แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sonsak เมื่อ 2015-2-14 14:41
“ไม่มีสาขาวิทยาศาสตร์การสืบสวนที่มีความสำคัญแต่ถูกปล่อยปละละเลยมากเท่ากับศิลปะการติดตามรอยเท้า”
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ จากตอนแรงพยาบาท
ออกจะเป็นคำพูดเกินจริงของโฮล์มส์ที่ว่าตำรวจไม่สนใจซึ่งรอยเท้าในที่เกิดเหตุ(สำหรับสมัยนี้) แต่สำหรับสมัยก่อนที่เขาจะมีตัวตน เหล่าตำรวจนั้นก็ไม่ค่อยจะสนใจกับรอยเท้ากันเสียเท่าไร
ทุกท่านคงพอจะได้ยินชื่อเสียงของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ นักสืบชื่อดังผู้นี้มาไม่มากก็น้อยซึ่งเขาก็เป็นต้นกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์หรือการ์ตูนอย่างเช่นโคนัน
ผมอาจจะพูดจนไกลเกินไปนัก (จนหลายท่านอาจจะเบื่อ) เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาลองทำตัวเป็นนักสืบเพื่อศึกษาการวิเคราะห์ของยอดนักสืบกันดูดีมั้ย
เอาล่ะ! ถ้านักสืบทุกท่านพร้อมแล้ว ก็มาศึกษากันเลยดีกว่า
แม้ว่าอาชญากรใดๆก็ตามเมื่อลงมือกระทำอาชญากรรมแม้ว่าเขาจะใส่ถุงมือเพื่อปกปิดรอยนิ้วมือก็ตามแต่สิ่งที่เขาปกปิดไม่ได้นั่นก็คือรอยเท้า(ถ้าเป็นที่ๆพอจะให้รอยเท้าประทับเป็นรอยได้)นั่นก็เพราะว่าเขาบินไม่ได้นั่นเอง (ถ้าบินได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว ฮ่าๆ)รอยเท้ารอยเดียวอาจบ่งบอกได้ถึงส่วนสูง น้ำหนัก เพศหรืออาจบ่งบอกถึงฐานะทางการเงิน(ซึ่งแล้วแต่ความสามารถการสังเกตของแต่ละบุคคล)เรามาสร้างฐานความรู้ในการสังเกตรอยเท้ากันเถอะ
ขั้นแรกการค้นหารอยเท้า
แน่นอนว่าการค้นหารอยเท้านั้นเป็นเรื่องสำคัญ (แน่ล่ะ ถ้าไม่มีรอยเท้าจะเอารอยเท้าที่ไหนวิเคราะห์) โดยเฉพาะในที่ๆดินเปียกชื้นหรือเป็นโคลน จะทำให้เห็นรอยเท้าได้ชัดมากการค้นหานั้นก็ตามหาบริเวณรอบที่เกิดเหตุสถานที่ๆใกล้ที่เกิดเหตุที่เป็นดินอ่อนหรือโคลน
ขั้นที่สองไล่ตามรอยเท้าไป
ในขณะที่รอยเท้ายังสดๆร้อนๆ(ซึ่งคนร้ายไปย่ำไฟมาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้)ผู้ต้องสงสัยอาจยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น เตรียมอาวุธให้พร้อมเพื่อป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินและระวังอย่าไปเหยียบรอยเท้าของผู้ต้องสงสัยเด็ดขาด
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันรอยเท้าจางหายเราต้องเก็บหลักฐานเอาไว้และใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป เราควรจะเก็บทั้งรอยเท้าคนสัตว์หรือกระทั่งรอยรถเอาไว้ (ในตอน หมาผลาญตระ:Xล หมอมอติเมอร์ได้ให้ความสำคัญกับรอยเท้าของสุนัขตัวใหญ่มหึมาซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว)
ขั้นที่สี่ ประกอบเรื่องราวอาชญากรรม
เมื่อเราติดตามดูลักษณะต่างๆของรอยเท้าและการเคลื่อนที่ไปมาของมันแล้วเราย่อมประกอบเหตุอาซญากรรมขึ้นมาได้ว่า เหตุการณ์นั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้างอย่างเช่น มีรอยเท้าใหญ่ๆเดินเข้าจากประตูตรงไปยังโต๊ะ บนโต๊ะมีร่องรอยการถูกค้นจากนั้น รอยเท้าก็ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้ามีรอยโดนรื้อค้นตู้เกือบว่างและมีรอยล้อลากจากตู้ออกไปทางประตู เราอาจวิเคราะห์ได้ว่ามีคนเข้ามารื้อของที่โต๊ะอย่างรีบเร่ง(ดังที่ได้บอกไว้ว่าที่โต๊ะมีร่องรอยถูกรื้อค้น)และคนๆนั้นก็เก็บของในตู้เสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางและลากออกไป(ดังที่ได้บอกไว้ว่ามีรอยล้อลาก)
