แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Azeroth_pon เมื่อ 2015-6-15 16:04
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีการรำลึกถึงเหยื่อผู้ถูกฆ่าสังหารในค่ายกักกันของนาซีและประกอบกับคุณ stad ได้บอกกระผมนาย Azeroth_pon ว่าอยากอ่านเรื่องการทดลองสุดโหดอีกกระผมจึงขอนำเอาการทดลองของนาซีที่กระผมได้อ่านจากหนังสือ "Doctor from Hell" ของวิเวียน ชปิตซ์ มาให้อ่านกันนะครับเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหยื่อมากมายที่ถูกฆ่าตายในค่ายกักกันของนาซีนะครับ
หมอคือผู้มีหน้าที่รักษาชีวิทคนตามสัตย์สาบานฮิปโปเครตีส แต่หมอที่เราจะพูดถึงคือหมอที่ได้ผิดคำสาบานฮิปโปเครตีสโดยการนำมนุษย์มาทดลองจนถึงแก่ความตายเหล่าหมอผู้กระทำการอันเลวซามต่ำช้าโดยการลงมือทำสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการทดลองและทำให้ชีวิตมากมายต้องตายโดยอ้างว่าทำเพื่อวิทยาศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและไร้ซึ่งจรรยาบรรณโดยหมอเหล่านี้ไม่ได้ถูกบังคับข่มขู่แต่อย่างใด
สัตย์สาบานฮิปโปเครตีส
"ข้าขอสาบานต่ออะพอลโล เทพแห่งแพทย์ เอสคิวเลเพียส ไฮจีเอีย แพนาซีอา และทวยเทพทั้งมวล ได้โปรดเป็นพยานว่าข้าจะปฏิบัติงานด้วยพลังความสามารถและดุลยพินิจทั้งมวลที่มีให้สมดั่งสัตย์สาบานและสัญญาต่อทวยเทพ
เทิดทูนบูชาผู้สอนสั่งข้าเทียบบิดรมารดา ชีวตนี้พลีเป้นหุ้นส่วนกับท่านนั้น หากท่านขาดแคลนเงินทอง ข้าพร้อมจะแบ่งปันส่วนที่มี และ ถือว่าทายาทของท่านดุจพี่น้องร่วมสายธารโลหิตฝ่ายบุรุษ พร้อมจะสอนสั่งสรรพความรู้หากเขาประสงค์จะได้รับ โดยไม่คิดค่าจ้าง ขอให้สัตย์ต่อทวยเทพ ข้าจะแบ่งปันความรอบรู้ พร่ำสอนชี้แนะวิถีปฏิบัติและความรู้อื่นที่ข้ามีด้วยวาจา เฉพาะต่อบุตรของข้าและบุตรของผู้สอนสั่งและทุกผู้ทุกคนที่ให้สัตย์สาบานนี้และให้สัญญาต่อทวยเทพ มิใช้ผู้อื่นนอกจากนี้
ข้าจะให้การดูแลเชิงโภชนาการต่อผู้ป่วยด้วยพลังความสามารถและดุลยพินิจทั้งมวลที่มี ข้าจะดูแลให้ผู้ป่วยรอดพ้นภยันตรายและความอยุติธรรม
ข้าจะไม่ให้ยาคร่าชีวิตต่อผู้ใด แม้เขาจะร้องขอ และจะไม่ให้คำแนะนำในทำนองนั้น ในทำนองเดียวกัน ข้าจะไม่ให้ยาขับครรภ์ต่อสตรี
ข้าจักครองชีวิตและศิลปวิทยาในทำนองบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
ข้าจักไม่ใช้มีด แม้ต่อผู้เจ็บปวดทรมานจากก้อนหิน แต่จะใช้มีดเพื่อดึงหินจากผู้เจ็บปวดนั้น
บ้านหลังใดที่ข้าไปเยี่ยมเยือน จะทำเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยไข้โดยไม่มีเจตนาจงใจในความ
อยุติธรรม ไร้ความประสงค์ร้ายโดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ทางเพศ ต่อบุรุษหรือสตรี ไม่ว่าผู้ป่วยนั้นจะเป็นเสรีชนหรือทาส
สิ่งใดที่ข้าได้พบเห็นเรื่องราวใดที่ข้าได้ยินในระหว่างการบำบัดรักษาหรือไม่เกี่ยวเนื่องกับการรักษา เรื่องราวชีวิตของมนุษย์ที่ไม่สมควรจะแพร่กระจาย ข้าจะเก็บไว้ในใจตน เก็บซ่อนไว้ประหนึ่งเรื่องน่าอายที่ไม่บังควรกล่าวออกมา
