แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย OnceFor_ME เมื่อ 2013-12-10 15:29
เอ็ดเวิร์ด กีน เกิดในปี ค.ศ.1906 ในครอบครัวเกษตรกร เขาเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดาแบบชายอเมริกันบ้านนอกทั่วไป แต่เด่นที่สุดคือดวงตาของเขาที่สุกใสแลดูลึกลับต่อผู้พบเห็น ครอบครัวของเอ็ดประกอบไปด้วยพ่อของเขาเป็นคนติดสุราที่จะแสดงความโหดร้ายทุกครั้งที่ขาดสติและเป็นภาระแก่ครอบครัว ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่งมงายในศาสนาหน้าไม่รับแขกและเป็นใหญ่ในบ้านพร้อมเสียงด่าดังลั่นตลอดเวลาถ้ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมในบ้าน และมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเฮนรี่ แต่ด้วยความเป็นคนขี้อายและเป็นคนเก็บตัว เขาจึงเติบโตอย่างโดดเดี่ยว
เมื่อเอ็ดอายุ 40 ฟาร์มเขาเขาอยู่ช่วงวิกฤต ผลผลิตภายในฟาร์มไม่ดีทำให้ขาดทุนมากมาย ทำให้พี่ชายของเอ็ดต้องทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและช่วงนี้พี่ชายเขามักปากกล้าโต้เถียงแม่เป็นประจำ แต่เอ็ดก็ยังเข้าข้างแม่ แม้เรื่องที่เถียงกันแม่เป็นฝ่ายผิดก็ตาม เพราะสำหรับเขาแม่คือพระเจ้า และมันผู้ใดที่ดูถูกต้องได้รับบทลงโทษในปี 1944 เฮนรี่พี่ชายของเอ็ดก็เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ในแปลงข้าวโพด มีหลายคนเห็นพี่ชายของเอ็ดอยู่กับเอ็ดในแปลงข้าวโพดก่อนเกิดเหตุไม่นานนัก ปีถัดมา แม่ของเขาล้มป่วยเป็นอัมพาธและเสียชีวิตไปอีกคนหลังจากอุบัติเหตุ
เมื่อปราศจากแม่เขาก็เป็นอิสระแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการให้แม่กลับคืนมา เขาเริ่มสนใจร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นการสนที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นการทางเพศหรือความต้องการจะมีเรือนร่างของสตรีเพศ เขาหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรืองร่างของสตรีเพศมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ สารานุกรม หรือแม้กระทั้งการทดลองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง ข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจให้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นเขาปิดตายห้องต่าง ๆ ในบ้านตัวเอง ยกเว้น ห้องครัวและห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
ท่ามกลางกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน พวกเขาสำรวจต่อ ก็พบว่าทั้งบ้านแทบจะเหมือนกองขยะที่ไม่เคยเก็บกวาดเลย และสิ่งที่นอกเหนือจากศพที่พบ เจ้าหน้าที่แทบซ็อก เพราะ บ้านหลังนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บซากศพและอวัยวะศพ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกจากหลาย ๆ ส่วนของมนุษย์ มีจมูกที่ตัดออกจากใบหน้าคนจำนวนสี่จมูก กระป๋องใส่อาหารที่ขึงด้วยหนังมนุษย์ที่ทำเป็นกลอง ถ้วยที่ทำจากกะโหลกของมนุษย์โดยตัดส่วนบนของกะโหลกออก หน้ากากที่เฉือนออกมาจากใบหน้าของผู้หญิงจำนวนเก้าชิ้น หัวของผู้หญิงที่ถูกเลื่อยส่วนบนตั้งแต่โหนกคิ้วออกไปจำนวนสิบหัว เก้าอี้ถูกเปลี่ยนจากเบาะธรรมดาเป็นเบาะหนังมนุษย์ ในตู้เย็นเต็มไปด้วยอวัยวะมนุษย์ มีกำไลมือ กระเป๋าหิ้ว ปลอกมีด สนับแข้ง โคมไฟ เสื้อ ที่ทำจากหนังมนุษย์ เข็มขัดที่ประดับด้วยปลายถันของสตรีสี่ชิ้น นอกจากนี้ยังมีอวัยวะหลายส่วนที่ใช้ประดับบ้าน เช่น หัวคน ริมผีปาก อวัยวะเพศของผู้หญิง หัวกะโหลกสองหัวที่ติดไว้ข้างเตียงที่เคยเป็นของแม่ของเอ็ดเอง กับหนังร่างกายของผู้หญิงแบบเต็มตัวตั้งแต่ใบหน้าลงไป
