าฝันผู้คนเพื่อสำเร็จความใคร่ให้มนุษย์ อินคิวบิเป็นวิญญาณผู้ชายที่จะเข้าฝันผู้หญิง มันสามารถทำให้ผู้หญิงคลอดลูกที่ชั่วร้ายออกมาได้ หนึ่งในกลุ่มนั้นคือ เมอร์ลิน ซัคคิวบิเป็นวิญญาณผู้หญิงที่น่าสยดสยอง ซึ่งจะเข้าไปในฝันของผู้ชายและร่วมประเวณีกัน ดูเหมือนซัคคิวบิจะเกี่ยวข้องกับ Lilith (ลิลิธ) ภรรยาคนแรกของอดัม ซึ่งหลังจากเธอถูกขับไล่จาก Eden (อีเดน) เธอก็กลายเป็นมารดาแห่งภูติผีปีศาจ กล่าวกันว่าเธอมักจะไปหาผู้ชายกลางดึก เพื่อสืบเชื้อสายปีศาจให้มากขึ้น
Hoop Snake (ฮูปสเนค)
Hoop Snake (ฮูปสเนค) ฮูปสเนคเป็นสัตว์ในนิทานพื้นบ้านของชาวอเมริกา มันเป็นงูที่อมปลายหางของตัวเองไว้ในปาก และเคลื่อนที่โดยการหมุนตัวบนพื้นดิน ฮูปสเนคสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจนไม่มีใครหนีพ้น วิธีเดียวที่จะหนีจากมันก็คือกระโดดลอดผ่านรูที่เกิดจากการอมปลายหางของมัน จะทำให้ฮูปสเนคสับสนและเคลื่อนที่ผ่านเราไปโดยย้อนกลับไม่ทัน บางครั้งฮูปสเนคก็เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ Uroboros (อุโรโบรอส) (ถ้าอ่าน Full Metal Alchemist น่าจะเคยได้ยินนะ) สัญลักษณ์แห่งความอมตะและจักรวาลรวมเป็นหนึ่งในศิลปะของกรีกและอียิปต์ สัญลักษณ์อุโรโบรอสแสดงให้เห็นรูปของงูที่มีปลายหางของมันอยู่ในปาก ตัวของมันโค้งเป็นวงกลม พญางูแห่งมิดการ์ดในตำนานของชาวนอร์สก็โอบล้อมโลกด้วยการอมหางของมันไว้ใน ปากเช่นกัน
Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส)
Hippocampus (ฮิปโปแคมปัส) อาจจะไม่คุ้นชื่อนะครับสำหรับตัวนี้ ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์ครึ่งม้าครึ่งปลา ชื่อของมันแปลว่า Sea Horse ครับ (จะแปลว่า ม้าทะเล หรือ ม้าน้ำ ดีล่ะ...) มันมีหัวและขาหน้าเหมือนกับม้า แต่เท้าเป็นพังผืดและแผงคอมีครีบ ลำตัวของมันยาวเหมือนม้า ส่วนท่อนล่างเป็นหางปลา
Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์)
Hell Hounds (เฮล ฮาวนด์) แปลตรงตัวคือ สุนัขล่าเนื้อแห่งนรก นั่นเองครับ มีหลายตำนานที่พูดถึงสุนัขน่ากลัวซึ่งอาศัยอยู่ใต้โลกพวกนี้ ตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ Cerberus (เซอร์บิรุส) (แต่ผมเคยอ่านเจอเค้าเรียกกันว่า เคลเบรอส อ่ะคับ-นาย Touru) สุนัขสามหัว มีหางเป็นงู ผู้เฝ้าประตูนรก (Way to Hades - Hades แปลว่านรกหรือพญายมครับ) เซอร์บิรุสนั้นดุร่ายป่าเถื่อน แต่ก็ถูกเฮอร์คิวลิสปราบลงได้ หรือถูกกล่อมให้หลับด้วยเสียงเพลงเมื่อ Orpheus เดินทางมาที่ใต้โลก (ในแฮร์รี่ก็อิงกับตำนานนี้ครับ) อีกตัวหนึ่งนอกจากเซอร์บิรุส ก็คือ Garm (การ์ม) เป็นสุนัขแห่งนรกในตำนานของชาวนอร์สครับ หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อจากเกมออนไลน์ Ragnarok
Harpies (ฮาร์ปี)
Harpies (ฮาร์ปี) ฮาร์ปีมักถูกวาดภาพเป็นสัตว์ที่มีศีรษะและหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ร่างกายเป็นนก (คล้าย ๆ กินรีที่เรารู้จักกันนั่นแหละ) มันเป็นที่รู้จักในเรื่องกลิ่นอันเหม็นอย่างร้ายกาจ ซึ่งจะทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้
Golem (โกเลม)
Golem (โกเลม)ว่ากันว่าพระชาวยิวในเมืองปราก (Prague) เมืองหลวงของเชโกสโลวะเกีย เป็นคนสร้างโกเลมขึ้น ในตอนนั้นชาวยิวที่อาศัยอยู่ในสลัมของปรากกำลังถูกข่มเหง โกเลมจึงเกิดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้อง (Protection) โกเลมถูกสร้างขึ้นจากดินเหนียว และจะมีชีวิตเมื่อพระเขียนคำว่า shem (ชื่อ) บนกระดาษหนังแล้วใส่เข้าไปในปากของมัน นอกจากนั้นพระยังเขียนคำว่า emet (สัจธรรม Truth) บนหน้าผากของมัน โกเลมมีร่ายกายที่แข็งแกร่งและคอยปกป้องชาวยิวตลอดมา อย่างไรก็ตาม ผู้คนในเมืองเริ่มเกรงกลัวสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น พระจึงได้ทำลายโกเลมด้วยการเปลี่ยนคำว่า emet เป็น met ซึ่งหมายถึง ความตาย
Cyclopes (ไซคลอป)
Cyclopes (ไซคลอป) ไซคลอปคือยักษ์ที่มีตาเดียวอยู่กลางใบหน้า กล่าวกันว่าไซคลอปตัว (?) แรกเป็นบุตรของไกอา พระแม่ธรณี กับยูเรนัส สวรรค์ชั้นฟ้า
Bunyips (บันยิป)
Bunyips (บันยิป) กล่าวกันว่าบันยิปมีบ้านเกิดอยู่ที่ ทางน้ำในออสเตรเลีย มันมักจะถูกบอกเล่าว่ามีหางเหมือนจระเข้ และส่วนอื่นเหมือนกับจิ้งจอก นกอีมู หรือคน พวกมันสามารถมีแผงคอหรือศีรษะที่เต็มไปด้วยวัชพืช และเท้าของมันหันกลับด้าน สิ่งหนึ่งที่ทุกตำนานเชื่อเหมือนกัน คือ เสียงร้องไห้ของบันยิปจะดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่ากลัว เมื่อไรที่คุณได้ยินเสียงดังจากหนองน้ำ...นั่นแหละบันยิปล่ะ อ้อ! ระวังอย่าเข้าใกล้มันเชียว เพราะบันยิปกิน (จริง ๆ คือ กลืน) คน และชอบกินผู้หญิงกับเด็กเป็นพิเศษด้วย
Banshee (แบนชี)
Banshee (แบนชี) ตามตำนานชาวไอร์แลนด์ (Irish) แบนชีเป็นวิญญาณผู้หญิงที่จะร้องเสียงโหยหวนเมื่อได้สัมผัสกลิ่นแห่งความตาย เธอจะติดตามบางครอบครัวเป็นพิเศษ และร้องเสียงโหยหวนเมื่อมีสมาชิกในครอบครัวใกล้จะตาย แบนชีมีผมพลิ้วไหวและดวงตาสีแดงจากการร่ำไห้ บางตำนานบอกว่าเธอมีช่องจมูกรูเดียว
.เลวีอาธาน.. [..Leviathan..]