หากข้าปฏิบัติตามสัตย์สาบาน มิได้ละเมิดฝ่าฝืน ขอให้ประสบแต่ชีวิตและศิลปะดีงาม ได้รับเกียรติการยกย่องในหมู่เพื่อนมนุษย์ตราบสิ้นอายุขัย แต่ถ้าข้าตระบัดสัตย์ หรือให้คำสาบานเท็จ ผลในทางตรงกันข้ามจงเกิดต่อชีวิตข้า"
นาซีได้ออกกฏหมายคุ้มครองสัตว์โดนห้ามไม่ให้มีการทารุณสัตว์ทำให้ไม่สามารถใช้สัตว์ทำการทดลองได้แต่ที่ออกมาพร้อมกันคือกฏหมายที่ว่าชาวยิวไม่ใช้มนุษย์ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชาวยิวในการทดลองได้
1.การทดลองบรรยากาศชั้นสูง (High-Altitude Experiments)
"นักโทษสิบคนได้รับการคัดเลือก นำตัวมายังสถานีในฐานะเหยื่อการทดลองถาวร แต่ละคนได้รับคำกล่าวว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อพวกเขา"
-วาลเทอร์ เนฟฟ์ นักโทษในค่ายกักกัน
ทำการทดลองในค่ายกักกันดาเชาราวเดือนมีนาคม 1942 ถึงสิงหาคม 1942 วัตถุประสงค์การทดลองเพื่อจำลองสภาพบรรยากาศชั้นสูงที่นักบินเยอรมันอาจพบเจอการทดลองมี 4 แบบครับคือ
1.การร่อนลงเชื่องช้าโดยไม่มีออกซิเจน
2.การร่องลงเชื่องช้าโดยมีออกซิเจน
3.การตกดิ่งโดยไม่มีออกซิเจน
4.การตกดิ่งโดยมีออกซิเจน
ผลการทดลองที่ระดับความสูงเกิน 10.5 กิโลเมตรจะเสียชีวิต การทดลองที่ระดับความสูง 12 กิโลเมตรโดยไม่ให้ออกซิเจน พบว่าเหยื่อหายใจต่อไปได้ 30 นาที หลังจาก 4 นาที เหงื่อมีเหงื่อท่วมตัวหัวส่ายไปมา หลัง 5 นาที มีอาการตะคริว หลัง 6-10 นาที การหายใจถี่ขึ้น เหยื่อหมดสติ จาก 11-30 นาที การหายใจช้าลงและหยุดลงในที่สุดมีอาการไซยาโนซิสปรากฏให้เห็นน้ำลายฟูมปากผลการผ่าชำแหละศพ พบว่าเยื่อหุ้มหัวใจมีของเหลว 80 cc ไหลออกมา หลอดเลือดสมองมีฟองอากาศ
มีเหยื่อจากการทดลองนี้ถึง 78 คน
2.การทดลองแช่แข็ง (Freezing Experiments)
"ความรู้สึกเชิงเชื้อชาติของข้าฯ หดหู่เจ็บปวดที่ต้องสัมผัสกับเศษมนุษย์ต้อยต่ำเชิงเชื้อชาติในค่ายกักกัน แม่นางขายตัวเชื้อสายสแกนดิเนเวียบริสุทธิ์ผู้ที่น่าจะจัดวางในเส้นที่ชอบที่ควรได้จากการมอบงานที่เหมาะสมให้ทำ"-นพ.ซิกมุนด์ ราเชอร์ หมอนาซีที่ทำการทดลอง
เริ่มเดือนสิงหาคม 1942 ถึงพฤษภาคม 1943 เพื่อจำลองสภาวะที่นักบินเยอรมันถูกยิงตกทะเล หรือทหารเยอรมันที่ไปรบในสมรภูมิทุ่งน้ำแข็งเพื่อหาวิธีให้ความอบอุ่นแก่ทหารเยอรมันครับ
ผลการทดลองพบว่าการให้ความอบอุ่นที่ดีที่สุดคือแช่น้ำร้อนหรือการกอดแบบแนบเนื้อกลับผู้หญิงครับ (ท่ามีเรื่องอย่างว่าด้วยจะยิ่งได้ผลครับ)
คือนำเหยื่อไปแช่ลงในอ่างที่มีอุณหภูมิต่ำมากจนสลบแล้วจึงนำมาให้ความร้อนด้วยวิธีต่างๆแล้วได้ผลมาอย่างที่บอกครับ มีผู้เสียชีวิต 95-108 คนครับ
3.การทดลองมาลาเรีย (Malaria Experiments)
"ในทันทีทันใด หัวของข้าฯ เหมือนถูกกระชากหลุดจากตัว ข้าฯ เป็นบ้าเสียสติ ข้าฯ สูญเสียภาษาพูด ความสามารถในการพูด"-หลวงพ่อ ลีโอ มีชาลอฟสกี หนึ่งในเหยื่อผู้ถูกทดลอง
