สวัสดีค่ะทุกคน ไม่ได้อัพไปพักนึงเนอะ
พอดีติดธุระกับตรวจสุขภาพด้วย ก็เลยห่างหายไปนะคะ กี่วันก็จำไม่ได้ 5555555555
สำหรับวันนี้เป็นเรื่อง เทพเจ้า ของญี่ปุ่นนะคะ
ไม่เสียเวลา ไปกันเลย
อะมะสึ มิคะโบะชิ 「あまつーみかぼし」เป็นเทพเจ้าในตำนานของญี่ปุ่น โดยเป็นเทพแห่งดวงดาวและความชั่วร้าย
อะมะสึมิกะโบะชิเป็นเทพที่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโคจิกิ แต่ปรากฏในนิฮงโชะกิและเป็นเทพลึกลับตนหนึ่งในตำนานของญี่ปุ่น มีทฤษฏีว่าเดิมทีนั้นอะมะสึมิกะโบะชิเป็นเทพแห่งดวงดาวที่มีการนับถือแถบจังหวัดอิบะระกิในปัจจุบัน ก่อนจะถูกผนวกเข้าในศาสนาชินโต
นักปราชญ์ฮิระตะ อะสึตะเนะได้ออกความเห็นว่าชื่อของมิกะโบะชินั้น คำว่ามิกะอาจจะมาจากคำว่าอิกะ(ปลาหมึก) และอะมะสึมิกะโบะชิน่าจะหมายถึงดาวศุกร์โดยคำว่าคางาในชื่อ อาเมะโนะคางาเซโอะ หมายถึงเจิดจรัส
มิกะโบะชิเป็นเทพที่ไม่ปรากฏเป็นมนุษย์อย่างเทพอื่นๆ กล่าวว่าอะมะสึมิกะโบะชินั้นเป็นสิ่งไร้รูปร่างซึ่งเดิมทีอยู่อย่างโดดเดี่ยวเมื่อครั้งที่จักรวาลมีแต่ความมืดอันว่างเปล่า จนกระทั่งได้เกิดความปั่นป่วนซึ่งได้เกิดเป็นชีวิตและเวลา ก่อนจะมีเทพเจ้าและมนุษย์ในที่สุด มิกะโบะชินั้นแม้จะแตกสลายไปพร้อมกันนั้น แต่ก็ยังอยู่ในจิตใจของทุกชีวิตและเป็นต้นกำเนิดของความรู้สึกต่างๆ
ในลัทธิชินโตนั้น มิกะโบะชินั้นเป็นแรงผลักดันทางจิตใจซึ่งถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็จะกลายเป็นความคิดชั่วร้าย เช่น ความรักจะกลายเป็นความหึงหวงหรือคลั่งไคล้ ในแง่นี้ มิกะโบะชินับว่าคล้ายกับมารในศาสนาอื่นๆ นอกจากนั้น เหล่าปิศาจและอสูรกายในธรรมชาติ รวมถึงวิญญาณที่ยังติดอยู่ในโลกมนุษย์เพราะความรู้สึก เช่น อาฆาตแค้น นั้นก็เป็นเพราะมิกะโบะชิ
พอดีติดธุระกับตรวจสุขภาพด้วย ก็เลยห่างหายไปนะคะ กี่วันก็จำไม่ได้ 5555555555
สำหรับวันนี้เป็นเรื่อง เทพเจ้า ของญี่ปุ่นนะคะ
ไม่เสียเวลา ไปกันเลย
อะมะสึ มิคะโบะชิ 「あまつーみかぼし」เป็นเทพเจ้าในตำนานของญี่ปุ่น โดยเป็นเทพแห่งดวงดาวและความชั่วร้าย
อะมะสึมิกะโบะชิเป็นเทพที่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโคจิกิ แต่ปรากฏในนิฮงโชะกิและเป็นเทพลึกลับตนหนึ่งในตำนานของญี่ปุ่น มีทฤษฏีว่าเดิมทีนั้นอะมะสึมิกะโบะชิเป็นเทพแห่งดวงดาวที่มีการนับถือแถบจังหวัดอิบะระกิในปัจจุบัน ก่อนจะถูกผนวกเข้าในศาสนาชินโต
