ผมมั่นใจว่าพอพูดทึงนาซีภาพแรกที่ทุกคนนึกคงเหมือนกับภาพนี้ไม่ก็ผู้นำจอมโหดอย่างฮิเลอร์หรือไม่ก็บันดารถทังต่างๆไม่ก็ความโหดร้ายที่ทำกับคนยิว แต่ก็ใช้ว่านาซีทุกคนจะมีจิตใจโหดร้ายไปซะหมดนี้คืนทหารนาซีคนนึงที่ได้สร้างเรื่องดีๆไว้ให้คนได้จดจำครับ
เรื่องโดย หมอจุฬา จากwww.tuaytoon.com
ชาลี บราวน์ตะลึงงันเมื่อได้เห็นว่าเขาตกอยู่ในเขตแดนของศัตรูตัวฉกาจ เมื่ออากาศยานแห่งลุฟวัฟเฟ่อันเกรียงไกรของนาซีได้บินรี่เข้ามาประชิดเครื่องบินบี 17 ของเขา ไม่มีหวังรอดแล้ว อีกไม่นานเครื่องที่หมดสภาพของเขาก็จะต้องถูกสอยร่วงด้วยเครื่องเปี่ยมสมรรถนะอย่างเมสเซอชมิดท์ที่บินจี้เข้ามาอยู่นี้
แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็บังเกิดขึ้น นักบินหนุ่มวัย 21 ปีอย่างบราวน์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อนายทหารนาซีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในเครื่องที่ตีคู่หันกลับมาโบกมือให้สัญญาณตีวงเลี้ยว 180 องศา เขาหักปีกเต็มในทิศตรงข้าม นาซีกำลังบอกทิศให้เขากลับบ้าน ในขณะที่เข็มทิศและระบบไฮดรอลิกของป้อมบินบี 17 แหลกละเอียดจากการถูกระดมยิงอย่างโชกโชนเมื่อสักครึ่งชั่วโมงมานี้ หมวดชาลีแทบไม่เห็นความหวังของการรอดกลับ อย่าว่าเอาชีวิตรอดเลยแค่ประคับประคองเครื่องกลับฝั่งอังกฤษเขาก็ไม่รู้ว่าจะเบนหัวไปทิศใดแล้ว
แต่บัดนี้ราวกับความฝัน เมื่อเครื่องของฝ่ายศัตรูที่น่าจะเป็นมฤตยูสำหรับเขากลับมาบินตีคู่และทำตัวเป็นต้นหนนำทางให้ ซึ่งชาลีก็เชื่อตามนั้นพร้อมกับขับเครื่องบินบินตามอย่างงงงวย คงเป็นด้วยความอ่อนล้าจากการศึกที่ฝากแผลสะเก็ดกระสุนปืนไว้ที่ไหล่ขวาเขาทำให้ชาลีทำตามอย่างว่าง่าย ในใจก็คิดว่าอาจเป็นภาพหลอนจากพิษบาดแผล แต่ความฝันนั้นถูกยืนยันเป็นความจริงร้อยเปอเซนต์เมื่อเขาบินไปจนเห็นขอบชายฝั่งเมืองโดเวอร์ปรากฏอยู่ตรงหน้า ช่องแคบอังกฤษอยู่แค่เอื้อมเงื้อมือดูราวกับว่าจะแตะทุ่งหญ้าเขียวบนพื้นก็ไม่ปาน
เขากำลังบินกลับบ้านในทิศทางที่ถูกต้อง!
เมื่อหันไปดูเครื่องเมสเซอชมิดต์ผู้ซึ่งน่าจะเป็นพระยมของเขามากกว่าก็ได้เห็นภาพอันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่า นั่นคือนักบินหนุ่มในเครื่องลำนั้นได้ยกมือขึ้นกระทำวันทยาหัตถ์ให้เขาอย่างชัดเจนผ่านกระจกห้องนักบินที่ใสแจ๋วนั้น หมวดบราวน์แน่ใจว่าได้เห็นรอยยิ้มบางๆที่มุมปากของนักบินฝ่ายศัตรูด้วย
ไม่น่าเชื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนกับไม่ใช่ความจริงในห้วงแห่งการยุทธ์ที่กำลังงวดเข้าแห่งมหาสงครามโลกครั้งที่สองนี้ ดังนั้นทันทีที่หมวดบราวน์นำเครื่องที่ปรุพรุนด้วยรูลูกปืนราวกับกระชอนบินได้ลงจอดที่ฐานทัพอากาศคิมโบลตันอันเป็นกองบัญชาการของเขาแล้ว เขาก็พยายามลำดับเรื่องราวทั้งหมด และทันทีที่หายจากอาการบาดเจ็บดีก็ได้นำมารายงานให้กับผู้บัญชาการทัพฟ้าแห่งสหราชอาณาจักรได้ฟัง
เขาถูกสั่งให้ “ปิด” ปากเงียบทันที...