เดือนกุมภาพันธ์ 1942 ถึงเมษายน 1945
เหยื่อกว่า 1,084 คน ถูกกระทำโดยจงใจแพร่เชื้อมาลาเรียโดยให้นักโทษถือกล่องใส่ยุงครึ่งชั่วโมงหรือฉีดเลือดติดเชื้อเขาร่างกายโดยจะใช้นักโทษ 3-5 คนเป็นแหล่งคงเชื้อต่อเดือนครัับ
มีผู้เสียชีวิตจากมาลาเลีย 30 คน ผู้เสียชีวิตจากผลข้างเคียงของมาลาเลียอีก 300-400 คนครับ
4.การทดลองปลูกกระดูกการเพาะกระดูกกล้ามเนื้อและเส้นประสาทให้เกิดใหม่ (ฺฺBone,Muscle and Nerve Regeneration and Bone Transplantation Experiments)
"โลกจะชดเชยให้กับผู้ถูกผ่าตัดในลักษณะนั้นได้อย่างไร? โลกมีความยุติธรรมใดที่จะประสาทให้แก่ผู้ที่กรีดมีดผ่าตัดเรื่องนั้น"
-นักโทษ พญ.โซเฟีย แม็กซกา
ปลายปี 1942 ถึงปี 1943
เป็นการทดลองที่โหดร้ายที่มากครับโดยการตัดเอาแขนขาไปเย็บติดกับอีกคนเพื่อปลูกถ่ายและยังมีการทุบกระดูกให้แตก การปลูกกระดูก และการเข้าเฝือกต่อกระดูกครับ
5.การทดลองแก๊สมัสตาร์ด (LOST (Mustard) Gas Experiments)
"ความจำเป็นขัั้นพื้นฐานที่จักต้องทดลองต่อมนุษย์...ทุกชาติรับรู้และเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นความจำเป็นทางการทหาร"
-นพ.คาร์ล ฐรานด์ต หัวหน้าหมอนาซี
กันยายน 1939 ถึงเมษายน 1945 มีการทำการทดลองในหลายๆค่ายกักกันเช่นในค่ายกักกันนาต์ชไวล์เลอร์มีการทดลองโดยใช้เหยื่อ 220 คนครับ แล้วหยดของเหลวบนท่อนแขนราว 10 เซนติเมตร เหยื่อตายใน 5-6 วัน เหยื่อตายไป 50 จาก 220 และยังมีการทดสอบโดยให้เหยื่อดมแก๊สพบว่าทางเดินอากาศของเหยื่อถูกทำลายมีแบบการฉีดเข้าตัวเหยื่อพบว่าเหยื่อตายทั่งหมดจากการทดลองครับ
6.การทดลองซัลฟานิลาไมด์ (Sulfanilamide Experiments)
"ความตายถือเป็นชัยชนะ พวกแกจะต้องออกแรงใช้เลือดเนื้อแลกมาแกไม่มีทางหนีพ้นจากค่ายกักกันไปได้"
-ผู้คุมนักโทษบินซ์ ค่ายกักกันราเวนส์บรุค
นักโทษจะโดนกรีดกล้ามเนื้อยาว 10 เซนติเมตร แล้วเติมขี้เลื่อยผสมแบคทีเรียลงไปทำให้เกิดแผลติดเชื้อและเน่าโดยมีเหยื่อ 74 คน ตาย 5 คน ถูกยิงทิ้ง 6 คนครับ
7.การทดลองน้ำเค็ม (Sea-water Experiments)
"คนยิวและคนยิปซี ไม่อาจเป็นราษฎรได้"
-กฏหมายสัญชาติอาณาจักรไรช์ วันที่ 15 กันยายน 1935
เริ่มกรกฎาคมจนถึงกันยายน 1944 เหยื่อการทดลองมี 44 คน โดยงดอาหารนาน 5-9 วัน และจะแบ่งกลุ่มเหยื่อออกเป็น 4 กลุ่มครับ
1.ไม่ได้รับน้ำเลย
2.ดื่มน้ำทะเลธรรมดา
3.ดื่มน้ำทะเลปรุงตามวิธีของเบอร์กา
4.ดื่มน้ำทะเลที่มีการสกัดเกลือออก
ผลกลุ่มที่ดื่มน้ำทะเลจะคลุ้มคลุ้มคลั่งเป็นบ้า เห็นภาพหลอนน้ำลายฟูมปากเสียสติหรือไม่ก็ตายไปเลยครับ
8.การทดลองไข้ราก:Xใหญ่ ((Typhus) Spotted Fever (Fleckfieber) Experiments)
"บางรายบ้าคลั่งเสียสติ ตกอยู่ในภาวะหลงเพ้อ ไม่ยอมกินอาหารเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเสียชีวิต"
-นพ.ออยเกน โคกอน
เริ่มธันวาคม 1941 ถึงมีนาคม 1945
