แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย reiko เมื่อ 2011-10-1 03:55
สี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน
(จีน: 四大美人; พินอิน: sì dà měi rén; อังกฤษ: Four Beauties) เป็นคำเรียกสตรี 4 คนที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประวัติศาสตร์จีนโบราณ โดยทั้ง 4 คนนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองพลิกผันถึงขั้นล่มสลายของอาณาจักรหรือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ คำโคลงจีนที่ใช้เรียกสตรีทั้งสี่นี้ได้แก่ "沉鱼落雁,闭月羞花" ในพากย์ภาษาไทย อาจารย์ถาวร สิกขโกศล ได้แปลไว้เป็นบทกลอนว่า
ตัวเต็ม | | ตัวย่อ | | พินอิน | | ความหมาย |
西施沉魚 昭君落雁 貂嬋閉月 貴妃羞花 | 西施沉鱼 昭君落雁 貂婵闭月 贵妃羞花 | XīShī chén yú ZhāoJūn luòyàn DiāoChán bì yuè GuìFēi xiū huā | มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง |
รายชื่อนามสตรีทั้งสี่ เรียงตามช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ดังนี้
- ไซซี (Xi Shi, 沉鱼, 西施) มีชีวิตอยู่ช่วง ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ในสมัยชุนชิว ได้ฉายาว่า "มัจฉาจมวารี" (沉鱼)
- หวังเจาจวิน (Wang Zhaojun) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ได้ฉายาว่า "ปักษีตกนภา" (落雁)
- เตียวเสี้ยน (Diao Chan) มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก ได้ฉายาว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (闭月)
- หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ถัง ได้ฉายาว่า "มวลผกาละอายนาง" (羞花)
มารู้จักแต่ละคนอย่างละเอียดกัน
ไซซี
ตามสำเนียงแต้จิ๋ว หรือ ซี ซือ ตามสำเนียงกลาง (จีน: 西施;p=Xī Shī; อังกฤษ: Xi Shi) เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน เกิดประมาณ ค.ศ. 506 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับยุคชุนชิว ที่มณฑลเจ้อเจียง ในรัฐเยว่ (State of Yue)
"ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ" (so beautiful as to make swimming fish sink)
ในยุคเลียดก๊กที่แต่ละรัฐรบกันนั้น รัฐอู๋เป็นรัฐที่มีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งจึงสามารถรบชนะรัฐเยว่และจับตัวเยว่อ๋องโกวเจี้ยน และอัครเสนาบดีฟ่านหลีไปเป็นตัวประกันที่รัฐอู๋ด้วย เยว่อ๋องโกวเจี้ยนต้องการที่จะแก้แค้นเพื่อกู้ชาติแต่จำต้องยอมจงรักภักดีเพื่อให้อู๋อ๋องไว้ใจ