เรื่องราวอันแสนอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นในวันหนึ่งที่แสนหนาวเหน็บเมื่อ 68 ปีที่แล้ว ช่างเป็นวันที่ราวกับถูกกำหนดมาจากเบื้องบนให้เกิดเหตุการณ์ที่แสนอัศจรรย์ขึ้น
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1943 นั้นเสืออากาศหนุ่มเพิ่งติดปีกนามผู้หมวดชาลี บราวน์เพิ่งได้รับคำสั่งให้เป็นผู้ถือบังเ:Xยนเจ้ายักษ์ใหญ่แห่งห้วงเวหานามว่าบี 17 ซึ่งความใหญ่ของมันและจำนวนปืนที่ติดตั้งไว้บนเครื่องทำให้มันกลายเป็นเครื่องจักรพิฆาตเหินฟ้าที่น้ำหนักมากอันดับต้น ได้ชื่อว่า “ป้อมบิน” ฟังดูไม่น่าจะมีใครกินลงสำหรับเครื่องรุ่นนี้แต่ทว่าของดีก็ย่อมมีข้อด้อย นั่นคือขนาดที่ใหญ่โตของมันผิดกับเครื่องคล่องตัวอย่าง “สปิตไฟร์” จึงทำให้ป้อมยังกลายเป็นเป้านิ่งกลางอากาศได้ง่าย ด้วยความอุ้ยอ้ายกว่าเครื่องบินเล็กเปี่ยมสมรรถนะอย่างเมสเซอชมิดท์ของนาซีเยอรมัน จาก “ป้อมยักษ์” จะกลายเป็น “เป้ายักษ์” แทน แต่ผู้หมวดหนุ่มชื่อน่ารักอย่างชาลี บราวน์ก็หาได้ยั่นเพราะนี่เป็นภารกิจแรกของเขาที่จะช่วยปกป้องน่านฟ้าเกาะอังกฤษและสู้กับนาซีที่สยายปีกออกมาอย่างสุดใจขาดดิ้น ด้วยทุกคนต่าง “อิน” กันคำปราศรัยปลุกเร้าของท่านเชอชิลที่ว่าเราจะสู้กับปัจจามิตรอย่างไม่ถอยทั้งบนผืนพสุธา,นาวาและอากาศ
ซึ่งการสู้บนท้องนภานี้เองที่หมวดชาลีได้รับมอบหมายมาให้สู้อย่างที่ผู้นำชาติประกาศไว้ ซึ่งเขาและเพื่อนร่วมบินบนเครื่องบี 17 ต่างก็พร้อมใจที่จะสู้จนตัวตายเป็นราชพลีให้มีเกียรติจารึกไว้บนโลกว่าลูกทัพฟ้าอังกฤษ(Royal Airforce,RAF)ไม่เคยยอมใคร ทั้งที่ RAF ของอังกฤษด้อยกว่าลุฟวัฟเฟ่ของเยอรมันอย่างเทียบไม่ติด
อาศัยว่าได้ไฮเทคง่ายๆอย่าง “เรดาห์” จึงพาให้เกาะอังกฤษรอดจากการถูกย่างสดโดยกองบินลุฟวัฟเฟ่นาซีมาถล่ม แต่กระนั้นก็ยังดูครึ่งผีครึ่งคนว่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกาตัวเอ้อย่างเยอรมนีไปได้สักกี่น้ำ เพราะขณะนั้นอเมริกันก็ยังไม่ได้เข้ามาช่วยอุ้มอย่างเต็มที่นัก ชายอังกฤษมากมายต้องพลีกายสังเวยสงคราม ซึ่งหมวดชาลีก็รู้ความจริงข้อนี้ดีแต่ก็ไม่ยั่นเพราะถือตามคำของท่านเชอชิลและวีรบุรุษของชาติอย่างลอร์ดเนลสันที่ว่าให้ชายชาติอังกฤษทุกคนทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุดเพื่อชาติ หมวดชาลีและเพื่อนร่วมรบจึงปราศจากความกลัวนำเจ้าป้อมบินยักษ์ที่ถูกตั้งชื่อเล่นให้ว่า "เย โอลด์ ผับ(Ye olde pub)” โผขึ้นไปในเช้าที่อากาศแสนขมุกขมัว เพื่อบ่ายหน้าไปยังแดนข้าศึก