นักปราชญ์ฮิระตะ อะสึตะเนะได้ออกความเห็นว่าชื่อของมิกะโบะชินั้น คำว่ามิกะอาจจะมาจากคำว่าอิกะ(ปลาหมึก) และอะมะสึมิกะโบะชิน่าจะหมายถึงดาวศุกร์โดยคำว่าคางาในชื่อ อาเมะโนะคางาเซโอะ หมายถึงเจิดจรัส
มิกะโบะชิเป็นเทพที่ไม่ปรากฏเป็นมนุษย์อย่างเทพอื่นๆ กล่าวว่าอะมะสึมิกะโบะชินั้นเป็นสิ่งไร้รูปร่างซึ่งเดิมทีอยู่อย่างโดดเดี่ยวเมื่อครั้งที่จักรวาลมีแต่ความมืดอันว่างเปล่า จนกระทั่งได้เกิดความปั่นป่วนซึ่งได้เกิดเป็นชีวิตและเวลา ก่อนจะมีเทพเจ้าและมนุษย์ในที่สุด มิกะโบะชินั้นแม้จะแตกสลายไปพร้อมกันนั้น แต่ก็ยังอยู่ในจิตใจของทุกชีวิตและเป็นต้นกำเนิดของความรู้สึกต่างๆ
ในลัทธิชินโตนั้น มิกะโบะชินั้นเป็นแรงผลักดันทางจิตใจซึ่งถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็จะกลายเป็นความคิดชั่วร้าย เช่น ความรักจะกลายเป็นความหึงหวงหรือคลั่งไคล้ ในแง่นี้ มิกะโบะชินับว่าคล้ายกับมารในศาสนาอื่นๆ นอกจากนั้น เหล่าปิศาจและอสูรกายในธรรมชาติ รวมถึงวิญญาณที่ยังติดอยู่ในโลกมนุษย์เพราะความรู้สึก เช่น อาฆาตแค้น นั้นก็เป็นเพราะมิกะโบะชิ
เมื่อไม่กรากฏรูปร่างที่แน่ชัด เราจึงไม่สามารถหารูปมาให้ดูกันได้นะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------
อะมะเตะระซุ 「あまてらす」 เป็นสุริยเทพีตามความเชื่อของศาสนาชินโต
มีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทพีองค์นี้มากมาย ซึ่งเป็นรากฐานของพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ เรื่องที่สำคัญคือการที่สุริยเทพีหลบหนีพระพายซุซะโนะโอะเข้าไปอยู่ในถ้ำ ทำให้โลกต้องพบกับความมืดมิดจนเกิดจลาจล เทวดาทั้งหลายจึงคิดอุบายให้สุริยเทพีปรากฏตัวออกมา แสงสว่างจึงได้ขับไล่ความมืดและความชั่วร้าย เป็นเหตุให้ซูซะโนะโอะถูกกำราบลงได้ นางจึงกลายเป็นเทพที่สำคัญที่สุดของศาสนาชินโต
-------------------------------------------------------------------------------------------------
อิซะนะงิ 「イザナギ」 เทพกำเนิด เจ้าแห่งท้องฟ้า,แสงสว่าง และสรวงสรรค์ มีง้าวเป็นอาวุธ มีภรรยาและน้องสาวคือ อิซะนะมิ ปฐมเทพี เจ้าแห่งโลก,ผืนแผ่นดิน และความมืด มีกระจกทองแดงห้อยคอเป็นของวิเศษประจำตัว ซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้โลกอันมืดมิดสว่างขึ้น แสงสว่างจากกระจกทองแดง ได้สะท้อนกับละอองน้ำในอากาศท่ามกลางหมู่เมฆที่รวมตัวกัน ก่อกำเนิดสะพานสายรุ้ง อามา โน อูกิฮาชิ ซึ่งลอยไปถึงสรวงสรรค์
