แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย indyclubz เมื่อ 2011-10-5 08:43
อ.วากากิ ทามิกิ จาก NEET ตัวจริงสู่นักเขียนเซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ(The World God Only Knows)
พอดีเจอเรื่องน่าสนใจเลยลองแปลมาให้อ่านกันเล่นๆนะครับ ถ้าใครอ่านการ์ตูนBakuman ด้วย คงจะอินยิ่งขึ้น
วากากิ ทามิกิ (ญี่ปุ่น: 若木 民喜 Wakaki Tamiki ?)
ประวัติวากากิ ทามิกิ เกิด 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1972 (39 ปี)
นักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงาน:
- ศึกศิลามหัศจรรย์ อัลบาทรอส
- เซียนเกมรัก ขอเป็น เทพนักจีบ
เจ้าของผลงานฮิต “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ” (The World God Only Knows) ซึ่งลงในShonen Sunday ของญี่ปุ่นปัจจุบันมีออกมากว่า160 ตอนแล้ว และยังมีAnime ด้วย
ลิขสิทธิ์การ์ตูนมังงะของไทยโดย TKO
เออ ขอเตือนนิดนะครับ ในความเห็น2และ8ผมลงรูปจากเรื่องที่มีรูปสาวๆที่ยังไม่ออกมาในรวมเล่ม7ซึ่งเป็นเล่มล่าสุดในไทยนะครับ ดังนั้นมันอาจจะสปอยนิดๆสำหรับคนที่อ่านถึงแค่เนื้อหาในเล่ม7ครับ แต่แค่รูปเท่านั้นอ่ะนะ
สำหรับคนไม่เคยอ่าน เอาเรื่องย่อๆของเซียนเกมรักไป
จาก Wiki:
คัตสึรากิ เคย์มะ โอตาคุหนุ่มผู้มีฉายา "เทพตกหญิง" ผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยสาวๆ ในเกมจีบสาวรอดมือไปได้แม้แต่คนเดียว ได้รับอีเมล์ร้องขอให้ช่วยผูกมัดหัวใจของสาวจริงๆ จากโดคุโร่ หัวหน้าสาขาของกองกำลังเก็บวิญญาณ แต่เขาเข้าใจผิดว่า เป็นอีเมล์ท้าทายความสามารถในเกมจีบสาวของเขา การที่เขากดตกลงตอบรับอีเมล์ฉบับนั้น ทำให้เขาถูกผูกพันธะสัญญากับ เอลิเซีย เดอ ลูท อิม่าปีศาจสาวจากนรก และต้องคอยใช้ความรัก ผูกมัดจิตใจหญิงสาวที่มีตัวตนจริงๆ เพื่อล่า "วิญญาณที่หนีจากนรก" หรือ "คาเคทามะ" ที่สิงในหญิงสาวคนนั้นๆ ที่มีช่องว่างหรือปัญหาในใจที่เป็นช่องทางในการสถิตย์ของวิญญาณร้าย ซึ่งถ้าเคย์มะไม่ทำ เขากับเอลิเซีย จะหัวหลุดจากบ่าทันที
เพิ่งนึกได้ว่าภาพที่ลงอาจจะสปอยนิดหน่อย ขออภัยด้วย
Credit: ต่อไปแปลมาจากเว็บเหยี่ยวแดง และบล็อกAnimeApple ลงเครดิตเต็มๆไม่ได้ มีปัญหา
เบื้องหลังความสำเร็จของ อ.วากากิ จริงๆแล้วพี่เทพเคย์มะตัวเอกของเรื่อง คือกระจกสะท้อนตัวผู้แต่งเอง
ช่วงแรกก่อนหน้าจะเขียนการ์ตูน อ.วากากิจบจากม.โตเกียวเลยทีเดียว เขาเรียนรู้การเขียนการ์ตูนด้วยตนเอง และเขียนการ์ตูนเรื่องสั้น(One Shot)เรื่องแรกส่งในปี1993 ขณะอายุ21ปี ทำให้เขาได้รับรางวัลGrand Prize ของ Shogakukan Comics Awardใครๆต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตในวงการการ์ตูนที่สดใส
ช่วงสอง ส่งone shotไปหลายเรื่อง แต่โดนพวกบรรณาธิการสับยับทุกเรื่อง เขาหายออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริงเพราะช็อค หลังจากนั้นเป็นปี เขาก็กลับมาเป็นผู้ช่วยของทาเคมูระ ยูจิ(เขียนเรื่องไรก็ไม่รู้)
