ขออภัยทุกท่านที่หายไปนานนะครับ วันนี้ผมมี 10 อันดับราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกมาให้อ่านกันครับ
อันดับที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ในหลวงของพวกเราชาวไทยทรงอยู่ในอันดับสูงสุดโดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ 35 พันล้านดอลลาร์ครับผมทรัพย์สินส่วนใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ้น ปัจจุบันมีผู้เช่าที่ดินทั่วประเทศมากกว่า 3 หมื่นสัญญา แปลงสำคัญ ๆ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ซีซั่น ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา และที่ดินริมถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนือ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้บริษัทซีบีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ที่ 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสูงกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่ ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ยังได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้านับรวมทั้งหมด หุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ มีอยู่ทั้งหมดคิดเป็น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ ให้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกครับ
อันดับที่ 2 ชีค คาลิฟา บิน ชาเยดอัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี
ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ 23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์ เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
อันดับที่ 3 กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ
กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่ซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์ แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040 หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้
อันดับ 4 สุลต่านแห่งบรูไน
สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี
อันดับ 5 ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม
ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่ และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้ ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย
อันดับ 6 เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์ (บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี) ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่าพระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
อันดับ 7 ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัลธานี่
ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่ มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
อันดับ 8 กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโก
กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต, เกษตรกรรม และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท Morocco's largest public company, ONA.
อันดับ 9 เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก
พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนกิจการ :Xในโมนาโก พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก) โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้ สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
อันดับ 10 สุลต่านกาบุส
มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970 หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ
อันดับที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ในหลวงของพวกเราชาวไทยทรงอยู่ในอันดับสูงสุดโดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ 35 พันล้านดอลลาร์ครับผมทรัพย์สินส่วนใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ้น ปัจจุบันมีผู้เช่าที่ดินทั่วประเทศมากกว่า 3 หมื่นสัญญา แปลงสำคัญ ๆ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ซีซั่น ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา และที่ดินริมถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนือ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้บริษัทซีบีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ที่ 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสูงกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่ ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ยังได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้านับรวมทั้งหมด หุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ มีอยู่ทั้งหมดคิดเป็น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บ ให้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกครับ
อันดับที่ 2 ชีค คาลิฟา บิน ชาเยดอัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี
ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีพระราชทรัพย์ประมาณ 23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของพระองค์ เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบี เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมัน สำรองคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้น อาบูดาบียังมีชื่อเสียง เนื่องมาจากการลงทุน ระดับแนวหน้าโดยบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของนั่นคือ เงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
อันดับที่ 3 กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ
กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่ 21.5 พันล้านเหรียญฯ รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่ซาอุดีอาระเบีย มีสัดส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมัน ทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดี อาระเบียนส์ แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์กันว่า แหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040 หรืออีกใน 32 ปี ข้างหน้านี้
อันดับ 4 สุลต่านแห่งบรูไน
สุลต่านแห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศ ที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของฟอร์บ ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน (ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมัน เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันในประเทศบรูไนลดลง โดยฟอร์บระว่า กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอด ของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี
อันดับ 5 ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม
ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่ และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้ ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้น ในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York และทรง เข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย
อันดับ 6 เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์
เจ้าชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์ (บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี) ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่า ช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการ “ซุกซ่อน” ทรัพย์สิน จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่าพระอนุชาของพระองค์ (เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
อันดับ 7 ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัลธานี่
ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่ มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
อันดับ 8 กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งโมร็อกโก
กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ เนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจของประเทศชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต, เกษตรกรรม และทรงร่วมหุ้นกับบริษัท Morocco's largest public company, ONA.
อันดับ 9 เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก
พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนกิจการ :Xในโมนาโก พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก) โดยการสร้างเขต ปกครองใหม่ในทะเล ซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา โครงการดังกล่าวนี้ สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
อันดับ 10 สุลต่านกาบุส
มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970 หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ สุลต่านกาบุสได้ ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ
10 อันดับราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก
ปลายนิ้วเคลื่อนขีดเขียน จดจารสารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนต่อไป ไม่ยอมให้ความคิดหรือจริตสำนวนหวนทวนคืนมาขีดฆ่าแม้ครึ่งบรรทัดหรือน้ำตาชะล้างคำใดให้เลือนหาย