เมื่อนึกไปแล้วอากาศในเช้านั้นชวนให้คิดว่าเสมือนกับลางร้ายที่เครื่องบี 17 แห่งกองทัพอังกฤษจะต้องประสบกับเคราะห์หนักเพราะสภาพอากาศที่ปิดเช่นนั้นทำให้นักบินแทบจะไม่รู้เหนือใต้ในยุคที่ระบบการนำร่องยังไม่ดี ที่สำคัญคือไม่รู้ว่าจะมีใครที่จ้องโจมตีอยู่ เพราะทางเยอรมนีก็มีเครื่อง “ตาทิพย์” คอยดูไม่ต่างกับเรดาห์อังกฤษเหมือนกัน แต่เมื่อตัดสินใจออกมาแล้วก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า เพราะในแนวหน้าที่ตระเวณบินไปนั้นก็ได้พบกับเวหาสยานต่อสู้ของนาซีหลายลำซึ่งไม่ได้เข้ามาชมป้อมบินใกล้ๆแน่แต่เข้ามาฝากรอยแผลจากกระสุนปืนไว้ทำให้ตัวถังทะลุหลายตำแหน่ง และถังน้ำมันก็รั่วอย่างน่าห่วง ส่วนหางเสือถูกยิงจนแหว่งวิ่นดูราวกับปลาใหญ่ที่ถูกกินหางจนหมดสภาพ
หมวดชาลีพยายามประคองเครื่องไว้สุดความสามารถจนพ้นฝูงหมาป่านาซีที่จ้องขย้ำออกไปได้ แต่หัวใจของเขาก็ปวดร้าวอย่างที่สุดเมื่อหันไปเห็นเพื่อนทหารที่ประจำป้อมบินฟุบหน้านิ่งอยู่ร่างอาบไปด้วยเลือด หนึ่งเสืออากาศได้สละชีวิตเป็นราชพลีแล้ว เหลือเพียงชาลีกับเครื่องบินยักษ์ที่หมดสภาพเท่านั้นที่ประคองบินอยู่บนฟ้าได้อย่างน่าประหลาดเพราะขาดระบบไฮดรอลิก ระบบนำร่องและน้ำมันก็พร่องจนแทบไม่เหลือ ตัวชาลีผู้กล้าเองก็เจ็บอยู่ไม่น้อยจากรอยกระสุนปืนที่ถากแขนขวาไปเป็นรอยยาว
แต่ความเศร้ายังไม่จบแค่นั้น
เพราะบัดนี้ชาลีผู้ผ่านมฤตยูมารู้ดีว่าเขาไม่เหลือทางรอดใดๆ แค่จะหันหัวเครื่องไปทิศใดยังไม่อาจรู้ได้เลย บินไปอย่างตาบอด รอแต่ก๊อดหรือพระผู้เป็นเจ้าช่วยนำทางไปให้ดุจดวงประทีปส่องเวหาที่แสนมืดมัว เป็นช่วงเวลาที่สิ้นหวัง แสนหดหู่ ทุกอย่างรอบตัวชาลีบัดนี้ดูเงียบอย่างน่าขนลุก ทุกขณะที่เขาบินผ่านเมฆหนาก้อนแล้วก้อนเล่า แล้วทันใดนั้นก็สิ่งที่จะมาตอกตะปูปิดตายโชคชะตาของชาลี บราวน์ก็มาถึง เครื่องเมสเซอชมิดท์เม้ดอินด้อยลานด์โผล่ออกมาจากแนวขอบฟ้าด้านมุมบอด ปกติลานสายตาของนักบินจะถูกฝึกมาให้จับภาพได้ไวเป็นพิเศษแต่ในห้วงขณะแสนกดดันและเหนื่อยล้านี้ดวงตาของผู้หมวดชาลีมีสิ่งที่จะทำได้อย่างเดียวคือฝืนถ่างหนังตาบนและล่างไว้ไม่ให้ปิดสนิทเข้าหากัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม่ทันเห็นยมทูตจากทางด้านข้างที่เล็งป้อมปืนเข้ามาเพื่อสั่งลานายทหารอังกฤษนี้เสียให้ไม่เห็นซาก
แต่ทันใดนั้นก็ราวกับสิ่งอัศจรรย์บังเกิด
