คนเราพอเบื่อแล้วก็จะหาอะไรแปลกใหม่มาทำแก้เบื่อใช้มัยครับซึ่งก็แล้วแต่คนไปว่าจะทำอะไรแต่ก็มีบางคนแก้เบื่อได้เพี้ยนสุดๆนะครับ เช่นชายคนนี้
ฮาร์รี่ เบนส์ลีย์(Harry Bensley)
ฮาร์รี่ เกิดในปีค.ศ.1876 เป็นหนุ่มอังกฤษผู้ล่ำรวยจากการทำในธุรกิจในรัสเซียรายได้ของเขาประมาณปีละ 5,000 ปอนด์ เขาจึงใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยมีสาวๆแวดล้อมแต่เขาก็เบื่อ จนเย็นวันนึงของปีค.ศ.1907มีสมาชิกสโมสรกีฬาแห่งชาติลอนดอน 2 คนมีความเห็นไม่ตรง โดยจอห์น เปียร์ปองต์ มอร์แกน เศรษฐีชาวอเมริกัน เห็นว่ามนุษย์ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้โดยปิดบังใบหน้าได้ แต่ทว่าฮิวจ์ ซีชิล โลว์เธอร์ ผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลแห่งลอนส์ เดล ไม่เห็นด้วย ทั้ง 2 จึงพนันกันด้วยเงิน 21,000 ปอนด์ สำหรับว่าจ้างใครก็ตามที่ยอมไปทุกที่ โดยสวมหน้ากากเหล็กไว้ตลอดเวลา ฮาร์รี่ ผู้เบื่อชีวิตจึงอาสาเป็นมนุษย์หน้ากากเหล็กทันที(แต่บ่างก็ว่าฮาร์รี่แพ้พนันกับ 2 คนนี้จึงต้องทำ)
เงื่อนไขต่างๆที่ฮาร์รี่ต้องทำตาม
1.เขาต้องเข็นรถนั่งสำหรับเด็กไปด้วย
2.เมื่อเริ่มเดินทางฮาร์รี่จะมีเงินแค่ 1 ปอนด์จากนั้นจะหารายได้จากการขายโปสต์การ์ดและแจกลายเซ็นแก่ผู้สนใจ
3.สัมถาระให้เอาไปได้เฉพาะชุดชั้นในเท่านั้น
4.เพื่อให้แน่ใจว่าเขาทำตามเงื่อนไข จะมีผู้ติดตามไปกับเขาด้วย
ฮาร์รี่และผู้ติดตาม
เงื่อนไขพิเศษสุดท้ายเขาต้องหาเมียให้ได้คนนึง โดยเธอเองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาเช่นกัน
ฮาร์รี่เริ่มเดินทางจากจัตุรัสทราฟัลการ์ ในวันที่ 1 มกราคม 1908
โดยมีผู้คมมาเชียร์มากมาย เขาสวมหมวกเหล็กหนัก 2 กก. และเข็นรถเข็นเด็กหนัก 10 ก.ก. ไปด้วยโดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 6 ปี เกิดเรื่องมากมายกับฮาร์รี่ เช่น ที่นิวมาร์เก็ด เรศส์ เขาได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งพระองค์ทรงขอรูปเปิดหน้าและลายเซ็น แต่เขาไม่สามารถถวายให้ได้เพราะจะผิดสันญา เมื่อไปถึงเบกซ์ลีย์ฮีธในเขตเคนต์ เขาถูกโปลิศจับ ในข้อหาเร่ขายโปสต์การ์ดโดยไม่มีใบอนญาด พอฮาร์รี่อธิบายให้ศาลฟังศาลจึงเมตตาปรับเพียงนิดหน่อย ไม่มีหลังฐานว่าฮาร์รี่เดินทางได้ไกลแค่ไหน มีบางกระแสกล่าวว่าเขาไปได้ไกลถึงจีนกับญี่ปุ่นโน่น