ครั้งหนึ่งอู๋อ๋องเกิดมีอาการปวดท้อง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายไม่สามารถให้การรักษาได้ เยว่อ๋องโกวเจี้ยนได้ชิมอุจจาระของอู๋อ๋องต่อหน้าเสนาธิการทั้งปวง และบอกว่าอู๋อ๋องเพียงแค่มีพระวรกายที่เย็นเกินไป หากได้ดื่มสุราและทำร่างกายให้อบอุ่นขึ้นก็จะมีอาการดีขึ้นเอง และเมื่ออู๋อ๋องได้ทำตามก็หายประชวร อู๋อ๋องเห็นว่าเยว่อ๋องโกวเจี้ยนมีความจงรักภักดีจึงปล่อยตัวกลับคืนสู่รัฐเยว่ เมื่อกลับสู่รัฐเยว่ เยว่อ๋องโกวเจี๋ยนก็วางแผนที่จะกู้ชาติทันที โดยมีฟ่านหลี่เป็นอำมาตย์คอยให้คำปรึกษา ฟ่านหลี่ได้เสนอแผนการสามอย่าง คือ ฝึกฝนกองกำลังทหาร พัฒนาด้านกสิกรรม และ ส่งสาวงามไปเป็นเครื่องบรรณาการ พร้อมกับเป็นสายคอยส่งข่าวภายในให้ ไซซีเป็นหญิงสาวชาวบ้าน ลูกสาวคนตัดฟืนที่เขาจู้หลัวซาน (ภาษาแต้จิ๋ว กิวล่อซัว) นางถูกพบครั้งแรกขณะซักผ้าริมลำธาร นางมีหน้าตางดงามมาก พร้อมกับนางเจิ้งตัน (แต้ตัน) ซึ่งมีความงามไม่แพ้กัน ฟ่านหลี่ (เถาจูกง) เสนาบดีรัฐเยว่เป็นผู้ดูแลอบรมนางทั้ง 2 ให้มีอุดมการณ์เพื่อบ้านเมือง เป็นเวลานานถึง 3 ปี เพื่อที่จะไปเป็นบรรณาการให้กับรัฐอู่ เพื่อมอมเมาให้อู่อ๋องฟูซา เจ้านครรัฐอู่ ลุ่มหลงอยู่กับเสน่ห์ของนาง จนไม่บริหารบ้านเมือง ซึ่งอู๋อ๋องฟูซาหลงใหลนางไซซีมากกว่านางเจิ้งตัน ทำให้นางเจิ้งตันน้อยใจจนผูกคอตาย ขณะที่มาอยู่ได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ผ่านไป 13 ปี
เมื่อรัฐอู่อ่อนแอลง รัฐเยว่ก็สามารถเอาชนะได้สำเร็จในที่สุด
ภายหลังจากที่อู่อ๋องฟูซา ฆ่าตัวตายไปแล้ว นางกับอำมาตย์ฟ่านหลี่ที่ว่ากันว่า ได้ผูกสัมพันธ์ทางใจไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ก็ได้หายตัวไปพร้อมกันหลังเหตุการณ์นี้ บ้างก็ว่าทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ และไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ทะเลสาบไซ้โอว (ทะเลสาบซีหู) เป็นต้น
เสริมจ้า นอกจากนี้แล้วนั้น ไซซียังเป็นผู้ที่สามารถเอาชนะซุนวูเจ้าของพิชัยยุทธ์ที่โด่งดังได้อีกด้วย ถ้าจขกท. จำไม่ผิด คือในช่วงนั้นซุนวูได้นำผู้หญิงจำนวนหนึ่งมาสาธิกลยุทธ์และวิธีการต่างๆมากมายหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความที่เขารู้สึกว่าผู้หญิงนั้นไม่มีประโยชน์อะไรในการสงครามเนื่องจากไม่มีพละกำลังและความเป็นผู้นำทัดเทียมกับผู้ชายนั่นเอง จากการสาธิตนั้น ทำให้บางครั้งมีผู้หญิงถึงกับล้มตายและบาดเจ็บ บางคนถึงกับเก็บไปคิดมากเมื่อถูกซุนวูต่อว่า(ที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมีจิตใจอ่อนแอ)จนถึงกับฆ่าตัวตาย เมื่อไซซีพบเห็นเหตุการณ์นี้เข้าหลายต่อหลายครั้งเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปในฐานะที่่เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน เธอจึงตัดสินใจ เข้าไปปะทะกับซุนวูเพื่อให้เขาเปลี่ยนแนวคิดเรื่องผู้หญิงให้ได้ แต่เธอก็ต่อสู้ด้วยวิธีของผู้หญิง นั่นคือการโต้วาที
