เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ความสุขในชีวิตเป็นสิ่งที่ใครต่างก็อยากมี ยิ่งมีได้มากเท่าไรก็เหมือนได้กำไรชีวิตมากเท่านั้น โดยเฉพาะในยุคที่มีการแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ ความสุขก็ดูเหมือนจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น แต่ทราบกันไหมคะว่า หลาย ๆ พฤติกรรมที่เราทำจนติดเป็นนิสัย บางทีก็เป็นตัวบ่อนทำลายความสุขในชีวิตเราโดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัวเชียวล่ะ ส่วนพฤติกรรมทำลายความสุขที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูข้อมูลจากเว็บไซต์ Marc and Angle Hack Life กันได้เลย แล้วก็ขจัดนิสัยที่ทำลายความสุขเราไปพร้อม ๆ กันด้วยนะ ลุย !
1. สนใจเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องตัวเอง
เมื่อใดก็ตามที่เราเทความสนใจไปที่เรื่องของคนอื่น จนลืมสนใจเรื่องราวของตัวเอง เมื่อนั้นจะเกิดการเปรียบเทียบขึ้นมาทันที และการเปรียบเทียบที่ว่า ก็มีแนวโน้มจะลดทอนความสุขในชีวิตของเราได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมองมัวแต่สนใจความสำเร็จของคนอื่น แล้วลืมกลับมามองสิ่งที่ตัวเองมี แถมไม่ยอมขยับเขยื้อนชีวิตให้ก้าวหน้าไปในแบบของตัวเอง คุณก็คงได้แต่ยืนมองคนอื่นเขาปีนขึ้นไปในระดับที่สูง ในขณะที่ตัวเองยังย่ำอยู่กับที่ จนในที่สุดก็เกิดความทุกข์ท้อใจได้
ดังนั้นพยายามรับข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเองให้น้อย แล้วสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้ตัวเองเยอะ ๆ ดีกว่า ที่สำคัญคุณต้องเชื่อมั่น และศรัทธาในความสามารถของตัวเองให้มาก รวมทั้งอย่าปล่อยให้ใครมามีอิทธิพลกับชีวิตคุณจนคุณสูญเสียการควบคุมตัวเองเด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ก็คงไม่มีอะไรมาขัดขวางไม่ให้คุณพัฒนาตัวเองแน่ ๆ
2. รอจังหวะเหมาะสม ที่ไม่มีวันมาถึง
หากคุณเป็นคนมีความฝัน แต่กำลังรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน ถึงจะเริ่มลงมือทำตามฝัน และเป้าหมายที่วางไว้ แบบนี้เห็นทีคงไม่ได้เริ่มต้นสานฝันสักทีแน่ ๆ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่คุณกำลังรออยู่ อาจไม่มีจริงก็ได้ แต่สิ่งที่ทำให้คุณรอมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่คุณสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น แล้วอย่างนี้จะเดินไปถึงเส้นชัย แล้วมีความสุขกับมันได้เมื่อไหร่ล่ะ ฉะนั้นนับจากนี้ต่อไป อะไรที่คุณตั้งเป้าเอาไว้ ก็ลงมือเลยดีกว่า ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะสายไปซะก่อนนะครับ
3. ทำงานแบบเช้าชาม เย็นชาม