ใช้นักโทษ 729 คน นำนักโทษมาชีดวัคซีนและสารเคมีต่างๆที่มีราคาถูกแล้วนำมาทำให้ติดเชื้อครับเป่าหมายเพื่อหายาแก้ไข้ราก:Xใหญ่ที่มีราคาถูกกว่าของเดิมและเพื่อให้เชื้ออยู่ต่อจึงมีการใช้เหยื่อเป็นพาหะเดินได้ครับ มีผู้เสียชีวิต 154 คน พาหะเดินได้ตายทั่งหมดครับ
9.การทดลองยาพิษ (Experiments with Poison)
"ความตายเกิดขึ้นในนาทีที่ 121,123 และ 129 หลังจากกระสุนทะลุร่าง"
-นพ.มรูกอฟสกี
เริ่มปลายปี 1943 ถึงต้นปี 1944 เป็นการทดลองที่ไม่ได้หวังผลอะไรครับแค่อยากรู้ว่าเวลาโดนยาพิษแล้วจะเป็นยังไงนานเท่าไรจึงจะตาย มีการให้เหยื่อ 4 คนกินอาหารผสมสารอัลคาลอยด์ ปฏิกริยาคือ อาเจียน หมดสติ คนนึ่งไม่มีอาการจึงโดนแขวนคอครับ ต่อมามีการทดลองกระสุนอาบยาพิษยิงที่ขายาพิษใช้เวลา 2 ชั่วโมง 9 นาทีในการฆ่าเหยื่อครับ
10.การทดลองระเบิดเพลิง (Incendiary Bomb Experiments)
"เหยื่อการทดลอง 4 คนจากแดน 46 ผู้ที่รอดชีวิตจากการทดลองอื่นถูกป้ายด้วยฟอสฟอรัสเหลวบนท่อนแขน ท่อนแขนมีไฟลุกท่วม"
-นายแพทย์นักโทษ ออยเกน โคกอน
เริ่มวันที่ 19-25 พฤศจิกายน 1943 เพื่อหาทางรักษาแผลที่ได้จากระเบิดเพลิงในสนามรบเหยื่อจะถูกทาด้วยฟอสฟอรัสเหลวที่แขนโดยเหยื่อจะถูกทาด้วยสารต่างๆเพื่อหาสารที่ใช้รักษาแผลจากฟอสฟอรัสตรับ
ผมของยกคำกล่าวของพลเอกเทย์เลอร์มาให้อ่านนะครับ
"จำเลยในคดีนี้ต้องข้อกล่าวหาฆาตกรรม ลงทัณฑ์ทรมาน และความชั่วช้าอื่นๆ โดยแอบอ้างชื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ เหยื่อของอาชญากรรมนี้มีจำนวนหลายหมื่นหลายแสนคน
เหยื่อไร้ชื่อต้องทัณฑ์จบชีวิต สั่งการกวาดต้อนมาทั้งฝูงเหมือนวัวควาย คนยิวร่างกายแข็งแรงสองร้อยคน ยิปซีห้าสิบ คนโปแลนด์ป่วยเป็นวัณโรคห้าร้อย หรือคนรัสเซียหนึ่งพันคน
การพิพากษาลงโทษจำเลย ไม่อาจบำบัดชดเชยบาดแผลความเจ็บปวดที่นาซีกระทำต่อคนโชคร้ายกลุ่มนี้ได้ สำหรับพวกเข้า นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะบันทึกไว้ขัดแจ้งต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้ใครแม้แต่คนเดียวเคลือบแคลงกังขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงนิยายปั้นแต่งขึ้นมา ในศาลแห่งนี้เสียงของมนุษยชาติจะพิสูจน์ประทับตราการกระทำชั่วร้ายและแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องป่าเถื่อนอาชญากรรมชั่วร้าย"
ทุกๆท่านที่มาอ่านกระผมอยากให้ทุกๆท่านช่วยกันจดจำถึงความโหดร้ายของมนุษย์ที่สามารถกระทำการอันโหดร้ายต่อมนุษย์ด้วยกันเองโดยไม่รู้สึกผิด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายอย่างแท้จริงจึงมีความสำคัญนัก มันช่วยให้เรามองย้อนไปเห็นถึงความน่ากลัว และต้องเอ่ยคำสั้นๆที่จารึกไว้ ณ อนุสรณ์สถานแห่งหมู่บ้านโอราดูร์-ซูร์-กลาน ที่ถูกทำลายว่า
ขอจบเพียงเท่านี้