เป็นสัตว์ ทะเลขนาดยักษ์ เพศเมีย มีหลายหัว มันมีพละพลังมหาศาล มีโครงสร้างร่างกายที่แกร่งกล้า มีเกล็ดตามร่างกายที่หนาถึง 2 ชั้นซึ่งเปรียบเหมือนเสื้อนอก ที่แต่ละชั้นแนบชิดติดตัวและต่อกันเป็นเนื้อเดียวเหมือนตราผนึกที่แข็งแกร่ง จนลมไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ มันมีดวงตาที่ส่องสว่างเปรียบเหมือนแสงอันเจิดจ้าของอรุณรุ่ง (หมายถึงมันโผล่ตาขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนที่จระเข้ทำเวลาล่าเหยื่อ ตามันจะโผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย เหมือนพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาในตอนเช้า) มีฟันแหลมคมเหมือนจระเข้
....สามารถพ่นไฟได้ และแม้เพียงหายใจก็มีควันคุกรุ่นออกมาเหมือนหม้อเดือด เนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้เกล็ดแกร่งนั้นเล่าก็หล่อติดกันแน่น จนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ อีกทั้งช่วงล่าง (หรือคงเป็นช่วงท้อง) ก็มีสภาพเป็นเกล็ดแหลมคม อาวุธต่างๆ ไม่สามารถสร้างความเสียหายและระคายเคือง อีกทั้งหัวใจยังแข็งแกร่งเหมือนแท่นโม่หิน......"
...กิเลน ...[Qilin, Kylin หรือ Kirin]...
.... กิเลนเราเรียกได้ว่าเป็นเจ้าป่าที่แท้จริง เนื่องจากกิเลนนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายใดๆ มีคุณธรรมสูงมาก เวลาที่กิเลนเดินก็จะไม่เหยียบย่ำสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่หญ้าหรือวัชพืชบนดิน
....ถ้าเป็นตัวผู้เรียกว่า "กี" ถ้าเป็นตัวเมียเรียกว่า "เลน" หรือ "กิเลน" กิเลน ตามตำนานจีนว่ามีรูปร่างเหมือนกวาง แต่มีเขาเดียว หางเหมือนวัว หัวเป็นมังกร ตีนมีกีบเหมือนม้า (บางตำราว่ามีตัวเป็นสุนัข ลำตัวเป็นเนื้อสมัน) เกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ผสมกัน
....เชื่อว่ามีอายุอยู่ได้ถึงพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใด ก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น กิเลนเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)
...ไซเรน ....[Siren]...
....เป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลที่เป็นชายฝั่งแบบฟยอร์ด
....ไซเรนมีรูปร่างลักษณะเป็นเงือก บางตำราว่าตัวเป็นนก แต่หัวเป็นคน ไซเรนจะชอบร้องเพลง เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้ เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน และเรือที่เข้ามาจะหลงไหลในเสียงเพลงยิ่งขึ้นทำให้ออกตามหาแล้วจะตกเป็น เหยื่อของไซเรน
....เหล่านางไซเรนนั้น จะต้องถึงแก่ชีวิตหากมีผู้ใดรอดชีวิตมาได้หลังฟังบทเพลงของนาง เมื่อโอดิสซีอุสสามารถรอดไปได้หลังจากนั้น เหล่านางไซเรนจึงกลายเป็นหินไป นอกจากนางพาร์เธโนเพ ซึ่งโดดลงทะเลด้วยความโกรธ ศพของนางถูกคลื่นซัดมาเกยหาด และมีการก่อสุสานให้นางตรงบริเวณที่ต่อมากลายเป็นเมืองเนเปิลส์
ชูปาคาบรา ....[Chupacabra]...