เมื่ออิซานามิได้เห็นสะพานสายรุ้ง ก็ได้กล่าวขึ้นว่า "อา ช่างเป็นสายรุ้งที่สวยงามอะไรเช่นนี้ เราลองปีนขึ้นไปบนสายรุ้งกันเถิด" แล้วทั้งสองก็ปีนขึ้นไปบนสะพานสายรุ้ง และมองลงไปที่พื้นดิน อิซานามิ ก็กล่าวขึ้นว่า "พื้นดินเป็นทะเลโคลนเช่นนี้ คงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอยู่ได้ และเราก็ไม่สามารถสร้างวังของเราขึ้นที่นี่ได้" ว่าแล้วอิซานางิก็เอาง้าวของเขาจุ่มลงในทะเลโคลนแล้วกวนให้น้ำแยกออกจากดิน ไปวนอยู่รอบๆบริเวณ และดินโคลนทั้งหลายก็รวมตัวอยู่ตรงกลาง เมื่อดึงง้าวขึ้นมา โคลนที่ติดอยู่กับง้าวก็หยดลงมากลายเป็นเกาะโอโนโกโร เป็นเกาะแรกของหมู่เกาะญี่ปุ่น ที่ซึ่งเทพเจ้าและมนุษย์ได้อาศัยกำเนิดขึ้นมา ทั้งคู่ได้สร้างเกาะญี่ปุ่น 40 เกาะและให้กำเนิดเทพ 36 องค์ องค์สุดท้ายคือ คา:Xทซึชิ เทพแห่งไฟ ที่เมื่อคลอดออกมาก็เผาผลาญ อิซานามิจนตาย ไปอยู่นรก และกลายเป็นเทพีผู้ปกครองนรกบาดาล
หลังจาก อิซานามิตาย อิซานางิ ก็เอาแต่โศกเศร้า และเฝ้าคิดถึงภรรยา จึงลงไปหาภรรยาในนรก แต่เมื่อได้พบ อิซานางิ ก็ตกใจกับรูปลักษณ์ของภรรยา ที่เน่าเปื่อย กลายเป็นผีที่น่าเกลียด และแสดงอาการรังเกียจออกมา แต่ก็ได้ร้องขอให้เธอกลับไปครองรักกันเหมือนเดิม แต่ อิซานามิ เห็นอาการของสามีที่รังเกียจตน จึงปฏิเสธไม่ยอมกลับไปด้วย ทั้งสองจึงแยกจากกันชั่วนิรันดร์
หลังจาก อิซานางิ กลับมาจากนรก อิซานางิ รังเกียจภรรยาที่กลายเป็นผี จึงปิดผนึกปากถ้ำที่เป็นทางลงไปสู่นรก
ด้วยความโกรธ ที่สามีของตนรังเกียจตน จึงอธิษฐานให้มนุษย์ ตายวันละ 1,000 คน แต่อิซานางิ ก็อธิษฐานให้ มนุษย์เกิดขึ้นมาวันละ 1,500 คน
หลังจากนั้น อิซานางิ ได้ทำพิธีชำระล้างมลทินเป็นครั้งแรก
เขาล้างตาซ้ายของเขา มีน้ำตาหยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น เทพีแห่งสุริยะ อามาเตราสึ เมื่อเขาล้างตาขวาของเขา น้ำตาร่วงหล่น หยดออกมา หลอมตัวก่อกำเนิดเป็น เทพแห่งจันทรา ทซึกิ-ยูมิเป็นอันดับถัดมา และน้ำมูกจากจมูกของเขา ได้ให้กำเนิดซูซาโนโอะ เทพแห่งวายุ
อิซะนะมิ 「イザナミ」เป็นหนึ่งในความเชื่อเทพเจ้าญี่ปุ่น เป็นน้องสาว และเป็นภรรยาของอิซะนะงิ
หลังจากที่อิซะนะมิ สิ้นชีวิตลงจากการให้กำเนิดเทพอัคคีแล้ว ร่างของนางได้ตกลงไปสู่ โยมะ (แผ่นดินแห่งความมืดมน) ตอนแรกนางยังไม่สามารถทำใจได้ แต่ในที่สุดนางก็ยอมรับในสถานะของตนเอง และสร้างพระราชวังขึ้น ณ ดินแดนโยมะนั้นเอง