เธอชี้ให้ซุนวูเห็นว่าหากขาดซึ่งผู้หญิงแล้ว ต่อให้ผู้ชายชนะสงครามก็ไม่อาจทำให้กิจการบ้านเมืองดำรงต่อไปได้ เพราะผู้ชาย "ไม่สามารถสืบทายาท" หากขาดซึ่งผู้หญิง เธอถึงกับหลอกด่าซุนวูไปด้วยซ้ำว่าสิ่งใดๆก็แล้วแต่ที่เขาได้ว่า และพูดเกี่ยวกับผู้หญิงเสียๆหายๆในพิชัยยุทธ์ของเขาคงเพราะที่แท้มารดาของเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิง(เหอ) นอกจากนี้เธอยังชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ผู้ชายลำบากแทบตายเพื่อทำสิ่งใด บางครั้งผู้หญิงก็เพียงแค่ใช้คำพูดไ่ม่กี่คำ ยิ้ม หรือทำอะไรนิดหน่อย ผู้ชายต่างหากที่เป็นฝ่ายมายอมทำแทนให้แบบถวายชีวิต และด้วยเหตุผลยิบย่อยอีกหลายต่อหลายข้อ อีกทั้งมีการยกประวัิติศาสตร์ทั้งเรื่องของราชวงศ์และคนธรรมดา ทำให้ซุนวูถึงกับจนมุม(อึ้งอะสิ) และตั้งแต่นั้น เขาก็เลิกพูดจาดูถูกผู้หญิง และลดความรุนแรงในการสาธิตไปมาก อีกทั้งนุ่มนวลกับผู้หญิงมากขึ้น
จากเหตุการณ์นี้ ผู้คน จึงขนานนามเพิ่มให้กับไซซีว่า
"ไซซี.....ยอดหญิงงามผู้สยบจอมยุทธ์ มีชัยเหนือซุนวู"
เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน
"ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า" (so beautiful as to make flying geese fall)
หวังเจาจวินเดิมเป็นนางกำนัลในวังหลวง ที่ฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นส่งไปให้แก่ข่านของเผ่าซงหนู เพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรี
หวังเจาจวินในประวัติศาสตร์
หวังเจาจวินเกิดในตระกูลผู้มั่งคัง ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก เธอถูกส่งเข้าเป็นนางกำนัลในจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ก่อน พ.ศ. 504หรือ 39ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม พระจักรพรรดิไม่ทรงได้เคยพบเห็นหวังเจาจวินเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ในยามที่พระจักรพรรดิทรงเลือกนางสนมใหม่จากภาพนางกำนัลที่ทรงมี และมีศักดิ์สูงพอที่จะเป็นพระสนม ภาพวาดของหวังเจาจวินก็ไม่ใช้ภาพที่นำเสนอความงามที่แท้จริงของนาง ดังนั้นพระจักรพรรดิจึงทรงมองข้ามนางไป
พ.ศ. 511หรือ 32ปีก่อนคริสตกาล หู ฮันเซีย ผู้นำเผ่าซงหนูเดินทางมาเยือนฉางอันตามธรรมเนียมระหว่างฮั่นและซงหนู เขาก็ถือโอกาศขอพระราชทานธิดาจากพระจักรพรรดิเพื่อที่จะผูกสัมพันธ์เป็นราชบุตรเขยของพระจักรพรรดิ แต่แทนที่พระจักรพรรดิจะทรงส่งพระธิดาให้หู ฮันเซียตามที่ขอมา กลับทางเลือกนางกำนัล 5 นางมาให้ผู้นำเผ่าซงหนูเลือกเอาเอง และหนึ่งในนั้นก็คือ หวังเจาจวิน
ใน Book of the Later Han กล่าวว่า หวังเจาจวินอาสาที่จะไปเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าซงหนูด้วยตัวเอง เมื่อนางได้ไปปรากฏตัวในท้องพระโรง ความงามของนางถึงกับสะกดขุนนางทั่วทั้งท้องพระโรง รวมทั้งพระจักรพรรดิด้วย จนพระองค์ถึงกับทบทวนแนวพระราชดำริที่จะส่งนางไปยังซงหนู
