สวัสดีครับทุกท่าน Azeroth_pon กลับมาแล้วครับขอโทษที่หายไปนานวันนี้ผมก็มีเรื่องแปลกๆมาให้อ่านกันเช่นเคยครับ
พอพูดถึงสุขภาพเราทุกคนก็ย่อมอยากมีสุขภาพที่ดีไม่มีโรคกันทั้งนั้นใช่มั้ยครับ คนเราจึงเสาะหา"ยาบำรุง"กันอยู่เป็นนิจ เรามาดูกันซิว่า"ยาบำรุง"ที่ว่ามีอะไรพิเศษพิสดารกันบ่างครับ
1.กระเบนไฟฟ้าแก้ปวด
ในสมัยกรีกโบราณหากท่านเกิดปวดหัวปวดตัวปวดขาหรือปวดตับท่านคงหายาพาลากินที่ไหนไม่ได้แน่แต่อย่าได้กังวลไปครับเพราะในสมัยกรีกโบราณได้มีการใช้ไฟฟ้าลดปวดหรือในยุคของเราเรียกว่า "การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (TENS)" หรือ "ลดปวดด้วยไฟฟ้า" แต่ที่แน่นอนคือในยุคกรีกโบราณคงไม่มีปลั๊กไฟให้เอานิ้วไปเสียบอย่างแน่นอนครับ แต่พวกเขาใช้ "กระเบนไฟฟ้า (Electric Sting)" มันมีขนาดพอกับแมงดาทะเลบ้านเราครับและมันปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ถึง 8-220 โวลต์ เวลาปวดตรงไหนก็เอากระเบนไฟฟ้าโปะตรงนั้นครับ แต่ว่ามันเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตครับเพราะอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าไอ้เจ้ากระเบนไฟฟ้ามันปล่อยไฟฟ้าได้ 8-220 โวลต์ คือท่ามันปล่อย 100 โวลต์ขึ้นไปก็ได้นอนโรงกันระครับงานนี้
2.อุ้งมือลิง
มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดโรคได้และยังเชื่อถึงขนาดที่ว่าสามารถชุบชีวิตได้จนเป็นที่มาของเรื่องเล่าสยองขวัญของ "วิลเลียม ยาขอบ" เอาย่อๆคืออุ้งมือลิงสามารถให้พรได้ 3 ข้อ แต่มันจะให้พรที่มาพร้อมสิ่งไม่พึงประสงค์ เช่น ตัวเอกในเรื่องขอให้ได้เงินมาจ่ายค่าบ้านพอตอนเช้าเขาก็ได้เงินจริงแต่เป็นเงินที่ได้มาจากการตายของลูกชายของเขาเอง
3.ผงมัมมี่
ในยุโรปสมัยก่อนจะมีการนำเอามัมมี่มาบดเป็นผงแล้วใช้เป็นตัวยาขนานเอกครับและนอกจากมัมมี่แล้วชาวยุโรปสมัยก่อนยังกิน "ชิ้นส่วนศพมนุษย์ (Corpse Medicine)" ด้วยเชื่อว่าช่วยบำบัดอาการป่วยได้ ในสมัยศตวรรษที่ 17 มีการกระโหลกมนุษย์มาป่นผสมช็อคโกแลตแล้วชงดื่มเชื่อว่าบำบัดเลือดออกในสมองซึ่งมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "หยาดโอสถของพระราชา (The King's Drops)"และมีการใช้มันเปลวมาแปะตามจุดที่ปวด อย่าแปลใจไปเพราะสัปเหร่อในไทยเรายังกินเนื้อส่วนที่ไม่ไหม้ไฟของศพเพราะเชื่อว่าขลังครับ
4.กระดูกมังกร
กระดูกมังกร หรือ "หลง:X่ (Long gu)" จริงๆแล้วมันเป็นฟอสซิสนั้นเองคนจีนจะนำฟอสซิสมาบดผสมกับเครื่องยาจีนต่างๆเชื่อว่าบำรุงอวัยวะสำคัญ เช่นหัวใจ ไต และตับครับ
5.สัมผัสแห่งพระราชา
เชื่อกันมากในอังกฤษและฝรั่งเศส บางทีเรียก "สัมผัสจากเจ้า (Royal Touch)" โดยมีประเพณีที่พระราชาจะประทาน "สัมผัส" ผู้เจ็บป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรค "ฝีประคำร้อย (Scrofula)" เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้