...เป็น สิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
....จากลักษณะที่ผู้ที่พบเห็นสังเกต ชูปาคาบราที่ลักษณะคล้ายกิ้งก่า มีสีเขียวอมเทา มีความสูงประมาณ 1 เมตร และมีท่ายื่นและกระโดดคล้ายจิงโจ้
....หลาย คนบอกว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่ว่านี้อาจเป็นตัว ชูปาคาบรา ซึ่งเล่าลือกันว่าเป็นสัตว์ลึกลับที่ชอบเล่นงานพวกวัวในทุ่งปศุสัตว์ แล้วทิ้งซากอันเหวอะหวะไว้ เว้นแต่เด็กสาวทั้งสามที่ว่า แล้วคำบอกเล่าในเรื่องนี้มักมาจากคนที่ฟังเขาเล่าต่อๆ กันมา กับมาจากพวกลูกจ้างในกรมทหารหรือโรงพยาบาล ซึ่งให้ข้อมูลกับนักจานบินวิทยาของบราซิลโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงเวลาผ่าน มา 10 ปีแล้ว ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่เชื่อถือได้ในเหตุการณ์ที่เล่าลือกันนี้
Chimera (คิมีร่า)
ตัวนี้น่าจะคุ้นกันดี คิมีร่าเป็นสัตว์ที่มีหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นแพะ และหางเป็นงู ลมหายใจของมันก่อให้เกิดเพลิงร้อนแรงถึงตายได้เชียวนะ คิมีร่า Chimera หรือ Chimaera ชื่อกรีก= Χιμαιρα ชื่อภาษาละติน= Chimæra
....คิ มีร่าเป็นสัตว์ในตำนานกรีก มีส่วนผสมของสัตว์อีกสามชนิด ได้แก่ สิงโต แพะ และงูหรือมังกร โดยมันมีส่วนหัวปกติจนไปถึงอกเป็นสิงโต ส่วนกลางของมันเป็นแพะ และมีส่วนท้ายเป็นงู มีหัวงูอยู่ที่ตรงปลายหางสามารถศัตรูได้ ซึ่งแต่ละหัวของมันนั้น มีความคิดเป็นของตัวเอง หัวมังกรของมันสามารถพ่นไฟได้ หายใจเป็นเปลวไฟ หางมันเป็นงูพิษร้ายแรง กัดแล้วถึงตายในทันที คิเมร่าเป็นลูกของอสูรกายไทฟอน และอิคิดนา มีพี่น้องหกตัวได้แก่ เซอร์บีรัส ไฮดรา นีเมียน สฟิงซ์ และเลดอน
Dragons (ดรากอน - มังกร)
...ตัวนี้น่าจะรู้จักกันดียิ่งกว่าห้าตัวแรก คำอ่าน ดรากอน นั้นผมหมายถึงสำเนียงคนไทยนะครับ (ถ้าให้อ่านตามจริง จะประมาณ ดรา-เกิน หรือ แดร-เกิน) มังกรพบเจอได้บ่อย ๆ ในเทพนิยายและตำนานต่าง ๆ สำหรับตำนานของชาวบาบิลอน (Babylonian Myth) Tiamat (เทียแมท) เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้ต่อสู้กับพระเจ้า Marduk และในนิทานของอังกฤษ นักบุญจอร์จได้ฆ่ามังกรเพื่อปกป้องสาวพรหมจรรย์
....มังกรเป็นสัตว์ที่เกิดในตำนานของเกือบทุกชาติในโลก ในตำนานยุโรปมังกรเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่ต้อง ปราบ วีรบุรุษในตำนานหรืออัศวินมีหน้าที่อย่างหนึ่งคือปราบมังกร ในขณะที่เอเชียมองมังกรในเชิงเคารพและบูชา เป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความอุดมสมบูรณ์มังกรมาจากภาษาลาตินว่า Draco
... ตำนานฝรั่งกล่าวว่า มังกรเป็นสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในจักรวาล โดยในตอนที่จักรวาลเริ่มต้นใหม่ๆทุกอย่างอยู่ในภาวะเป็นน้ำที่ขุ่นขึ้น สรรพสิ่งทั้งมวลยังไม่แสดงตัวตนออกมา และก่อนที่โลกจะก่อตัวก็มีวิญญาณดวงหนึ่งกำเนิดขึ้นท่ามกลางสภาวะอันยุ่ง เหยิง ดวงวิญญาณนี้ลุกเป็นไฟหมุนตัวไปท่ามกลางอวกาศด้วยความหิวโหยและกระหายในความ ใคร่ เมื่อจักรวาลยังว่างเปล่า มันไม่พบสิ่งใดนอกจากเงาสท้อนของตัวเอง ด้วยความหิวมันจึงไล่งับหางและกลืนกินตัวเอง พร้อมทั้งผสมพันธุ์ไปด้วย ด้วยเหตุนี้มังกรตัวแรกก็กลายเป็นสองตัวจากนั้นก็ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ จนมังกรเต็มห้วงนภากาศไปหมด จากนั้นมันกลายเป็นสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์ด้วย
Griffin กริฟฟิน
....Griffon (ฝรั่งเศส), Griffin (อังกฤษ) สัตว์ประหลาดในตำนานเทพนิยายกรีก โดยกริฟฟอนจะมีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือหนึ่งเป็นผู้ลากราชรถของเหล่าเทพ ซึ่งกริฟฟอนเหล่านี้จะแตกต่างจากกริฟฟอนทั่วไปคือมีร่างและปีกเป็นสีดำ และหน้าที่ที่ 2 ก็คือคอยลงโทษเหล่ามนุษย์ที่มักมากในทรัพย์สมบัติ ซึ่งอันนี้มาจากนิสัยของกริฟฟอนที่ชอบสะสมสมบัติมีค่า หรือชอบทำรังไว้ใกล้ ๆ กับขุมสมบัติ
....กริฟฟิน หรือ กริฟฟอน (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว. อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขาตามตำนานกรีก
....กริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนกับซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญานของมนุษย์ให้ติดกับ แต่ต่อมากริฟฟินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทั้งทวยเทพ และมนุษย์ สำหรับพระเยซู เพราะมันเป็นเจ้าแห่งพิภพและเวหา อีกทั้งมีรังสีแห่งแสง อาทิตย์. ศัตรูของกริฟฟินคือ บาซิลิสก์ ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน
.Hydra (ไฮดรา) (ไม่มีรูป)
... ไฮดราเป็นบุตรของ Echidna กับ Typhon มันอาศัยอยู่ในหนองน้ำของเลอร์นา (Lerna) ไฮดราเป็นสัตว์เก้าหัวที่มีพิษถึงตายได้ และมันมีหัวหนึ่งที่เป็นอมตะ ทุกครั้งที่หัวหนึ่งโดนตัดก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้ (บอสของบางเกมก็เอามุขนี้ไปใช้เหมือนกัน) เฮอร์คิวลิสฆ่าไฮดราโดยการใช้คบไฟลนตรงแผลที่ถูกตัดจนปิดสนิท เพื่อไม่ให้หัวใหม่งอกขึ้นมาได้ และฝังหัวที่เป็นอมตะไว้ใต้ก้อนหิน