ในตอนแรงพยาบาทโฮล์มส์ได้อนุมานความสูงของคนร้ายจากรอยเท้าและช่วงก้าว(ซึ่งในภายหลังเมื่อเจอคนร้ายแล้วคนร้ายก็มีส่วนสูงจริงอย่างที่เขาว่าไว้) ดังนั้นแล้วเรามาศึกษาความยาวของรอยเท้าต่อส่วนสูงกันเถอะ
เท้าของเรานั้นจะมีขนาดเท่ากับ15%ของร่างกายฉะนั้นถ้าเรานำขนาดของรอยเท้ามาหารด้วย0.15ก็จะได้ส่วนสูงของผู้ต้องสงสัยแต่ถ้าผู้ต้องสงสัยใส่รองเท้าก็ให้ใช้0.16หาร
สังเกตรูปแบบของรอยเท้าและการสึก
รอยเท้าที่ใหญ่และสึกมากส่วนมากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ(เพราะต้องเดินเกือบทั้งวี่ทั้งวัน)แต่ในทางกลับกันรอยเท้าที่เล็กกว่าและสึกน้อย มักเป็นของผู้ดี(ก็แล้วแต่หลักฐานแวดล้อมอย่างอื่นด้วย
ตรวจสอบความลึกกับความสมบูรณ์ของรอยเท้า
รอยเท้าที่ใหญ่และลึกอาจบ่งบอกถึงคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรือการแบกของหนักและบางครั้งมีลักษณะของรอยเท้าที่เดินย่องซึ่งบางทีอาจจะบ่งบอกถึงกานวิ่งก็ได้
เปรียบเทียบรอยเท้ากับรองเของคนร้าย
ในตอนมงกุฎเพชรมรกต โฮล์มส์ได้ปลอมตัวเป็นคนจอนจัดเที่ยวหาซื้อรองเท้าเก่าในบ้านผู้ดีแล้วใช้รอยรองเท้ามาเทียบเคียงกับรองเท้าจนพบคู่ที่เป็นยี่ห้อเดียวกันและความเก่าความสึกเท่ากันจนได้ตัวคนร้ายในที่สุด
สำหรับนี่ก็เป็นกระทู้แรก ของผมนะครับมีอะไรผิดพลาดไปก็ของอภัยอย่างยิ่งและก็ติชมกันได้ถ้าเขาสนใจเรื่องเชอร์ล็อกโฮล์มส์ก็ลองหาอ่านดูนะครับและแวะมาพูดคุยกับผมได้ขอบคุณครับ
ศาสตร์แห่งการวิเคราะห์รอยเท้า
“ไม่มีสาขาวิทยาศาสตร์การสืบสวนที่มีความสำคัญแต่ถูกปล่อยปละละเลยมากเท่ากับศิลปะการติดตามรอยเท้า”
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ จากตอนแรงพยาบาท
ออกจะเป็นคำพูดเกินจริงของโฮล์มส์ที่ว่าตำรวจไม่สนใจซึ่งรอยเท้าในที่เกิดเหตุ(สำหรับสมัยนี้) แต่สำหรับสมัยก่อนที่เขาจะมีตัวตน เหล่าตำรวจนั้นก็ไม่ค่อยจะสนใจกับรอยเท้ากันเสียเท่าไร
ทุกท่านคงพอจะได้ยินชื่อเสียงของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ นักสืบชื่อดังผู้นี้มาไม่มากก็น้อยซึ่งเขาก็เป็นต้นกำเนิดของหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์หรือการ์ตูนอย่างเช่นโคนัน
ผมอาจจะพูดจนไกลเกินไปนัก (จนหลายท่านอาจจะเบื่อ) เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาลองทำตัวเป็นนักสืบเพื่อศึกษาการวิเคราะห์ของยอดนักสืบกันดูดีมั้ย
เอาล่ะ! ถ้านักสืบทุกท่านพร้อมแล้ว ก็มาศึกษากันเลยดีกว่า
(หน้าตาคล้ายเท้าอยู่นะครับ ไม่รู้ว้าเขาใช้ส่วนไหนในการเดิน)
แม้ว่าอาชญากรใดๆก็ตามเมื่อลงมือกระทำอาชญากรรมแม้ว่าเขาจะใส่ถุงมือเพื่อปกปิดรอยนิ้วมือก็ตามแต่สิ่งที่เขาปกปิดไม่ได้นั่นก็คือรอยเท้า(ถ้าเป็นที่ๆพอจะให้รอยเท้าประทับเป็นรอยได้)นั่นก็เพราะว่าเขาบินไม่ได้นั่นเอง (ถ้าบินได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว ฮ่าๆ)รอยเท้ารอยเดียวอาจบ่งบอกได้ถึงส่วนสูง น้ำหนัก เพศหรืออาจบ่งบอกถึงฐานะทางการเงิน(ซึ่งแล้วแต่ความสามารถการสังเกตของแต่ละบุคคล)เรามาสร้างฐานความรู้ในการสังเกตรอยเท้ากันเถอะ
ขั้นแรกการค้นหารอยเท้า