แล้วในที่สุด พวกเจ้าหน้าที่ก็พบศีรษะของนางวอร์เดนและไส้ของเธออยู่กระทะบนเตา แต่เอ็ดปฏิเสธว่าเขาไม่กินเนื้อคน
จากการชันสูตรศพและอวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึงสิบห้าศพด้วยกัน และชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมายเวลาผ่านไป 10 ปี ศาลได้ตัดสินคดีของเขา ซึ่งผลคือ เอ็ด ผิดจริง แต่ทำไปเพราะอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงเพราะบ้า ดังนั้นเขาจึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมนโดด้าจนวาระสุดท้ายของเขาในปี ค.ศ.1984 ด้วยโรคหัวใจ ด้วยวัย 77 ปี
เอ็ดเวิร์ด กีน เกิดในปี ค.ศ.1906 ในครอบครัวเกษตรกร เขาเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดาแบบชายอเมริกันบ้านนอกทั่วไป แต่เด่นที่สุดคือดวงตาของเขาที่สุกใสแลดูลึกลับต่อผู้พบเห็น ครอบครัวของเอ็ดประกอบไปด้วยพ่อของเขาเป็นคนติดสุราที่จะแสดงความโหดร้ายทุกครั้งที่ขาดสติและเป็นภาระแก่ครอบครัว ส่วนแม่เป็นแม่บ้านที่งมงายในศาสนาหน้าไม่รับแขกและเป็นใหญ่ในบ้านพร้อมเสียงด่าดังลั่นตลอดเวลาถ้ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิมในบ้าน และมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเฮนรี่ แต่ด้วยความเป็นคนขี้อายและเป็นคนเก็บตัว เขาจึงเติบโตอย่างโดดเดี่ยว
เมื่อเอ็ดอายุ 40 ฟาร์มเขาเขาอยู่ช่วงวิกฤต ผลผลิตภายในฟาร์มไม่ดีทำให้ขาดทุนมากมาย ทำให้พี่ชายของเอ็ดต้องทำงานอื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและช่วงนี้พี่ชายเขามักปากกล้าโต้เถียงแม่เป็นประจำ แต่เอ็ดก็ยังเข้าข้างแม่ แม้เรื่องที่เถียงกันแม่เป็นฝ่ายผิดก็ตาม เพราะสำหรับเขาแม่คือพระเจ้า และมันผู้ใดที่ดูถูกต้องได้รับบทลงโทษในปี 1944 เฮนรี่พี่ชายของเอ็ดก็เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอกในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ในแปลงข้าวโพด มีหลายคนเห็นพี่ชายของเอ็ดอยู่กับเอ็ดในแปลงข้าวโพดก่อนเกิดเหตุไม่นานนัก ปีถัดมา แม่ของเขาล้มป่วยเป็นอัมพาธและเสียชีวิตไปอีกคนหลังจากอุบัติเหตุ
เมื่อปราศจากแม่เขาก็เป็นอิสระแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการให้แม่กลับคืนมา เขาเริ่มสนใจร่างกายของเพศหญิงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เป็นการสนที่แปลกประหลาด สับสน แยกไม่ออกว่ามันเป็นการทางเพศหรือความต้องการจะมีเรือนร่างของสตรีเพศ เขาหาหนังสือที่เกี่ยวกับเรืองร่างของสตรีเพศมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ สารานุกรม หรือแม้กระทั้งการทดลองของนาซีในสงครามโลกครั้งที่สอง ข้อมูลเหล่านี้กระตุ้นความปรารถนาในจิตใจให้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นเขาปิดตายห้องต่าง ๆ ในบ้านตัวเอง ยกเว้น ห้องครัวและห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น