....อสุรกายตัวนี้อาศัย ณ บึงร้างเลอร์นาในอาร์โกลิส เป็นมอนสเตอร์ร่างใหญ่อีกหนึ่งในตระ:Xลไทฟอน(ยักษ์ร้อยหัว) และ อิคิดนา (นางปีศาจครึ่งคนครึ่งงู) แต่บางเวอร์ชั่นว่าเป็นบุตรของไททันพาลลาส(Pallas)และสติกซ์(Styx เทพีแห่งแม่น้ำแห่งความตายสติกซ์) เป็นพี่น้องกับนีเมียน เคอบีรอส ไคเมรา ลาดอน และสฟิงซ์
. (Medusa)เมดูซ่า ...ตาม ประวัติก่อนจะกล่าวถึงเมดูซ่าก็ต้องเริ่มที่กอร์กอน กอร์กอน เป็นอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวมีผมเป็นงู มีด้วยกันสามพี่น้องคงกระพันฆ่าไม่ตาย ยกเว้นตัวน้องสุดท้องที่ชื่อเมดูซ่าที่อาจฆ่าให้ตายได้ หากผู้ใดมองตานางเมดูซ่าจะกลายเป็นหิน ตำนานกล่าวว่าเดิมทีกอร์กอนทั้งสามเป็นเทพธิดารูปงามและอ่อนโยน มีความบริสุทธิ์เป็นพรหมจารีย์ แต่ขณะที่เมดูซ่ากำลังบูชาเทวี อะธีน่า ในวิหารได้ถูกโพไซดอนหลงรักและพยายามใช้กำลังขืนใจ ...เรื่อง รู้ถึงเทวี อะธีน่า ทรงได้ฉวยโอกาศใส่ความว่าลบหลู่นางโดยการสมสู่ในวิหารของนางเนื่องด้วยความ เดิม อะธีน่า กับเมดูซ่ามีแม่คนเดียวกัน และ อะธีน่า ต้องการทำลายเมดูซ่าให้สิ้นซาก จึง สาปให้เมดูซ่ามีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และสาปให้ผมที่สวยงามดุจเส้นไหมทองของนางกลายเป็นงูเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มหัว จากหญิงพรหมจารีย์ที่งดงาม ก็กลายเป็นปีศาจที่น่าขยะแขยง เมดูซ่าทั้งโศกเศร้า อับอาย และน้อยใจในความอยุติธรรมทั้งที่เธอมิได้ทำผิด ทั้งที่เธอตั้งใจรักษาพรหมจารีย์ ....แต่นางก็มิเคยได้ผลความดีตรงนั้นเลยจนนางมีแต่ความอับอายและความ แค้น จนเมดูซ่าต้องการทำลายทุกชีวิตที่ขวางหน้าจากความเกลียดชังที่ปะทุขึ้น ทุกคนที่มองหน้านางก็จะกลายเป็นหินไปหมด จนได้กล่าวขวัญเป็นอสูรกายที่ร้ายกาจที่สุดในตำนานกรีก (Werewolf)มนุษย์หมาป่า เป็น ผีจำพวกเดียวกับแวมไพร์และมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์และสัตว์อื่นเป็นอาหาร เป็นความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ของชาวยุโรปในยุคกลาง โดยที่เชื่อว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง อาจจะแปลงร่างเป็นหมาป่าทั้งตัวเลยก็ได้ หรือครึ่งคนครึ่งหมาป่า หรือแม้กระทั่งแปลงเป็นสัตว์ป่าชนิดอื่น เช่น หมี เป็นต้น ....โดยที่วิธีการฆ่ามนุษย์หมาป่าจะคล้าย ๆ กับแวมไพร์ โดยตอกด้วยลิ่ม หรือเผา ที่เห็นบ่อยโดยเฉพาะในภาพยนตร์ก็คือ การยิงด้วยกระสุนที่ทำจากเงินหรือกระสุนผ่านการปลุกเสก มนุษย์หมาป่าก็แพ้แสงแดด และถูกตามล่าเหมือนกับแวมไพร์ เป็น ไปได้ว่าความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่านั้น มีที่มาจากความกลัวหมาป่า โดยเฉพาะหมาป่าที่พบในยุโรป ที่มีลำตัวขนาดใหญ่ และมักออกล่าเป็นฝูง โดยอาจดักซุ่มโจมตีมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงในเวลากลางคืน ผนวกกับความเชื่อและความหวาดกลัวบุคคลนอกสังคม ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ อย่าง:Xดหรือแวมไพร์ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เรื่องมนุษย์หมาป่านั้น แท้จริงแล้วคือ สัญชาตญาณสัตว์ป่าที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ ....รากศัพท์ที่มาของคำว่า มนุษย์หมาป่า นั้น Were เป็นภาษาอังกฤษโบราณที่หมายถึง "มนุษย์" นั่นเอง และความเชื่อเรื่องของมนุษย์ที่กลางร่างเป็นกึ่งคนกึ่งสัตว์ที่มีทั่วทุกมุม โลก เช่น ในอเมริกาใต้มีมนุษย์งูเหลือม หรือมนุษย์จระเข้ ที่แอฟริกามีมนุษย์เสือดาว หรือเสือดำ หรือปีศาจช้าง ที่อินเดียมีมนุษย์สิงโต หรือ " นรสิงห์ " นั่นเอง Kraken (คราเคน) ...ใน บรรดาเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ยักษ์ใต้สมุทร คงไม่มีเรื่อง ใดจะน่าสยดสยองเท่าความดุร้ายของ Kraken อีกแล้วจากเรื่องเล่าขาน เจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้มีขนาด มหึมา มีหนวดใหญ่ยุ่บยั่บ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ เจ้า Kraken ชอบที่จะโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกะทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่ เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามา ป้อนเข้าปากอันน่ากลัวของมัน ....