แน่นอนว่าการค้นหารอยเท้านั้นเป็นเรื่องสำคัญ (แน่ล่ะ ถ้าไม่มีรอยเท้าจะเอารอยเท้าที่ไหนวิเคราะห์) โดยเฉพาะในที่ๆดินเปียกชื้นหรือเป็นโคลน จะทำให้เห็นรอยเท้าได้ชัดมากการค้นหานั้นก็ตามหาบริเวณรอบที่เกิดเหตุสถานที่ๆใกล้ที่เกิดเหตุที่เป็นดินอ่อนหรือโคลน
ขั้นที่สองไล่ตามรอยเท้าไป
ในขณะที่รอยเท้ายังสดๆร้อนๆ(ซึ่งคนร้ายไปย่ำไฟมาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้)ผู้ต้องสงสัยอาจยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น เตรียมอาวุธให้พร้อมเพื่อป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินและระวังอย่าไปเหยียบรอยเท้าของผู้ต้องสงสัยเด็ดขาด
ขั้นที่สาม หล่อพิมพ์หรือถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไว้
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันรอยเท้าจางหายเราต้องเก็บหลักฐานเอาไว้และใช้ในการวิเคราะห์ต่อไป เราควรจะเก็บทั้งรอยเท้าคนสัตว์หรือกระทั่งรอยรถเอาไว้ (ในตอน หมาผลาญตระ:Xล หมอมอติเมอร์ได้ให้ความสำคัญกับรอยเท้าของสุนัขตัวใหญ่มหึมาซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว)
ขั้นที่สี่ ประกอบเรื่องราวอาชญากรรม
เมื่อเราติดตามดูลักษณะต่างๆของรอยเท้าและการเคลื่อนที่ไปมาของมันแล้วเราย่อมประกอบเหตุอาซญากรรมขึ้นมาได้ว่า เหตุการณ์นั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้างอย่างเช่น มีรอยเท้าใหญ่ๆเดินเข้าจากประตูตรงไปยังโต๊ะ บนโต๊ะมีร่องรอยการถูกค้นจากนั้น รอยเท้าก็ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้ามีรอยโดนรื้อค้นตู้เกือบว่างและมีรอยล้อลากจากตู้ออกไปทางประตู เราอาจวิเคราะห์ได้ว่ามีคนเข้ามารื้อของที่โต๊ะอย่างรีบเร่ง(ดังที่ได้บอกไว้ว่าที่โต๊ะมีร่องรอยถูกรื้อค้น)และคนๆนั้นก็เก็บของในตู้เสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางและลากออกไป(ดังที่ได้บอกไว้ว่ามีรอยล้อลาก)
(รอยเท้ายักษ์หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ)
การวัดรอยเท้าในตอนแรงพยาบาทโฮล์มส์ได้อนุมานความสูงของคนร้ายจากรอยเท้าและช่วงก้าว(ซึ่งในภายหลังเมื่อเจอคนร้ายแล้วคนร้ายก็มีส่วนสูงจริงอย่างที่เขาว่าไว้) ดังนั้นแล้วเรามาศึกษาความยาวของรอยเท้าต่อส่วนสูงกันเถอะ
เท้าของเรานั้นจะมีขนาดเท่ากับ15%ของร่างกายฉะนั้นถ้าเรานำขนาดของรอยเท้ามาหารด้วย0.15ก็จะได้ส่วนสูงของผู้ต้องสงสัยแต่ถ้าผู้ต้องสงสัยใส่รองเท้าก็ให้ใช้0.16หาร
รอยเท้าที่ใหญ่และสึกมากส่วนมากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ(เพราะต้องเดินเกือบทั้งวี่ทั้งวัน)แต่ในทางกลับกันรอยเท้าที่เล็กกว่าและสึกน้อย มักเป็นของผู้ดี(ก็แล้วแต่หลักฐานแวดล้อมอย่างอื่นด้วย
รอยเท้าที่ใหญ่และลึกอาจบ่งบอกถึงคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรือการแบกของหนักและบางครั้งมีลักษณะของรอยเท้าที่เดินย่องซึ่งบางทีอาจจะบ่งบอกถึงกานวิ่งก็ได้
เปรียบเทียบรอยเท้ากับรองเของคนร้าย
ในตอนมงกุฎเพชรมรกต โฮล์มส์ได้ปลอมตัวเป็นคนจอนจัดเที่ยวหาซื้อรองเท้าเก่าในบ้านผู้ดีแล้วใช้รอยรองเท้ามาเทียบเคียงกับรองเท้าจนพบคู่ที่เป็นยี่ห้อเดียวกันและความเก่าความสึกเท่ากันจนได้ตัวคนร้ายในที่สุด
เครดิต : สืบแบบเชอร์ล้อก โฮล์มส์
ศาสตร์แห่งการติดตามรอยเท้า