แต่งานผู้ช่วยก็ไม่สามารถทำให้เขามีโอกาสมีseries เป็นของตัวเองได้ ทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก เลยกลับไปบ้านเกิดที่โอซาก้าและกลายเป็น NEET (ความหมายทำนองไร้งาน ไม่ได้เรียน ไม่ได้เข้าtrainไรเลย ไม่ทำมาหากิน เหมือนอยู่ด้วยเงินจากทางบ้านเท่านั้น) และ Hikikomori (คือพวกหมกตัว หลีกหนีโลกแห่งความเป็นจริง) ซึ่งพอว่างงานและหมกตัวจากโลกแห่งความเป็นจริง อ.วากากิก็เล่นเกม เล่นเกม และก็เล่นเกม จนเวลาผ่านไป6ปีนับแต่ได้รางวัลมา อ.วากากิซึ่งขณะนั้นอายุ27ได้กลับไปที่โตเกียวอีกครั้ง ในปี2000 ขณะอายุได้28ก็ส่งone shot อีกครั้ง แล้วก็เหลวตามเคย ทำให้อ.วากากิหดหู่และสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิม
หารูปตัวจริงอาจารย์ไม่เจอแหะ
ช่วงสาม ในปี2006 13ปีนับจากได้รางวัลก็อายุได้33แล้ว ในที่สุดก็ได้มีseries เป็นของตัวเองคือเรื่อง “ศึกศิลามหัศจรรย์ อัลบาทรอส” (ในไทยก็มีฉบับลิขสิทธิ์) ซึ่งเรื่องนี้พัฒนามาจาก one shot ในปี2004
เรื่องอัลบาทรอสได้ลงเป็นเรื่องยาวราวๆ1ปี แล้วก็ถูกตัดจบ เนื่องจากความนิยมต่ำมากๆ ซึ่งแน่นอนมันก็จบอย่างค้างๆคาๆไป จนอ.วากากิต้องเขียนบล็อกขึ้นมาอธิบายเรื่องและตอบคำถาม เพราะเรื่องนี้โดนตัดจบ
เหตุการณ์สำคัญคือ อ.วากากิบอกในบล็อกว่าอยู่ในช่วงต่ำสุดของชีวิต เพราะมีเงินในบัญชีแค่หมื่นเยน เขาไม่มีเงินจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟและกำลังจะกลับสู่ยุคหินเพราะกำลังจะโดนตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งเขาบอกว่าเขามีทางเลือกสามทาง คือ
1 ยอมทำให้คุณภาพชีวิตตัวเองตกต่ำลง
2 เป็นหนี้
3 ยกเลิกการสั่งจองเกมNinjagaiden2 ล่วงหน้า (เอาเข้าไป)
สุดท้ายเขาเลือกทางที่สองคือเป็นหนี้ และลงท้ายบล็อกของเขาว่าโลกมันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
ช่วงสี่ ชีวิตของอ.วากากิเปลี่ยนไปเพราะ one shot เรื่องนึงที่พัฒนาเป็นพี่เทพเซียนเกมรักในเวลาต่อมา (เรื่องสั้นเขียนทดลอง ก่อนจะมาเป็นเซียนเกมรักตัวเต็ม) ซึ่งfeedbackของ one shot นี้ก็ไม่ได้ดีนัก ในสังคมอินเตอร์เน็ทและwebโอตาคุถือว่าone shot อันนี้น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่มาก(ด้วยเรื่องที่ว่าโอตาคุใช่้ความรู้จากเกมจีบสาวมาจีบสาวตัวจริง) แต่นอกจากนั้นคนอื่นๆต่างคิดว่าเรื่องนี้มันห่วยแตก
อันนี้ภาพเปิดตอนone shot ครับ (ถ้าจำไม่ผิดพระเอกจะคนละชื่อกันด้วย นามสกุลต่างกัน เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ต่อจากเรื่องยาวหรอกครับ เป็นคนละเรื่องกัน รายละเอียดต่างกัน แต่พล็อตหลักก็เหมือนเซียนเกมรักเรื่องยาวน่ะแหละครับ)