แต่เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเก้นก็ค่อยๆ ลดขนาดของมันลงเรื่อยๆ ไม่มหึมา โอฬารอย่างในอดีต ถึงกระนั้นก็ยังจัดเป็นสัตว์ไซส์ยักษ์อยู่ดี Kraken ในตำนานของทะเล เหนือ ในสายตาของนักชีววิทยาแล้ว มันคงเป็นสัตว์ประเภทปลาหมึกยักษ์เสียมากกว่า ลักษณะของปลาหมึกชนิดนี้มักจะก้าวร้าวรุกราน และขึ้นมาหาเหยื่อเหนือผิวน้ำ เมื่อแล เห็นมนุษย์ ขนาดของมันไม่ถึงกับยาวกว่าครึ่งไมล์ ตามบันทึกของท่านบิชอปหรอกนะ ถึงกระนั้นขนาดของมันก็สูสีกับสัตว์ที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก คือปลาวาฬเสปิร์มอยู่ดี Manticore (มันติคอร์) .... มันติคอร์เป็นสัตว์ประหลาดที่เกี่ยวข้องกับชาวอินเดีย มันติคอร์มีศีรษะเป็นชาย ร่างกายเป็นสิงห์ และหางเหมือนแมงป่อง (บางตำนานบอกว่าหางเหมือนกับลูกบอลหนาม) มันมีฟันสามแถว และสามารถยิงหนามจากหางของมันดั่งเป็นศรธนู มันติคอร์เป็นสัตว์ที่โหดร้ายและตะกละไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนั้นยังชอบล่ามนุษย์ด้วย ....อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของมันไม่ใช่สัตว์ แต่กลับเป็นใบหน้าของมนุษย์ มีฟันบนสามแถว และฟันล่างอีกสามแถว เป็นฟันที่แหลมคมและใหญ่กว่าเขี้ยวของสุนัขล่าเนื้อ ใบหูของ มัน ก็คล้ายกับของมนุษย์ เว้นแต่ว่ามีขนาดใหญ่ กว่าและมี ขนหยาบ ตาของมันมีสีน้ำเงินเทาคล้ายนัยน์ตามนุษย์ แต่เท้า และกรงเล็บของมันเหมือนของสิงโต ที่ปลายหางของมันคือ หางของแมงป่อง ที่อาจจะมีความยาวเกินกว่า 18 นิ้ว ที่ปลาย สุดของหาง มีเหล็กไนที่สามารถต่อยคนถึงตาย ได้ทันที อยู่เต็มไปหมด มันสามารถปล่อยเหล็กไนที่มีลักษณะ เหมือนกับ ลูกศร และสามารถยิงไปได้ไกล เมื่อปล่อยเหล็กในไปแล้ว มันก็จะ ม้วนหางกลับ หากมันจะยิงเหล็กไนไปทิศตรงข้าม มันจะยืดหาง ออกไปจนสุดแทน ..... คนที่ถูกเหล็กไนของมันติคอร์จะตายทันที ช้างเป็น!ชนิดเดียว ที่มันติคอร์จะ ไม่ทำร้ายเนื่องจาก มันติคอร์ เป็นสัตว์ที่น่ากลัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะมันเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง คนกับสิงโต! มีฟันอันแหลมคม นิสัยเจ้าเล่ห์ มีหน้าเป็นคน ตัวเป็นสิงโต ลองคิดดู ถ้าคุณเข้าป่าเห็นหน้ามันโผล่มา คุณต้องคิดว่ามันเป็นคน แน่ๆ แต่พอเข้าไปหา กลายเป็นสัตว์ประหลาด อะไรจะเกิดขึ้น ....ส่วนชื่อของมัน ก็มาจากภาษา เปอร์เซีย คือ martikhora แปลว่า ผู้กินคน (แค่ชื่อก็น่ากลัว แล้ว) คน เอเซีย ยุคโบราณต่าง ก็รู้จัก มันติคอร์กันทั้งนั้น ใน ศตวรรษ ที่สอง มีนักประวัติศาสตร์โรมันบรรยายถึง ความ น่ากลัวของมันติคอร์จากเรื่องบอกเล่าที่มีมาราว 700 ปี ก่อนหน้านั้นว่าในอินเดียมี!ป่าชนิดหนึ่งที่มีอำนาจ น่าเกรงขาม รูปร่างใหญ่ราวกับสิงโตตัวที่ใหญ่ที่สุด มีผิวสีแดง ขนหยาบคล้ายสุนัข ในภาษาอินเดียเรียกมันว่า มาร์ติคอรัส Minotaur(มิโนทอร์) ....มิโนทอร์ (Minotaur) ตามเทพนิยายกรีก มิโนทอร์มีตัวเป็นคนหัวเป็นวัวเกิด อยู่ในคุกที่ไม่มีทางออกสร้างโดยแดดาลุส-นักประดิษฐ์ ซึ่งได้รับคำสั่งจากราชาไมนอส (Minos) เป็นห้องโถงที่มีทางเข้าทางออกวกวนน่าเวียนหัว มีทั้งชั้นล่างและชั้นบน เป็นเขาวงกต (Labyrinth) ....เรื่องราวความเป็นมาของมิโนทอร์เริ่มขึ้นเมื่อ ไมนอส (Minos) พยายาม ที่จะก้าวขึ้นสู่ บัลลังก์กษัตริย์ของครีต (Crete) ในการทำเช่นนี้ไมนอส ต้องชนะใจ ชาวครีต และอ้างว่าเทพเจ้าก็เห็นดีเช่นกัน ดังนั้นเทพเจ้าจะตอบรับคำขอทุกข้อของเขาอีกด้วย ชาวครีต อาจจะไม่ค่อยพอใจ การที่ไมนอสจะขึ้นเป็นกษัตริย์เท่าไร จึงท้าให้เขาขอ โปไซดอน (Poseidon) เจ้าแห่งสมุทร ให้ส่งวัวพ่วงพี ขึ้นมาจากทะเล ให้ดูเป็นขวัญตา มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ ...ว่าแล้วชาวครีตทั้งหมดก็ติดตามไมนอสไปที่ริมหาด เพื่อเฝ้ามองไมนอสทำพิธีดังกล่าว ไมนอสได้พยายามเฝ้าวิงวอน เทพเพื่อให้พระองค์ ส่งวัวขึ้นมาให้ตามที่ชาวครีตท้า และสัญญาว่าจะฆ่าวัวตัวนั้นเป็น การบูชายัญ เพื่อเป็นการสรรเสริญเกียรติแห่งโปไซดอนทันที ไมนอสใช้เวลาไม่นานสิ่งประหลาดอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น ในท่ามกลางความแตกตื่น และประหลาดใจของชาวครีต ที่กำลังจ้องมองดูทะเลตรงหน้า น้ำทะเลก็แตกออกเป็นช่อง ....วัวสีขาวพ่วงพีที่งดงามตัวหนึ่งปรากฏขึ้น และว่ายตรงมาเข้าฝั่งดังคำวอนของไมนอส คำท้าทายของชาวครีตกลายเป็นความจริง ไมนอสจึงได้รับการเลือกเป็นกษัตริย์สม เจตนารมณ์ ถ้าเพียงแต่เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว พระองค์รักษาสัญญาที่ให้ไว้ แต่ไมนอสก็ไม่สามารถทำได้ สัญญาที่ให้ไว้กับเทพถูกลืมเลือน วัวสีขาว ตัวนั้นช่างงดงามจนพระองค์ไม่กล้าเชือดมัน ได้แต่ปล่อยมันไว้กับฝูงสัตว์ของพระองค์ และทำการบูชายัญวัวธรรมดาๆ ไปให้โปไซดอน ....โปไซดอน -เจ้าแห่งสมุทร ซึ่งได้รับการบูชายัญอย่างบิดเบือน ย่อมรู้สึกคั่งแค้นกับการ ทรยศต่อคำมั่นสัญญา อย่างที่ไมนอสทำกับ พระองค์ยิ่งนัก และแล้วพระองค์ก็คิดวิธี แก้แค้นเจ้าคนโฉดได้ โปไซดอนสาปให้ ปาซิฟาอี (Pasiphae) มเหสีของไมนอส หลงรักวัว! ปาซิฟาอีที่ต้องคำสาป เธอเฝ้าทุ่มเทดูแลวัวของเทพเจ้า เฝ้าโอบกอดทะนุ ถนอม ลูบไล้อย่างเสน่หายิ่ง ....