ตลอด 6 ปีัที่เขาเข็นรถเข็นเด็กผ่านเมืองใหญ่ๆใน 12 ประเทศ ทั้งนิวยอร์ค,มอนทรีล,ซิดนีย์,เบนส์ลิย์เขาได้รับข้อเสนอขอวิวาห์จากผู้หญิงร่วม 200 ราย!!!!!บางคนก็มีบรรดาศักดิ์สูงแต้เขาปฏิเสธไปหมดทุกราย(ไอ้พ่อหล่อเลือกได้)
กระทั่งวันที่ 14 สิงหาคม 1914 ฮาร์รี่ก็มาถึงเจนัว อิตาลี่รวมเส้นทาง 30,000 ไมล์ และเหลือ 6 ประเทศก็จะเสร็ดตามข้อกำหนดแต่ สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้เขาต้องหยุดการเดินทางกลับอังฤษ เพื่อไปร่วมรบ เขาติดต่อกับมอร์แกนในการขอล้มเลิกข้อตกลง ซึ่งมอร์แกนก็ยินดีและมอบเงินให้ฮาร์รี่ 4,000 ปอนด์
รูปต้อนฮาร์รี่ถอดหน้ากากกับผู้ติดตาม
ซึ่งฮาร์รี่ยกให้การกุศลทั้งหมด ฮาร์รี่ได้เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องปลดประจำการในปี 1915 ต่อมาเกิดการปฏิวัติในรัสเซีย ทำให้เขากลายเป็นคนยากไร้ในทันที
เมื่อสงครามสงบลงฮาร์รี่ย้ายไปพำนักอยู่ที่เมืองไวเวนโฮ พร้อมกับ เคท ภริยาของเขาซึ่งแต่งงานกันตั้งแต่ต้นปี 1898 ฮาร์รี่ ถึงแก่กรรมที่เมืองไบรตัน ในวันที่ 21 พ.ค. 1956
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือตัวย ตูนพิเศษ ฉบับที่ 459
โดยคุณ อุดร จารุรัตน์
ฮาร์รี่ เบนส์ลีย์(Harry Bensley)
ฮาร์รี่ เกิดในปีค.ศ.1876 เป็นหนุ่มอังกฤษผู้ล่ำรวยจากการทำในธุรกิจในรัสเซียรายได้ของเขาประมาณปีละ 5,000 ปอนด์ เขาจึงใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยมีสาวๆแวดล้อมแต่เขาก็เบื่อ จนเย็นวันนึงของปีค.ศ.1907มีสมาชิกสโมสรกีฬาแห่งชาติลอนดอน 2 คนมีความเห็นไม่ตรง โดยจอห์น เปียร์ปองต์ มอร์แกน เศรษฐีชาวอเมริกัน เห็นว่ามนุษย์ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้โดยปิดบังใบหน้าได้ แต่ทว่าฮิวจ์ ซีชิล โลว์เธอร์ ผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลแห่งลอนส์ เดล ไม่เห็นด้วย ทั้ง 2 จึงพนันกันด้วยเงิน 21,000 ปอนด์ สำหรับว่าจ้างใครก็ตามที่ยอมไปทุกที่ โดยสวมหน้ากากเหล็กไว้ตลอดเวลา ฮาร์รี่ ผู้เบื่อชีวิตจึงอาสาเป็นมนุษย์หน้ากากเหล็กทันที(แต่บ่างก็ว่าฮาร์รี่แพ้พนันกับ 2 คนนี้จึงต้องทำ)
เงื่อนไขต่างๆที่ฮาร์รี่ต้องทำตาม
1.เขาต้องเข็นรถนั่งสำหรับเด็กไปด้วย
2.เมื่อเริ่มเดินทางฮาร์รี่จะมีเงินแค่ 1 ปอนด์จากนั้นจะหารายได้จากการขายโปสต์การ์ดและแจกลายเซ็นแก่ผู้สนใจ
3.สัมถาระให้เอาไปได้เฉพาะชุดชั้นในเท่านั้น
4.เพื่อให้แน่ใจว่าเขาทำตามเงื่อนไข จะมีผู้ติดตามไปกับเขาด้วย
ฮาร์รี่และผู้ติดตาม