อิซะนะงิ ผู้เป็นพี่ชาย และเป็นสามี รู้สึกอาลัยอาวรณ์ อิซะนะมิผู้เป็นภรรยา จึงได้ลงไปตามหาอิซะนะมิในโยมะ เขาได้พบกับอิซะนะมิที่อยู่ในความมืดแห่งดินแดนโยมะ อิซะนะมิขอร้องให้อิซะนะงิลืมตน แล้วกลับไปยังโลกเบื้องบนเสีย อิซะนะงิไม่ยอม จะให้อิซะนะมิกลับไปด้วยกันให้ได้ แต่เมื่ออิซะนะงิได้เห็นสภาพของอิซะนะมิอย่างชัดเจน ร่างกายของอิซะนะมิเริ่มแปรเปลี่ยนสภาพไปเป็นคนที่ตายแล้ว จึงเริ่มเกิดความหวาดกลัว อิซะนะงิรีบหันหลังหนีกลับทันที
เมื่ออิซะนะมิได้เห็นดังนั้น ทำให้รู้ว่าสามีของตนหมดรักตนแล้ว เนื่องจากสภาพร่างกายของอิซะนะมิที่แปรเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้ล่วงสู่ดินแดนโยมะ ทำให้อิซะนะมิโกรธแค้นเป็นอันมาก ได้ติดตามอิซะนะงิไปอย่างรวดเร็วในทันที
อิซะนะงิเมื่อเห็นอิซะนะมิติดตามมาก็เกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น อิซะนะมิได้สั่งให้กองทัพภูตซึ่งอยู่ใต้อาณัตของนางไล่ตามอิซะนะงิไป อิซะนะงิเมื่อเห็นจวนตัวจึงได้นำเมล็ดผลไม้โยนลงบนพื้น เมล็ดผลไม้ก็งอกขึ้นมากลายเป็นต้นไม้ ภูตส่วนหนึ่งหยุดกินลูกไม้ที่งอกขึ้นมา
อิซะนะมิไม่ละควมพยายาม นางให้แม่เฒ่าแห่งโยมะไล่ติดตามอิซะนะงิไปอีก อิซะนะงิได้โยนเมล็ดผลไม้ที่เหลือลงไปบนพื้น ก็งอกขึ้นมาอีก แม่เฒ่าแห่งโยมะจึงได้หยุดกิน เหลือเพียงอิซะนะมิที่ยังติดตามมาจนเกือบถึงทางออกโยมะ อิซะนะงิได้นำเอาหินก้อนใหญ่ปิดทางเข้าออกไว้ อิซะนะมิไม่สามารถติดตามออกมาได้ จึงได้ยืนด่าทออิซะนะงิด้วยความเกรี้ยวกราด และขอตัดพี่ตัดน้อง ตัดความรักความอาวรณ์ต่ออิซะนะงิผู้เป็นพี่ชาย และสามี นอกจากนี้ อิซะนะมิได้ประกาศกร้าวแก่สามีของนางว่า นางจะทำให้คนบนโลกตายลงวันละ 1,000 คนเพื่อเป็นการตอบแทนความแค้นแก่อิซะนะงิ อิซะนะงิก็ประกาศว่า ถ้าอย่างนั้นตนก็จะให้มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาวันละ 1,500 คน เพื่อให้การเกิดตายบนโลกสมดุลกัน
ด้วยเหตุนี้ อิซะนะมิ จึงได้ถูกยกให้มีฐานะเป็นเทพีแห่งการสร้าง และความตาย นอกจากนี้ นางยังนับเป็นราชินีผู้เป็นใหญ่ที่สุดของยมโลกที่มีพลังอำนาจสูงสุด และเป็นมารดาของเหล่าอสูรทั้งมวลของญี่ปุ่นอีกด้วย
-------------------------------------------------------------------------------------------------
Credit : Wikipedia
จบไปแล้วนะคะกับเทพเจ้า3องค์ พาสหน้าก็คงยังเป็นเรื่องเทพเจ้าให้อ่านกันอยู่นะคะ
ขอบคุณผู้อ่านที่ตั้งใจหรือหลงเข้ามาอ่านกันนะคะ(ฮา)
แล้วก็ขอบคุณคนที่ติดตามกันมาตลอดตั้งแต่ ตำนานผีญี่ปุ่น นะคะ ถึงจะเหลือไม่กี่คนแล้วก็เถอะ
แล้วเจอกันค่ะ
ตำนานเทพเจ้า 1
[IMG]