หวังเจาจวินกลายมาเป็นภริยาคนโปรดของหู ฮันเซีย มีลูกชายด้วยกัน 2คน คนหนึ่งดูเหมือนว่าจะมีชีวิตรอดมาได้ และมีลูกสาวอีกอย่างน้อย 1 คน พ.ศ. 513 หู ฮันเซียถึงแก่กรรม นางยื่นฎีกาถึงพระจักรพรรดิฮั่นฉางตี้ ขอเดินทางกลับฉางอัน แต่ทรงปฏิเสธและสั่งให้นางทำตามธรรมเนียมของชาวซงหนู คือตกเป็นภริยาของผู้นำคนใหม่ของเผ่าซงหนู ซึ่งก็คือพี่ชายคนโตของหู ฮันเซีย หลังการแต่งงานใหม่ เธอมีลูกสาวอีก 2คน
หวังเจาจวินในตำนาน
ยังมีตำนานอื่นที่กล่าวว่า หวังเจาจวินตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับลูกชายตัวเอง
เรื่องราวของเธอกลายมาเป็นตำนาน "การเดินทางของหวังเจาจวินสู่นอกด่าน" (昭君出塞) และทำให้สันติภาพระหว่างซุงหนู กับจีนดำเนินมาได้ถึง 60 ปี อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทางจีนก็ขาดการติดต่อกับเชื้อสายของเธอ
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3เป็นต้นมา เรื่องราวของเธอได้ถูกตบแต่งขึ้นมา และเธอถูกเล่าขานในลักษณะของวีรสตรีที่น่าสงสาร พรรคคอมมิวนิสต์จีน ใช้เรื่องราวของเธอเป็นสัญลักษณ์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างชาวฮั่นและชนชาติอื่นๆ ในจีน ปัจจุบันสุสานของเธอยังคงปรากฏในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน
การขนามนามเพิ่มเติม
"หวางเจาจวิน......ยอดพธูผู้เสียสละสู่แดนไกล"
เตียวเสียน
อังกฤษ: Diao chan; จีนตัวเต็ม: 貂蟬; จีนตัวย่อ: 貂蝉) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก บุตรบุญธรรมของอ้องอุ้น ฉายานามว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (จีน: 闭月 พินอิน: bì yuè) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"
ประวัติ
เตียวเสียนเป็นหญิงรับใช้ที่พ่อแม่ตายแต่ยังเล็ก ได้อ้องอุ้นรับมาชุบเลี้ยง ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี ยามที่อ้องอุ้นถอดถอนหายใจด้วยห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองยามดึก แล้วออกมาพบเตียวเสียนนั่งร้องไห้กับเดือนอยู่ อ้องอุ้นถามว่า นังหนู ร้องไห้ด้วยเหตุใด อกหักเพราะความรักล่ะสิ เตียวเสียนตอบว่า มิได้ นางร้องไห้เพราะสงสารอ้องอุ้นที่เหมือนบิดาตนกลุ้มใจ เมื่ออ้องอุ้นได้เห็นโฉมหน้าของเตียวเสียนอย่างชัดเจนแล้วจึงอุทานว่า แผ่นดินมีคนมาช่วยแล้ว
อ้องอุ้นวางแผนให้เตียวเสียนใช้มารยาหญิงทำให้ตั๋งโต๊ะและลิโป้แตกคอกันจนฆ่ากันเองในที่สุด โดยจะยกให้แก่ลิโป้ก่อน แล้วจึงยกให้ตั๋งโต๊ะ ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่อ้องอุ้นวางไว้ทุกประการ และหลังจากตอนนี้แล้ว เตียวเสียนก็ไปเป็นภรรยาคนที่สองของลิโป้ แต่การตายของเตียวเสียนก็ไม่ปรากฏแน่ชัด ในปัจจุบันมีการวิเคราะห์ว่า เตียวเสี้ยนแตกต่างจากหญิงงามอีกสามคนในจำนวนหญิงงามสี่แผ่นดินของจีน เนื่องจากไม่ได้รับการยืนยันว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพียงหญิงรับใช้ของตั๋งโต๊ะที่มีความสัมพันธ์กับลิโป้ ซึ่งเป็นขุนศึกของตั๋งโต๊ะเท่านั้น