เอ็ดฆ่าเหยื่อ 2 ราย เหยื่อรายแรกที่เขาลงมือคือนาง มารี โฮแกน วัย 55 ปี ปี 1954 แม่หม้ายเจ้าของร้านอาหารและบาร์เล็ก ๆ ชื่อโฮแกน ทราเวิร์น ที่หมู่บ้านไพน์ โกรฟ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธออยู่กับเอ็ดตามลำพัง จนกระทั้งมีลูกค้าคนหนึ่งเข้าไปที่นั้นก็ไม่พบคนขาย แต่เห็นเลือดกองใหญ่บนพื้นที่ประตูด้านหลังร้าน กับกระสุนปืนพกขนาด 32 ปลอกหนึ่ง และรอยเลือดปรากฏเป็นระยะ ๆ ไปจนถึงที่จอดรถและก็หายไป
เหยื่อรายต่อมาคือ เบอร์นิซ วอร์เดน หญิงหม้ายวัย 60 ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์ในเมืองเพลนฟิลด์ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ 16พฤศจิกายน 1957 แน่นอนเอ็ดเข้ามาร้านในตอนที่ไม่มีคนอยู่เช่นเคย เขาใช้ปืนขนาด .22 ที่นำมาเองใส่เข้าไปในปืนไรเฟิลและยิงเธอโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วนำร่างของเธอขึ้นรถบรรทุกสำหรับส่งของแล้วขับกลับบ้านเขา เวลาต่อมาแฟรงค์ลูกชายของเบอร์นิซกลับจากการล่าสัตว์ เขาก็พบว่าประตูร้านของแม่เขาล็อกเอาไว้ แต่มีไฟเปิดอยู่ด้านใน ซึ่งมันผิดปกติ เมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างในก็พบเครื่องคิดเงินหายไป กับมีหยดเลือดกระจายอยู่บนพื้น แรงค์รีบแจ้งตำรวจทันที จากการสอบปากคำของคนในที่พื้นใกล้เคียง มีผู้พบเห็นรถส่งของของร้านแล่นผ่านไป
แฟรงค์และตำรวจรีบบุกที่ฟาร์มของเอ็ดทันที เนื่องจากกลัวว่าเจ้าตัวจะรู้ทันและหลบหนีทันทีที่ก้าวออกจากรถ ทุกคนในที่นั้นต่างได้กลิ่นเน่าโชยจากตัวบ้านที่ซ่อมซอของเขา ที่เด็ก ๆ แถวนั้นเรียกมันว่า บ้านผีสิง แต่เจ้าของไม่อยู่บ้าน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจค้นในบ้านได้ พวกเขาจึงขับรถค้นหาแถวเวสต์เพลนฟิลด์ที่เอ็ดชอบซื้อของใช้ พอไปถึงก็พบเอ็ดพอดี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและสอบถามและตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันทีเพราะเขาเอ่ยว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่านางวอร์เดน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครถาม
เย็นวันนั้นตำรวจชุดเดิมพร้อมอาวุธครบมือกลับไปที่บ้านของเอ็ดอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม เขาเปิดปะตูที่ด้านข้างเพระปะตูหน้าล็อค เวลาที่ค้นนั้นเป็นเวลาหัวค่ำ ตัวบ้านนั้นมืดเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้รวมถึงน้ำซึ่งมันเป็นมานานตั้งแต่แม่ของเขามีชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่จึงใช้ไฟฉาย:Xและตามเข้ามา กลับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทุกคนที่เห็นหัวใจแทบหยุดเต้นด้วยความสยดสยองมันคล้ายซากกวางมากกว่าเป็นศพ ร่างเปลือยเปล่าและซีดขาวโพลนร่างหนึ่งถูกแขวนอยู่กับคานของโครงหลังคาแบบเอากลับหัวลง ขาทั้งสองข้างแยกออกกว้าง เห็นชัดว่าร่างนั้นถูกอะไรบางอย่างแยกผ่าด้านหน้าตั้งแต่หว่างขายาวไปถึงลำคอ เมือดูจากร่างกายแล้วก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพียงแต่ไม่รู้ว่าใครเพราะร่างนั้นปราศจากหัว..........