ถึงขนาดสั่งการให้ตามตัว แดดาลุส (Daedalus) นักประดิษฐ์มาที่ครีต เพื่อให้ทำอะไรอย่างหนึ่งค่อนข้างน่าตระหนก สำหรับตัณหาของนาง เพราะปาซิฟาอี สั่งสร้างแม่วัวปลอมขึ้น เพื่อตบตาเจ้าวัวหนุ่ม โดยนางจะเข้าไป หมอบสวมรอย อยู่ใต้ร่างแม่วัวปลอมตัวนี้ คอยให้วัวงามของโปไซดอน มาร่วมอภิรมย์กับนาง หลังจากที่ปาซิฟาอีมีอะไร กับวัวหนุ่มได้ไม่นาน นางก็ตั้งครรภ์ ครั้นครบถ้วนทศมาส นางก็คลอดบุตรออกมา ความลับทั้งหลาย ที่พึงปิดบังไว้มานานก็แตก มันคือทารกประหลาด ที่มีหัวเป็นวัว ตัวเป็นคน ....ไมนอสแทบกระอักเพราะความอับอาย พระองค์เพิ่งนึกได้ว่านี่คือการแก้แค้น ของเจ้าสมุทรทำกับพระองค์ แม้ว่าจะต้องการ สังหาร เจ้าเด็กปีศาจนี่ทิ้งเพียงไร แต่ไมนอสก็ต้องทนขมขื่นเลี้ยงมันไว้ เพราะพระองค์เกรงว่าหากทำอะไร เป็นที่ขุ่นเคือง โปไซดอน ซ้ำสอง คราวนี้ครีตอาจจะไม่พ้นความพินาศ ชาวครีต พากันเรียกขาน มันว่า มิโนทอร์ ซึ่งแปลว่า โอรสวัวแห่งไมนอส ....มันเป็นสัตว์ประหลาดเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ไม่ช้า เขาเล็กๆ ของมันก็เติบโต วงกว้างกว่าแขนคนเหยียดออก และกลายเป็น สัตว์กระหายเลือด ต้องการกินเนื้อคน เป็นอาหาร ไมนอสได้ทำ สิ่งหนึ่งที่จะสามารถยับยั้ง สัตว์ร้ายตัวนี้ไม่ให้ออกไป เพ่นพ่านหาคนกิน ตามอำเภอใจ ด้วยการสั่งแดดาลุส- นักประดิษฐ์ ให้สร้างคุกที่ไม่มีทางออก แดดดาลุสจึงได้สร้างห้องโถง ที่มีทางเข้าทาง ออกวกวนน่าเวียนหัวมีทั้งชั้นล่างและชั้นบน เป็นเขาวงกต (Labyrinth) ....ในเวลาเดียวกับที่มิโนทอร์เกิด โอรสอีกองค์ของ ไมนอส คือ แอนโดรจีอุส(Androgeus) ได้เดินทางไปสู่เอเธนส์ เพื่อเข้าร่วม กีฬาโอลิมปิก แอนโดรจีอุสเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถมาก เขาจึงชนะการแข่งขันหลายรายการ จนทำให้ชาว เอเธนส์เกิดความไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะได้ชัยชนะในกีฬาอีกครั้ง ชาวเอเธนส์ที่ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาก็ลากเขาไปเชือดคอหลังพุ่มไม้ ....ไมนอสได้ทราบข่าวด้วยหัวใจชอกช้ำซ้ำสอง พระองค์กรีธาทัพเข้าตีเอเธนส์ เพื่อเป็นการล้างแค้นให้แก่ลูกชาย กองทัพของพระองค์เข้าโอบล้อม จากทุกด้านจนชาวเอเธนส์ ต้องเจรจาหย่าศึก ไมนอสมีข้อแม้เพียงประการเดียว นั่นคือทุกๆเก้าปีเอเธนส์ จะต้องส่งหญิงสาวเจ็ดคน และชายหนุ่มเจ็ดคนลงขบวนเรือที่ชักใบดำนำทางมาครีต และคนสนิท ของราชาไมนอสก็จะนำเหยื่อเหล่านั้นส่งเข้าไปในเส้นทางแคบวกวน ที่มีแสงเพียงสลัวๆ ให้คลำหาทางไปจนได้ยินเสียงลมหายใจที่รุนแรงของวัวดุ ซึ่งเหยื่อเหล่านั้นจะพบจุดจบ ที่น่าสยดสยอง เรื่องราวแห่งความเศร้าโศก ยังดังระงมไปอย่างนี้ต่อกันจนกระทั่งถึงปีที่ ยี่สิบเจ็ด ....ปีนั้นวีรบุรุษก็เกิดขึ้น วีรบุรุษคนนั้นคือธีสซูส (Theseus) ผู้เป็นโอรสของ พระราชา อีจีอุส (Ageus) แห่งเอเธนส์ ได้ขอให้ส่งตัวไปพร้อมกับเหยื่อเคราะห์ร้าย รุ่นใหม่ ที่จะส่งไปสังเวยมิโนธอร์ ธีสซูสประกาศว่าเขาจะต้อง เป็นผู้พิชิตมิโนทอร์ ฆ่ามันให้ได้ และจะกลับมาหาบิดาผู้ชราในเรือที่ติดใบสีขาว แม้ว่าขณะนั้นเขายังคิดหา วิธีฆ่ามันไม่ได้เลยก็ตาม เรื่องของเรื่องก็มาสำเร็จเพราะความรัก อรีแอดนี ....(Ariadne) ธิดาของ ไมนอสเองที่ตกหลุมรักหนุ่มชาวเอเธนส์ทันทีที่ได้เห็น ขณะที่ยามผลักไส เธสิอุสให้เข้าในเขาวงกต อรีแอดนีก็ยัดด้ายใส่มือเขาไปด้วย ธีสซูสโรยด้ายมาตามทางเดินที่วกวน เขาคอยเงี่ยหูฟังเสียงมิโนทอร์อย่างระมัดระวัง จวบจนกระทั่งมาถึงทางหักเลี้ยวแรก ธีสซูสได้ยินเสียงฝีเท้าคน พร้อมกับเสียงหายใจฟืดฟาดของวัวที่พุ่งเข้าหาด้วย ความรวดเร็ว ....แทนที่จะได้ลิ้มรสเนื้อหวานนุ่มของหนุ่มสาวเหมือนเช่นเคย มิโนทอร์กลับเจอกับนักรบที่แคล่วคล่องว่องไว ธีสซูสสามารถกระโดดหลบหลีก การจู่โจมของมิโนทอร์ ได้ทุกครั้ง พอสบโอกาสเขาก็คว้า จับเขาของมิโนทอร์ไว้ และใช้กำลังเข้ายันจนมันตกเป็นเบี้ยล่าง มิโนทอร์ร้องโหยหวน เสียงการต่อสู้ก็ดังออกไปถึงนอกเขาวงกต ไม่ช้าผู้คนก็ได้ยินเสียง ธีสซูสซึ่งจับเขาสองข้างของสัตว์ร้ายไว้ได้มั่น และออกแรงบิดอย่าง ฉับพลัน ทำให้คอมิโนทอร์หักสะบั้น วัวดุในร่างมนุษย์ที่ดุร้าย น่าสะพรึงกลัวของครีตก็สิ้นชื่อในบัดดล ....ธีสซุสคลำทางตามเส้นด้าย จนออกมาข้างนอกเขาวงกต เรื่องราวร้ายๆน่าจะจบลง แต่ไม่ใช่ด้วยดีทั้งหมด แม้ว่าธีสซูสจะได้เดินทางกลับบ้านไป พร้อมกับ อรีแอดนี ก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้มีใจกับนางเลยก็ได้ ธีสซูสจึงทรยศ รักกับเจ้าหญิงน้อยซึ่งช่วยเหลือเขา ขณะที่เธอเผลอ หลับเมื่อคราวขึ้นพักบนเกาะแนคซอส (Naxos) ซึ่งเป็นเกาะ ระหว่าง ครีตกับเอเธนส์ ธีสซูสก็ทิ้งเธอไว้ที่นั่นและรีบแล่นเรือหนีไปทันที ทำให้เขาลืมสัญญา ที่เคยให้ไว้กับบิดาผู้ชรา ลืมเปลี่ยนใบเรือจากดำเป็นขาว อีจีอุสซึ่งเฝ้ารออยู่บนหน้าผา เมืองเอเธนส์ทุกวัน แลเห็นเรือใบสีดำแล่นเข้ามาแต่ไกล ก็เข้าใจว่าธีสซูสลูกรักสิ้นชีวิตเสียแล้วราชาผู้ชรา หัวใจแตกสลาย ไม่สมารถทนทานต่อความผิดหวังได้ซ้ำอีก จึงกระโดดลงจากผาเพื่อจะฆ่าตัวตายตามลูกรัก . Queen of Nagas(พญานาค) ตำนานทางฝั่งตะวันตก ....