การทำงานเป็นชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของเราก็ว่าได้ ดังนั้นใครที่รู้สึกไม่แฮปปี้กับชีวิตการทำงานตอนนี้นัก อาจจะต้องปรับทัศนคติใหม่ ก่อนที่ความสุขของคุณจะหดหายมากไปกว่านี้ ซึ่งคุณอาจจะเปลี่ยนมุมมองมาคิดว่า งานเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น มีคุณค่าในตัวเองมากกว่าเดิม มีเงินที่สามารถบันดาลปัจจัยจำเป็นต่าง ๆ ในชีวิตให้คุณได้ แถมงานยังช่วยให้คุณจัดการชีวิตตัวเองได้อย่างมีระบบมากขึ้นอีกต่างหาก แต่หากใครไม่ไหวกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้จริง ๆ ก็ยังไม่สายที่จะหางานที่ให้ความสุขกับคุณมากกว่านี้นะครับ ไม่เชื่อลองดูสิ
4. เก็บกดความเกลียดชังไว้ในใจ
เมื่อความรู้สึกเกลียดเกิดขึ้นแล้ว เราก็ยากที่จะลบเลือนมันออกจากใจไปได้ง่าย ๆ อีกทั้งเมื่อเรารู้สึกเกลียดอะไร เราก็มักจะจดจำสิ่งนั้นได้ดี และใช้เวลาคิดวกไปวนมากับมันได้นานมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แน่นอนว่าไม่ส่งผลดีกับคุณไม่ว่าทางใดก็ตาม แถมบางทีเรายังผูกใจเจ็บแค้นมาเนิ่นนาน นานจนบางทีก็ลืมไปแล้วว่าโกรธเกลียดกันด้วยเรื่องอะไร จนสุดท้ายความโกรธเกลียดในจิตใจก็คั่งค้างอยู่ในความรู้สึก นานไปก็สร้างความทุกข์ให้คุณอย่างมหาศาล โดยที่ไม่ได้มีใครเจ็บช้ำไปกับคุณด้วยเลย ดังนั้นพยายามปล่อยวางทุกเรื่องที่ผ่านเขามาในชีวิต แล้วอยู่อย่างมีความสุขดีกว่านะครับ
5. ขังตัวเองไว้กับความวิตกกังวล
หากคุณลองมองย้อนกลับไปสัก 2-3 ปี คุณคงจะได้เห็นว่าตัวเองปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมามากมายเหลือเกิน เพียงแค่เพราะความวิตกกังวลและความกลัวที่เกินเหตุของคุณเองเท่านั้น ทำให้คุณพลาดโอกาสมีความสุขแบบสุดเหวี่ยงไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งยังต้องมานั่งรู้สึกผิด และเสียใจที่ตัดสินใจผิดพลาดในวันนั้นซะอีก
ดังนั้นหากคุณอยากมีอิสระ และมีความสุขในชีวิตมาก ๆ ต่อไปนี้ก็ลองปล่อยใจจากความวิตกกังวล และความกลัวเสียที แล้วเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้ทำบ้างก็ได้
6. ดื้อรั้นดันทุรัง
ยอมรับมาเถอะว่า บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เราก็รับรู้และคาดเดาได้ลาง ๆ ถึงความยากลำบากของมัน แต่ใจก็ยังดันทุรัง และรั้นจะสู้อย่างหัวชนฝา โดยที่ไม่ได้อาวุธที่มีอยู่ในมือเลย ซึ่งแบบนี้ก็คงไม่แคล้วต้องเจ็บตัวกลับมาแน่ ๆ จริงไหมล่ะ นักจิตวิทยาก็เลยแนะนำว่า วันไหนที่เจอเรื่องยุ่งยาก และคุณไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ในทันที ให้เลิกดันทุรังซะ จากนั้นก็ปล่อยใจให้สบาย เพราะเมื่อคุณมีจิตใจที่แจ่มใสขึ้น ปัญญาก็จะเกิด และในที่สุดก็อาจจะหาทางออกให้ปัญหาได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
7. ค้นหาความสุขระยะสั้น
นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า ในสมองของคนเรามีความคิดที่ส่งผลต่อการกระทำอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง นั่นก็คือ ความคิดชั่ววูบ และความคิดที่ยั่งยืน ซึ่งแบบแรกจะเกิดขึ้นในชั่วแวบของสมอง มีปัจจัยมาจากความรู้สึกแบบฉับพลัน และแรงกระตุ้นเร้าจากสิ่งรอบข้าง แต่ความคิดแบบยั่งยืน จะเกิดโดยผ่านกระบวนการไตร่ตรองจากสมองมาอย่างดีแล้ว