6.การเจาะหูเจาะตา
นิยมมากในหมู่โจรสลัดเพราะเชื่อว่าจะทำให้ตาดีมองเห็นได้ไกลซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับโจรสลัด ซึ่งแนวคิดนี้อาดเป็นไปได้โดยอาศัยหลักการของการฝังเข็มครับ
7.ชุดคลุมพร้อมหน้ากากกันเชื้อกาฬโรค
ชุดนี้เป็นชุดที่คุณหมอในเกมส์ Assassin's Creed 2 และ Assassin's Creed Brotherhood ใส่กันไงครับแต่ไม่ใช้หมอธรรมดานะครับที่ใส่ชุดนี้แต่เป็นหมอผู้ทำการรักษา"กาฬโรค (plague)" อันเป็นมฤตยูคร่าชีวิตคนเกือบหมดทวีปยุโรปเมื่อ 700 ปีก่อนครับซึ่งหมอดูคนดัง "นอสตราดามุส" ก็เป็นหมอที่รักษากาฬโรคมือฉมังในยุคนี้ครับ (แต่หมอก็แต่งตัวหน้ากลัวไม่แพ้โรคเลยนะครับ) หมอเหล่านี้ชื่อว่า "หมอกาดำ หรือ plague doctor" ได้ค่ารักษามากกว่าหมอธรรมดาถึง 4 เท่าครับ ชุดที่หมอเหล่านี้ใส่มีหน้ากากที่มีจะงอยปากเพื่อป้องกันการสูดหายใจเอาเชื้อเขาไป โดยในหน้ากากจะมีถุงผ้าที่ใส่สมุุนไพรหอมเพื่อฆ่าเชื้อโรค ใส่ชุดคลุมยาวรองเท้ากันหมัดกัดและมีไม้ยาวไว้สัมผัสคนไข้โดยไม่ต้องใช้มือ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะกาฬโรคเป็นโรคที่อัตรายมากๆครับ ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกันนะครับ กาฬโรคได้ระบาดในเมือง "Avignon " พระสันตะปาปา "Clement" ที่ 6 ได้จ้างหมอกาดำ 18 คน แต่พอจบงานกลับเหลือรอดมาเพียงคนเดียว โดย 5 คนตายจากกาฬโรคอีก 12 คนหายสาบสูญครับ (อัตรายสุดๆ )
8.กรีดเลือดและทากดูดเลือดบำบัด
การกรีดเลือดบำบัดมีมานานมากครับโดยเชื่อกันว่าช่วยเอาพิษออกจากตัวแต่ว่าการกรีดเลือดมีความเสี่ยงที่คนไข้จะเสียเลือดตายได้จึงทำให้เกิดทากดูดเลือดบำบัดหลักการก็ไม่ต่างกันมากเพียงแต่ใช้ทากดูดเลือดแทนครับปลอดภัยกว่าครับ
9.ปัสสาวะบำบัด
มีมานานมากครับโดยเชื่อว่าจะรักษาโรคได้ครับแต่เชื่อหรือไม่ว่าหมอชาวกรีกชื่อ "ดาโนปูลอส" ได้พบ "สารต้านมะเร็ง" ในปัสสาวะครับ
10.เลือดบำบัด
ในยุโรปสมัยเดียวกับพระนารายณ์บ้านเรา มีความเชื่อว่าเลือดสามารถรักษาโรคได้โดยมีสูตรปรุงเหมือนอาหารโดยการเคี่ยวเลือดจนน่ากินเหมือนแยมผิวส้มและถ้าเป็นเลือดของบุคคลสำคัญอย่าง "พระราชา" หรือ "พระราชินี" แล้วจะยิ่งได้ผลครับ เช่น ในตอนที่ "พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1" ได้ถูกประหานด้วยการตัดหัวได้มีคนจำนวนมากได้นำผ้าเช็ดหน้ามา "ซับเลือด" ด้วยจุดประสงค์ต่างๆกัน
ที่มนุษย์เราต้องทำขนาดนี้ก็เพื่อให้ตนเองปราศจากโรคและมีชีวิตยืนยาว ไม่มีพรใดจะดีเท่ากับไม่มโรคครับ สมกับที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ ต่วย'ตูน พิเศษ ฉบับที่ 478 โดยคุณหมอต้น