เสริมจ้า หลายคนว่า ว่าเตียวเสี้ยนนั้นเป็นหญิงเพศยา ที่ใช้มารยาจนล่มเมือง แต่จขกท. คิดงี้นะ(ส่วนตัว) ว่าผู้หญิงคนหนึ่งไปอยู่ท่ามกลางศัตรูเพื่อทำตามคำสั่งของบิดา ก็ถือว่าเธอเป็นคนกตัญญูละหนึ่ง อีกทั้งในระหว่างที่เธออยู่กับลิโป้นั้น ลองคิดว่าเป็นเราสิ คงเจอเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างที่ต้องอาศัยไหวพริบ และทักษะการพูด การวางตัว เพื่อเอาตัวรอดและให้บรรลุจุดประสงค์ อีกทั้งเธอต้องเสียสละร่วมเคียงกับคนที่เธอแทบจะไมู่รู้จักด้วยซ้ำ และยังต้องทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำให้ได้
กล่าวได้ว่า เธอต้องเสียสละชีวิตลูกผู้หญิงทั้งชีวิตเพื่อทำงานนี้เลยทีเีดียว
และแ่น่นอนเธอก็ทำได้สำเร็จ จึงกล่าวได้ว่า เธอเป็นผู้หญิง ที่ใช้ทุกอย่างซึ่งเป็นอาวุธของลูกผู้หญิง
เพื่อบิดาและบ้านเมืองได้อย่างไร้เทียมทาน จริงๆ
การขนานนามเพิ่มเติม
"เตียวเสียน......อรไทผู้ไร้บุคคลจริงแห่งสามก๊ก"
หยางกุ้ยเฟย
หยางกุ้ยเฟย (อังกฤษ: Yang Guifei ; จีน: 楊貴妃) พระนามเดิมคือ หยางอี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan ; จีน: 楊玉環) เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 719 สิ้นพระชนม์ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 756 เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน
กล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟยทรงเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใช้ชนม์ชีพในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับฉายานามว่า "มวลผกาละอายนาง" (จีน: 羞花; พินอิน: xiū huā) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย"
(a face that would make all flowers feel shameful)
หยางกุ้ยเฟยเป็นพระสนมเอกในจักรพรรดิถังเสวียนจง ของราชวงศ์ถัง อิทธิพลของหยางกุ้ยเฟยทำให้ญาติของพระนางขึ้นมามีบทบาทในราชสำนัก ในภายหลังเกิดการกบฎ ฮ่องเต้ถังเสวียนจงได้มีพระบรมราชโองการให้พระนางสำเร็จโทษโดยแขวนพระศอสิ้นพระชนม์ชีพ โดยใช้ผ้าแพรของฮ่องเต้ถังเสวียนจง ระหว่างการหลบหนี โดยที่หยางกุ้ยเฟยมีอายุเพียง 37 ปี
หลังจากที่หยางกุ้ยเฟยฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่มีภาพวาดของนางปรากฏให้เห็นอีกเลย อีกทั้งตระกูลหยาง ยังถูกตัดสินฆ่าล้างทั้งตระกูล จนบัดเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่แน่ใจว่ายังมีหลักฐานเกี่ยวกับ หยางกุ้ยเฟยหลงเหลืออีกหรือไม่
การขนานนามเพิ่มเติม
หยางกุ้ยเฟย......นงรามงามล่มชาติผู้อาภัพ
ถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งมีตัวตนขึ้นอีกครั้งบนโลกนี้ จะเป็นอย่างไรกันนะ
4 สุดยอดหญิงงาม ในตำนานของจีน!!!