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีการรำลึกถึงเหยื่อผู้ถูกฆ่าสังหารในค่ายกักกันของนาซีและประกอบกับคุณ stad ได้บอกกระผมนาย Azeroth_pon ว่าอยากอ่านเรื่องการทดลองสุดโหดอีกกระผมจึงขอนำเอาการทดลองของนาซีที่กระผมได้อ่านจากหนังสือ "Doctor from Hell" ของวิเวียน ชปิตซ์ มาให้อ่านกันนะครับเพื่อเป็นการรำลึกถึงเหยื่อมากมายที่ถูกฆ่าตายในค่ายกักกันของนาซีนะครับ
หมอคือผู้มีหน้าที่รักษาชีวิทคนตามสัตย์สาบานฮิปโปเครตีส แต่หมอที่เราจะพูดถึงคือหมอที่ได้ผิดคำสาบานฮิปโปเครตีสโดยการนำมนุษย์มาทดลองจนถึงแก่ความตายเหล่าหมอผู้กระทำการอันเลวซามต่ำช้าโดยการลงมือทำสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการทดลองและทำให้ชีวิตมากมายต้องตายโดยอ้างว่าทำเพื่อวิทยาศาสตร์โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและไร้ซึ่งจรรยาบรรณโดยหมอเหล่านี้ไม่ได้ถูกบังคับข่มขู่แต่อย่างใด
สัตย์สาบานฮิปโปเครตีส
"ข้าขอสาบานต่ออะพอลโล เทพแห่งแพทย์ เอสคิวเลเพียส ไฮจีเอีย แพนาซีอา และทวยเทพทั้งมวล ได้โปรดเป็นพยานว่าข้าจะปฏิบัติงานด้วยพลังความสามารถและดุลยพินิจทั้งมวลที่มีให้สมดั่งสัตย์สาบานและสัญญาต่อทวยเทพ
เทิดทูนบูชาผู้สอนสั่งข้าเทียบบิดรมารดา ชีวตนี้พลีเป้นหุ้นส่วนกับท่านนั้น หากท่านขาดแคลนเงินทอง ข้าพร้อมจะแบ่งปันส่วนที่มี และ ถือว่าทายาทของท่านดุจพี่น้องร่วมสายธารโลหิตฝ่ายบุรุษ พร้อมจะสอนสั่งสรรพความรู้หากเขาประสงค์จะได้รับ โดยไม่คิดค่าจ้าง ขอให้สัตย์ต่อทวยเทพ ข้าจะแบ่งปันความรอบรู้ พร่ำสอนชี้แนะวิถีปฏิบัติและความรู้อื่นที่ข้ามีด้วยวาจา เฉพาะต่อบุตรของข้าและบุตรของผู้สอนสั่งและทุกผู้ทุกคนที่ให้สัตย์สาบานนี้และให้สัญญาต่อทวยเทพ มิใช้ผู้อื่นนอกจากนี้
ข้าจะให้การดูแลเชิงโภชนาการต่อผู้ป่วยด้วยพลังความสามารถและดุลยพินิจทั้งมวลที่มี ข้าจะดูแลให้ผู้ป่วยรอดพ้นภยันตรายและความอยุติธรรม
ข้าจะไม่ให้ยาคร่าชีวิตต่อผู้ใด แม้เขาจะร้องขอ และจะไม่ให้คำแนะนำในทำนองนั้น ในทำนองเดียวกัน ข้าจะไม่ให้ยาขับครรภ์ต่อสตรี
ข้าจักครองชีวิตและศิลปวิทยาในทำนองบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
ข้าจักไม่ใช้มีด แม้ต่อผู้เจ็บปวดทรมานจากก้อนหิน แต่จะใช้มีดเพื่อดึงหินจากผู้เจ็บปวดนั้น
บ้านหลังใดที่ข้าไปเยี่ยมเยือน จะทำเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยไข้โดยไม่มีเจตนาจงใจในความ
อยุติธรรม ไร้ความประสงค์ร้ายโดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ทางเพศ ต่อบุรุษหรือสตรี ไม่ว่าผู้ป่วยนั้นจะเป็นเสรีชนหรือทาส
สิ่งใดที่ข้าได้พบเห็นเรื่องราวใดที่ข้าได้ยินในระหว่างการบำบัดรักษาหรือไม่เกี่ยวเนื่องกับการรักษา เรื่องราวชีวิตของมนุษย์ที่ไม่สมควรจะแพร่กระจาย ข้าจะเก็บไว้ในใจตน เก็บซ่อนไว้ประหนึ่งเรื่องน่าอายที่ไม่บังควรกล่าวออกมา
หากข้าปฏิบัติตามสัตย์สาบาน มิได้ละเมิดฝ่าฝืน ขอให้ประสบแต่ชีวิตและศิลปะดีงาม ได้รับเกียรติการยกย่องในหมู่เพื่อนมนุษย์ตราบสิ้นอายุขัย แต่ถ้าข้าตระบัดสัตย์ หรือให้คำสาบานเท็จ ผลในทางตรงกันข้ามจงเกิดต่อชีวิตข้า"
