แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Nook747 เมื่อ 2014-5-13 19:23
กระทู้ก่อนหน้านี้ ความเป็นมาของชนเผ่าบนทุ่งหญ้า
มาแล้วนะครับ สำหรับตอนที่ 2 ของมหากาพย์ตำนานของมองโกล โดยจะมี 2 ตอนย่อยนะครับ เชิญอ่านได้ตามสบาย......
ตอนที่ 1:ความเป็นมาของชาวมองโกล
เอาล่ะครับ เราก็รู้จักที่มาของชนเผ่าในทุ่งหญ้ากันมาพอสมควรแล้ว คราวนี้ก็วกมาถึงคิวชาวมองโกลกันได้แล้ว
ชาวมองโกลเป็นหนึ่งในสาขาย่อยของเซียนเป่ยในอดีตดังที่ผมได้กล่าวไปในตอนที่แล้ว เพียงแต่ว่าเผ่ามองโกลไม่ได้อพยพลงมาพร้อมกับเผ่าเซียนเป่ย หากแต่ถิ่นฐานเดิมของพวกมองโกลนั้นอาศัยอยู่แถบเหนือสุดของทุ่งหญ้ามองโกเลียโน่นเลยครับ จนกระทั่งราวๆปลายศตวรรษที่ ๔ - ๕ พวกมองโกลก็เริ่มอพยพลงมาอาศัยในเขตทุ่งสเตปป์ตอนกลางของทะเลทรายโกบีทั้งหมด
สำหรับตำนานความเป็นมาของชาวมองโกลนั้น ก็มีเรื่องเล่าอยู่ว่า...
ปรากฏมี "เจ้าชายหมาป่าสีน้ำเงิน" แห่งป่าสนแดนเหนือ มาพบกับ "นางกวางสีขาว" แห่งทุ่งหญ้า และทั้งคู่ก็เกิดอาการอินเลิฟจนเกิดกลายมาเป็นบรรพบุรุษของชาวมองโกล - รวบสั้นง่ายๆงี้ล่ะครับ - เอวัง
สำหรับเนื้อหาในตำนานนี้ผมเชื่อว่าพอมีเค้าความจริงอยู่บ้างล่ะครับ เพราะความหมายที่แฝงในตำนานนั้นโดยอุปมาหรือเป็นเชิงสัญลักษณ์ได้ว่า เจ้าชายหมาป่าสีน้ำเงินและนางกวางสีขาวนั้น อาจเปรียบเปรยถึงชนเผ่าที่นับถือสัตว์แห่งเทพที่ต่างกัน โดยเผ่าหนึ่งนับถือหมาป่า แต่อีกเผ่านับถือกวาง และทั้งสองเผ่าก็มากินดองรวมเผ่าอยู่ด้วยกันในที่สุด - ว่างั้น
ในทางกลับกัน มันก็อาจจะหมายถึงการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ด้วยก็เป็นได้ เพราะถ้าหากใครช่างสังเกตถึงลักษณะของชาวมองโกเลียในปัจจุบัน หรือไปเคยอ่านบันทึกของชาวจีนที่ได้พรรณาถึงชนเผ่าเร่ร่อนในยุคนั้นจะบอกว่า ชนเผ่าเร่ร่อนนอกด่านนั้่นมีลักษณะหน้าตาที่ผิดแผกแตกต่างไปจากชาวจงหยวนพอสมควร คือนอกจากจะมีร่างกายใหญ่โตแล้ว พวกเขายังมีผิวสีเข้มกว่า ผมสีอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง หรือแม้แต่สีเทาเข้มก็มี มีจมูกโด่ง โหนกคิ้วสูง เบ้าตาลึก และนัยน์ตาสีจางคล้ายแมวหรือหมาป่า คือเป็นดวงตาสีน้ำตาลอำพัน เทา หรือแม้แต่เขียวมรกตก็มีด้วยเหมือนกัน - ว่าอย่างนั้น
บางทีผมยังอดสงสัยว่า ชาวมองโกลกับชาวอเมริกันพื้นเมือง (อินเดียนแดง) บางเผ่าเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า เพราะหน้าตาลูกพี่ละม้ายกันอย่างกะ "หล่อเบ้าเดียวกัน" มางั้นแหละ...