พอมาเป็นseries ยาวจริงๆในชื่อ “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ” (The World God Only Knows) กองบรรณาธิการในช่วงแรกก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้นัก ถึงขนาดทำนายว่าไม่มีทางยาวเกินรวมเล่ม5เล่มหรอก หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็เริ่มได้รับการยอมรับจากนักอ่านทั่วไปมากขึ้น ไม่นับพวกโอตาคุเกมจีบสาวที่มองว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนพระเจ้าอยู่แล้ว ในที่สุด อ.วากากิก็กลายเป็นนักเขียนชื่อดังมากๆคนนึงในShonen Sunday (ปัจจุบันน่าจะยาวจนที่ญี่ปุ่นออกเล่ม14แล้ว และยังไม่จบ ในไทยออกถึงเล่ม7 และมีanime ด้วย)
ภาพสาวๆที่ออกมาในช่วงแรกๆของเรื่องครับ
มาดูส่วนสุดท้ายกัน
ชีวิตอ.วากากิถูกสะท้อนออกมาอย่างมากในตัวพี่เทพเคย์มะและเรื่องเซียนเกมรัก
1. ในการจีบหญิง4ครั้งแรกของเรื่องจะเห็นว่ามันค่อนข้างสั้นและเดินเรื่องกระชับและเร็วมากๆ ที่เดินเรื่องเร็วๆเพราะอ.วากากิยังฝังใจที่เรื่องเดิมโดนตัดจบอยู่และทำให้ต้องจบเรื่องอย่างห่วยแตก เพราะเรื่องก่อนอ.วากากิเดินเนื้อเรื่องแบบเรื่องยาวๆ ใช้speedช้าๆ ซึ่งสำหรับนักเขียนที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก และไม่มีฐานแฟนๆ แฟนๆมักจะไม่ทนรอเรื่องที่ดำเนินไปเนิบๆช้าๆ และมองว่ามันไม่สนุก คราวนี้อ.วากากิเลยเร่งสปีดเรื่องแต่ต้น และไม่วางพล็อตยาวๆไว้
(อ่านถึงตอนนี้นึกถึงบาคุแมนมั้ยครับ ว่าถ้านักเขียนไม่มีชื่อจะมาดำเนินเรื่องแบบวางพล็อตยาวๆ เรื่องเนิบๆไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าใครมีเล่ม 7 ลองอ่านท้ายเล่มที่อ.วากากิพูดถึงเรื่องการเขียนเทนริกับไดอาน่าดู ว่าเป็นการเริ่มพล็อตยาวที่แกตั้งใจจะทำตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ยังไม่ทำ เพราะมีประสบการณ์โดนตัดจบกลางคันในเรื่องอัลบาทรอสมาแล้ว กว่าแกจะกล้าเริ่มพล็อตยาวๆจริงๆก็ปาเข้าไปหลายเล่ม)
2. ใครที่รู้ประวัติอ.วากากิก็จะรู้ว่าตัวเคย์มะและความรู้เรื่องเกมจีบสาวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของอ.วากากิเอง
3. พี่เทพมักพูดในเรื่องว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันห่วยแตก นี่เป็นประโยคที่อ.วากากิพูดตลอดเวลาในบล็อกของเขาเอง
4. อ.วากากิอธิบายวงการการ์ตูนของญี่ปุ่นที่เขาพบเจอด้วยตัวเองบ่อยๆ เพราะวงการนี้ทำให้เขามีชีวิตแบบNEET และ Hikikomori เนื่องจากเขียนเรื่องสั้นดีๆไม่ได้ และมีseries ไม่ได้ ทำให้เขาเกลียดโลกแห่งความเป็นจริงและพยายามจะหนีจากมันผ่านการเล่นเกม (สำหรับผู้จบจากม.โตเกียว เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา และหาหนทางกลับเจอ แม้จะใช้เวลาสิบกว่าปีก็ตาม)
5. อ.วากากิขนาดไปเล่นเกมสำหรับผู้หญิง คือเกมจีบหนุ่มเองจริงๆเพื่อจะหาข้อมูล (อันนี้เป็นเรื่องของยุยนะครับ ฉบับไทยยังไม่ถึง อ.วากากิทำตัวเป็นเทพนักจีบเอง 5555)
6. อ.วากากิไม่เคยหยุดพัก เขาบอกว่าเขากลัวการหยุด (ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกี่ยวกับตัวเคย์มะยังไง แต่น่าจะเอาไปบอกคนเขียนการ์ตูนจอมดอง จอมหยุดทั้งหลายนะเนี่ย)