พญานาค หรือ งูใหญ่มีหงอน ในตำนานของฝรั่ง หรือชาวตะวันตก ถือว่าเป็นตัวแทนของกิเลส ความชั่วร้าย ตรงข้ามกับชาวตะวันออก ที่ถือว่า งูใหญ่ พญานาค มังกร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังอำนาจ ชาวฮินดูถือว่า พญานาคเป็นผู้ใกล้ชิดกับเทพองค์ต่าง ๆ เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ เช่น อนันตนาคราช ที่เป็นบัลลังก์ของพระนารายณ์ตรงกับความเชื่อของลัทธิพราหมณ์ ที่เชื่อว่า นาค เป็นเทพแห่งน้ำ เช่นปีนี้ นาค ให้น้ำ 1 ตัว แปลว่า น้ำจะมาก จะท่วมที่ทำการเกษตร ไร่นา ถ้าปีไหน นาคให้น้ำ 7 ตัว น้ำจะน้อย ตัวเลขนาคให้น้ำจะกลับกันกับเหตูการณ์ เนื่องจาก ถ้านาคให้น้ำ 7 ตัว น้ำจะน้อยเพราะนาคกลืนน้ำไว้ ....พญานาค งูใหญ่ มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และ บันไดสายรุ้งสู่จักรวาล เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ จากการจำศีล บำเพ็ญภาวนา ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เราจะพบเห็น เป็นรูปปั้นหน้าโบสถ์ ตามวัดต่าง ๆบันไดขึ้นสู่วัดในพุทธศาสนา ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง กับศาสนาพุทธอีกมากมาย ....พญานาค เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้ พญานาค มีอิทธิฤทธิ์ และมีชีวิตใกล้กับคน พญานาค สามารถแปลงเป็นคนได้ เช่นคราวที่แปลงเป็นคนมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงนาคที่ชื่อ ถลชะ ที่แปลว่า เกิดบนบก จะเนรมิตกายได้เฉพาะบนบก และนาคชื่อ ชลซะ แปลว่า เกิดจากน้ำ จะเนรมิตกายได้เฉพาะในน้ำเท่านั้น ....พญานาค ถึงแม้จะเนรมิตกายเป็นอะไร แต่ในสภาวะ 5 อย่างนี้ จะต้องปรากฎเป็นงูใหญ่เช่นเดิม คือ ขณะเกิด ขณะลอกคราบ ขณะสมสู่กันระหว่างนาคกับนาค ขณะนอนหลับ โดยไม่มีสติ และที่สำคัญ ตอนตาย ก็กลับเป็นงูใหญ่เหมือนเดิม ....พญานาค มีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษ ถึง 64 ชนิด ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า สัตว์จำพวกงู แมงป่อง ตะขาบ คางคก มด ฯลฯ มีพิษได้ ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ นาคคายพิษทิ้งไว้ แล้วพวกงูไปเลีย พวกที่มาถึงก่อนก็เอาไปมาก พวกมาทีหลัง เช่น แมงป่อง กับ มด ได้พิษน้อย แค่เอาหาง เอากันไปป้ายเศษพิษ จำพวกนี้จึงมีพิษน้อย และพญานาคต้องคายพิษทุก 15 วัน ....พญานาค อาศัยอยู่ใต้ดิน หรือบาดาล คนโบราณเชื่อว่าเมื่อบนสวรรค์มีเทพอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้พื้นโลก ก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวว่า ที่ที่นาคอยู่นั้นลึกลงไปใต้ดิน 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร มีปราสาทราชวังที่วิจิตรพิสดารไม่แพ้สวรรค์ ที่มีอยู่ถึง 7 ชั้น เรียงซ้อน ๆ กัน ชั้นสูง ๆ ก็จะมีความสุขเหมือนสวรรค์ ....พญานาค สามารถผสมพันธุ์กับสัตว์ชนิดอื่นได้ แปลงกายแล้วผสมพันธุ์กับมนุษย์ได้ เมื่อนาคตั้งท้องจะออกลูกเป็นไข่เหมือนงู มีทั้งพันธุ์เศียรเดียว 3, 5 และ 7 เศียร ....สามารถขึ้นลง ตั้งแต่ใต้บาดาลพื้นโลก จนถึงสวรรค์ ในทุกตำนานมักจะกล่าวถึงนาคที่ขั้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองสวรรค์ ที่จะแปลงกายเป็นอะไรตามที่คิด ตามสภาวะเหตุการณ์นั้น ๆ ....จะเห็นว่า พญานาค หรือ งูใหญ่ นั้นมีความเป็นมาและถิ่นที่อยู่เป็นส่วนในภพหนึ่งต่างหาก จะมีเป็นบางครั้งที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ พญานาค เป็นทั้งเอกลักษณ์ของความดี และความไม่ดี .pegasus(เพกาซัส) ....เพ กาซัส (Pegasus) มีลักษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดให้ปีกของเพกาซัสเป็นสีทอง เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์ และแน่นนอนว่าเป็นพาหนะของพวกพระเอกเท่านั้น ! ... นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสยังมีความหมายว่า 'springs of ocean' ซึ่งแปลว่าผู้เกิดมาจากน้ำ (ภาษาไทยก็มีนะ แต่เป็นผู้หญิงอ่ะ หากใครรู้จักตำนานการกวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำทิพย์จะรู้ว่ามีสิ่งวิเศษที่ ผุดออกมาจากฟองคลื่น หนึ่งในนั้นคือพระลักษมีซึ่งต่อมากลายเป็นพระชายาของพระนารายณ์ และนอกจากนั้นก็มีมีพวกนางอัปสรทั้งหลายผุดขึ้นมาจากน้ำอีกด้วย เพราะฉะนั้น คำว่า "อัปสร" "อัปสรา" และ "อัจฉรา" ที่หมายถึงนางฟ้า จึงมีความหมายดั้งเดิม คือ "ผู้ที่เกิดมาจากน้ำ" เหมือนกัน) ความสามารถของเพกาซัสคือ ความไว การสร้างน้ำพุ และยังแข็งแรงขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ ....1. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเป็นบุตรของเทพโพเซดอน (Poseidon) กับนางเมดูซ่า (Medusa) ซึ่งในขณะที่โพเซดอนลอบเข้าหานางเมดูซ่าได้แปลงกายอยู่ในลักษณะของม้า จึงทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นม้าด้วย! (โอ้! แม่เจ้า คนกะม้า ! ความพยายามล้ำเลิศจริงๆ ) ....2. ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางเมดูซ่าขณะที่เพอซุส (Perseus) [จะอ่านว่า เพอซุส หรือ เพอซิอุสก็ได้ ตามความถนัด) ตัดหัวนางออกมา Vampire (แวมไพร์) ....ผีดูดเลือดหรือแวมไพร์ (Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบที่มีพลังปีศาจ แม้ว่าผีดูดเลือดจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่ก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ เพราะผีดูดเลือดนั้นมาจากคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลง มีชีวิตใหม่โดย ดูดเลือดคนเป็นอาหาร สังคมทุกสังคมรู้จัก "แวมไพร์" ....ผีดูดเลือดปรากฏขึ้นครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ใน***บศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี มีตำนานเกี่ยวกับผีดูดเลือดมากมายในอินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทยก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ ผีดูดเลือดเช่นกัน ....ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะหรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทย จะรู้จักในนามของกระสือ ปอบ กระหัง ฯลฯ ประเพณีโบราณ มักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้ และบางประเพณีก็สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ...ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนาม "แวมไพร์ " ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์ชาวเซอร์เบีย (เป็นแคว้นๆหนึ่งอยู่ในประเทศยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารในกรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คืออาร์โนล เปาเล(Arnold Paole) เปาเลยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดนแวมไพร์ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย เปาเลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่ามีรอยเลือดที่ปาก ....การที่จะพิสูจน์ว่า เป็นแวมไพร์หรือไม่นั้น ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของเปาเล ถูกพิสูจน์ น่าประหลาดใจ ในขณะที่ตอกหมุดนั้น มีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย ศพของเปาเลถูกเผาตามขั้นตอนพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา ก็ยังมีกรณีของแวมไพร์ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของเปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด ....บันทึกในปี พ.ศ. 2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ ฌอง จาก รูสโซ (Jean-Jacques Rousseau) ในปีนั้น มีพยานหลายคน ทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็นแวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม ....จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักจะออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม แวมไพร์เป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย บุคคลที่มีความแตกต่างจากคนอื่นและตายอย่างประหลาดมักจะถูกเชื่อว่า เป็นแวมไพร์ หลังจากนั้นเขาก็จะถูกกีดกันออกจากสังคม ....การกำจัดแวมไพร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่ แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็นแวมไพร์ โดยความเชื่อของชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัดแวมไพร์หรือตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ....ปลายศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาวไอริช ชื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งซึ่งแปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของแดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้ายทารุณ แดรกคูลเป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปีศาจ ....ในนิยาย แดรกคูลาเกิดในทรานซิลวาเนีย(Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ ไม่มีใครพบศพและไม่ได้ฝังศพตามประเพณีแม้สโตกเกอร์จะไม่ได้กล่าวในนิยายของ เขาว่า แดรกคูลา ที่เขาอธิบายมีความละม้ายคล้ายคลึงกับแวมไพร์อย่างเหลือเกิน เช่น มีพลังผิดมนุษย์ ไม่มีเงา แปลงร่างได้ กลัวกระเทียม กลัวไม้กางเขนและกระแสน้ำไหล ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ถ้าไม่ได้รับเชิญ และต้องนอนในโลงศพเท่านั้น ....ปัจจุบัน "แวมไพร์" ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าหลงไหลและน่าสะพึงกลัว มีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น ยังมีศูนย์วิจัยแวมไพร์ในนิวยอร์ก ที่ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับเกี่ยวกับ "แวมไพร์" ในยุโรปและอเมริกาอีกด้วย แค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ เดี๋ยวค่อยต่อ เยอะแล้วนิ ;') เดี๋ยวค่อยให้เครดิตตอนจบนะคะ |
รวมสัตว์โลกในตำนาน
[IMG]