เอาเป็นว่าท่านผู้อ่านจะคิดอ่านประการใด ผมก็ไม่ขอว่ากันนะครับ แล้วแต่ใครจะคิดสรรหาเหตุผลก็ว่ากันไป เพราะผมก็ว่าได้แต่ตามหลักฐานที่มีอยู่เท่านั้นแล...
สำหรับวิถีชีวิตของชาวมองโกลก็เหมือนกับชนเผ่าเร่ร่อนอื่นๆตรงที่ เป็นชนชาติที่ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงและล่าสัตว์ มักจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยตามฤดูกาลที่หมุนเวียนไป เช่นว่าถ้าเข้าฤดูหนาวแล้วก็จะอพยพลงใต้ไปยังดินแดนที่อบอุ่นกว่า (เล็กน้อย) และเมื่อสิ้นฤดูหนาวก็จะอพยพไปยังทุ่งหญ้าทางเหนือที่อากาศเย็นกว่า - วนไปเวียนมาเช่นนี้มานานนับพันปีล่ะครับ
ในเมื่อต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนไปมาเช่นนี้นี่เอง ชาวมองโกลและเผ่าเร่ร่อนกลุ่มต่างๆจึงมีความผูกพันกับม้าเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าขาดสัตว์เลี้ยงอื่นยังพออยู่รอด แต่ถ้าขาดม้าเมื่อไหร่ก็บรรลัยเมื่อนั้นล่ะครับ
แหม่ พวกก็ว่าเข้าไปนั่นเทียว แต่ทำไงได้ล่ะ พวกก็โตมากับม้าจริงๆนี่หว่า เพราะผมทราบมาว่าเด็กมองโกลขี่ม้าเป็นก่อนเดินได้อีกนะนั่น
ประมาณว่าถ้าลูกโตจนตั้งไข่ (ยืน) ได้แล้ว พ่อแม่ก็จะจับยัดอานไปตั้งตัวกันบนหลังม้า แล้วให้เด็กเรียนรู้การบังคับม้าเบื้องต้น เพื่อให้เด็กสามารถช่วยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง จะไม่ได้เป็นภาระให้พ่อ:Xากจนเกินไปนั่นเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วถ้ายังเป็นเด็กอ่อนล่ะ พ่อแม่จะดูแลยังไงถ้าต้องขี่ม้าเดินทาง?
ยากอะไรล่ะครับ ก็ให้พ่อไอ้หนูหรือแม่อีหนูคนดีไปอยู่ในกระบุงที่แขวนข้างอานม้าหรือพนักหลังอูฐนั่นล่ะครับ - ง่ายดี!
ก็อย่างว่าล่ะครับ ชีวิตบนทุ่งหญ้ามันสุขสบายเสียที่ไหนกันล่ะ เพราะความที่เป็นชาวทุ่งที่ต้องอยู่ในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งเอเชียกลางเช่นนั้นแล้ว เด็กๆชาวมองโกลที่ช่วยเหลือตัวเองได้แล้วก็ต้องออกจากกระโจมไปช่วยพ่อแม่ทำงานกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟอกหนัง เย็บผ้าสักลาดเพื่อห่อกระโจม หรืองานหลักก็คือออกไปดูแลสัตว์เลี้ยงในทุ่งหญ้า ซึ่งเด็กๆจะต้องฝึกการใช้ธนูเพื่อป้องกันตัวเองและสัตว์เลี้ยงจากสัตว์นักล่าบนทุ่งหญ้าอย่างจิ้งจอก หมาป่า หรือแม้แต่นกอินทรีใหญ่อีกต่างหาก
ส่วนภัยจากสัตว์ป่านั่นก็เรื่องหนึ่งครับ แต่ไอ้ภัยจากธรรมชาติอย่างอื่นเช่นอากาศหนาวแบบ -10 อัพนี่สิครับ และถ้าเข้าฤดูหนาวกันแล้วก็ไม่ต้องพูดถึง พวกล่อไป -30 โน่นเลยทีเดียว
ดังนั้น ถ้าเด็กคนไหนไม่แกร่งจริง ย่อมไม่มีชีวิตพ้นฤดูหนาวอันหฤโหดไปได้หรอกครับ แต่ที่ไอ้น่ากลัวยิ่งกว่าภัยจากสัตว์ป่าและฤดูกาลตามธรรมชาติก็คือ "มนุษย์" ด้วยกันเองนี่ล่ะครับ
เพราะถ้าไม่ใช่เพราะภัยสงครามระหว่างเผ่าใหญ่ๆแล้ว มันก็จะมีพวกมนุษย์แตกเผ่าที่แยกตัวออกมาเป็นกองโจรคอยปล้นสะดมโจมตีชนเผ่าอื่นๆไปด้วยอยู่ตลอดเวลานั่นล่ะครับ
เพราะฉะนั้นแล้ว ดินแดนบนทุ่งหญ้ามองโกลมันจึงเป็นยิ่งกว่าแดนเถื่อนอีกนะครับ...