นายทหารนาซีบนเครื่อง Bf-109 ผู้มีนามว่า ฟรานซ์ สติกเลอร์นั้นได้ตัดสินใจปลดล็อคเป้าลงแต่คงการบินเทียบระดับเอาไว้ เพราะเมื่อมองเข้าไปในตัวเครื่องของศัตรูอังกฤษใกล้ๆนั้นแล้วพลันเกิดสลดใจขึ้นมาเพราะสภาพศพทหารที่ยังนอนค้างอยู่ในป้อมปืนที่เลือด:Xกระเซ็น แถมเห็นสภาพเครื่องยักษ์ที่เป็นรูพรุนหมดสภาพไม่ต่างกับกระชอนตาถี่ที่ลอยได้แล้วก็หมดความรู้สึกที่อยากจะพิฆาตเข่นฆ่าให้อาสัญ เหลือแต่ความเวทนาแทน ที่ยังเห็นนักบินบาดเจ็บใจสู้พยายามประคองเครื่องเอาไว้อย่างสุดใจ หมวดสติกเลอร์วัยยี่สิบกว่าจึงตัดสินใจทำในสิ่งเสี่ยงที่สุดในห้วงแห่งสงครามนั้นคือเข้าช่วยเหลือเครื่องบินของฝ่ายศัตรูโดยการบินข้างและส่งสัญญาณให้ทิศที่ถูกต้องเพื่อลงจอดในแดนเยอรมนีแต่หมวดชาลีของเราปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น ยังคงฝืนหอบเครื่องที่ใกล้หมดสภาพบินต่อไป
นายทหารนาซีจึงตัดสินใจพาหันทิศกลับไปทางฝั่งอังกฤษ หลังจากที่ผ่านเวลาวิกฤตมาแล้วเครื่องบี 17ก็ได้เข้าเขตทะเลเหนืออันเป็นประตูสู่บ้าน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วผู้หมวดสติกเลอร์จึงได้จัดการเข้าประจำที่เพื่อเบนหัวกลับสู่ปิตุภูมิเยอรมนีเหมือนกัน แต่ก่อนที่จะลาจากกันไปเขาได้ตัดสินใจแสดงความประทับใจเป็นครั้งสุดท้าย โดยการวันทยาหัตถ์ให้แก่ผู้บุกรุก
ซึ่งเป็นภาพที่หมวดชาลีไม่คาดคิดว่าจะเห็น จากศัตรูเปลี่ยนเป็นผู้นำทางเป็น guiding light แห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเพราะในที่สุดแล้วสิ่งดีๆก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้นเพียงแค่เราเปลี่ยนหัวใจให้มองโลกด้วยเมตตาก็จะหาทางอภัยให้แก่ผู้อื่นได้โดยง่ายแม้กับศัตรูร้าย ซึ่งเมื่อหมวดชาลีได้บ่ายหน้าเข้าเขตอังกฤษแล้วนั้น เครื่องบินยักษ์ก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ด้วยน้ำมันที่เหลือขอดถัง หนำซ้ำยังไม่อาจใช้ปีกที่สมบูรณ์ประคองตัวไว้ได้อีกจนความสูงเหนือพื้นดินเหลือไม่ถึง 1,000 ฟุตดี แต่ในที่สุดก็พาตัวและร่างนายทหารที่นอนฟุบอยู่บนเครื่องกลับสู่ฐานบินได้สำเร็จแบบหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพันทีเดียว
ถ้าว่าไม่เกี่ยวกับดวงก็คงไม่ใช่ นี่กระมังที่บางทีเขาว่าสวรรค์ท่านวางได้วางกำหนดการชีวิตดีๆไว้ให้แก่มนุษย์ทุกคนเสมอ เรื่องโดย หมอจุฬา จากwww.tuaytoon.com
วีรบุรุษนาซี
ปลายนิ้วเคลื่อนขีดเขียน จดจารสารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนต่อไป ไม่ยอมให้ความคิดหรือจริตสำนวนหวนทวนคืนมาขีดฆ่าแม้ครึ่งบรรทัดหรือน้ำตาชะล้างคำใดให้เลือนหาย