นาซีได้ออกกฏหมายคุ้มครองสัตว์โดนห้ามไม่ให้มีการทารุณสัตว์ทำให้ไม่สามารถใช้สัตว์ทำการทดลองได้แต่ที่ออกมาพร้อมกันคือกฏหมายที่ว่าชาวยิวไม่ใช้มนุษย์ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชาวยิวในการทดลองได้
1.การทดลองบรรยากาศชั้นสูง (High-Altitude Experiments)
"นักโทษสิบคนได้รับการคัดเลือก นำตัวมายังสถานีในฐานะเหยื่อการทดลองถาวร แต่ละคนได้รับคำกล่าวว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อพวกเขา"
-วาลเทอร์ เนฟฟ์ นักโทษในค่ายกักกัน
ทำการทดลองในค่ายกักกันดาเชาราวเดือนมีนาคม 1942 ถึงสิงหาคม 1942 วัตถุประสงค์การทดลองเพื่อจำลองสภาพบรรยากาศชั้นสูงที่นักบินเยอรมันอาจพบเจอการทดลองมี 4 แบบครับคือ
1.การร่อนลงเชื่องช้าโดยไม่มีออกซิเจน
2.การร่องลงเชื่องช้าโดยมีออกซิเจน
3.การตกดิ่งโดยไม่มีออกซิเจน
4.การตกดิ่งโดยมีออกซิเจน
ผลการทดลองที่ระดับความสูงเกิน 10.5 กิโลเมตรจะเสียชีวิต การทดลองที่ระดับความสูง 12 กิโลเมตรโดยไม่ให้ออกซิเจน พบว่าเหยื่อหายใจต่อไปได้ 30 นาที หลังจาก 4 นาที เหงื่อมีเหงื่อท่วมตัวหัวส่ายไปมา หลัง 5 นาที มีอาการตะคริว หลัง 6-10 นาที การหายใจถี่ขึ้น เหยื่อหมดสติ จาก 11-30 นาที การหายใจช้าลงและหยุดลงในที่สุดมีอาการไซยาโนซิสปรากฏให้เห็นน้ำลายฟูมปากผลการผ่าชำแหละศพ พบว่าเยื่อหุ้มหัวใจมีของเหลว 80 cc ไหลออกมา หลอดเลือดสมองมีฟองอากาศ
มีเหยื่อจากการทดลองนี้ถึง 78 คน
2.การทดลองแช่แข็ง (Freezing Experiments)
"ความรู้สึกเชิงเชื้อชาติของข้าฯ หดหู่เจ็บปวดที่ต้องสัมผัสกับเศษมนุษย์ต้อยต่ำเชิงเชื้อชาติในค่ายกักกัน แม่นางขายตัวเชื้อสายสแกนดิเนเวียบริสุทธิ์ผู้ที่น่าจะจัดวางในเส้นที่ชอบที่ควรได้จากการมอบงานที่เหมาะสมให้ทำ"-นพ.ซิกมุนด์ ราเชอร์ หมอนาซีที่ทำการทดลอง
เริ่มเดือนสิงหาคม 1942 ถึงพฤษภาคม 1943 เพื่อจำลองสภาวะที่นักบินเยอรมันถูกยิงตกทะเล หรือทหารเยอรมันที่ไปรบในสมรภูมิทุ่งน้ำแข็งเพื่อหาวิธีให้ความอบอุ่นแก่ทหารเยอรมันครับ
ผลการทดลองพบว่าการให้ความอบอุ่นที่ดีที่สุดคือแช่น้ำร้อนหรือการกอดแบบแนบเนื้อกลับผู้หญิงครับ (ท่ามีเรื่องอย่างว่าด้วยจะยิ่งได้ผลครับ)
คือนำเหยื่อไปแช่ลงในอ่างที่มีอุณหภูมิต่ำมากจนสลบแล้วจึงนำมาให้ความร้อนด้วยวิธีต่างๆแล้วได้ผลมาอย่างที่บอกครับ มีผู้เสียชีวิต 95-108 คนครับ
3.การทดลองมาลาเรีย (Malaria Experiments)
"ในทันทีทันใด หัวของข้าฯ เหมือนถูกกระชากหลุดจากตัว ข้าฯ เป็นบ้าเสียสติ ข้าฯ สูญเสียภาษาพูด ความสามารถในการพูด"-หลวงพ่อ ลีโอ มีชาลอฟสกี หนึ่งในเหยื่อผู้ถูกทดลอง
เดือนกุมภาพันธ์ 1942 ถึงเมษายน 1945
เหยื่อกว่า 1,084 คน ถูกกระทำโดยจงใจแพร่เชื้อมาลาเรียโดยให้นักโทษถือกล่องใส่ยุงครึ่งชั่วโมงหรือฉีดเลือดติดเชื้อเขาร่างกายโดยจะใช้นักโทษ 3-5 คนเป็นแหล่งคงเชื้อต่อเดือนครัับ