ท่ามกลางกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้าน พวกเขาสำรวจต่อ ก็พบว่าทั้งบ้านแทบจะเหมือนกองขยะที่ไม่เคยเก็บกวาดเลย และสิ่งที่นอกเหนือจากศพที่พบ เจ้าหน้าที่แทบซ็อก เพราะ บ้านหลังนี้คล้ายพิพิธภัณฑ์เก็บซากศพและอวัยวะศพ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกจากหลาย ๆ ส่วนของมนุษย์ มีจมูกที่ตัดออกจากใบหน้าคนจำนวนสี่จมูก กระป๋องใส่อาหารที่ขึงด้วยหนังมนุษย์ที่ทำเป็นกลอง ถ้วยที่ทำจากกะโหลกของมนุษย์โดยตัดส่วนบนของกะโหลกออก หน้ากากที่เฉือนออกมาจากใบหน้าของผู้หญิงจำนวนเก้าชิ้น หัวของผู้หญิงที่ถูกเลื่อยส่วนบนตั้งแต่โหนกคิ้วออกไปจำนวนสิบหัว เก้าอี้ถูกเปลี่ยนจากเบาะธรรมดาเป็นเบาะหนังมนุษย์ ในตู้เย็นเต็มไปด้วยอวัยวะมนุษย์ มีกำไลมือ กระเป๋าหิ้ว ปลอกมีด สนับแข้ง โคมไฟ เสื้อ ที่ทำจากหนังมนุษย์ เข็มขัดที่ประดับด้วยปลายถันของสตรีสี่ชิ้น นอกจากนี้ยังมีอวัยวะหลายส่วนที่ใช้ประดับบ้าน เช่น หัวคน ริมผีปาก อวัยวะเพศของผู้หญิง หัวกะโหลกสองหัวที่ติดไว้ข้างเตียงที่เคยเป็นของแม่ของเอ็ดเอง กับหนังร่างกายของผู้หญิงแบบเต็มตัวตั้งแต่ใบหน้าลงไป
แล้วในที่สุด พวกเจ้าหน้าที่ก็พบศีรษะของนางวอร์เดนและไส้ของเธออยู่กระทะบนเตา แต่เอ็ดปฏิเสธว่าเขาไม่กินเนื้อคน
แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้าน หลายคนบอกว่าเคยได้รับเนื้อเป็นของขวัญ เขาบอกว่าเป็นเนื้อกวางที่ล่ามาได้ทั้ง ๆ ที่เอ็ดเองบอกว่าไม่เคยเข้าป่าล่าสัตว์เลย และถึงตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันคือเนื้ออะไร
จากการชันสูตรศพและอวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึงสิบห้าศพด้วยกัน และชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมายเวลาผ่านไป 10 ปี ศาลได้ตัดสินคดีของเขา ซึ่งผลคือ เอ็ด ผิดจริง แต่ทำไปเพราะอาการป่วยทางจิตอย่างรุนแรงเพราะบ้า ดังนั้นเขาจึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมนโดด้าจนวาระสุดท้ายของเขาในปี ค.ศ.1984 ด้วยโรคหัวใจ ด้วยวัย 77 ปี
.
.
.
โรคจิตเกิ๊น
เอ็ดเวิร์ด กีน (ed gein) วิปลาสจอมถลกศพ
[IMG]