แต่ก็แปลกที่คนส่วนใหญ่มักจะสับสนระหว่าง 2 ความคิดนี้เป็นอย่างมาก และชอบคิดว่าความรู้สึกเพียงชั่วแวบ คือความสุขที่ตัวเองต้องการจริง ๆ และต่างก็โหยหาความรู้สึกชั่วแวบกันให้ควัก ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วความรู้สึกแบบฉับพลัน มีแนวโน้มจะเป็นความสุขในระยะสั้นกับชีวิตซะมากกว่าด้วยซ้ำ ส่วนความรู้สึกแบบยั่งยืนต่างหาก ที่จะทำให้คุณเป็นสุขอย่างมั่นคง
8. ใจร้อนและกดดันตัวเองจนเกินไป
เราเชื่อว่าหลายคนอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น แต่ยิ่งพยายามเปลี่ยนแปลงเท่าไร กลับยิ่งรู้สึกเหนื่อย ท้อ และไร้ความสุขมากเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า คุณใจร้อน และกดดันตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้รู้สึกเหมือนวิ่งวนอยู่ในกรอบ เหนื่อยล้า แต่หาทางเดินต่อไปไม่ได้สักที ฉะนั้นคงดีกว่าหากจะค่อย ๆ ปรับจากสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตก่อน ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบร้อน ให้โอกาสตัวเองได้หยุดพัก และไตร่ตรองบางอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้อีกหน่อย จะได้รู้สึกสบายขึ้นนะครับ
9. ไม่ยอมตัดใจจากคนที่ทำให้เจ็บปวด
บางครั้งเราก็เลือกที่จะเดินออกห่างจากใครสักคน เพียงเพราะไม่อยากทนเจ็บอีกต่อไป แต่พฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่ทำ คือ อยู่ห่าง แต่ไม่ยอมตัดใจจากเขาสักที ซึ่งแบบนี้นี่ล่ะที่ทำให้คุณต้องจมอยู่กับความทุกข์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด แถมยังพาตัวเองไปเป็นของตายให้เขาวกกลับมาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉะนั้นหากอยากหลุดพ้นจากบ่วงแสนทุกข์นี้สักที คุณก็ควรต้องมีความเด็ดขาดให้มากกว่านี้ และแม้ว่ามันจะทำได้ยาก แต่ก็คงไม่ยากเกินกว่าที่จะรักตัวเองให้เป็นจริงไหมล่ะ
10. มองทุกอย่างเพียงผิวเผิน
หนังสือที่มีหน้าปกสวยไม่ได้หมายความว่าจะมีเนื้อหาที่โดนใจคุณเสมอไป หรือหนังสือที่ดูเก่าซอมซ่อก็อาจจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจมากก็ได้ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน และกว่าเราจะทำความรู้จักกับบางอย่างให้ลึกซึ้ง ก็ควรต้องใช้เวลาศึกษามันให้ละเอียดถี่ถ้วน จะได้มีความสุขกับสิ่งที่เลือกได้นาน ๆ ไม่ต้องเสี่ยงมาทุกข์ใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะมองทุกอย่างเพียงผิวเผินยังไงล่ะ
จะว่าไปความสุขก็คงมีอยู่ในตัวเราทุกคนในระดับที่เต็มล้นเท่ากันหมด เพียงแต่ใครจะรักษาความสุขให้อยู่กับเราได้มากน้อยแค่ไหนต่างหากเนอะ และถ้าคุณเองก็แอบมีนิสัยวายร้ายแบบนี้ติดตัวอยู่ ทางที่ดีก็ปรับเปลี่ยนซะ จะได้มีความสุขมากขึ้นนะ
10 พฤติกรรมวายร้าย ทำลายความสุขโดยไม่รู้ตัว !
โอตาคุที่ดีไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเมะทุกเรื่อง แต่เป็นโอตาคุที่แบ่งเวลาเป็นต่างหาก
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
[IMG]