มีผู้เสียชีวิตจากมาลาเลีย 30 คน ผู้เสียชีวิตจากผลข้างเคียงของมาลาเลียอีก 300-400 คนครับ
4.การทดลองปลูกกระดูกการเพาะกระดูกกล้ามเนื้อและเส้นประสาทให้เกิดใหม่ (ฺฺBone,Muscle and Nerve Regeneration and Bone Transplantation Experiments)
"โลกจะชดเชยให้กับผู้ถูกผ่าตัดในลักษณะนั้นได้อย่างไร? โลกมีความยุติธรรมใดที่จะประสาทให้แก่ผู้ที่กรีดมีดผ่าตัดเรื่องนั้น"
-นักโทษ พญ.โซเฟีย แม็กซกา
ปลายปี 1942 ถึงปี 1943
เป็นการทดลองที่โหดร้ายที่มากครับโดยการตัดเอาแขนขาไปเย็บติดกับอีกคนเพื่อปลูกถ่ายและยังมีการทุบกระดูกให้แตก การปลูกกระดูก และการเข้าเฝือกต่อกระดูกครับ
5.การทดลองแก๊สมัสตาร์ด (LOST (Mustard) Gas Experiments)
"ความจำเป็นขัั้นพื้นฐานที่จักต้องทดลองต่อมนุษย์...ทุกชาติรับรู้และเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นความจำเป็นทางการทหาร"
-นพ.คาร์ล ฐรานด์ต หัวหน้าหมอนาซี
กันยายน 1939 ถึงเมษายน 1945 มีการทำการทดลองในหลายๆค่ายกักกันเช่นในค่ายกักกันนาต์ชไวล์เลอร์มีการทดลองโดยใช้เหยื่อ 220 คนครับ แล้วหยดของเหลวบนท่อนแขนราว 10 เซนติเมตร เหยื่อตายใน 5-6 วัน เหยื่อตายไป 50 จาก 220 และยังมีการทดสอบโดยให้เหยื่อดมแก๊สพบว่าทางเดินอากาศของเหยื่อถูกทำลายมีแบบการฉีดเข้าตัวเหยื่อพบว่าเหยื่อตายทั่งหมดจากการทดลองครับ
6.การทดลองซัลฟานิลาไมด์ (Sulfanilamide Experiments)
"ความตายถือเป็นชัยชนะ พวกแกจะต้องออกแรงใช้เลือดเนื้อแลกมาแกไม่มีทางหนีพ้นจากค่ายกักกันไปได้"
-ผู้คุมนักโทษบินซ์ ค่ายกักกันราเวนส์บรุค
นักโทษจะโดนกรีดกล้ามเนื้อยาว 10 เซนติเมตร แล้วเติมขี้เลื่อยผสมแบคทีเรียลงไปทำให้เกิดแผลติดเชื้อและเน่าโดยมีเหยื่อ 74 คน ตาย 5 คน ถูกยิงทิ้ง 6 คนครับ
7.การทดลองน้ำเค็ม (Sea-water Experiments)
"คนยิวและคนยิปซี ไม่อาจเป็นราษฎรได้"
-กฏหมายสัญชาติอาณาจักรไรช์ วันที่ 15 กันยายน 1935
เริ่มกรกฎาคมจนถึงกันยายน 1944 เหยื่อการทดลองมี 44 คน โดยงดอาหารนาน 5-9 วัน และจะแบ่งกลุ่มเหยื่อออกเป็น 4 กลุ่มครับ
1.ไม่ได้รับน้ำเลย
2.ดื่มน้ำทะเลธรรมดา
3.ดื่มน้ำทะเลปรุงตามวิธีของเบอร์กา
4.ดื่มน้ำทะเลที่มีการสกัดเกลือออก
ผลกลุ่มที่ดื่มน้ำทะเลจะคลุ้มคลุ้มคลั่งเป็นบ้า เห็นภาพหลอนน้ำลายฟูมปากเสียสติหรือไม่ก็ตายไปเลยครับ
8.การทดลองไข้ราก:Xใหญ่ ((Typhus) Spotted Fever (Fleckfieber) Experiments)
"บางรายบ้าคลั่งเสียสติ ตกอยู่ในภาวะหลงเพ้อ ไม่ยอมกินอาหารเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะเสียชีวิต"
-นพ.ออยเกน โคกอน
เริ่มธันวาคม 1941 ถึงมีนาคม 1945
ใช้นักโทษ 729 คน นำนักโทษมาชีดวัคซีนและสารเคมีต่างๆที่มีราคาถูกแล้วนำมาทำให้ติดเชื้อครับเป่าหมายเพื่อหายาแก้ไข้ราก:Xใหญ่ที่มีราคาถูกกว่าของเดิมและเพื่อให้เชื้ออยู่ต่อจึงมีการใช้เหยื่อเป็นพาหะเดินได้ครับ มีผู้เสียชีวิต 154 คน พาหะเดินได้ตายทั่งหมดครับ