เงื่อนไขพิเศษสุดท้ายเขาต้องหาเมียให้ได้คนนึง โดยเธอเองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเขาเช่นกัน
ฮาร์รี่เริ่มเดินทางจากจัตุรัสทราฟัลการ์ ในวันที่ 1 มกราคม 1908
โดยมีผู้คมมาเชียร์มากมาย เขาสวมหมวกเหล็กหนัก 2 กก. และเข็นรถเข็นเด็กหนัก 10 ก.ก. ไปด้วยโดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 6 ปี เกิดเรื่องมากมายกับฮาร์รี่ เช่น ที่นิวมาร์เก็ด เรศส์ เขาได้เข้าเฝ้ากษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งพระองค์ทรงขอรูปเปิดหน้าและลายเซ็น แต่เขาไม่สามารถถวายให้ได้เพราะจะผิดสันญา เมื่อไปถึงเบกซ์ลีย์ฮีธในเขตเคนต์ เขาถูกโปลิศจับ ในข้อหาเร่ขายโปสต์การ์ดโดยไม่มีใบอนญาด พอฮาร์รี่อธิบายให้ศาลฟังศาลจึงเมตตาปรับเพียงนิดหน่อย ไม่มีหลังฐานว่าฮาร์รี่เดินทางได้ไกลแค่ไหน มีบางกระแสกล่าวว่าเขาไปได้ไกลถึงจีนกับญี่ปุ่นโน่น
ตลอด 6 ปีัที่เขาเข็นรถเข็นเด็กผ่านเมืองใหญ่ๆใน 12 ประเทศ ทั้งนิวยอร์ค,มอนทรีล,ซิดนีย์,เบนส์ลิย์เขาได้รับข้อเสนอขอวิวาห์จากผู้หญิงร่วม 200 ราย!!!!!บางคนก็มีบรรดาศักดิ์สูงแต้เขาปฏิเสธไปหมดทุกราย(ไอ้พ่อหล่อเลือกได้)
กระทั่งวันที่ 14 สิงหาคม 1914 ฮาร์รี่ก็มาถึงเจนัว อิตาลี่รวมเส้นทาง 30,000 ไมล์ และเหลือ 6 ประเทศก็จะเสร็ดตามข้อกำหนดแต่ สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้เขาต้องหยุดการเดินทางกลับอังฤษ เพื่อไปร่วมรบ เขาติดต่อกับมอร์แกนในการขอล้มเลิกข้อตกลง ซึ่งมอร์แกนก็ยินดีและมอบเงินให้ฮาร์รี่ 4,000 ปอนด์
รูปต้อนฮาร์รี่ถอดหน้ากากกับผู้ติดตาม
ซึ่งฮาร์รี่ยกให้การกุศลทั้งหมด ฮาร์รี่ได้เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องปลดประจำการในปี 1915 ต่อมาเกิดการปฏิวัติในรัสเซีย ทำให้เขากลายเป็นคนยากไร้ในทันที
เมื่อสงครามสงบลงฮาร์รี่ย้ายไปพำนักอยู่ที่เมืองไวเวนโฮ พร้อมกับ เคท ภริยาของเขาซึ่งแต่งงานกันตั้งแต่ต้นปี 1898 ฮาร์รี่ ถึงแก่กรรมที่เมืองไบรตัน ในวันที่ 21 พ.ค. 1956
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือตัวย ตูนพิเศษ ฉบับที่ 459
โดยคุณ อุดร จารุรัตน์
มนุษย์สุดเพึ้ยน บุรุษผู้สวมหน้ากากเหล็
ปลายนิ้วเคลื่อนขีดเขียน จดจารสารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนต่อไป ไม่ยอมให้ความคิดหรือจริตสำนวนหวนทวนคืนมาขีดฆ่าแม้ครึ่งบรรทัดหรือน้ำตาชะล้างคำใดให้เลือนหาย