วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของโปสการ์ดกัน
โปสการ์ดมันก็คือ กระดาษสี่เหลี่ยมๆ มาเยี่ยมพระจันทร์ฯ (ไม่ใช่โว้ย! พูดซะบ่งบอกถึงอายุรกรรมเลยนะเรา)
โปสการ์ดคือ กระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาด 4*6 นิ้ว อาจจะใหญ่หรือเล็กกว่านั้นก็ได้แม่ไม่ว่าแต่ขนาด 4*6 เนี่ยเป็นขนาดที่เค้านิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งส่วนประกอบของมันก็จะมี ชีส น้ำตาล แป้งสาลีและก็ยีนต์ ไอนั้นมันขนมปัง! เอาจริงๆ ประกอบด้วยส่วนหลังที่จะเป็นรูปภาพต่างๆ ที่ไม่ XXX และXXX จนเกินไป (ยกเว้นโปสการ์ดลุ้นบอลโลกของไปรษนีไทย ส่วนหลังจะเป็นความเว้งว้างอันไกลโพ้น) ส่วนข้างหน้าจะประกอบด้วย 2 ส่้วนคือ จ่าหน้าซอง และส่วนบรรยายความรู้สึก
ซึ่งสเน่ห์ของมันก็คือมันมันจะเป็นตัวแทนบอกเล่าความรู้สึกดีๆ จากแดนไกลให้แก่กัน ทำให้ผู้ที่ได้อ่านจะรู้สึกดีใจและแอบยิ้นกันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้แล้วโปสการ์ดยังเป็นตัวแทนในการบอกเล่าเรื่องราวต่างของเราในอดีตได้ด้วย (ถ้าเราไม่ทำหายหรือทิ้งไปก่อนนะ) ซึ่งต่างจาก Facebook ที่เมื่อนานข้อมูลเก่าๆ อาจจะหายได้ บางคนโดยแบนไอดีอีก กรรรม.....
จะว่าไปโปสการ์ดก็มีประวัตที่ยาสวนามมั่กๆ เลยนะ เริ่มต้นจากประเทศออสเตรเลียได้มีการใช้โปสการ์ดในการติดต่อ (แบบส่งไปถาม - และตอบกลับมา)ในปี ค.ศ. 1869 หรือ พ.ศ.2412 รูปร่างครั้งแรกของมันคือ กระดาษเปล่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังจากนั้นพัฒนาการเริ่มมีเสื้อผ้าใส่แลดูสวยงามขึ้นมีภาพประกอบ ผู้อุปถัมภ์ประเทศอังกฤษได้ออกพรบ.การไปรษณีย์ พ.ศ. 2445 อนุญาตให้เขียนข้อความลงบนด้านที่ใช้จ่าหน้าได้ด้านหนึ่งเป็นภาพสวยงามด้านหนึ่งมีข้อความและชื่อที่อยู่ผู้รับ และนั้นจึงทำให้เกิดยุคทองของโปสการ์ด (The golden age) ขึ้นในปี ค.ศ.1902-1918 โปสการ์ดในยุคนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากยุคทั่วไป เจ้าของผู้พิมพ์ขายเป็นชุดเพื่อสะดวกแก่การสะสมและผลกำไรแก่ผู้ซื้อและผู้ขายขายได้ทีละหลายๆใบ ซื้อได้ครั้งละหลายๆ ใบ รูปภาพที่นิยม (ภาพฮิตติดลมบน ดึงลงมาไม่ได้) คือภาพบุคคลสำคัญ นักกีฬา นักการเมือง นักแสดงและบาทหลวง ภาพสถานที่ต่างๆ สถานีรถไฟ ทิวทัศน์ เมืองและหมู่บ้านในชนบท ภาพการ์ตูนล้อเลียน ประเด็นร้อนในสังคม (ถ้าสมัยนี้ต้องรูปเณรคำ ทักษิท ลุงประยุทธ และเมะ ส่วนอาเบะจะส่งให้ใครก็ได้แต่อย่าส่งให้ผมนะ.)
ส่วนโปสการ์ดในบ้านเราเริ่มปลายรัชกาลที่ 5 โดยผู้ให้กำเนิดคือ Robert Lenz ชาวเยอรมันพิมพ์โปสการ์ดออกมาขายผู้ดูแลท่านต่อมา J.Antonio ชาวอิตาเลียนถ่ายภาพบางกอกและหัวเมืองต่างๆ ได้เยอะมาก เลยคิดหัวใสทำเป็นโปสการ์ดออกมาขายบ้างและได้มีการเปลี่ยนแปลงสมัยรัชกาลที่ 6 ชาวญี่ปุ่นไม่ทราบชื่อพิมพ์ออกมาขาย ซึ่งเริ่มเป็นชาวเอเชียบ้างแล้วที่มีหัวการค้าสมัยรัชกาลที่ 7 ชาวไทยไม่ทราบชื่ออีกเช่นกัน (พวกท่านจะไม่คิดประกาศชื่อให้โลกรู้เลยใช่ไหม? รู้ไหมมันลำบากคนเขียนกระทู้นะครับท่าน!)ทำออกมาขาย(กับเขาบ้าง)
ล่าสัตว์ เอ้ย! ล่าสุดหลังจากที่ได้ไปลองค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าจริงๆแล้วไปรษณียบัตรใบแรกที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องก็คือจากรัฐบาลของประเทศฮังการี ส่วนโปสการ์ดที่ซื้อขายกันนั้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษและที่ประเทศเยอรมันปรากฏโปสการ์ดแผ่นแรกคือในปี 1874ส่วนภาพของโปสการ์ดแผ่นแรกที่พิมพ์สี่สีคือภาพหอไอเฟลในปี 1889
คำชักชวน+ทดลอง :ในเมื่อใครหลายๆคนเคยเขียนโปสการ์ดหาเพื่อน แฟน พ่อแม่ ปู่ย่า บลาๆ แล้ว (ใครไม่เคยเขียนก็เขียนบ้างก็ดีนะ) เราอยากให้ลองเขียนหาตัวเองดูบ้าง เวลาไปเที่ยวที่ไหนไกลๆบางคนอาจจะเขียนไดอารี่บ้างอะไรบ้าง แต่ลองเขียนโปสการ์ดหาตัวเองดูสิ จะทำให้เราได้บรรยากาศ+ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของที่นั่นได้อย่างดีทีเดียวเลยล่ะ เพื่อนเราบอกว่าเราโรคจิตเขียนถึงตัวเองแต่มันรู้สึกดีจริงๆนะ! (เราอย่าได้แคร์สื่อ)
ขอขอบคุณ Dek-D.com และ
ขอขอบคุณ Dek-D.com และ
www.student.chula.ac.th ที่ให้ข้อมูลมาแบ่งปันกันนะครับผม.
http://www.youtube.com/watch?v=KKpLycXyM70
ประวัติPostcard แบบเสื่อมๆ
โอตาคุที่ดีไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเมะทุกเรื่อง แต่เป็นโอตาคุที่แบ่งเวลาเป็นต่างหาก
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 Sodaman ได้ทำการยุติการใช้บอร์ดนี้แล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านกระทู้ของผมเสมอมานะครับผม.
[IMG]