9.การทดลองยาพิษ (Experiments with Poison)
"ความตายเกิดขึ้นในนาทีที่ 121,123 และ 129 หลังจากกระสุนทะลุร่าง"
-นพ.มรูกอฟสกี
เริ่มปลายปี 1943 ถึงต้นปี 1944 เป็นการทดลองที่ไม่ได้หวังผลอะไรครับแค่อยากรู้ว่าเวลาโดนยาพิษแล้วจะเป็นยังไงนานเท่าไรจึงจะตาย มีการให้เหยื่อ 4 คนกินอาหารผสมสารอัลคาลอยด์ ปฏิกริยาคือ อาเจียน หมดสติ คนนึ่งไม่มีอาการจึงโดนแขวนคอครับ ต่อมามีการทดลองกระสุนอาบยาพิษยิงที่ขายาพิษใช้เวลา 2 ชั่วโมง 9 นาทีในการฆ่าเหยื่อครับ
10.การทดลองระเบิดเพลิง (Incendiary Bomb Experiments)
"เหยื่อการทดลอง 4 คนจากแดน 46 ผู้ที่รอดชีวิตจากการทดลองอื่นถูกป้ายด้วยฟอสฟอรัสเหลวบนท่อนแขน ท่อนแขนมีไฟลุกท่วม"
-นายแพทย์นักโทษ ออยเกน โคกอน
เริ่มวันที่ 19-25 พฤศจิกายน 1943 เพื่อหาทางรักษาแผลที่ได้จากระเบิดเพลิงในสนามรบเหยื่อจะถูกทาด้วยฟอสฟอรัสเหลวที่แขนโดยเหยื่อจะถูกทาด้วยสารต่างๆเพื่อหาสารที่ใช้รักษาแผลจากฟอสฟอรัสตรับ
ผมของยกคำกล่าวของพลเอกเทย์เลอร์มาให้อ่านนะครับ
"จำเลยในคดีนี้ต้องข้อกล่าวหาฆาตกรรม ลงทัณฑ์ทรมาน และความชั่วช้าอื่นๆ โดยแอบอ้างชื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ เหยื่อของอาชญากรรมนี้มีจำนวนหลายหมื่นหลายแสนคน
เหยื่อไร้ชื่อต้องทัณฑ์จบชีวิต สั่งการกวาดต้อนมาทั้งฝูงเหมือนวัวควาย คนยิวร่างกายแข็งแรงสองร้อยคน ยิปซีห้าสิบ คนโปแลนด์ป่วยเป็นวัณโรคห้าร้อย หรือคนรัสเซียหนึ่งพันคน
การพิพากษาลงโทษจำเลย ไม่อาจบำบัดชดเชยบาดแผลความเจ็บปวดที่นาซีกระทำต่อคนโชคร้ายกลุ่มนี้ได้ สำหรับพวกเข้า นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะบันทึกไว้ขัดแจ้งต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้ใครแม้แต่คนเดียวเคลือบแคลงกังขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงนิยายปั้นแต่งขึ้นมา ในศาลแห่งนี้เสียงของมนุษยชาติจะพิสูจน์ประทับตราการกระทำชั่วร้ายและแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องป่าเถื่อนอาชญากรรมชั่วร้าย"
ทุกๆท่านที่มาอ่านกระผมอยากให้ทุกๆท่านช่วยกันจดจำถึงความโหดร้ายของมนุษย์ที่สามารถกระทำการอันโหดร้ายต่อมนุษย์ด้วยกันเองโดยไม่รู้สึกผิด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายอย่างแท้จริงจึงมีความสำคัญนัก มันช่วยให้เรามองย้อนไปเห็นถึงความน่ากลัว และต้องเอ่ยคำสั้นๆที่จารึกไว้ ณ อนุสรณ์สถานแห่งหมู่บ้านโอราดูร์-ซูร์-กลาน ที่ถูกทำลายว่า
"จงจดจำ"
ขอขอบคุณวิเวียน ชปิดซ์ ผู้บรรทึกเรื่องราวมาให้พวกเราทุกคนได้อ่านกันนะครับ
ใครอยากอ่านฉบับเต็มมีแปลไทยแล้วนะครับโดยคุณนพดล เวชสวัสดิ์ สำนักพิมพ์มติชน
ขอจบเพียงเท่านี้
การทดลองสุดโหดของนาซี
ปลายนิ้วเคลื่อนขีดเขียน จดจารสารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนต่อไป ไม่ยอมให้ความคิดหรือจริตสำนวนหวนทวนคืนมาขีดฆ่าแม้ครึ่งบรรทัดหรือน้ำตาชะล้างคำใดให้เลือนหาย