อย่างไรก็ตาม เพราะความที่ชนเผ่าแห่งทุ่งหญ้ามองโกลไม่เคยรวมเป็นปึกแผ่นได้นี้เอง จึงเป็นเหตุให้ชาวมองโกลต้องถูกชนเผ่าที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาปกครอง ไม่ว่าจะเป็นเผ่าชี่ตันแห่งต้าเหลียว และหนี่เจินแห่งต้าจินที่ยกทัพขึ้นมาพิชิตดินแดนในทุ่งหญ้าและสยบทุกเผ่าเอาไว้ในอำนาจโดยเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคที่ราชวงศ์จินปกครองทุ่งหญ้ามองโกลนี่ล่ะครับคือยุคแห่งความซวยครั้งมโหฬารของชนเผ่าแห่งทุ่งหญ้าจริงๆ
เพราะความไม่รู้จักสามัคคีกันนี่แหละครับ ที่ทำให้ชาวมองโกลต้องเป็น “ขี้ข้า” เขามาเป็นชาติ นับแต่ราชวงศ์เหลียวของชาวชี่ตันปกครองดินแดนแถบนี้มา ชาวมองโกลก็ตกเป็นเบี้ยล่างเขาตลอดศก พอพวกพวกหนี่เจินได้สถาปนาราชวงศ์จินได้ พวกมองโกลก็ต้องซวยหนักกว่าเดิม...
เพราะราชสำนักจินเองก็เกรงว่าจะมีชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มอื่นรวมตัวกันเป็นฝึกแผ่นแล้วหันย้อนมาโค่นล้มตนเอง เฉกเช่นเดียวกันกับที่ตนเองล้มล้างราชวงศ์เหลียวมาก่อน ราชสำนักต้าจินจึงดำเนินนโยบาย "แบ่งแยกและปกครอง" ด้วยการสนับสนุนเผ่าเร่ร่อนที่ทรงอำนาจซักเผ่าให้เป็น "ข้าหลวง" หรือตัวแทนแห่งราชสำนักต้าจินในการปกครองทุ่งหญ้า จากนั้นเมื่อครบ ๓ ปีแล้ว กองทัพจินก็จะกรีธาทัพขึ้นเหนือพร้อมกับมีคำสั่งให้ชนเผ่าที่เป็นพันธมิตรกับตนออกกวาดล้างชนเผ่ากลุ่มอื่นๆให้ราบคาบอีกต่างหาก!
ทว่า เมื่อใดที่เผ่าพันธมิตรเริ่มสะสมอำนาจจนแข็งแกร่งพอตัว หรือเริ่มเกิดอาการกระด้างกระเดื่องขึ้นมาเมื่อไหร่ ราชสำนักจินก็จะหันไปสนับสนุนเผ่าเร่ร่อนอีกกลุ่มขึ้นมาแทนที่ แล้วเกิดกลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำไปเวียนมาไม่สิ้นสุด
เป็นไงล่ะครับคุณผู้อ่าน เ:X้ยมแบบ ตก ม.ม้า สุดๆไหมล่ะครับ?
.
เพราะการกดขี่ข่มเหงจากราชสำนักจิน และการทำสงครามชิงอำนาจกันเองในหมู่ชาวมองโกลนี่เองครับ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล - ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว
เรื่องราวจะเป็นเช่นใดนั้น - โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...
Credit:Penedge
(Greater Mongol Empire Series)ความเป็นมาของชาวมองโกล