7. อ.วากากิอธิบายพี่เทพว่า พี่เทพเป็นคนที่จะยืนยันความคิดของตนเอง และนำไปใช้ในสถานการณ์ราวกับความคิดนั้นเป็นสิ่งถูกต้องเสมอ และเป็นบ้า (อ.วากากิก็ยอมรับว่าตัวเองบ้าเหมือนกัน)
8. อันนี้เขียนไว้ในรวมเล่มเล่ม8นะครับ ของไทยยังไม่ออก คือช่วงเวลาแต่ละช่วงอายุของอ.วากากิเอง (น่าจะในหน้าเสริมในเล่ม8 มั้ง คงไม่ถือว่าสปอยนะ)
-อายุ21ปี เขาได้รับรางวัลGrand Prize ของ Shogakukan Comics Awardใครๆต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตในวงการการ์ตูนที่สดใส
-22 แย่มาก เพราะไม่สามารถ เขียนone shot ดีๆ และปรับพัฒนาไปทำseries เรื่องยาวได้
-23 ตกงาน
-24 เล่นเกม
-25 เล่นเกม
-26 เริ่มตัดสินใจว่าจะทำไรซักอย่าง
-27หลังได้รางวัล6ปี ตัดสินใจกลับไปโตเกียวเพื่อพยายามคืนวงการการ์ตูนอีกครั้ง
-28 ถูกบรรณาธิการสับจนหดหู่อีกครั้ง
-29 หลอกตัวเองด้วยการเล่นเกม
-30 หนีไม่พ้นแล้ว
-31 ในที่สุดก็ตระหนักว่าสิ่งที่เสียไปเอากลับคืนไม่ได้
-32 ร้องไห้ฟูมฟาย ด่าโลกแห่งความจริง
-33 อัลบาทรอสได้รับการตีพิมพ์เป็นเรื่องยาวเพราะความผิดพลาดของกองบรรณาธิการ
-34 อัลบาทรอสโดนตัดจบเพราะอำนาจของกองบรรณาธิการ
-35 เงินในธนาคารเหลือหมื่นเยน ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
-36 หลังจากประสบการณ์ในการเล่นเกมมากกว่า 10ปี “เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ”ได้ลงเป็นเรื่องยาว สังคมปกติมองอ.วากากิว่าเป็นคนบ้า แต่สังคมออนไลน์(เช่นพวกwebโอตาคุต่างๆ)มองว่าอ.วากากิเป็นพระเจ้า บางคนในกองบรรณาธิการบอกว่ารีบๆตัดจบเรื่องนี้เถอะ เพราะเห็นแล้วขวางหูขวางตา
-37 ถูกปฏิเสธไม่ได้รับรางวัลShogakukan Comics Award (อันนี้ประชดหรือเปล่าฟะ ไม่ค่อยเข้าใจ)
มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อ.วากากิน้ำตาแตกเพราะเรื่องเซียนเกมรักต้องพิมพ์เพิ่ม ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต นอกจากนี้เรื่องเซียนเกมรักได้รับการประกาศเป็นอนิเมะด้วย (เย้) อ.วากากิเขียนตอนพิเศษเพื่อฉลองอนิเมะ (หมายถึงตอนไหนก็ไม่รู้แหะ)
เป็นไงมั่งครับ น่าสนใจมั้ยกับเรื่องของนักเขียนการ์ตูนท่านนี้
ปิดท้ายด้วยอีกภาพจากเรื่องเซียนเกมรักที่ผมชอบภาพนี้มาก (ภาพอาจสปอยเล็กน้อย)
เพิ่มเติมเมะต่อ
รายชื่อนักภาคเรื่องนี้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Ae8e6MpChvc
Credit : อยากเป็นแรมโบ้^-^
จากเว็บ http://pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A11119039/A11119039.html
หนูแก้ไขนิดๆหน่อยๆค่ะให้คนอื่นเข้าใจง่ายขึ้น
อ.วากากิ ทามิกิ (The World God Only Knows)[ประวัตพี่แก]
♥The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood
Happyness belong to the contented.
Peace begins where ambition ends
All men naturally desire to know.No one is too old to learn♥
Happyness belong to the contented.
Peace begins where ambition ends
All men naturally desire to know.No one is too old to learn♥
[IMG]