พอพูดถึงสุขภาพเราทุกคนก็ย่อมอยากมีสุขภาพที่ดีไม่มีโรคกันทั้งนั้นใช่มั้ยครับ คนเราจึงเสาะหา"ยาบำรุง"กันอยู่เป็นนิจ เรามาดูกันซิว่า"ยาบำรุง"ที่ว่ามีอะไรพิเศษพิสดารกันบ่างครับ
1.กระเบนไฟฟ้าแก้ปวด
ในสมัยกรีกโบราณหากท่านเกิดปวดหัวปวดตัวปวดขาหรือปวดตับท่านคงหายาพาลากินที่ไหนไม่ได้แน่แต่อย่าได้กังวลไปครับเพราะในสมัยกรีกโบราณได้มีการใช้ไฟฟ้าลดปวดหรือในยุคของเราเรียกว่า "การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (TENS)" หรือ "ลดปวดด้วยไฟฟ้า" แต่ที่แน่นอนคือในยุคกรีกโบราณคงไม่มีปลั๊กไฟให้เอานิ้วไปเสียบอย่างแน่นอนครับ แต่พวกเขาใช้ "กระเบนไฟฟ้า (Electric Sting)" มันมีขนาดพอกับแมงดาทะเลบ้านเราครับและมันปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ถึง 8-220 โวลต์ เวลาปวดตรงไหนก็เอากระเบนไฟฟ้าโปะตรงนั้นครับ แต่ว่ามันเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตครับเพราะอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าไอ้เจ้ากระเบนไฟฟ้ามันปล่อยไฟฟ้าได้ 8-220 โวลต์ คือท่ามันปล่อย 100 โวลต์ขึ้นไปก็ได้นอนโรงกันระครับงานนี้
2.อุ้งมือลิง
มีความเชื่อว่าสามารถบำบัดโรคได้และยังเชื่อถึงขนาดที่ว่าสามารถชุบชีวิตได้จนเป็นที่มาของเรื่องเล่าสยองขวัญของ "วิลเลียม ยาขอบ" เอาย่อๆคืออุ้งมือลิงสามารถให้พรได้ 3 ข้อ แต่มันจะให้พรที่มาพร้อมสิ่งไม่พึงประสงค์ เช่น ตัวเอกในเรื่องขอให้ได้เงินมาจ่ายค่าบ้านพอตอนเช้าเขาก็ได้เงินจริงแต่เป็นเงินที่ได้มาจากการตายของลูกชายของเขาเอง
3.ผงมัมมี่
ในยุโรปสมัยก่อนจะมีการนำเอามัมมี่มาบดเป็นผงแล้วใช้เป็นตัวยาขนานเอกครับและนอกจากมัมมี่แล้วชาวยุโรปสมัยก่อนยังกิน "ชิ้นส่วนศพมนุษย์ (Corpse Medicine)" ด้วยเชื่อว่าช่วยบำบัดอาการป่วยได้ ในสมัยศตวรรษที่ 17 มีการกระโหลกมนุษย์มาป่นผสมช็อคโกแลตแล้วชงดื่มเชื่อว่าบำบัดเลือดออกในสมองซึ่งมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "หยาดโอสถของพระราชา (The King's Drops)"และมีการใช้มันเปลวมาแปะตามจุดที่ปวด อย่าแปลใจไปเพราะสัปเหร่อในไทยเรายังกินเนื้อส่วนที่ไม่ไหม้ไฟของศพเพราะเชื่อว่าขลังครับ
4.กระดูกมังกร
กระดูกมังกร หรือ "หลง:X่ (Long gu)" จริงๆแล้วมันเป็นฟอสซิสนั้นเองคนจีนจะนำฟอสซิสมาบดผสมกับเครื่องยาจีนต่างๆเชื่อว่าบำรุงอวัยวะสำคัญ เช่นหัวใจ ไต และตับครับ
5.สัมผัสแห่งพระราชา
เชื่อกันมากในอังกฤษและฝรั่งเศส บางทีเรียก "สัมผัสจากเจ้า (Royal Touch)" โดยมีประเพณีที่พระราชาจะประทาน "สัมผัส" ผู้เจ็บป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรค "ฝีประคำร้อย (Scrofula)" เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้
6.การเจาะหูเจาะตา
นิยมมากในหมู่โจรสลัดเพราะเชื่อว่าจะทำให้ตาดีมองเห็นได้ไกลซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับโจรสลัด ซึ่งแนวคิดนี้อาดเป็นไปได้โดยอาศัยหลักการของการฝังเข็มครับ
7.ชุดคลุมพร้อมหน้ากากกันเชื้อกาฬโรค
ชุดนี้เป็นชุดที่คุณหมอในเกมส์ Assassin's Creed 2 และ Assassin's Creed Brotherhood ใส่กันไงครับแต่ไม่ใช้หมอธรรมดานะครับที่ใส่ชุดนี้แต่เป็นหมอผู้ทำการรักษา"กาฬโรค (plague)" อันเป็นมฤตยูคร่าชีวิตคนเกือบหมดทวีปยุโรปเมื่อ 700 ปีก่อนครับซึ่งหมอดูคนดัง "นอสตราดามุส" ก็เป็นหมอที่รักษากาฬโรคมือฉมังในยุคนี้ครับ (แต่หมอก็แต่งตัวหน้ากลัวไม่แพ้โรคเลยนะครับ) หมอเหล่านี้ชื่อว่า "หมอกาดำ หรือ plague doctor" ได้ค่ารักษามากกว่าหมอธรรมดาถึง 4 เท่าครับ ชุดที่หมอเหล่านี้ใส่มีหน้ากากที่มีจะงอยปากเพื่อป้องกันการสูดหายใจเอาเชื้อเขาไป โดยในหน้ากากจะมีถุงผ้าที่ใส่สมุุนไพรหอมเพื่อฆ่าเชื้อโรค ใส่ชุดคลุมยาวรองเท้ากันหมัดกัดและมีไม้ยาวไว้สัมผัสคนไข้โดยไม่ต้องใช้มือ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะกาฬโรคเป็นโรคที่อัตรายมากๆครับ ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกันนะครับ กาฬโรคได้ระบาดในเมือง "Avignon " พระสันตะปาปา "Clement" ที่ 6 ได้จ้างหมอกาดำ 18 คน แต่พอจบงานกลับเหลือรอดมาเพียงคนเดียว โดย 5 คนตายจากกาฬโรคอีก 12 คนหายสาบสูญครับ (อัตรายสุดๆ )
8.กรีดเลือดและทากดูดเลือดบำบัด
การกรีดเลือดบำบัดมีมานานมากครับโดยเชื่อกันว่าช่วยเอาพิษออกจากตัวแต่ว่าการกรีดเลือดมีความเสี่ยงที่คนไข้จะเสียเลือดตายได้จึงทำให้เกิดทากดูดเลือดบำบัดหลักการก็ไม่ต่างกันมากเพียงแต่ใช้ทากดูดเลือดแทนครับปลอดภัยกว่าครับ
9.ปัสสาวะบำบัด
มีมานานมากครับโดยเชื่อว่าจะรักษาโรคได้ครับแต่เชื่อหรือไม่ว่าหมอชาวกรีกชื่อ "ดาโนปูลอส" ได้พบ "สารต้านมะเร็ง" ในปัสสาวะครับ
10.เลือดบำบัด
ในยุโรปสมัยเดียวกับพระนารายณ์บ้านเรา มีความเชื่อว่าเลือดสามารถรักษาโรคได้โดยมีสูตรปรุงเหมือนอาหารโดยการเคี่ยวเลือดจนน่ากินเหมือนแยมผิวส้มและถ้าเป็นเลือดของบุคคลสำคัญอย่าง "พระราชา" หรือ "พระราชินี" แล้วจะยิ่งได้ผลครับ เช่น ในตอนที่ "พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1" ได้ถูกประหานด้วยการตัดหัวได้มีคนจำนวนมากได้นำผ้าเช็ดหน้ามา "ซับเลือด" ด้วยจุดประสงค์ต่างๆกัน
ที่มนุษย์เราต้องทำขนาดนี้ก็เพื่อให้ตนเองปราศจากโรคและมีชีวิตยืนยาว ไม่มีพรใดจะดีเท่ากับไม่มโรคครับ สมกับที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า "อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ ต่วย'ตูน พิเศษ ฉบับที่ 478 โดยคุณหมอต้น
ความเชื่อพิสดารเรื่องสุขภาพ
ปลายนิ้วเคลื่อนขีดเขียน จดจารสารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนต่อไป ไม่ยอมให้ความคิดหรือจริตสำนวนหวนทวนคืนมาขีดฆ่าแม้ครึ่งบรรทัดหรือน้ำตาชะล้างคำใดให้เลือนหาย